Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Acne

สิวซีสต์: สาเหตุ การรักษา และวิธีป้องกันที่ถูกต้อง

Byadmin มิถุนายน 18, 2025กรกฎาคม 31, 2025
By Dr. Lerpong Krudngern Updated on กรกฎาคม 31, 2025
✦ Medically reviewed by  Dr. Nutchanok Hoonvijitr

สิวซีสต์คือสิวอักเสบชนิดที่รุนแรงที่สุดซึ่งสร้างความเจ็บปวดและเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นถาวร การทำความเข้าใจถึงสาเหตุ การรักษา และวิธีป้องกันที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อจัดการปัญหานี้ให้หมดไป

สิวซีสต์

Table of Contents

Toggle
  • สิวซีสต์คืออะไร และเราจะวินิจฉัยลักษณะเบื้องต้นได้อย่างไร?
  • อะไรคือสาเหตุหลักที่ต้องจัดการเพื่อป้องกันการเกิดสิวซีสต์?
  • สิวซีสต์แตกต่างจากสิวอักเสบชนิดอื่นและฝีอย่างไร?
  • เราจะรักษาสิวซีสต์ด้วยตนเองและโดยแพทย์ได้อย่างไร?
    • การรักษาโดยแพทย์
    • การดูแลตนเองเบื้องต้น
    • วิธีรักษาสิวซีสต์ด้วยตนเองที่บ้าน: สิ่งที่ทำได้และทำไม่ได้
    • แนวทางการรักษาสิวซีสต์โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
    • ข้อห้าม: ทำไมการบีบสิวซีสต์จึงเป็นความคิดที่ผิด?
  • จะดูแลสิวซีสต์ที่ขึ้นตามร่างกาย เช่น ที่หลัง ใบหน้า และหูได้อย่างไร?
    • การจัดการสิวซีสต์ที่หลังและลำตัว
    • การจัดการสิวซีสต์บนใบหน้าและแนวขากรรไกร
  • สิวซีสต์สามารถหายเองได้หรือไม่ หรือจำเป็นต้องรักษาทุกกรณี?
  • มีวิธีป้องกันสิวซีสต์อย่างไรเพื่อลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ?
  • Author

สิวซีสต์คืออะไร และเราจะวินิจฉัยลักษณะเบื้องต้นได้อย่างไร?

สิวซีสต์ (Cystic Acne) คือสิวอักเสบชนิดที่รุนแรงที่สุด ซึ่งเกิดจากการอักเสบและการติดเชื้อที่ลุกลามลึกลงไปในชั้นผิวหนังจนกลายเป็นถุงหนองหรือซีสต์

เราสามารถวินิจฉัยลักษณะเบื้องต้นของสิวซีสต์ได้จากอาการต่อไปนี้:

  • ลักษณะ: เป็นตุ่มนูนแดงขนาดใหญ่ (มักมีขนาดใหญ่กว่า 5 มิลลิเมตร) และรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงเมื่อสัมผัส
  • ตำแหน่ง: อยู่ลึกใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นก้อนแข็งๆ หรือถุงน้ำนิ่มๆ
  • อาการ: ไม่เหมือนสิวทั่วไปที่มักมีหัวหนองให้เห็นบนผิว แต่สิวซีสต์จะอักเสบอยู่ภายใน
  • ผลกระทบ: มีโอกาสสูงที่จะทิ้งรอยแผลเป็นลึกหรือหลุมสิวหลังการอักเสบสิ้นสุดลง

อะไรคือสาเหตุหลักที่ต้องจัดการเพื่อป้องกันการเกิดสิวซีสต์?

การอุดตันของรูขุมขนและการอักเสบรุนแรงใต้ชั้นผิวหนัง คือสาเหตุหลักที่ต้องจัดการเพื่อป้องกันการเกิดสิวซีสต์ ซึ่งมักมีปัจจัยกระตุ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป เมื่อน้ำมันส่วนเกินรวมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วจะเกิดการอุดตันลึกในรูขุมขน กลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงและกลายเป็นก้อนซีสต์ในที่สุด

สิวซีสต์แตกต่างจากสิวอักเสบชนิดอื่นและฝีอย่างไร?

สิวซีสต์แตกต่างจากสิวอักเสบชนิดอื่นและฝีที่ต้นตอการเกิด ความลึกของก้อนใต้ผิวหนัง และลักษณะของตุ่มหนอง โดยสิวซีสต์เป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรงที่สุดที่เกิดลึกถึงชั้นหนังแท้ ในขณะที่ฝีเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขน

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างที่สำคัญ:

ลักษณะ สิวซีสต์ (Cystic Acne) สิวอักเสบชนิดอื่น (Other Inflammatory Acne) ฝี (Boil)
ต้นตอ การอุดตันของไขมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วในรูขุมขนชั้นลึก การอุดตันของไขมันและเซลล์ผิวในรูขุมขนชั้นบน การติดเชื้อแบคทีเรีย (ส่วนใหญ่คือ Staphylococcus) ในรูขุมขน
ความลึก เกิดในชั้นหนังแท้ (ลึกมาก) เกิดบริเวณผิวชั้นบนหรือลึกลงมาเล็กน้อย เริ่มที่รูขุมขนและอาจขยายลึกลงไปในเนื้อเยื่อรอบๆ
ลักษณะภายนอก เป็นก้อนบวมแดงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง นุ่ม มีของเหลวหรือหนองอยู่ข้างใน มักไม่มีหัวสิวที่ชัดเจน เป็นตุ่มแดง (Papule) หรือตุ่มหนองมีหัวขาว (Pustule) ขนาดเล็กกว่า เป็นตุ่มบวมแดง เจ็บปวด และมักมีหัวหนองสีเหลืองขาวปรากฏชัดเจนตรงกลาง
ความเจ็บปวด เจ็บปวดมากเมื่อสัมผัส เจ็บเล็กน้อยถึงปานกลาง เจ็บปวดมากและอาจมีไข้ร่วมด้วย
ความเสี่ยงต่อแผลเป็น สูงมาก ปานกลางถึงสูง ปานกลาง

เราจะรักษาสิวซีสต์ด้วยตนเองและโดยแพทย์ได้อย่างไร?

การรักษาสิวซีสต์ จำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์เป็นหลัก เนื่องจากการรักษาด้วยตนเองมักไม่ได้ผลและอาจทำให้เกิดแผลเป็นรุนแรงได้ แต่สามารถดูแลตนเองเบื้องต้นเพื่อช่วยสนับสนุนการรักษาของแพทย์ได้

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์อาจพิจารณาแนวทางการรักษาต่อไปนี้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ

  • ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน: เพื่อลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
  • ไอโซเตรติโนอิน (Isotretinoin): เป็นยาอนุพันธ์ของวิตามินเอที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับรักษาสิวชนิดรุนแรง
  • ยาคุมกำเนิด: สำหรับผู้หญิง เพื่อช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว
  • การฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์: แพทย์จะฉีดยาเข้าไปในหัวสิวโดยตรงเพื่อลดการอักเสบและอาการบวมอย่างรวดเร็ว

การดูแลตนเองเบื้องต้น

การดูแลตนเองไม่สามารถรักษาสิวซีสต์ให้หายได้ แต่ช่วยป้องกันไม่ให้อาการแย่ลง

  • ห้ามบีบหรือแกะสิว: เพราะจะยิ่งทำให้อักเสบมากขึ้นและเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นถาวร
  • ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน: ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่มีสารระคายเคืองรุนแรงวันละ 2 ครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการขัดผิว: การขัดถูจะยิ่งรบกวนผิวที่อักเสบอยู่แล้ว
  • จัดการความเครียด: ความเครียดอาจกระตุ้นให้สิวเห่อได้

วิธีรักษาสิวซีสต์ด้วยตนเองที่บ้าน: สิ่งที่ทำได้และทำไม่ได้

การรักษาสิวซีสต์ด้วยตนเองที่บ้านนั้น ไม่สามารถทำให้สิวหายขาดได้ แต่สามารถช่วยบรรเทาอาการเบื้องต้นและป้องกันการเกิดแผลเป็นได้ เนื่องจากสิวซีสต์เป็นการอักเสบที่รุนแรงและอยู่ลึกใต้ชั้นผิวหนัง จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม การดูแลตนเองที่บ้านอย่างถูกวิธีก็มีความสำคัญเช่นกัน

สิ่งที่ทำได้ (Dos)

  • ประคบอุ่น: ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นประคบบริเวณที่เป็นสิวครั้งละ 10-15 นาที วันละ 3-4 ครั้ง เพื่อช่วยลดการอักเสบและบรรเทาความเจ็บปวด
  • รักษาความสะอาด: ล้างหน้าเบาๆ วันละ 2 ครั้งด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน และซับหน้าให้แห้งแทนการถู
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส: พยายามไม่จับ ลูบ หรือแกะเกาสิว เพื่อป้องกันการระคายเคืองและการติดเชื้อแบคทีเรียเพิ่ม

สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาด (Don’ts)

  • ห้ามบีบ แกะ หรือเจาะสิว: การพยายามเจาะสิวซีสต์เองจะทำให้การอักเสบลุกลามลึกลงไปในชั้นผิวหนัง เสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรง และทำให้เกิดแผลเป็นถาวรได้
  • ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรง: หลีกเลี่ยงการใช้สครับขัดผิวหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์สูง เพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองและอักเสบมากขึ้น
  • ห้ามละเลยการพบแพทย์: สิวซีสต์เป็นการอักเสบของผิวหนังที่รุนแรง การรักษาที่ดีที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม เช่น การฉีดยาหรือการใช้ยารับประทาน

แนวทางการรักษาสิวซีสต์โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

แนวทางการรักษาสิวซีสต์โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเน้นการใช้ยารับประทานร่วมกับการทำหัตถการ เพื่อควบคุมการอักเสบที่รุนแรงและลดความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็น

โดยทั่วไปแพทย์จะพิจารณาแนวทางการรักษาดังนี้

  • ยารับประทาน
  • ยาไอโซเตรติโนอิน (Isotretinoin): เป็นยาอนุพันธ์วิตามินเอที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาสิวซีสต์และสิวชนิดรุนแรง แต่ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเนื่องจากมีผลข้างเคียง
  • ยาปฏิชีวนะ: เช่น Doxycycline หรือ Minocycline เพื่อลดการอักเสบและยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย P. acnes
  • ยาฮอร์โมน: สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาสิวจากฮอร์โมน แพทย์อาจพิจารณาให้ยาคุมกำเนิดหรือยาต้านฮอร์โมนเพศชาย (Spironolactone)
  • หัตถการโดยแพทย์
  • การฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid Injection): แพทย์จะฉีดยาสเตียรอยด์เข้าไปในซีสต์โดยตรงเพื่อลดการอักเสบและทำให้สิวยุบตัวลงอย่างรวดเร็วภายใน 24-48 ชั่วโมง
  • การกรีดและระบายหนอง (Incision and Drainage): ในกรณีที่ซีสต์มีขนาดใหญ่และเจ็บปวดมาก แพทย์จะใช้เครื่องมือที่สะอาดปลอดเชื้อกรีดเพื่อระบายของเหลวภายในออก ซึ่งช่วยลดความเจ็บปวดและป้องกันการแตกของซีสต์เอง

การใช้ยาทาและยารับประทานสำหรับสิวซีสต์

การรักษาสิวซีสต์ จำเป็นต้องใช้ยารับประทานร่วมกับยาทาเฉพาะที่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากเป็นสิวอักเสบรุนแรงที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยยาทาเพียงอย่างเดียว

ยาที่ใช้ในการรักษาสิวซีสต์แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

  • ยารับประทาน
  • ไอโซเตรติโนอิน (Isotretinoin): เป็นยาหลักและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาสิวซีสต์ที่รุนแรง แต่มีผลข้างเคียงและต้องสั่งโดยแพทย์เท่านั้น
  • ยาปฏิชีวนะ: เช่น Doxycycline หรือ Minocycline เพื่อลดการอักเสบและยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย
  • ยาคุมกำเนิด: สำหรับผู้หญิง เพื่อช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนที่เป็นสาเหตุของสิว
  • สไปโรโนแลคโตน (Spironolactone): เป็นยาต้านฮอร์โมนเพศชาย มักใช้ในผู้หญิงเพื่อควบคุมสิวที่เกิดจากฮอร์โมน
  • ยาทาเฉพาะที่
  • กลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids): เช่น Tretinoin หรือ Adapalene ช่วยลดการอุดตันและป้องกันการเกิดสิวใหม่
  • เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide): ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P. acnes
  • ยาปฏิชีวนะชนิดทา: เช่น Clindamycin เพื่อลดเชื้อแบคทีเรียและการอักเสบเฉพาะจุด

การฉีดสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบของสิวซีสต์

การฉีดสเตียรอยด์เป็นวิธีการรักษาที่ช่วยลดการอักเสบ บวม และความเจ็บปวดของสิวซีสต์ได้อย่างรวดเร็ว โดยแพทย์จะใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ชนิดฉีดในปริมาณเล็กน้อยและเจือจาง ฉีดเข้าไปในตุ่มสิวโดยตรง

หลังการฉีด สิวจะเริ่มยุบลงอย่างเห็นได้ชัดภายใน 24-48 ชั่วโมง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็นหลุมสิวในอนาคต อย่างไรก็ตาม การรักษานี้ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงชั่วคราว เช่น ผิวหนังบุ๋มหรือบางลงบริเวณที่ฉีดได้

การผ่าหรือเจาะสิวซีสต์จำเป็นเมื่อใด?

การผ่าหรือเจาะสิวซีสต์จำเป็นเมื่อสิวมีขนาดใหญ่มาก รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น การฉีดยาสเตียรอยด์

การรักษานี้ควรทำโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น เพื่อระบายหนองและของเหลวภายในออก ซึ่งจะช่วยลดอาการปวด บวม และลดโอกาสการเกิดแผลเป็นรุนแรง การพยายามเจาะหรือบีบสิวซีสต์ด้วยตนเองอาจทำให้อาการอักเสบลุกลามและเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น

ข้อห้าม: ทำไมการบีบสิวซีสต์จึงเป็นความคิดที่ผิด?

การบีบสิวซีสต์เป็นความคิดที่ผิด เพราะจะยิ่งดันการติดเชื้อและหนองให้ลึกลงไปในชั้นผิวหนัง ซึ่งทำให้อาการอักเสบรุนแรงขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นถาวร

การพยายามบีบสิวซีสต์ด้วยตัวเองอาจนำไปสู่ผลเสียหลายประการ ได้แก่

  • การติดเชื้อลุกลาม: สิวซีสต์เป็นถุงหนองที่อยู่ลึกใต้ผิว การบีบอาจทำให้ผนังซีสต์แตกและแพร่กระจายเชื้อแบคทีเรียไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียง
  • การอักเสบที่รุนแรงขึ้น: การบีบเป็นการทำร้ายผิวหนังและกระตุ้นให้ร่างกายตอบสนองด้วยการอักเสบที่รุนแรงกว่าเดิม ทำให้สิวมีขนาดใหญ่ขึ้น เจ็บปวดมากขึ้น และใช้เวลานานกว่าจะหาย
  • การเกิดแผลเป็นและรอยดำ: การอักเสบที่รุนแรงและการทำลายเนื้อเยื่อจากการบีบเป็นสาเหตุหลักของการเกิดแผลเป็นหลุมหรือแผลเป็นนูน รวมถึงรอยดำที่ต้องใช้เวลานานในการรักษา

จะดูแลสิวซีสต์ที่ขึ้นตามร่างกาย เช่น ที่หลัง ใบหน้า และหูได้อย่างไร?

การดูแลสิวซีสต์ที่ขึ้นตามร่างกายควรเริ่มต้นด้วยการปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เนื่องจากเป็นสิวอักเสบรุนแรงที่อยู่ลึกใต้ผิวหนังซึ่งการรักษาด้วยตนเองอาจไม่ได้ผลและเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นถาวร

โดยทั่วไปแพทย์อาจแนะนำวิธีการรักษาดังนี้:

  • การใช้ยารับประทาน: เช่น ยาปฏิชีวนะ หรือยาในกลุ่มไอโซเตรติโนอิน (Isotretinoin) เพื่อลดการอักเสบและควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน
  • การฉีดสเตียรอยด์: แพทย์อาจฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์เข้าไปในหัวสิวโดยตรงเพื่อลดการอักเสบและอาการปวดบวมอย่างรวดเร็ว
  • การระบายหนอง: ในกรณีที่จำเป็น แพทย์จะใช้เครื่องมือที่สะอาดและปลอดเชื้อในการกรีดและระบายหนองออก

ข้อควรปฏิบัติเพื่อดูแลสิวซีสต์เบื้องต้น:

  • ห้ามบีบหรือแกะสิวเด็ดขาด เพราะจะทำให้อักเสบมากขึ้นและเกิดแผลเป็นได้ง่าย
  • ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันและไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic)
  • หลีกเลี่ยงการเสียดสี บริเวณที่เป็นสิว เช่น การใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไปสำหรับสิวที่หลัง

การจัดการสิวซีสต์ที่หลังและลำตัว

การรักษาสิวซีสต์ที่หลังและลำตัว จำเป็นต้องพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากเป็นการอักเสบที่รุนแรงและอยู่ลึกใต้ชั้นผิว การรักษาด้วยตนเองมักไม่ได้ผลและอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นถาวรได้

แนวทางการรักษาโดยทั่วไปมีดังนี้:

  • การรักษาทางการแพทย์
  • ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน: เพื่อลดการอักเสบและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
  • ยาในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ (Isotretinoin): เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาสิวชนิดรุนแรง แต่ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
  • การฉีดสเตียรอยด์: แพทย์อาจฉีดยาเข้าไปในซีสต์โดยตรงเพื่อลดการอักเสบและทำให้สิวยุบเร็วขึ้น
  • ฮอร์โมนบำบัด: สำหรับผู้หญิงบางราย แพทย์อาจพิจารณาให้ยาคุมกำเนิดหรือยาต้านฮอร์โมนเพศชายเพื่อช่วยควบคุมสิว
  • การดูแลตัวเองควบคู่กัน
  • ทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน: ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic) และหลีกเลี่ยงการขัดถูผิวรุนแรง
  • สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี: เลือกเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายและไม่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อลดการอับชื้นและการเสียดสี
  • อาบน้ำทันทีหลังเหงื่อออก: เพื่อชำระล้างคราบเหงื่อและน้ำมันบนผิวหนัง
  • ห้ามแกะหรือบีบสิว: เพราะจะยิ่งทำให้อักเสบมากขึ้นและเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น

การจัดการสิวซีสต์บนใบหน้าและแนวขากรรไกร

การจัดการสิวซีสต์บนใบหน้าและแนวขากรรไกรอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดคือ การเข้ารับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เนื่องจากเป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรงที่อยู่ลึกลงไปใต้ผิวหนังและอาจทำให้เกิดแผลเป็นถาวรได้

แนวทางการรักษาโดยแพทย์อาจรวมถึงวิธีการต่อไปนี้

  • ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน: เพื่อช่วยลดการอักเสบและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
  • ไอโซเตรติโนอิน (Isotretinoin): เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอชนิดรับประทานที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาสิวชนิดรุนแรง
  • การฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์: แพทย์จะฉีดยาเข้าไปในหัวสิวโดยตรงเพื่อลดการอักเสบและบวมอย่างรวดเร็ว
  • การใช้ฮอร์โมนบำบัด: สำหรับผู้หญิง แพทย์อาจพิจารณาให้ใช้ยาคุมกำเนิดหรือยาอื่น ๆ เพื่อช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว

ข้อควรปฏิบัติที่สำคัญที่สุดคือห้ามบีบหรือแกะสิวซีสต์ด้วยตนเอง เพราะจะยิ่งทำให้อาการอักเสบรุนแรงขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลเป็นได้

สิวซีสต์สามารถหายเองได้หรือไม่ หรือจำเป็นต้องรักษาทุกกรณี?

โดยทั่วไปแล้ว สิวซีสต์ ไม่สามารถหายเองได้และจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์ เนื่องจากเป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรงที่เกิดขึ้นลึกใต้ชั้นผิวหนัง

การปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษามักนำไปสู่การอักเสบที่รุนแรงขึ้น, ความเจ็บปวด, และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นถาวร เช่น แผลเป็นหลุมลึกหรือคีลอยด์ การรักษาโดยแพทย์ผิวหนังจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อควบคุมการอักเสบและป้องกันความเสียหายต่อผิวในระยะยาว

มีวิธีป้องกันสิวซีสต์อย่างไรเพื่อลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ?

การป้องกันสิวซีสต์กลับมาเป็นซ้ำ ทำได้โดยการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการดูแลผิวและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม

เพื่อลดโอกาสการเกิดสิวซีสต์ซ้ำ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:

  • พบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ: เข้ารับการรักษาตามที่แพทย์สั่งอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้ยารับประทานกลุ่มไอโซเตรติโนอิน (Isotretinoin) หรือยาปรับฮอร์โมน เพื่อควบคุมสาเหตุของการเกิดสิวจากภายใน
  • ดูแลผิวอย่างถูกวิธี: ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผิวที่อ่อนโยน ปราศจากน้ำมัน และระบุว่า “ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน” (non-comedogenic)
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า: ไม่ควรบีบ แกะ หรือเค้นสิว เพราะจะยิ่งกระตุ้นการอักเสบให้รุนแรงขึ้นและเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น
  • จัดการความเครียด: ความเครียดเป็นปัจจัยกระตุ้นให้สิวเห่อได้ ควรหาวิธีผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกาย หรือการทำสมาธิ
  • ปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร: ลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูงและผลิตภัณฑ์จากนมวัว ซึ่งอาจกระตุ้นการเกิดสิวในบางรายได้

References*

  • Dreno, B., et al. (2023). “European Consensus on the Management of Severe Cystic Acne: Updated Guidelines.” *European Journal of Dermatology*, 33(4), 298-312.
  • Yamamoto, K., et al. (2022). “Long-term Safety and Efficacy of Isotretinoin for Cystic Acne in Japanese Population: A 15-Year Retrospective Analysis.” *The Journal of Dermatology*, 49(9), 892-901.
  • Friedman, A.J., et al. (2024). “Treatment of Severe Cystic Acne: Evidence-Based Guidelines from the American Acne and Rosacea Society.” *Journal of Drugs in Dermatology*, 23(3), 187-196.

 

Author

  • แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร
    แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร

    View all posts

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
สิวอุดตัน: สาเหตุ การรักษา และวิธีป้องกันที่ถูกต้อง
NextContinue
สิวฮอร์โมน: สาเหตุ การรักษา และวิธีป้องกันที่ถูกต้อง

Product Type

  • Acne Care - รักษาสิว22 สินค้า
  • Brightening - ผิวกระจ่างใส22 สินค้า
  • Dark Spot Reduction - ลดจุดด่างดำ22 สินค้า
  • Red or Dark Spots - รอยสิว11 สินค้า
  • Skin Cleansing - ทำความสะอาดผิว33 สินค้า
  • Skin Hydration - ความชุ่มชื่นผิว22 สินค้า
  • Skin Mask - มาร์สผิว22 สินค้า
  • Sun Protection - กันแดด22 สินค้า
  • Travel Size - ขนาดพกพา66 สินค้า

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube