Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Lifting

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

Byadmin สิงหาคม 29, 2025สิงหาคม 29, 2025
By นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน Updated on สิงหาคม 29, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์พนิต อุนรัตน์

Table of Contents

Toggle
  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร และช่วยแก้ปัญหาใดได้บ้าง?
    • ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดังนี้:
    • ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาร่องลึก
    • ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยลดรอยคล้ำ
    • ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยเติมเต็มริ้วรอย
  • ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นอย่างไร?
    • การประเมินและวางแผนการรักษา
    • การเตรียมผิวก่อนการฉีด
    • เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม และมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
    • ผลข้างเคียงที่พบได้แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้
    • ผลข้างเคียงที่พบบ่อยหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
    • ความเสี่ยงที่รุนแรงแต่พบได้น้อย
    • วิธีรับมือเมื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน
  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?
    • ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาของผลลัพธ์ ได้แก่:
    • ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาของฟิลเลอร์
    • ระยะเวลาโดยเฉลี่ยของฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ
  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไหร่ และต้องใช้กี่ CC?
    • ปริมาณฟิลเลอร์ (CC) ที่แนะนำสำหรับปัญหาแต่ละระดับ
  • ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ต้ายี่ห้อไหน และที่ไหนดี?
    • ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่นิยมใช้
    • เปรียบเทียบฟิลเลอร์ใต้ต้ายี่ห้อชั้นนำ (Restylane, Juvederm, Neuramis)
    • มีหลักเกณฑ์อะไรบ้างในการเลือกคลินิกและแพทย์เพื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?
  • ต้องเตรียมตัวและดูแลตัวเองอย่างไรก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?
    • ข้อควรปฏิบัติก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์
    • ข้อห้ามสำคัญหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
  • References
  • Author

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร และช่วยแก้ปัญหาใดได้บ้าง?

ฉีด fillerใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคือ การเติมสารไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) เพื่อแก้ไขปัญหาร่องลึกและเบ้าตาโหล ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น

ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดังนี้:

  • เติมเต็มร่องลึกใต้ตา: ช่วยให้บริเวณใต้ตาที่ลึกหรือโหลดูตื้นขึ้น ทำให้รอยต่อระหว่างใต้ตากับแก้มดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ
  • ลดรอยคล้ำใต้ตา: การเติมเต็มร่องลึกจะช่วยลดเงาที่ทำให้ใต้ตาดูคล้ำ ส่งผลให้ใต้ตาดูกระจ่างใสขึ้น (วิธีนี้จะได้ผลดีกับรอยคล้ำที่เกิดจากเงา ไม่ใช่จากเม็ดสีหรือเส้นเลือด)
  • ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ: สารไฮยาลูโรนิกจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและพยุงผิวที่บาง ทำให้ริ้วรอยเล็กๆ ใต้ตาดูจางลงและผิวดูเรียบเนียนขึ้น

ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาร่องลึก

ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาร่องลึกโดยการเติมเต็มปริมาตรที่สูญเสียไปบริเวณขอบเบ้าตา การเติมเต็มนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมต่อที่ดูเป็นธรรมชาติระหว่างเปลือกตาล่างและแก้ม ทำให้บริเวณใต้ตาดูโหว่หรือเป็นร่องลึกลดลง นอกจากนี้ การยกตัวของร่องน้ำตาที่ยุบตัวลงยังช่วยลดเงาที่ทำให้ใต้ตาดูคล้ำ ส่งผลให้ใต้ตาดูสว่างขึ้น

ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยลดรอยคล้ำ

ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยลดรอยคล้ำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่รอยคล้ำเกิดจากเงาของร่องลึกใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มปริมาตรที่ขาดหายไปบริเวณร่องน้ำตา ช่วยยกผิวที่ยุบตัวให้ตื้นขึ้น ทำให้เงาที่ทำให้ใต้ตาดูคล้ำลดลงและบริเวณดังกล่าวดูสว่างขึ้น อย่างไรก็ตาม ฟิลเลอร์จะมีประสิทธิภาพน้อยลงหากรอยคล้ำเกิดจากปัญหาเม็ดสี (hyperpigmentation) หรือเส้นเลือดที่มองเห็นได้ชัดเจน

ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยเติมเต็มริ้วรอย

ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยตื้นๆ และร่องลึกใต้ตาได้ โดยกรดไฮยาลูรอนิกในฟิลเลอร์จะช่วยเพิ่มปริมาตรใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวที่บางและมีริ้วรอยตื้นๆ ถูกยืดออกและเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยปรับปรุงเนื้อสัมผัสและความกระชับของผิวโดยรวมในบริเวณนั้นด้วย

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นอย่างไร?

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาประกอบด้วยการปรึกษาและเตรียมผิว การฉีดฟิลเลอร์ และการปั้นจัดทรงหลังฉีด ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียดดังนี้

  1. การปรึกษาและเตรียมการ: แพทย์จะประเมินปัญหาใต้ตา วางแผนการรักษา และให้คำแนะนำ จากนั้นจะทายาชาเฉพาะที่ประมาณ 20-30 นาที และทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะฉีดให้ปราศจากเชื้อ
  2. การฉีดฟิลเลอร์: แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กหรือเข็มปลายทู่ (Cannula) ฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณน้อยๆ เข้าไปในชั้นลึกเหนือกระดูกใต้ตาตามแนวร่องน้ำตา ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาเพียง 5-10 นาที
  3. การปั้นจัดทรง: หลังจากฉีดเสร็จ แพทย์อาจนวดคลึงเบาๆ เพื่อปั้นให้ฟิลเลอร์เรียบเนียนและเข้าที่ ผู้รับบริการจะสามารถเห็นผลลัพธ์ว่าร่องลึกดูตื้นขึ้นได้ทันที

การประเมินและวางแผนการรักษา

การประเมินและวางแผนการรักษาเริ่มต้นจากการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินลักษณะทางกายวิภาคของคนไข้และสร้างแผนการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล

กระบวนการนี้ประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้:

  • การประเมินปัญหา: แพทย์จะประเมินความรุนแรงของร่องน้ำตาและระบุสาเหตุของรอยคล้ำใต้ตา ว่าเกิดจากเงาของความลึกหรือเกิดจากเม็ดสีผิว
  • การซักประวัติ: แพทย์จะตรวจสอบประวัติทางการแพทย์ของคนไข้ รวมถึงประวัติการฉีดฟิลเลอร์หรือภาวะสุขภาพอื่นๆ ที่ผ่านมา
  • การวางแผน: แพทย์จะเลือกชนิดและปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับความต้องการของคนไข้ และอาจพิจารณาแก้ไขปัญหาแก้มส่วนกลางร่วมด้วยเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • การให้ข้อมูลและขอความยินยอม: แพทย์จะอธิบายถึงผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ตามความเป็นจริง (เช่น ฟิลเลอร์อาจไม่สามารถกำจัดรอยคล้ำจากเม็ดสีได้ทั้งหมด) และขอความยินยอมจากคนไข้ก่อนทำการรักษา

การเตรียมผิวก่อนการฉีด

ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรเตรียมผิวโดยการหลีกเลี่ยงยา อาหารเสริม และแอลกอฮอล์ที่ทำให้เลือดออกง่าย รวมถึงหยุดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่รุนแรงบริเวณรอบดวงตา

เพื่อลดความเสี่ยงของอาการช้ำและผลข้างเคียงอื่นๆ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:

  • งดยาและอาหารเสริม: หลีกเลี่ยงยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน และอาหารเสริมที่ทำให้เลือดบางลง เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, แปะก๊วย, กระเทียม และโสม เป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนการรักษา
  • งดแอลกอฮอล์: หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงก่อนการฉีด
  • หยุดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่รุนแรง: งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์หรือกรดต่างๆ บริเวณรอบดวงตา 2-3 วันก่อนการฉีด
  • หลีกเลี่ยงการกำจัดขน: ไม่ควรกำจัดขนด้วยการแว็กซ์หรือถอนบริเวณใกล้เคียงก่อนการรักษา
  • มาด้วยผิวที่สะอาด: ควรมาถึงคลินิกด้วยใบหน้าที่สะอาดและปราศจากเครื่องสำอาง

เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถทำได้โดยใช้เข็มปลายแหลมขนาดเล็ก หรือเข็มปลายทู่ (Cannula) ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้ตามความถนัดและกายวิภาคของผู้ป่วยแต่ละราย

โดยมีรายละเอียดของแต่ละเทคนิคดังนี้

  • การใช้เข็มปลายแหลม (Needle): แพทย์มักใช้เทคนิคการเดินยาเป็นเส้นตรงขณะถอยเข็ม (Retrograde linear threading) ซึ่งช่วยให้วางตำแหน่งฟิลเลอร์ได้อย่างแม่นยำ
  • การใช้เข็มปลายทู่ (Cannula): จะสอดผ่านจุดเปิดผิวเพียงจุดเดียวบริเวณแก้ม เทคนิคนี้ช่วยลดการเกิดรอยช้ำและลดความเสี่ยงที่จะฉีดเข้าหลอดเลือด แต่ความแม่นยำอาจน้อยกว่าการใช้เข็ม

ไม่ว่าจะใช้เทคนิคใด ฟิลเลอร์จะถูกฉีดในชั้นลึกใต้กล้ามเนื้อรอบดวงตาและเหนือกระดูก เพื่อป้องกันการเกิดก้อนหรือเห็นฟิลเลอร์เป็นสีฟ้าอมเทา (Tyndall effect)

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม และมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

โดยทั่วไปแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาถือว่ามีความปลอดภัยสูงและมีอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ำ หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม การรักษานี้มีความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

ผลข้างเคียงที่พบได้แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้

  • ผลข้างเคียงทั่วไปที่พบได้บ่อย: อาการเหล่านี้มักไม่รุนแรงและหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์
  • อาการบวมและรอยช้ำบริเวณที่ฉีด
  • อาการปวดหรือเจ็บบริเวณที่ฉีด
  • ผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อย แต่สามารถแก้ไขได้:
  • การเป็นก้อน (Lumps): เกิดจากการวางฟิลเลอร์ไม่สม่ำเสมอ สามารถแก้ไขได้ด้วยการนวดเบาๆ หรือฉีดสลายฟิลเลอร์
  • ปรากฏการณ์ทินดอลล์ (Tyndall Effect): ผิวใต้ตาเห็นเป็นสีฟ้าอมเทา เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ตื้นเกินไป สามารถแก้ไขได้โดยการฉีดสลายฟิลเลอร์
  • ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงแต่พบได้น้อยมาก:
  • การอุดตันของเส้นเลือด (Vascular Occlusion): เป็นภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงที่สุด เกิดขึ้นเมื่อฟิลเลอร์เข้าสู่เส้นเลือด อาจนำไปสู่ภาวะเนื้อเยื่อขาดเลือดหรือเนื้อตายได้
  • การสูญเสียการมองเห็น: เป็นกรณีที่พบได้ยากอย่างยิ่ง เกิดจากฟิลเลอร์เข้าไปอุดตันในเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา

ความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงจะลดลงอย่างมากเมื่อเลือกทำกับแพทย์ที่มีความรู้ความชำนาญด้านกายวิภาคและใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคืออาการบวม รอยช้ำ และอาการเจ็บบริเวณที่ฉีด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาการเหล่านี้จะไม่รุนแรงและจะหายไปได้เอง

อาการบวมมักจะยุบลงภายใน 2-3 วัน ในขณะที่รอยช้ำจะค่อยๆ จางหายไปในเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ส่วนอาการเจ็บหรือปวดเล็กน้อยก็เป็นเรื่องปกติและจะหายไปในเวลาไม่กี่วันเช่นกัน

อาการบวมและรอยช้ำ

อาการบวมและรอยช้ำเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุดและเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

โดยทั่วไปอาการบวมจะค่อยๆ ยุบลงภายใน 2-3 วัน ส่วนรอยช้ำจะจางหายไปในเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาการเหล่านี้ถือเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกายและสามารถหายได้เอง

อาการเป็นก้อนใต้ผิวหนัง

อาการเป็นก้อนหรือผิวไม่เรียบเนียน เป็นผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อยหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งมักเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่สม่ำเสมอหรือเป็นปฏิกิริยาบวมของร่างกาย

ก้อนส่วนใหญ่มักมองไม่เห็นและสามารถนิ่มลงได้ด้วยการนวดเบาๆ ภายใน 2-3 วัน แต่หากก้อนยังคงอยู่ แพทย์สามารถฉีดสลายด้วยเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (hyaluronidase) เพื่อทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียนได้

อาการเจ็บหรือปวดบริเวณที่ฉีด

เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกเจ็บหรือปวดบริเวณที่ฉีด และถือเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

อาการมักไม่รุนแรงและจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน โดยผู้ป่วยประมาณ 20%–38% จะพบอาการนี้ ซึ่งถือเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกาย

ความเสี่ยงที่รุนแรงแต่พบได้น้อย

ความเสี่ยงที่รุนแรงที่สุดแต่พบได้น้อยมากจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคือ การอุดตันของเส้นเลือดและการสูญเสียการมองเห็น

ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อฟิลเลอร์เข้าไปในหลอดเลือดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งอาจขัดขวางการไหลเวียนของเลือดและนำไปสู่การตายของเนื้อเยื่อผิวหนัง (skin necrosis) ในกรณีที่พบได้ยากยิ่งกว่านั้น หากฟิลเลอร์เข้าสู่เส้นเลือดที่เชื่อมต่อกับจอประสาทตา อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงเหล่านี้พบได้น้อยมากและสามารถจัดการได้ทันทีโดยการฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วยไฮยาลูโรนิเดส (hyaluronidase) โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

วิธีรับมือเมื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน

ก้อนฟิลเลอร์ใต้ตาส่วนใหญ่สามารถแก้ไขได้ด้วยการนวดเบาๆ แต่หากก้อนยังคงอยู่ แพทย์สามารถฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เพื่อสลายฟิลเลอร์และทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

โดยทั่วไปแล้ว ก้อนเล็กๆ ที่เกิดขึ้นหลังการฉีดมักเกิดจากการบวมหรือการวางฟิลเลอร์ที่ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งส่วนใหญ่มองไม่เห็นและจะนิ่มลงได้เองด้วยการนวดเบาๆ ภายในเวลาไม่กี่วัน แต่หากก้อนไม่หายไป การฉีดสลายฟิลเลอร์โดยแพทย์เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

โดยทั่วไปแล้วผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี แต่ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วง 9–18 เดือน

ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาของผลลัพธ์ ได้แก่:

  • ชนิดของฟิลเลอร์: ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแน่นและมีการเชื่อมขวางของโมเลกุลสูงมักจะอยู่ได้นานกว่า
  • การเผาผลาญของร่างกาย: ผู้ที่มีระบบเผาผลาญเร็วหรือออกกำลังกายหนักอาจพบว่าฟิลเลอร์สลายตัวเร็วขึ้น (อาจต้องเติมใน 6–9 เดือน)
  • ไลฟ์สไตล์: การดูแลผิว การป้องกันแสงแดด และการไม่สูบบุหรี่สามารถช่วยยืดอายุผลลัพธ์ได้

เพื่อคงผลลัพธ์ให้ดีที่สุด แพทย์มักแนะนำให้กลับมาเติมฟิลเลอร์เล็กน้อยทุกๆ 12 เดือน

ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาของฟิลเลอร์

ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อระยะเวลาของฟิลเลอร์ใต้ตาคือ ปัจจัยส่วนบุคคล, ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ และไลฟ์สไตล์

ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อระยะเวลาที่ฟิลเลอร์จะคงอยู่ ดังนี้:

  • ปัจจัยส่วนบุคคล: คนที่มีระบบเผาผลาญเร็วหรือออกกำลังกายหนัก ฟิลเลอร์อาจสลายตัวเร็วกว่า ในขณะที่คนที่อายุมากกว่าหรือมีกิจกรรมน้อย ฟิลเลอร์อาจอยู่ได้นานกว่า
  • ชนิดของฟิลเลอร์: ฟิลเลอร์ที่มีความหนาและมีการเชื่อมขวางของโมเลกุลสูง (cross-linked) มักจะอยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์ที่นิ่มและละเอียด
  • บริเวณที่ฉีด: บริเวณใต้ตาซึ่งมีการเคลื่อนไหวน้อยกว่าส่วนอื่น ๆ ของใบหน้า มักจะทำให้ฟิลเลอร์คงอยู่ได้นานกว่า
  • ไลฟ์สไตล์: การดูแลตัวเอง เช่น การไม่สูบบุหรี่และการป้องกันผิวจากแสงแดด สามารถช่วยยืดอายุของฟิลเลอร์ได้

ระยะเวลาโดยเฉลี่ยของฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ

ระยะเวลาโดยเฉลี่ยของฟิลเลอร์ใต้ตาจะแตกต่างกันไปตามยี่ห้อ โดยทั่วไป Restylane จะอยู่ได้นานที่สุด ตามมาด้วย Juvéderm และ Neuramis

  • Restylane: อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน และในบางกรณีอาจนานถึง 15–18 เดือน
  • Juvéderm: อยู่ได้นานประมาณ 9–12 เดือน แต่ในบางรายอาจอยู่ได้นานถึง 1.5 ปี
  • Neuramis: อยู่ได้นานประมาณ 9–12 เดือน

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไหร่ และต้องใช้กี่ CC?

โดยทั่วไป ราคาฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่ที่ประมาณ 19,380–48,450 บาทต่อซีซี และมักใช้ปริมาณรวม 0.5–1 ซีซีสำหรับตาทั้งสองข้าง

สำหรับปริมาณที่ใช้จะขึ้นอยู่กับความลึกของร่องใต้ตา โดยแพทย์จะยึดหลัก “น้อยแต่ได้ผล” เพื่อความเป็นธรรมชาติ

  • ร่องใต้ตาตื้น: อาจใช้เพียง 0.2–0.3 ซีซีต่อข้าง
  • ร่องใต้ตาลึก: อาจต้องใช้ประมาณ 0.5 ซีซีต่อข้าง

ผู้ป่วยส่วนใหญ่ใช้ฟิลเลอร์ทั้งหมดไม่เกิน 1 ซีซี (1 หลอด) สำหรับการรักษาครั้งแรก และแพทย์จะหลีกเลี่ยงการเติมมากเกินไปในครั้งเดียวเพื่อป้องกันปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนหรือบวมผิดปกติ

ปริมาณฟิลเลอร์ (CC) ที่แนะนำสำหรับปัญหาแต่ละระดับ

ปริมาณฟิลเลอร์ที่แนะนำจะแตกต่างกันไปตามความลึกของร่องใต้ตา โดยแพทย์จะใช้หลักการ “น้อยแต่มาก” เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติที่สุด

  • ร่องใต้ตาตื้นเล็กน้อย: อาจใช้ฟิลเลอร์เพียง 0.2–0.3 มล. ต่อข้าง
  • ร่องใต้ตาลึก: อาจต้องใช้ประมาณ 0.5 มล. ต่อข้าง
  • กรณีทั่วไป: ผู้ที่มีการสูญเสียปริมาตรมากส่วนใหญ่มักจะใช้ฟิลเลอร์รวมทั้งหมด 1 ซีซี (1 หลอด) สำหรับทั้งสองข้าง โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าไม่ควรฉีดเกิน 1 มล. ต่อข้างในครั้งเดียว

ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ต้ายี่ห้อไหน และที่ไหนดี?

การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหาของแต่ละบุคคล ส่วนการเลือกสถานพยาบาลควรให้ความสำคัญกับคุณสมบัติของแพทย์และความปลอดภัยเป็นหลัก โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุดให้

ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่นิยมใช้

ยี่ห้อฟิลเลอร์แต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ดังนี้

  • Restylane เป็นยี่ห้อที่นิยมใช้มากที่สุด มีเนื้อเจลแน่น ให้การสนับสนุนโครงสร้างได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องลึก และมีข้อดีคืออุ้มน้ำน้อย ทำให้เกิดอาการบวมได้น้อย
  • Juvéderm มีเนื้อเจลที่นิ่มและเรียบเนียนกว่า เหมาะสำหรับเติมเต็มริ้วรอยเล็กๆ หรือร่องที่ไม่ลึกมาก แต่มีแนวโน้มอุ้มน้ำมากกว่า Restylane จึงอาจทำให้บวมได้ง่ายกว่า
  • Neuramis เป็นฟิลเลอร์จากเกาหลีใต้ที่ได้รับความนิยมในเอเชีย มีความแน่นปานกลางระหว่างสองยี่ห้อแรก ให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนและมีอาการบวมน้อย

เปรียบเทียบฟิลเลอร์ใต้ต้ายี่ห้อชั้นนำ (Restylane, Juvederm, Neuramis)

ฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นนำอย่าง Restylane, Juvederm และ Neuramis แตกต่างกันที่เนื้อสัมผัส การอุ้มน้ำ และระยะเวลาคงผล โดย Restylane มีเนื้อแน่น เหมาะสำหรับร่องลึก, Juvederm มีเนื้อนิ่มเนียน เหมาะสำหรับริ้วรอยเล็กๆ และ Neuramis มีคุณสมบัติอยู่ระหว่างกลางและเป็นที่นิยมในเอเชีย

ตารางเปรียบเทียบฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละยี่ห้อ:

คุณสมบัติ Restylane Juvederm Neuramis
เนื้อสัมผัส เจลเนื้อแน่น มีความคงตัวสูง เหมาะกับการยกพยุงผิว เจลเนื้อนิ่ม เรียบเนียน กระจายตัวได้ดี เนื้อแน่นปานกลาง มีความหนืดและยืดหยุ่นอยู่ระหว่างสองยี่ห้อแรก
เหมาะสำหรับ ร่องลึกที่ต้องการการยกกระชับและพยุงโครงสร้างผิว ร่องลึกตื้นๆ และริ้วรอยเล็กๆ ที่ต้องการความเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ร่องลึกปานกลางที่ต้องการผลลัพธ์ที่เรียบเนียน
การอุ้มน้ำ/อาการบวม อุ้มน้ำน้อย ทำให้เกิดอาการบวมได้น้อยกว่า อุ้มน้ำได้ดีกว่า อาจทำให้บวมได้มากกว่า มีคุณสมบัติสมดุล ทำให้เกิดอาการบวมน้อย
ระยะเวลาคงผล ประมาณ 12 เดือน (อาจนานถึง 15-18 เดือน) ประมาณ 9-12 เดือน (อาจนานถึง 1.5 ปี) ประมาณ 9-12 เดือน
การรับรอง ผ่านการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา (รุ่น Eyelight สำหรับใต้ตาโดยเฉพาะ) ผ่านการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา ผ่านการรับรองจาก KFDA เกาหลี และ CE Mark ยุโรป

มีหลักเกณฑ์อะไรบ้างในการเลือกคลินิกและแพทย์เพื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?

หลักเกณฑ์สำคัญที่สุดคือการเลือกแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีความเชี่ยวชาญ และมีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับกายวิภาครอบดวงตา เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการรักษาที่ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี

ข้อควรพิจารณาในการเลือกแพทย์และคลินิกมีดังนี้:

  • คุณสมบัติและประสบการณ์ของแพทย์
  • ใบรับรองวุฒิบัตร: แพทย์ควรได้รับการรับรองวุฒิบัตรเฉพาะทาง เช่น สาขาตจวิทยา (แพทย์ผิวหนัง) หรือศัลยกรรมตกแต่ง
  • ประสบการณ์: แพทย์ที่มีประสบการณ์มากกว่า 5 ปี มีแนวโน้มที่จะพบภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดฟิลเลอร์น้อยกว่า
  • ความโปร่งใส: แพทย์ที่ดีจะสามารถอธิบายแผนการรักษาและขั้นตอนรับมือเหตุฉุกเฉินได้ เช่น การเตรียมยาไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ไว้พร้อมเสมอ
  • มาตรฐานของคลินิก
  • การกำกับดูแลโดยแพทย์: หากเป็นคลินิกเสริมความงาม (Medspa) ต้องแน่ใจว่ามีแพทย์ที่ได้รับการรับรองเป็นผู้กำกับดูแลการรักษาอย่างใกล้ชิด
  • ความปลอดภัย: คลินิกควรให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ป่วย เช่น มีการฆ่าเชื้อที่เหมาะสม และมีการนัดหมายเพื่อติดตามผล
  • การสื่อสาร: ควรเลือกคลินิกที่ยินดีตอบคำถาม ให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์อย่างโปร่งใส และไม่เร่งรัดให้ตัดสินใจ
  • สัญญาณเตือนที่ควรระวัง
  • หลีกเลี่ยงผู้ให้บริการที่ใช้ตำแหน่งทางการตลาดที่ไม่ใช่คุณวุฒิทางการแพทย์ เช่น “ผู้เชี่ยวชาญการฉีด” (Injection Specialist)
  • ระวังคลินิกที่ไม่ยอมแสดงกล่องหรือยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้
  • ตรวจสอบรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงและดูภาพก่อน-หลังการรักษาเพื่อประกอบการตัดสินใจ

ต้องเตรียมตัวและดูแลตัวเองอย่างไรก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคือการงดใช้ยาและอาหารเสริมที่ทำให้เลือดออกง่าย ส่วนการดูแลหลังฉีดจะเน้นการลดบวมและหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระทบกระเทือนผิว

การเตรียมตัวก่อนฉีด:

  • งดยาและอาหารเสริม: หลีกเลี่ยงยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน) และอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด (เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, ใบแปะก๊วย) เป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์
  • งดแอลกอฮอล์: ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของอาการบวมและรอยช้ำ
  • งดสกินแคร์บางชนิด: หยุดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์รุนแรง เช่น เรตินอยด์ หรือกรดผลัดเซลล์ผิว บริเวณรอบดวงตา 2-3 วันก่อนทำ
  • เตรียมผิวให้พร้อม: มาพบแพทย์ด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอาง และควรวางแผนเผื่อเวลาพักฟื้นอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนมีกิจกรรมสำคัญ

การดูแลตัวเองหลังฉีด:

  • ประคบเย็น: ในช่วงแรกหลังฉีด สามารถประคบเย็นบริเวณที่ฉีดครั้งละ 10-15 นาที เพื่อช่วยลดอาการบวม
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส: ห้ามถู นวด หรือกดบริเวณที่ฉีดด้วยตนเอง เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ได้
  • ปรับท่านอน: ควรนอนหนุนหมอนสูงขึ้นเล็กน้อยใน 1-2 คืนแรก และหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้า
  • งดกิจกรรมบางอย่าง: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนัก การสัมผัสความร้อนสูง (เช่น ซาวน่า, สตรีม) และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง
  • งดแต่งหน้า: ไม่ควรแต่งหน้าหรือทาครีมบริเวณรอยเข็มเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • พบแพทย์ตามนัด: ควรไปพบแพทย์เพื่อติดตามผลตามที่นัดหมายไว้

ข้อควรปฏิบัติก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์

ข้อควรปฏิบัติที่สำคัญที่สุดก่อนฉีดฟิลเลอร์คือการงดรับประทานยา อาหารเสริม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ รวมถึงการเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการฉีด

ข้อควรปฏิบัติอื่นๆ มีดังนี้:

  • งดยาและอาหารเสริม: หลีกเลี่ยงยาแอสไพริน, ไอบูโพรเฟน (NSAIDs), วิตามินอี, น้ำมันปลา, จิงโกะ, กระเทียม และโสม เป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด
  • งดแอลกอฮอล์: ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงก่อนทำ
  • งดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิด: หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์, เรตินอล หรือกรดไกลโคลิกบริเวณที่จะฉีด 2-3 วัน
  • งดการกำจัดขน: ไม่ควรถอนหรือแว็กซ์ขนบริเวณรอบดวงตาก่อนการฉีด
  • เตรียมตัวในวันนัด: ควรมาถึงคลินิกด้วยใบหน้าที่สะอาดและปราศจากเครื่องสำอาง
  • วางแผนล่วงหน้า: ควรเว้นระยะเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนมีงานสำคัญ เผื่อในกรณีที่เกิดรอยช้ำหรืออาการบวม

ข้อห้ามสำคัญหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ข้อห้ามสำคัญหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคือ การหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดแรง ความร้อนสูง และการสัมผัสหรือกดบริเวณที่ฉีด เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

ข้อปฏิบัติตัวและข้อห้ามที่สำคัญมีดังนี้:

  • งดออกกำลังกายหนัก: ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือยกของหนักเป็นเวลา 24–48 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงความร้อน: งดการเข้าซาวน่า ห้องสตรีม หรือโยคะร้อนเป็นเวลาหลายวัน
  • งดดื่มแอลกอฮอล์: ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ใน 1–2 วันแรก เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงของอาการบวมและรอยช้ำ
  • ห้ามนวดหรือกดทับ: ไม่ควรถู นวด หรือกดบริเวณที่ฉีดด้วยตนเอง และควรนอนหงายโดยหนุนหมอนสูงขึ้นเล็กน้อยใน 1–2 คืนแรก
  • งดแต่งหน้า: หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหรือทาครีมบริเวณรอยเข็มในวันแรกเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • หลีกเลี่ยงทรีตเมนต์ใบหน้า: งดการทำทรีตเมนต์ นวดหน้า หรือเลเซอร์บริเวณที่ฉีดเป็นเวลาอย่างน้อย 1–2 สัปดาห์

References

  1. Cleveland Clinic. (n.d.). Cleveland Clinic. clevelandclinic.org.
  2. Healthline. (n.d.). Healthline. healthline.com.
  3. Journal of Drugs in Dermatology. (n.d.). JDD. jddonline.com.
  4. National Institutes of Health. (n.d.). NIH. nih.gov.
  5. RealSelf. (n.d.). RealSelf. realself.com.
  6. All About Vision. (n.d.). All About Vision. allaboutvision.com.
  7. Medica Depot. (n.d.). Medica Depot. medicadepot.com.
  8. Weiler Plastic Surgery. (n.d.). Weiler Plastic Surgery. weilerplasticsurgery.com.

Author

  • แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร
    แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร

    View all posts

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
ฉีด Botox เพื่อลดริ้วรอย เหมาะกับใครบ้าง มีความเสี่ยงไหม?
NextContinue
การฉีด Sculptra คืออะไร กระตุ้นคอลลาเจนได้ผลไหม ต้องฉีดกี่ครั้ง?

Product Type

  • Acne Care - รักษาสิว22 สินค้า
  • Brightening - ผิวกระจ่างใส22 สินค้า
  • Dark Spot Reduction - ลดจุดด่างดำ22 สินค้า
  • Red or Dark Spots - รอยสิว11 สินค้า
  • Skin Cleansing - ทำความสะอาดผิว33 สินค้า
  • Skin Hydration - ความชุ่มชื่นผิว22 สินค้า
  • Skin Mask - มาร์สผิว22 สินค้า
  • Sun Protection - กันแดด22 สินค้า
  • Travel Size - ขนาดพกพา66 สินค้า

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube