Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Lifting

ทำ Ulthera เจ็บไหม? ผลข้างเคียงและการดูแลตัวเอง

Byadmin สิงหาคม 15, 2025สิงหาคม 15, 2025
By นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน Updated on สิงหาคม 15, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์พนิต อุนรัตน์

Table of Contents

Toggle
  • ระดับความเจ็บของการทำ Ulthera เป็นอย่างไร?
    • ปัจจัยที่ส่งผลต่อระดับความเจ็บของแต่ละบุคคล
    • การใช้ยาชาช่วยลดความเจ็บได้มากน้อยเพียงใด?
  • ทำไมการทำ Ulthera ถึงทำให้รู้สึกเจ็บ?
    • หลักการทำงานของคลื่นเสียงที่ชั้นผิว SMAS
    • ความรู้สึกเจ็บเป็นสัญญาณของประสิทธิภาพหรือไม่?
  • นอกเหนือจากความเจ็บแล้ว การทำ Ulthera มีผลข้างเคียงอะไรอีกบ้าง?
    • อาการบวมหลังทำ Ulthera เป็นเรื่องปกติหรือไม่?
    • ความเสี่ยงและข้อเสียอื่นๆ ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ
  • มีวิธีจัดการกับความเจ็บระหว่างและหลังทำ Ulthera หรือไม่?
    • เทคนิคการเตรียมตัวเพื่อลดความกังวลและความเจ็บ
    • การดูแลตัวเองหลังทำเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ
  • ความเจ็บจากการทำ Ulthera แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร?
    • เปรียบเทียบความเจ็บ: Ulthera vs ร้อยไหม
    • เปรียบเทียบความเจ็บ: Ulthera vs Thermage vs Hifu
  • ควรดูแลตัวเองอย่างไรหลังทำ Ulthera เพื่อลดอาการเจ็บและบวม?
    • ข้อควรปฏิบัติทันทีหลังทำ Ulthera
    • ข้อห้ามสำคัญที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
  • References
  • Author

ระดับความเจ็บของการทำ Ulthera เป็นอย่างไร?

ทำ ulthera แล้วเจ็บไหม?

โดยทั่วไปแล้วการทำ Ulthera จะทำให้รู้สึกเจ็บหรือไม่สบายผิวในระดับที่สังเกตได้แต่สามารถทนได้ โดยผู้ป่วยมักให้คะแนนความเจ็บเฉลี่ยอยู่ที่ 4–5 จาก 10 คะแนน

ความรู้สึกเจ็บมักถูกเปรียบเทียบว่าเหมือนถูกดีดด้วยยางรัด หรือมีเข็มเล็กๆ ทิ่มลึกใต้ผิวหนังพร้อมกับความร้อนที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ความเจ็บจะเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะที่เครื่องปล่อยพลังงานลงสู่ผิวและจะหายไปทันที ระดับความเจ็บจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและบริเวณที่ทำ โดยเฉพาะบริเวณใกล้กระดูก เช่น แนวกรามและหน้าผาก จะรู้สึกเจ็บมากกว่าบริเวณอื่น แต่ด้วยการใช้ยาชาและเทคนิคการจัดการความเจ็บปวดอื่นๆ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงสามารถทนต่อความเจ็บได้

ปัจจัยที่ส่งผลต่อระดับความเจ็บของแต่ละบุคคล

ปัจจัยที่ส่งผลต่อระดับความเจ็บระหว่างทำ Ultherapy ได้แก่ ความอดทนต่อความเจ็บปวดของแต่ละบุคคล บริเวณที่ทำการรักษา และเทคนิคของผู้ทำหัตถการ

ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ประสบการณ์ความเจ็บปวดของแต่ละคนแตกต่างกันไป ดังนี้

  • ความอดทนต่อความเจ็บปวด: แต่ละคนมีความทนทานต่อความเจ็บปวดโดยธรรมชาติไม่เท่ากัน
  • บริเวณที่ทำการรักษา: บริเวณที่ผิวบาง ใกล้กระดูกและเส้นประสาท เช่น แนวกรามและหน้าผาก มักจะรู้สึกเจ็บมากกว่าบริเวณที่มีเนื้อเยอะอย่างแก้ม
  • การตั้งค่าพลังงานและเทคนิค: การใช้พลังงานที่สูงขึ้นหรือการยิงคลื่นเสียงที่ถี่เกินไปสามารถเพิ่มความรู้สึกไม่สบายตัวได้
  • ความชำนาญของผู้ทำหัตถการ: ผู้ที่มีประสบการณ์สามารถลดความเจ็บปวดได้ด้วยเทคนิคที่เหมาะสม เช่น การวางหัวยิงอย่างมั่นคง และการปรับค่าพลังงานในบริเวณที่บอบบาง

การใช้ยาชาช่วยลดความเจ็บได้มากน้อยเพียงใด?

ยาชาเฉพาะที่ช่วยลดความเจ็บปวดได้อย่างมาก โดยทำให้ความรู้สึกบริเวณผิวชั้นบนลดลงและบรรเทาความเจ็บแปลบในตอนแรกได้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก Ultherapy ส่งพลังงานลงไปลึกถึงชั้น SMAS ยาชาจึงไม่สามารถกำจัดความรู้สึกปวดลึกๆ หรือความร้อนได้ทั้งหมด แต่ก็ช่วยให้คนไข้ส่วนใหญ่รู้สึกว่าทนต่อความเจ็บได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับการไม่ใช้ยาชาเลย ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเจ็บมาก

ทำไมการทำ Ulthera ถึงทำให้รู้สึกเจ็บ?

การทำ Ulthera ทำให้รู้สึกเจ็บเนื่องจากพลังงานอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงจะถูกส่งลงไปลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวที่มีเส้นประสาทอยู่มาก

เมื่อพลังงานกระทบกับชั้นผิวเป้าหมาย จะทำให้เกิดความร้อนอย่างรวดเร็วและรุนแรงในบริเวณนั้น ผู้รับการรักษาจึงรู้สึกเหมือนโดนดีดเบาๆ หรือรู้สึกร้อนจี๊ดๆ ลึกใต้ผิวหนังในขณะที่ปล่อยพลังงานแต่ละครั้ง โดยเฉพาะในบริเวณที่ผิวบางและใกล้กระดูก เช่น แนวกรามและหน้าผาก

หลักการทำงานของคลื่นเสียงที่ชั้นผิว SMAS

หลักการทำงานของ Ultherapy คือการใช้คลื่นอัลตราซาวนด์พลังงานสูงแบบเฉพาะเจาะจง (Micro-focused ultrasound) ยิงลงไปที่ชั้นผิว SMAS เพื่อสร้างจุดความร้อนขนาดเล็ก ซึ่งเป็นการทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ควบคุมได้โดยไม่ทำลายผิวชั้นนอก จากนั้นร่างกายจะตอบสนองด้วยกระบวนการซ่อมแซมตัวเอง โดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น ผิวจึงยกกระชับและเต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติ

ความรู้สึกเจ็บเป็นสัญญาณของประสิทธิภาพหรือไม่?

ความรู้สึกเจ็บ ไม่ได้เป็นสัญญาณของประสิทธิภาพในการทำ Ultherapy แต่เป็นเพียงผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นเมื่อพลังงานอัลตราซาวนด์กระทบชั้นผิวที่อุดมด้วยเส้นประสาท

ประสิทธิภาพของการรักษาขึ้นอยู่กับการส่งพลังงานที่เหมาะสมไปยังเนื้อเยื่อเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ไม่ใช่ระดับความเจ็บปวดที่ผู้ป่วยรู้สึก ผู้ป่วยสามารถได้รับผลลัพธ์การยกกระชับที่ดีเยี่ยมแม้จะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ตาม

นอกเหนือจากความเจ็บแล้ว การทำ Ulthera มีผลข้างเคียงอะไรอีกบ้าง?

นอกเหนือจากความเจ็บแล้ว ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดของการทำ Ulthera คืออาการบวมแดง, อาการบวมเล็กน้อย, และอาการระบมเมื่อสัมผัส ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอาการชั่วคราวและจะหายไปเอง

ผลข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่:

  • รอยแดงและอาการบวม: รอยแดงมักจะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง ส่วนอาการบวมเล็กน้อยจะหายไปเองภายใน 1-3 วัน
  • อาการระบมหรือเจ็บเมื่อสัมผัส: โดยทั่วไปจะหายภายใน 2 วัน แต่อาจคงอยู่นาน 1-2 สัปดาห์ โดยเฉพาะบริเวณแนวกระดูก
  • รอยช้ำ: พบได้ไม่บ่อย และหากเกิดขึ้นมักเป็นรอยเล็กน้อยและจะจางหายไปเองใน 1-2 สัปดาห์
  • รอยนูนเป็นแนว: อาจเกิดรอยนูนหรือแนวเส้นบนผิวหนังได้ชั่วคราว ซึ่งโดยทั่วไปจะหายไปภายในหนึ่งสัปดาห์
  • อาการชาหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงชั่วคราว: เป็นผลข้างเคียงที่พบได้น้อยมาก เกิดจากการที่เส้นประสาทบริเวณใกล้เคียงถูกกระทบกระเทือนชั่วคราว และอาการจะหายไปเองภายใน 2-6 สัปดาห์
  • ผลข้างเคียงที่พบได้ยาก: ในกรณีที่พบได้ยากมากและมักเกี่ยวข้องกับเทคนิคการทำที่ไม่เหมาะสม อาจเกิดภาวะไขมันฝ่อ รอยไหม้ หรือแผลเป็นได้

อาการบวมหลังทำ Ulthera เป็นเรื่องปกติหรือไม่?

อาการบวมเล็กน้อยหลังทำ Ulthera เป็นเรื่องปกติและเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป อาการบวมมักไม่รุนแรง อาจรู้สึกว่าผิว “อูม” หรือ “แน่น” ขึ้นในบริเวณที่ทำ และโดยทั่วไปจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน ซึ่งเป็นสัญญาณปกติของการตอบสนองเพื่อการฟื้นฟูของร่างกายต่อพลังงานอัลตราซาวนด์

อาการบวมจะหายไปภายในกี่วัน?

โดยทั่วไปอาการบวมหลังทำ Ultherapy จะหายไปภายใน 1-3 วัน

ตามข้อมูลจากคู่มืออุปกรณ์ Ultherapy อาการบวมน้ำ (edema) มักจะหายไปภายใน 3 ถึง 72 ชั่วโมง ซึ่งผู้เข้ารับการรักษาส่วนใหญ่จะสังเกตเห็นว่าอาการบวมลดลงอย่างเห็นได้ชัดในวันที่สองหรือสามหลังทำ

วิธีลดอาการบวมที่ได้ผลมีอะไรบ้าง?

วิธีลดอาการบวมที่ได้ผลหลังทำ Ultherapy คือ การประคบเย็น การนอนหนุนหมอนให้ศีรษะสูง และการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อน

  • ประคบเย็น: สามารถใช้ถุงน้ำแข็งประคบบริเวณที่บวมครั้งละ 5-10 นาที เพื่อช่วยลดการอักเสบ
  • ยกศีรษะให้สูง: ในคืนแรกหลังทำ ควรนอนหนุนหมอนเสริมเพื่อให้ศีรษะสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยลดอาการบวมบนใบหน้าได้
  • หลีกเลี่ยงความร้อนและกิจกรรมหนัก: ควรงดการออกกำลังกายหนักๆ ซาวน่า หรืออ่างน้ำร้อนเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้อาการบวมแย่ลง

ความเสี่ยงและข้อเสียอื่นๆ ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ

ความเสี่ยงและข้อเสียหลักๆ ของ Ultherapy คือความเจ็บปวดระหว่างทำ และผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อยแต่รุนแรงกว่าปกติ ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากการใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสม โดยความเสี่ยงและข้อเสียอื่นๆ ที่อาจพบได้มีดังนี้

  • ความเจ็บปวดระหว่างทำ: ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่จะรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ หรือร้อนลึกใต้ผิวหนังคล้ายยางดีดหนังในขณะที่เครื่องปล่อยพลังงาน ซึ่งเป็นข้อเสียที่พบได้บ่อยที่สุด
  • ผลข้างเคียงชั่วคราวที่พบได้บ่อย:
  • อาการบวมแดง: มักหายได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมงถึง 2-3 วัน
  • อาการกดเจ็บ: อาจรู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัสบริเวณที่ทำ ซึ่งจะค่อยๆ หายไปใน 2 วัน ถึง 2 สัปดาห์
  • รอยช้ำหรือตุ่มนูน: อาจเกิดรอยช้ำเล็กน้อยหรือตุ่มนูนคล้ายลมพิษ ซึ่งจะหายไปเองใน 1-2 สัปดาห์
  • ความเสี่ยงที่พบได้น้อยแต่รุนแรง:
  • ผลกระทบต่อเส้นประสาท: อาจเกิดอาการชาหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงชั่วคราว ซึ่งพบได้น้อยมากและมักจะหายได้เองภายใน 2-6 สัปดาห์
  • ไขมันบนใบหน้าฝ่อ: เป็นความเสี่ยงที่พบได้ยากมาก เกิดจากการใช้พลังงานที่ผิดพลาด ทำให้ไขมันบางส่วนสลายไป
  • ผิวไหม้หรือแผลเป็น: พบได้น้อยมาก มักเกิดจากความผิดพลาดในการใช้เครื่องมือ เช่น การวางหัวยิงไม่แนบสนิทกับผิว หรือการยิงพลังงานซ้ำจุดเดิมมากเกินไป

มีวิธีจัดการกับความเจ็บระหว่างและหลังทำ Ulthera หรือไม่?

มีหลายวิธีที่ใช้ในการจัดการความเจ็บปวดระหว่างและหลังการทำ Ulthera ซึ่งช่วยให้ผู้รับบริการรู้สึกสบายตัวมากขึ้น

วิธีการจัดการความเจ็บปวด ระหว่าง ทำหัตถการ ได้แก่:

  • การทายาชาเฉพาะที่ เป็นวิธีมาตรฐานที่ช่วยลดความรู้สึกเจ็บที่ผิวหนังชั้นบนได้อย่างมาก
  • การรับประทานยาแก้ปวด เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือพาราเซตามอล (Paracetamol) ก่อนทำหัตถการ
  • การใช้ยาคลายกังวล สำหรับผู้ที่มีความวิตกกังวลสูง เพื่อช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและทนต่อความเจ็บได้ดีขึ้น
  • เทคนิคเบี่ยงเบนความสนใจ เช่น การใช้อุปกรณ์สั่นนวดเบาๆ ที่ผิว หรือการที่ผู้เชี่ยวชาญชวนคุยระหว่างทำ เพื่อลดการจดจ่อกับความเจ็บ
  • การฉีดยาชาเฉพาะจุด (Nerve Block) ในบริเวณที่ไวต่อความรู้สึกเป็นพิเศษ เช่น แนวกราม ซึ่งเป็นวิธีที่พบได้ไม่บ่อยนัก

ส่วนการดูแลเพื่อลดความรู้สึกไม่สบาย หลัง ทำหัตถการ ได้แก่:

  • การประคบเย็น เพื่อช่วยลดอาการบวมหรือรอยแดง
  • การรับประทานยาแก้ปวด หากยังมีอาการปวดหรือระบมอยู่
  • การหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน เช่น การออกกำลังกายหนัก หรือซาวน่า เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้อาการบวมแย่ลง
  • การนอนหนุนหมอนสูง ในคืนแรกเพื่อช่วยลดอาการบวมบนใบหน้า

เทคนิคการเตรียมตัวเพื่อลดความกังวลและความเจ็บ

เทคนิคการเตรียมตัวเพื่อลดความเจ็บและความกังวลก่อนทำ Ultherapy ประกอบด้วยการใช้ยา การทายาชา และเทคนิคเบี่ยงเบนความสนใจ

โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำวิธีการต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้นในระหว่างการทำหัตถการ ดังนี้

  • การใช้ยา: แนะนำให้รับประทานยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ทั่วไป เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือพาราเซตามอล (Acetaminophen) ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนทำ สำหรับผู้ที่มีความกังวลสูง แพทย์อาจพิจารณาให้ยาคลายกังวลหรือยากล่อมประสาทในปริมาณต่ำ
  • การทายาชา: การทายาชาเฉพาะที่เป็นวิธีมาตรฐานที่ช่วยลดความเจ็บปวดบริเวณผิวหนังได้อย่างมาก แม้ว่าจะไม่สามารถกำจัดความรู้สึกเจ็บในชั้นผิวที่ลึกได้ทั้งหมด แต่ก็ทำให้ความเจ็บปวดอยู่ในระดับที่ทนได้
  • เทคนิคเบี่ยงเบนความสนใจ: แพทย์อาจใช้อุปกรณ์สั่นเพื่อรบกวนสัญญาณประสาท หรือใช้เทคนิค “Talk Anesthesia” คือการชวนผู้ป่วยพูดคุยตลอดการทำหัตถการเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความเจ็บปวด
  • การฉีดยาชา (Nerve Blocks): ในกรณีที่ผู้ป่วยทนความเจ็บปวดได้น้อยมาก หรือในบริเวณที่ไวต่อความรู้สึกเป็นพิเศษ แพทย์อาจพิจารณาฉีดยาชาเฉพาะที่เพื่อระงับความรู้สึก

การดูแลตัวเองหลังทำเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ

การดูแลตัวเองหลังทำ Ultherapy เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดและบวมสามารถทำได้โดยการรับประทานยาแก้ปวดและการประคบเย็น นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำอื่นๆ เพื่อช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ดังนี้

  • รับประทานยาแก้ปวด: สามารถรับประทานยาในกลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อช่วยลดอาการปวดหรือเจ็บระบมหลังทำได้
  • ประคบเย็น: หากมีอาการบวมแดงหรือเกิดรอยนูน สามารถใช้การประคบเย็นหรือน้ำแข็งห่อผ้าประคบบริเวณที่ทำครั้งละ 5-10 นาทีเพื่อช่วยลดการอักเสบ
  • หลีกเลี่ยงความร้อนและกิจกรรมหนัก: ควรงดการออกกำลังกายหนัก ซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อนและมีเลือดสูบฉีดมากเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้อาการบวมแย่ลง
  • หนุนหมอนสูง: ในคืนแรกหลังทำ ควรนอนหนุนหมอนให้ศีรษะสูงกว่าปกติเพื่อช่วยลดอาการบวมบนใบหน้า

ความเจ็บจากการทำ Ulthera แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร?

โดยทั่วไปแล้ว Ulthera ถือเป็นหัตถการที่เจ็บกว่า เมื่อเทียบกับเทคโนโลยียกกระชับผิวอื่นๆ เนื่องจากเป็นการส่งพลังงานความร้อนแบบจุดโฟกัสลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่มีเส้นประสาทมาก

ความแตกต่างของความเจ็บเมื่อเทียบกับหัตถการอื่น มีดังนี้

  • เทียบกับการร้อยไหม (Thread Lift): Ulthera จะเจ็บกว่า *ระหว่าง* ทำ แต่หลังทำจะรู้สึกแค่ระบมเล็กน้อย ในขณะที่การร้อยไหมจะเจ็บน้อยกว่าระหว่างทำเพราะใช้ยาชา แต่จะมีความเจ็บปวด บวม และช้ำ *หลัง* ทำมากกว่า
  • เทียบกับ Thermage: Thermage มักจะเจ็บน้อยกว่า โดยให้ความรู้สึกร้อนแผ่เป็นวงกว้างและมีระบบสั่นช่วยลดความเจ็บ ในขณะที่ Ulthera ให้ความรู้สึกเจ็บแปลบๆ หรือจี๊ดๆ ที่ลึกกว่า
  • เทียบกับ HIFU รุ่นอื่น: HIFU รุ่นใหม่ๆ เช่น Ultraformer III มักจะเจ็บน้อยกว่า Ulthera เนื่องจากมีการปรับปรุงเทคโนโลยีการส่งพลังงาน ทำให้ใช้เวลาทำสั้นลงและผู้ป่วยรู้สึกสบายกว่า

เปรียบเทียบความเจ็บ: Ulthera vs ร้อยไหม

Ulthera จะเจ็บกว่าระหว่างทำ ในขณะที่การร้อยไหมจะเจ็บและระบมมากกว่าหลังทำ

ความเจ็บของทั้งสองหัตถการแตกต่างกันที่ช่วงเวลาที่เกิดความเจ็บปวด

  • Ulthera: ความเจ็บเกิดขึ้นระหว่างการยิงพลังงานอัลตราซาวด์ ซึ่งผู้ป่วยจะรู้สึกร้อนหรือเหมือนถูกดีดลึกๆ ใต้ผิวหนัง แต่หลังทำเสร็จจะเหลือเพียงอาการระบมเล็กน้อยเท่านั้น
  • ร้อยไหม (PDO Threads): ระหว่างทำจะไม่ค่อยเจ็บเนื่องจากมีการฉีดยาชาเฉพาะที่เพื่อระงับความรู้สึก แต่อาจรู้สึกถึงแรงกดหรือแรงดึงได้บ้าง อย่างไรก็ตาม หลังทำมักมีอาการเจ็บระบม บวม หรือช้ำตามแนวไหมได้นานหลายวัน

เปรียบเทียบความเจ็บ: Ulthera vs Thermage vs Hifu

โดยทั่วไปแล้ว Ulthera (อัลเทอร่า) มักถูกจัดว่าเจ็บที่สุด รองลงมาคือ Thermage (เทอร์มาจ) และ Hifu (ไฮฟู) รุ่นใหม่ๆ มักจะเจ็บน้อยที่สุด

  • Ulthera: เจ็บที่สุดเพราะใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงยิงเป็นจุดเล็กๆ ที่อุณหภูมิสูง (60-70°C) ลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่มีเส้นประสาทเยอะ ทำให้รู้สึกเจ็บแปลบหรือเหมือนมีหนังสติ๊กดีดลึกๆ
  • Thermage: เจ็บน้อยกว่าเพราะใช้คลื่นวิทยุ (RF) ให้ความร้อนในพื้นที่กว้างกว่าและอุณหภูมิต่ำกว่า (ประมาณ 40-50°C) อีกทั้งยังมีระบบสั่นและปล่อยความเย็นเพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บ ทำให้รู้สึกเหมือนการนวดอุ่นๆ ที่มีความร้อนแทรกเป็นครั้งคราว
  • Hifu รุ่นอื่นๆ: เครื่อง Hifu รุ่นใหม่ๆ เช่น Ultraformer III มักถูกพัฒนาให้เจ็บน้อยลง โดยอาจมีระยะเวลาการปล่อยพลังงานที่สั้นกว่าหรือใช้เวลาทำน้อยกว่า ในขณะที่บางเครื่องอย่าง Sofwave จะเจ็บน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะเน้นการรักษาในชั้นผิวที่ตื้นกว่าและไม่ได้ลงลึกถึงชั้น SMAS ที่ไวต่อความรู้สึกเจ็บ

ควรดูแลตัวเองอย่างไรหลังทำ Ulthera เพื่อลดอาการเจ็บและบวม?

หลังทำ Ulthera เพื่อลดอาการเจ็บและบวม ควรประคบเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนและการออกกำลังกายหนัก และหนุนหมอนให้ศีรษะสูงขึ้นเวลานอน

คำแนะนำในการดูแลตัวเองมีดังนี้:

  • ประคบเย็น ใช้ผ้าห่อน้ำแข็งประคบบริเวณที่ทำนาน 5-10 นาที เพื่อช่วยลดการอักเสบและอาการบวม
  • หลีกเลี่ยงความร้อนและกิจกรรมหนัก งดการออกกำลังกายหนัก ซาวน่า หรือแช่น้ำร้อนเป็นเวลา 24 ชั่วโมงแรก เพราะความร้อนจะกระตุ้นให้บวมมากขึ้น
  • หนุนหมอนสูง ในคืนแรกหลังทำ ควรนอนหนุนหมอนสูงกว่าปกติเพื่อช่วยลดอาการบวมบนใบหน้า
  • ดูแลผิวอย่างอ่อนโยน ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าและมอยส์เจอไรเซอร์ที่อ่อนโยน และงดใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์หรือสารผลัดเซลล์ผิว 2-3 วัน เพื่อไม่ให้ผิวระคายเคือง

ข้อควรปฏิบัติทันทีหลังทำ Ulthera

ข้อควรปฏิบัติทันทีหลังทำ Ulthera คือการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากและการสัมผัสความร้อน รวมถึงการดูแลผิวอย่างอ่อนโยนเพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้ดีที่สุด

คำแนะนำเพิ่มเติมในการดูแลตนเองทันทีหลังการรักษามีดังนี้:

  • ประคบเย็น: หากมีอาการบวมแดงหรือเป็นรอยนูน สามารถประคบเย็นครั้งละ 5-10 นาทีเพื่อลดการอักเสบ
  • หลีกเลี่ยงความร้อนและการออกกำลังกาย: ควรงดกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อนหรือมีเหงื่อออกมาก เช่น การออกกำลังกายหนัก ซาวน่า หรืออบไอน้ำ เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้อาการบวมแย่ลง
  • ดูแลผิวอย่างอ่อนโยน: ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและมอยส์เจอร์ไรเซอร์สูตรอ่อนโยน และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมรุนแรง เช่น เรตินอยด์หรือกรดผลไม้ 2-3 วัน
  • หนุนหมอนสูง: การนอนโดยหนุนหมอนให้ศีรษะสูงขึ้นในคืนแรกจะช่วยลดอาการบวมบนใบหน้าได้
  • ทาครีมกันแดด: ปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงและรักษาผลลัพธ์ของการรักษา

ข้อห้ามสำคัญที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

ข้อห้ามสำคัญหลังทำ Ultherapy คือ การหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนสูง การสัมผัสแสงแดดโดยตรง และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจระคายเคืองผิว ในช่วงแรก

เพื่อให้ผิวได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:

  • งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน: ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนัก การเข้าซาวน่า หรือการแช่น้ำร้อนเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้อาการบวมเพิ่มขึ้น
  • ปกป้องผิวจากแสงแดด: ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้ดีและป้องกันการเกิดปัญหาเม็ดสีผิวผิดปกติ
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง: ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมรุนแรง เช่น เรตินอยด์ หรือสารผลัดเซลล์ผิว เป็นเวลา 2-3 วัน
  • เลื่อนหัตถการอื่น: ควรเว้นระยะการทำเลเซอร์ การลอกผิว หรือหัตถการอื่น ๆ บนใบหน้าออกไปก่อนประมาณ 2-3 สัปดาห์
  • งดสูบบุหรี่: แนะนำให้งดการสูบบุหรี่ เนื่องจากจะขัดขวางกระบวนการสร้างคอลลาเจนและอาจลดทอนประสิทธิภาพของผลลัพธ์ได้

References

Peer-Reviewed Articles & Academic Sources

  1. Marquardt, K. et al. (2025). Microfocused ultrasound with visualization induces remodeling of collagen and elastin within the skin. Journal of Cosmetic Dermatology. Wiley. Available at: https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/

  2. Biskanaki, F. et al. (2025). Complications and risks of high-intensity focused ultrasound (HIFU) in esthetic procedures: A review. Applied Sciences. MDPI. Available at: https://www.mdpi.com/

  3. Contini, M. et al. (2023). A systematic review of the efficacy of microfocused ultrasound for facial skin tightening. International Journal of Environmental Research and Public Health. MDPI. Available at: https://www.mdpi.com/

Manufacturer & Official Guidelines

  • Ulthera, Inc. (2023). Ultherapy System – Instructions for Use (IFU) Rev.D. Available at: https://www.ultherapy.com/

Clinical Practice & Patient Education Sources

  • Visodent NYC. (2024). Ultherapy: Does It Hurt? Pain Management Tips. Available at: https://www.visodentnyc.com/

Author

  • admin
    admin

    View all posts

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
Ulthera กับ Ultraformer: เปรียบเทียบความแตกต่างทั้งหมดที่คุณต้องรู้
NextContinue
Ulthera ทั่วหน้า กี่ช็อต? ตอบทุกข้อสงสัยเรื่องจำนวนช็อตที่เหมาะสม

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube