วิธีรักษาหลุมสิว รอยสิว ที่ปลอดภัย เห็นผลลัพธ์จริง

Q&A วิธีรักษาหลุมสิว บอกลาผิวไม่สม่ำเสมอได้อย่างมั่นใจ !

หลุมสิวเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อความมั่นใจ ทำให้ผิวดูขรุขระแต่งหน้าก็ลำบาก การรักษาหลุมสิวจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะสามารถช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาเรียบเนียนและดูสุขภาพดีได้ แต่วิธีรักษาหลุมสิวและรอยสิวที่มีประสิทธิภาพนั้น นอกจากจะต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและไม่เป็นอันตรายแล้ว ยังจะต้องช่วยลดรอยหลุมลึกได้อย่างชัดเจนด้วย

หลุมสิวเกิดขึ้นได้อย่างไร ?

“รอยหลุมสิว” หรือแผลเป็นหลุมจากสิว (Atrophic Acne Scars) เป็นรอยบุ๋มบนผิวที่เกิดขึ้นจากสิวอักเสบรุนแรง ซึ่งรอยหลุมเหล่านี้มักเกิดขึ้นเมื่อผิวไม่สามารถฟื้นฟูได้เต็มที่หลังจากสิวหาย ทำให้เกิดรอยหลุมที่เห็นได้ชัดเจนบนผิวหน้า

สาเหตุของการเกิดรอยหลุมสิว

การเกิดรอยหลุมสิวส่วนใหญ่เกิดจากการทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวระหว่างการเป็นสิว โดยเฉพาะสิวที่มีความรุนแรง เช่น สิวซีสต์หรือสิวอุดตันขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถทำลายโครงสร้างของผิวชั้นลึกได้ค่อนข้างมาก และเมื่อกระบวนการรักษาตามธรรมชาติของร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมได้อย่างสมบูรณ์ ก็จะนำไปสู่การเป็นแผลเป็นที่มีลักษณะบุ๋มลงไปในผิว

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความรุนแรงของรอยหลุมสิว

  • ความรุนแรงของสิว: ผู้ที่มีประวัติการเกิดสิวอักเสบและรุนแรงมักมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดรอยหลุมลึกที่เด่นชัด
  • พันธุกรรม: บางคนมีความเสี่ยงสูงในการเกิดรอยหลุมสิวเนื่องจากพันธุกรรมที่ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น เนื่องจากมีการผลิตคอลลาเจนน้อยไม่เพียงพอต่อการฟื้นฟูของผิว
  • ประเภทผิว: ผู้ที่มีผิวมัน มีโอกาสเป็นสิวสูง ทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดรอยหลุมสิวมากกว่าผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวผสม
  • อายุ: ในวัยรุ่นหรือผู้ที่อายุน้อยมีโอกาสเกิดรอยหลุมได้น้อยกว่าผู้ที่มีอายุมาก เนื่องจากผิวสามารถผลิตคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูตัวเองได้ดีกว่า
  • การแกะสิว: การแกะหรือบีบสิวอย่างรุนแรง จะทำให้เกิดความเสียหายที่มากขึ้นและเพิ่มโอกาสการเกิดแผลเป็นหลุมได้

การเข้าใจถึงสาเหตุและปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดรอยหลุมสิว จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาสิวสามารถดูแลรักษา และระมัดระวังตนเองได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันการเกิดหลุมบนใบหน้าที่มีสาเหตุมาจากการเป็นสิว แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาอยู่แล้ว Privato Clinic มีวิธีรักษาหลุมสิว รอยสิว และเทคนิคการเลือกคลินิกรักษาสิว เพื่อพิจารณาว่าจะเลือกที่ไหนดีมาฝาก

วิธีการรักษาหลุมสิวมีอะไรบ้าง ?

ปัจจุบันมีทางเลือกวิธีรักษาหลุมสิวที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพมากมายหลายวิธี ซึ่งจะใช้นวัตกรรมความงามที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

1. การรักษาด้วยเลเซอร์

  • eMatrix เทคโนโลยีเลเซอร์หลุมสิว ใช้ปรับสภาพผิวเพื่อรักษารอยแผลเป็น แผลเป็นแบบหลุม หลุมสิว ริ้วรอย รูขุมขนกว้างโดยการใช้พลังงาน Fractional RF มาตรฐาน U.S. FDA ที่เป็นการส่งคลื่นพลังงานวิทยุในรูปแบบพีระมิดลงสู่ผิวหนัง จากนั้นพลังงานจะเดินทางผ่านผิวหนังชั้นบนลงสู่ผิวหนังชั้นล่างเป็นวงกว้าง ทำให้เกิดการรักษาหลุมสิวลงลึกแบบครอบคลุมพื้นที่การรักษา
  • Pico Laser นวัตกรรมใหม่อย่าง Enlighten SR จากบริษัท CUTERA ของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นการรักษาด้วยการปล่อยแสงเลเซอร์ในระยะเวลา (pulse duration) 750 พิโควินาที (picosecond) ประกอบกับเทคโนโลยีเลนส์พิเศษ MLA ที่ช่วยปรับความเรียบเนียนของผิว ลดเลือนริ้วรอย พร้อมกระตุ้นการจัดเรียงตัวของคอลลาเจน รักษาหลุมสิว และแผลเป็นได้

2. การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peels)

วิธีรักษาหลุมสิวและรอยสิวด้วยสารผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) และกรดไตรคลอโรอะซิติก (TCA) ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน ลดความลึกของหลุมสิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวเกิดใหม่แข็งแรง

3. การรักษาด้วยเข็มแบบ Microneedling

วิธีการรักษาหลุมสิวแบบ Microneedling เป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยใช้เข็มขนาดเล็กเพื่อสร้างบาดแผลเล็ก ๆ ในผิวหนัง เพื่อช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมและสร้างคอลลาเจน รวมถึงอีลาสตินใหม่ ปัจจุบันการรักษาด้วยวิธีนี้กำลังได้รับความนิยม เพราะสามารถช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับการรักษาด้วยวิธีนี้ “เครื่อง Potenza” ซึ่งเป็นนวัตกรรมเลเซอร์เข็มทองคำจากประเทศสหรัฐอเมริกา คือโปรแกรมแนะนำสำหรับปรับสมดุลคุณภาพผิว ที่มีคุณสมบัติกระตุ้นคอลลาเจน สร้างความกระชับและอิ่มฟู ช่วยเกลี่ยผิว ทำให้หลุมสิวดูตื้นและเรียบเนียนขึ้น พร้อมจัดการกับปัญหาริ้วรอย ร่องลึก และความหย่อนคล้อย สร้างกรอบหน้าให้คมชัดได้อย่างมั่นใจ

4. การฉีดสารเติมเต็ม (Dermal Fillers)

สารเติมเต็มอย่าง “ไฮยาลูรอนิก แอซิด” สามารถใช้เติมเต็มรอยหลุมสิวชั่วคราวเพื่อให้ผิวดูสม่ำเสมอขึ้น แม้ผลลัพธ์จะเป็นแบบชั่วคราว แต่ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว

4 ปัจจัยพิจารณาเลือกคลินิกรักษาหลุมสิวที่ไหนดี ให้ได้ผลจริง

4 วิธีรักษาหลุมสิว รอยสิว ด้วยหัตถการที่ปลอดภัย

  • ชื่อเสียงของคลินิก: เลือกคลินิกที่มีประวัติการรักษาหลุมสิวที่ดี มีรีวิวที่น่าเชื่อถือจากผู้เข้าใช้บริการ และได้รับการยอมรับในวงการแพทย์
  • ความเชี่ยวชาญของแพทย์: แพทย์ควรมีประสบการณ์และความรู้ในด้านการรักษาหลุมสิวโดยเฉพาะ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
  • เทคโนโลยีและอุปกรณ์: คลินิกควรใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย มีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่าง USFDA เป็นต้น
  • รีวิวจากผู้รับบริการ: ดูภาพก่อนและหลังการรักษา และรีวิวจากผู้ใช้บริการท่านอื่นเพื่อให้มั่นใจในผลลัพธ์และความพึงพอใจ

การเตรียมตัวก่อนการรักษาหลุมสิว

ก่อนเริ่มการรักษาหลุมสิว ควรเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น อย่างรอยแผลเป็น ความระคายเคืองต่าง ๆ โดยมีข้อปฏิบัติที่ควรทำ ดังนี้

  • นัดปรึกษาแพทย์: พูดคุยกับแพทย์เพื่อวิเคราะห์สภาพผิวและวางแผน และหาวิธีรักษาหลุมสิวที่เหมาะสมตามความต้องการ
  • การเตรียมผิว: ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวตามคำแนะนำ หลีกเลี่ยงการใช้สารที่อาจทำให้ผิวระคายเคืองก่อนการรักษา
  • หลีกเลี่ยงยาบางชนิด: หยุดใช้ยาที่อาจกระทบต่อการรักษา เช่น เรตินอยด์ ยาต้านการอักเสบ และยาที่ทำให้เลือดแข็งช้า ตามคำแนะนำของแพทย์

การดูแลหลังการรักษาและการฟื้นฟู

  • การดูแลผิวโดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและมอยส์เจอไรเซอร์ที่อ่อนโยน และทายาตามที่แพทย์แนะนำอย่างสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรงในระหว่างการฟื้นฟู เพื่อป้องกันการเกิดจุดด่างดำ
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระทบผิว เช่น งดการออกกำลังกายหนัก การเข้าซาวน่า และการทำให้ผิวเหงื่อออกมากจนเกินไป
  • พบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษา และพิจารณาการรักษาเพิ่มเติมตามความเหมาะสม

การรักษาหลุมสิวต้องใช้เวลาและความอดทน แต่ด้วยแผนการรักษาที่เหมาะสมและการดูแลอย่างใส่ใจ ผิวของคุณจะสามารถฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพจนเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

จำเป็นต้องเข้ารับวิธีรักษาหลุมสิวอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ?

แม้ว่าการรักษาหลุมสิวจะช่วยปรับปรุงสภาพผิวได้ดี แต่การรักษาต่อเนื่องก็มีความสำคัญเพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน โดยความถี่ของการรักษาจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและเทคนิคที่ใช้รักษาของแต่ละบุคคล โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์จะประเมินและออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ

ความถี่ในการรักษาที่แนะนำ

  • เลเซอร์หลุมสิว: โดยทั่วไปจะทำ 3-6 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างประมาณ 4-8 สัปดาห์ระหว่างการรักษาแต่ละครั้ง
  • ผลัดเซลล์ผิวด้วย Chemical Peels: มักทำเป็นคอร์ส 3-6 ครั้ง เว้นช่วงระหว่างการทำ 2-4 สัปดาห์
  • รักษาด้วยเข็มแบบ Microneedling: ทำ 3-6 ครั้ง โดยเว้นระยะ 4-6 สัปดาห์ระหว่างครั้ง
  • สารเติมเต็มผิว (Dermal Fillers): ให้ผลลัพธ์ชั่วคราว ต้องทำการฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์

อย่างไรก็ตาม จำนวนการรักษาอาจไม่ตายตัว โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้พิจารณาสภาพผิวของแต่ละคน เพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม เพื่อระบุจำนวนครั้งและความถี่ของการรักษาให้ได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุด

บอกลาปัญหาหลุมสิวอย่างถูกวิธี ด้วยหัตถการที่ปลอดภัย หากไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นรักษาหลุมสิวหรือทำเลเซอร์หลุมสิวที่ไหนดี Privato Clinic คือคำตอบ ! เพราะเรามีโปรแกรมดูแลผิวและฉีดสิวราคาพิเศษ รวมถึงคอร์สรักษาหลุมสิวด้วยหัตถการต่าง ๆ ในราคาเป็นมิตร เพื่อบอกลาทุกความกังวล ช่วยจบปัญหาสิวทุกชนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้ารับบริการได้ที่ Privato Clinic ทั้ง 3 สาขาในกรุงเทพฯ

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้ารับบริการได้เลย

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. Treatment for Atrophic Scars. สืบค้นวันที่ 29 ตุลาคม 2567 จาก https://www.healthline.com/health/atrophic-scar

Author

  • นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน

    แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและเลเซอร์ที่มีประสบการณ์ด้านการรักษามากกว่า 15 ปี จบการศึกษาจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ผ่านการฝึกอบรมด้านนวัตกรรมความงามอย่างครอบคลุม ทั้งนวัตกรรม Anti-Aging, นวัตกรรมเติมเต็มและลดเลือนริ้วรอย, นวัตกรรมยกกระชับ ปรับรูปหน้า และนวัตกรรมด้านเลเซอร์ อีกทั้งเป็นแพทย์ที่ได้รับความไว้วางใจ จาก celebrity และดาราระดับ A list ในการดูแลผิวพรรณ.

    View all posts

Similar Posts