Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Lifting

การฉีด Sculptra คืออะไร กระตุ้นคอลลาเจนได้ผลไหม ต้องฉีดกี่ครั้ง?

Byadmin กันยายน 1, 2025กันยายน 1, 2025
By นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน Updated on กันยายน 1, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์พนิต อุนรัตน์

Table of Contents

Toggle
  • การฉีด Sculptra คืออะไรและช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
    • การฉีด Sculptra ช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลายด้าน ดังนี้
    • Sculptra: นิยามของ PLLA Biostimulator
    • กลไกการทำงาน: Sculptra กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวได้อย่างไร?
    • ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการฉีด Sculptra เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างผิว
  • ต้องฉีด Sculptra กี่ครั้ง กี่ขวด และใช้กี่ CC ถึงจะเห็นผล?
    • จำนวนครั้งที่แนะนำในการฉีด Sculptra เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
    • ปัจจัยที่กำหนดจำนวนขวดและจำนวนครั้งที่ต้องฉีด
  • การฉีด Sculptra อันตรายไหม? ทำความเข้าใจข้อเสียและผลข้างเคียง
    • ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังฉีด Sculptra
    • ข้อห้ามและข้อควรระวังสำหรับผู้ที่สนใจฉีด Sculptra
    • วิธีลดความเสี่ยงและดูแลตัวเองหลังฉีด
  • ขั้นตอนการฉีด Sculptra เป็นอย่างไร?
    • การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีด Sculptra
    • สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างขั้นตอนการฉีด
    • ข้อปฏิบัติและการดูแลตัวเองหลังฉีด Sculptra
  • ใครที่เหมาะกับการฉีด Sculptra และฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?
    • ลักษณะปัญหาผิวที่เหมาะกับการฉีด Sculptra
    • บริเวณใบหน้าที่นิยมฉีด Sculptra เพื่อยกกระชับ
    • บริเวณอื่นๆ ของร่างกายที่สามารถฉีด Sculptra ได้
  • เปรียบเทียบการฉีด Sculptra กับหัตถการกระตุ้นคอลลาเจนอื่นๆ
    • Sculptra vs Gouri: ความแตกต่างที่ต้องรู้
    • Sculptra vs Filler: ควรเลือกฉีดอะไรดี?
    • Sculptra vs Laser: การกระตุ้นคอลลาเจนที่ต่างกันอย่างไร?
  • ราคาฉีด Sculptra อยู่ที่เท่าไหร่ และเลือกคลินิกที่ไหนดี?
    • หลักเกณฑ์การเลือกคลินิกฉีด Sculptra ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ
  • References:

การฉีด Sculptra คืออะไรและช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

ฉีด sculptra บริเวณใบหน้า

Sculptra คือสารฉีดกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Biostimulator) ที่ช่วยฟื้นฟูปริมาตรบนใบหน้าและปรับปรุงคุณภาพผิว โดยใช้สาร Poly-L-Lactic Acid (PLLA) เข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน Type I และ III ขึ้นมาใหม่ตามธรรมชาติ

การฉีด Sculptra ช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลายด้าน ดังนี้

  • ฟื้นฟูผิวที่สูญเสียปริมาตร: ช่วยเติมเต็มบริเวณที่ตอบหรือยุบตัวลงตามวัย เช่น แก้มตอบ ขมับตอบ
  • เพิ่มความแน่นกระชับ: ทำให้ผิวหนาและแข็งแรงขึ้น ส่งผลให้ผิวที่หย่อนคล้อยดูกระชับและยืดหยุ่นกว่าเดิม
  • ปรับปรุงคุณภาพผิว: ช่วยให้ริ้วรอยร่องตื้นดูจางลง ผิวโดยรวมจึงดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น
  • ยกกระชับใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ: เมื่อผิวแน่นขึ้นจะช่วยให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น และร่องแก้มดูตื้นขึ้น

ผลลัพธ์ของ Sculptra จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติในช่วงเวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน แตกต่างจากฟิลเลอร์ไฮยาลูรอนิกที่ให้ผลลัพธ์การเติมเต็มในทันที

Sculptra: นิยามของ PLLA Biostimulator

Sculptra คือสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Biostimulator) ที่มีส่วนประกอบหลักคือ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งทำงานโดยการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนของตัวเองขึ้นมาใหม่ เพื่อฟื้นฟูและเพิ่มปริมาตรให้กับใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ

สาร PLLA จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 ทำให้ชั้นผิวหนังหนาขึ้น ส่งผลให้ผิวบริเวณที่ฉีดมีความยืดหยุ่นและกระชับขึ้น Sculptra แตกต่างจากฟิลเลอร์ไฮยาลูรอนิก (HA) ตรงที่ไม่ได้เป็นการ “เติมเต็ม” ทันที แต่จะค่อยๆ สร้างโครงสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ภายในชั้นผิว ซึ่งช่วยพยุงโครงสร้างผิว ลดเลือนริ้วรอย และแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะบริเวณแก้มที่ตอบหรือขมับที่ยุบตัวลง

กลไกการทำงาน: Sculptra กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวได้อย่างไร?

Sculptra ทำงานโดยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง ผ่านอนุภาค PLLA (Poly-L-Lactic Acid)

เมื่อฉีดอนุภาค PLLA เข้าไปใต้ชั้นผิว ร่างกายจะเกิดการตอบสนองเพื่อสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 ขึ้นมาล้อมรอบอนุภาคเหล่านี้ คอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่จะทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพยุงผิว (Scaffolding) ทำให้ชั้นผิวหนาและแข็งแรงขึ้น ส่งผลให้ผิวค่อยๆ แน่นกระชับ อิ่มฟู และริ้วรอยลดลงอย่างเป็นธรรมชาติในช่วงเวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน

ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการฉีด Sculptra เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างผิว

ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการฉีด Sculptra คือ การฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายในด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของร่างกายเอง ซึ่งจะช่วยให้ผิวหนาแน่น ยืดหยุ่น และมีปริมาตรเพิ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ผลลัพธ์ที่สำคัญจากการรักษา ได้แก่:

  • การฟื้นฟูปริมาตร: ช่วยเติมเต็มบริเวณที่ตอบหรือยุบตัวลงตามวัย เช่น แก้มและขมับ ทำให้ร่องแก้มและแนวกรามดูดีขึ้น
  • คุณภาพผิวดีขึ้น: ผิวจะมีความหนาแน่น ยืดหยุ่น และเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยดูตื้นลง
  • ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ: ใบหน้าจะดูสดชื่นและอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่การเติมเต็มที่เห็นผลทันที
  • ผลลัพธ์ยาวนาน: ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏในช่วง 1-3 เดือน และคงอยู่ได้นานประมาณ 2 ปีหรือมากกว่านั้น

ต้องฉีด Sculptra กี่ครั้ง กี่ขวด และใช้กี่ CC ถึงจะเห็นผล?

โดยทั่วไปแล้ว ต้องฉีด Sculptra ประมาณ 2-3 ครั้ง โดยใช้ครั้งละ 1-2 ขวด เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ส่วนปริมาณ CC จะขึ้นอยู่กับอัตราส่วนการผสมของแพทย์

จำนวนขวดที่ต้องใช้ทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับอายุและการประเมินของแพทย์ แต่มีหลักการคร่าวๆ ดังนี้

  • ผู้ที่อายุ 30 ปีขึ้นไป: อาจต้องการทั้งหมดประมาณ 2-3 ขวด
  • ผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป: อาจต้องการทั้งหมดประมาณ 5 ขวด (แบ่งฉีด 2-3 ครั้ง)

โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังการฉีดครั้งที่ 1-2 และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดเมื่อฉีดครบคอร์สในช่วงเวลา 2-3 เดือน

จำนวนครั้งที่แนะนำในการฉีด Sculptra เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน

โดยทั่วไปแนะนำให้ฉีด Sculptra เป็นชุดต่อเนื่องประมาณ 2-3 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเหมาะสมที่สุด

ผู้เข้ารับการรักษาส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นหลังจากการฉีดครั้งที่ 1-2 (ภายใน 4-8 สัปดาห์) แต่ผลลัพธ์จะดีที่สุดเมื่อทำการรักษาครบทุกครั้งตามแผนที่วางไว้ในช่วงเวลาไม่กี่เดือน ทั้งนี้ จำนวนครั้งและปริมาณยาที่ใช้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับอายุ การประเมินของแพทย์ และบริเวณที่ทำการรักษา

โปรแกรมการฉีดครั้งแรก

โปรแกรมการฉีด Sculptra ครั้งแรก โดยทั่วไปประกอบด้วยการฉีดหลายครั้งในช่วงเวลาไม่กี่เดือน เพื่อสร้างคอลลาเจนขึ้นทีละน้อย โดยในแต่ละครั้งมักจะใช้ Sculptra 1-2 ขวด ขึ้นอยู่กับอายุและระดับการสูญเสียปริมาตรของใบหน้า

โดยทั่วไปแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาส่วนใหญ่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นหลังจากการทำ 1-2 ครั้งแรก (ภายใน 4-8 สัปดาห์) และจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดหลังจากทำครบทุกครั้งตามแผนการรักษา

การฉีดเพื่อคงสภาพผลลัพธ์ (Maintenance)

การฉีดเพื่อคงสภาพผลลัพธ์ เป็นสิ่งที่แนะนำเพื่อรักษาผลลัพธ์การฟื้นฟูผิวจาก Sculptra ให้ยาวนาน เนื่องจากกระบวนการแก่ชราตามธรรมชาติยังคงดำเนินต่อไป และคอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่จะค่อยๆ สลายไปตามกาลเวลา

โดยทั่วไปแล้วการฉีดเพื่อคงสภาพจะใช้ปริมาณยาน้อยกว่าการรักษาในช่วงแรก (มักใช้ 1 ขวดเพื่อเติมในจุดสำคัญ) หากไม่มีการฉีดเพื่อคงสภาพ ผิวจะค่อยๆ กลับสู่สภาพเดิมในระยะเวลาประมาณ 2-3 ปี

ปัจจัยที่กำหนดจำนวนขวดและจำนวนครั้งที่ต้องฉีด

อายุ ระดับการสูญเสียปริมาตร และบริเวณที่ทำการรักษา เป็นปัจจัยหลักที่ใช้กำหนดจำนวนขวดและจำนวนครั้งที่ต้องฉีด Sculptra

โดยทั่วไป แพทย์จะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

  • อายุ: มีหลักการประเมินเบื้องต้นคือ “1 ขวดต่ออายุ 1 ทศวรรษ” ตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีอายุ 50 ปี อาจต้องการ Sculptra ทั้งหมดประมาณ 5 ขวด โดยแบ่งฉีด 2-3 ครั้ง ในขณะที่ผู้ที่มีอายุน้อยกว่าอาจต้องการจำนวนที่น้อยกว่า
  • ระดับการสูญเสียปริมาตร: ผู้ที่มีการยุบตัวของใบหน้าหรือสูญเสียไขมันอย่างมีนัยสำคัญ จะต้องการปริมาณยาที่มากกว่าเพื่อผลลัพธ์การแก้ไขที่เทียบเท่ากัน
  • บริเวณที่รักษา: การรักษาบนใบหน้า (เช่น แก้ม ขมับ) โดยทั่วไปจะใช้ 1-2 ขวดต่อครั้ง ในขณะที่การรักษาบริเวณอื่นของร่างกาย เช่น สะโพก อาจต้องใช้ปริมาณยาที่สูงกว่ามาก (6-10 ขวดต่อครั้ง)
  • การประเมินของแพทย์: ท้ายที่สุดแล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินโครงสร้างใบหน้าและคุณภาพผิวของแต่ละบุคคลเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด

การฉีด Sculptra อันตรายไหม? ทำความเข้าใจข้อเสียและผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังฉีด Sculptra

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดหลังการฉีด Sculptra คือ อาการบวม แดง ช้ำ หรือเจ็บบริเวณที่ฉีด ซึ่งโดยทั่วไปจะหายได้เองภายในไม่กี่วัน

นอกจากนี้ยังอาจพบผลข้างเคียงอื่นๆ ได้แก่

  • ก้อนหรือตุ่มชั่วคราว: อาจคลำพบก้อนเล็กๆ ใต้ผิวหนังได้ในช่วงแรก ซึ่งมักจะมองไม่เห็นและจะค่อยๆ หายไปเองเมื่อน้ำที่ผสมในตัวยาถูกดูดซึม
  • ก้อนแข็งใต้ผิวหนัง (Nodules): เป็นความเสี่ยงที่สำคัญ แต่สามารถลดโอกาสเกิดได้ด้วยเทคนิคการฉีดที่ถูกต้องและการนวดหลังทำอย่างสม่ำเสมอ ก้อนเหล่านี้มักจะคลำได้แต่ไม่สามารถมองเห็น และส่วนใหญ่จะค่อยๆ ดีขึ้นเองเมื่อเวลาผ่านไป
  • ผลข้างเคียงที่รุนแรง: ความเสี่ยงร้ายแรง เช่น การอุดตันของเส้นเลือด หรือการเกิดก้อนอักเสบ (Granuloma) นั้นพบได้น้อยมาก โดยเฉพาะเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ข้อห้ามและข้อควรระวังสำหรับผู้ที่สนใจฉีด Sculptra

ข้อห้ามหลักสำหรับการฉีด Sculptra คือ ผู้ที่มีประวัติการเกิดแผลเป็นนูน (คีลอยด์) ผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณผิวหนัง รวมถึงสตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร

นอกจากนี้ ยังมีข้อควรระวังและกลุ่มบุคคลที่อาจไม่เหมาะกับการรักษานี้ ได้แก่

  • ผู้ที่มีประวัติการเกิดแผลเป็นนูน (คีลอยด์) หรือแผลเป็นโตนูน (Hypertrophic scar)
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อ หรือการอักเสบของผิวหนังบริเวณที่จะฉีด เช่น สิวอักเสบ หรือผื่น
  • สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีการทดสอบความปลอดภัยในกลุ่มนี้
  • ผู้ที่มีโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune diseases) หรือผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน ควรปรึกษาแพทย์อย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจาก Sculptra ทำงานโดยอาศัยระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง
  • ผู้ที่ไม่สามารถมาฉีดต่อเนื่องหลายครั้ง หรือไม่สามารถนวดตามคำแนะนำหลังการรักษาได้ เนื่องจากเป็นขั้นตอนสำคัญต่อผลลัพธ์การรักษา

วิธีลดความเสี่ยงและดูแลตัวเองหลังฉีด

วิธีลดความเสี่ยงและดูแลตัวเองหลังฉีด Sculptra ที่สำคัญที่สุดคือ การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการรักษาอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการนวด เพื่อให้ตัวยากระจายตัวอย่างสม่ำเสมอและป้องกันการเกิดก้อน

คำแนะนำในการดูแลตัวเองเพิ่มเติมมีดังนี้:

  • นวดบริเวณที่ฉีด: ปฏิบัติตามหลัก “5-5-5” คือ นวดครั้งละ 5 นาที วันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน การนวดอย่างสม่ำเสมอเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดก้อนใต้ผิวหนัง
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่าง: งดการออกกำลังกายอย่างหนัก หรือสัมผัสความร้อนสูง เช่น ซาวน่า เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อลดอาการบวมและช้ำ
  • การแต่งหน้า: สามารถแต่งหน้าได้ในวันเดียวกันหลังการรักษา หากไม่มีเลือดออกที่รอยเข็ม
  • ลดรอยช้ำ: หากมีรอยช้ำ สามารถใช้เจลอาร์นิกา (arnica gel) เพื่อช่วยให้รอยจางลงได้เร็วขึ้น
  • การเตรียมตัวก่อนฉีด: เพื่อลดความเสี่ยงของรอยช้ำ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และยาหรืออาหารเสริมที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น น้ำมันปลา หรือแปะก๊วย ก่อนการรักษา 1-2 วัน

ขั้นตอนการฉีด Sculptra เป็นอย่างไร?

โดยทั่วไป ขั้นตอนการฉีด Sculptra จะเริ่มจากการเตรียมผลิตภัณฑ์ล่วงหน้า การทายาชา การฉีดผลิตภัณฑ์ในปริมาณน้อยๆ หลายจุด และการนวดทันทีหลังฉีด เพื่อให้ยากระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ

ขั้นตอนการฉีด Sculptra มีดังนี้:

  1. การเตรียมผลิตภัณฑ์: แพทย์จะผสมผงยา Sculptra (PLLA) กับน้ำกลั่นสำหรับฉีด (Sterile Water) และอาจผสมยาชา (Lidocaine) เพื่อลดความเจ็บ จากนั้นจะทิ้งไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 2-24 ชั่วโมงเพื่อให้ตัวยาละลายเข้ากันอย่างสมบูรณ์
  2. การเตรียมผู้รับบริการ: ก่อนฉีดจะมีการทายาชาเฉพาะที่บนผิวหนังประมาณ 20-30 นาที
  3. ขั้นตอนการฉีด: แพทย์จะฉีด Sculptra ในปริมาณน้อยๆ (ประมาณ 0.1-0.2 มิลลิลิตรต่อจุด) เข้าไปในชั้นผิวหนังส่วนลึกหรือชั้นใต้ผิวหนัง โดยกระจายตัวยาเป็นวงกว้างในบริเวณที่ต้องการรักษา
  4. การนวดหลังฉีด: หลังจากฉีดเสร็จทันที แพทย์จะนวดบริเวณที่ฉีดอย่างทั่วถึงเป็นเวลาหลายนาที เพื่อให้ผลิตภัณฑ์กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอและป้องกันการเกิดก้อน

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีด Sculptra

การเตรียมตัวก่อนฉีด Sculptra ที่สำคัญที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงยา อาหารเสริม และแอลกอฮอล์ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ

เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและให้การรักษาราบรื่นที่สุด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:

  • งดยาต้านการแข็งตัวของเลือด: ควรหลีกเลี่ยงยาในกลุ่มแอสไพรินและ NSAIDs ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนการรักษา
  • งดแอลกอฮอล์: ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 1-2 วันก่อนการฉีด
  • งดวิตามินและสมุนไพรบางชนิด: ควรหยุดทานอาหารเสริมที่อาจทำให้เลือดออกง่าย เช่น น้ำมันปลา, วิตามินอี, แปะก๊วย, กระเทียม, โสม และขมิ้น
  • แจ้งประวัติโรคเริม: หากมีประวัติเป็นโรคเริมบริเวณริมฝีปาก ควรแจ้งแพทย์เพื่อพิจารณารับยาป้องกันการกำเริบ
  • ทำความสะอาดใบหน้า: ในวันนัดหมาย ควรมาถึงคลินิกด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

โดยทั่วไปคลินิกจะทายาชาเฉพาะที่ให้ก่อนการรักษาประมาณ 20-30 นาที เพื่อลดความรู้สึกเจ็บระหว่างการฉีด

สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างขั้นตอนการฉีด

ขั้นตอนการฉีด Sculptra จะเริ่มจากการเตรียมผิว ทายาชา จากนั้นแพทย์จะฉีดผลิตภัณฑ์ในปริมาณน้อยๆ หลายจุด และนวดบริเวณที่ฉีดทันที โดยทั่วไปแล้ว ขั้นตอนการฉีดจะประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้

  1. การเตรียมตัว: มีการทำความสะอาดผิวและทายาชาเฉพาะที่ประมาณ 20-30 นาทีเพื่อลดความเจ็บปวด นอกจากนี้ Sculptra มักผสมยาชา (Lidocaine) เพื่อให้รู้สึกสบายขึ้นระหว่างการฉีด
  2. การฉีด: แพทย์จะฉีด Sculptra ในปริมาณน้อยๆ กระจายไปตามจุดต่างๆ ที่ต้องการรักษา โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะรู้สึกเจ็บน้อยมาก อาจรู้สึกถึงแรงกดหรือแสบเล็กน้อยจากยาชา
  3. หลังฉีดทันที: หลังฉีดเสร็จ แพทย์จะนวดบริเวณที่ฉีดทันทีเป็นเวลาหลายนาทีเพื่อช่วยให้ผลิตภัณฑ์กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ ใบหน้าอาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อย และดู “เต็ม” ขึ้นชั่วคราว ซึ่งเกิดจากน้ำและยาชาที่ผสมอยู่ และจะยุบลงใน 1-2 วัน

ข้อปฏิบัติและการดูแลตัวเองหลังฉีด Sculptra

ข้อปฏิบัติที่สำคัญที่สุดหลังฉีด Sculptra คือการนวดบริเวณที่ฉีดตามกฎ “5-5-5” เพื่อช่วยให้ตัวยากระจายตัวอย่างสม่ำเสมอและป้องกันการเกิดก้อนใต้ผิวหนัง

คำแนะนำในการดูแลตัวเองเพิ่มเติมมีดังนี้:

  • นวดตามกฎ “5-5-5”: นวดบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 5 นาที 5 ครั้งต่อวัน ติดต่อกัน 5 วัน
  • งดกิจกรรมหนัก: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อลดอาการบวมและช้ำ
  • หลีกเลี่ยงความร้อน: งดการสัมผัสแสงแดดจัดหรือความร้อนสูง เช่น ซาวน่า เป็นเวลา 2-3 วัน
  • การแต่งหน้า: สามารถแต่งหน้าได้ในวันเดียวกันหลังฉีด หากไม่มีเลือดออกบริเวณรอยเข็ม
  • อาการปกติ: อาการบวมแดงมักจะหายไปในไม่กี่ชั่วโมง และอาจรู้สึกว่าผิวเป็นก้อนหรือตึงเล็กน้อยในช่วงแรก ซึ่งเป็นเรื่องปกติและจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อน้ำที่ฉีดเข้าไปถูกดูดซึมและการนวดยังช่วยให้อาการนี้ดีขึ้นด้วย

ใครที่เหมาะกับการฉีด Sculptra และฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?

ผู้ที่เหมาะกับการฉีด Sculptra คือผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวที่สูญเสียปริมาตรบนใบหน้าและมีสุขภาพแข็งแรง โดยสามารถฉีดได้ในบริเวณที่ต้องการโครงสร้างผิวที่แข็งแรงขึ้น เช่น แก้ม ขมับ และกรอบหน้า

ผู้ที่เหมาะกับการฉีด Sculptra ควรมีคุณสมบัติดังนี้:

  • มีสุขภาพร่างกายและระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง เนื่องจาก Sculptra ทำงานโดยอาศัยกระบวนการของภูมิคุ้มกันในการสร้างคอลลาเจน
  • ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่การเติมเต็มแบบทันที
  • สามารถเข้ารับการรักษาได้หลายครั้งและปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการฉีด (โดยเฉพาะการนวด) ได้อย่างสม่ำเสมอ

บริเวณที่นิยมฉีด Sculptra ได้แก่:

  • ใบหน้า: แก้ม (เพื่อยกกระชับและเติมเต็มส่วนที่ตอบ), ขมับ (แก้ไขขมับที่ยุบตัว), กรอบหน้า (เพื่อปรับให้คมชัดขึ้น) และบริเวณรอบปาก (ร่องน้ำหมาก)
  • ร่างกาย (Off-label): ก้น เพื่อเพิ่มความโค้งมนและกระชับผิว
  • บริเวณที่ไม่นิยมฉีด: ริมฝีปากและใต้ตา เนื่องจากไม่ใช่ฟิลเลอร์ที่ใช้เติมเต็มเฉพาะจุด

ลักษณะปัญหาผิวที่เหมาะกับการฉีด Sculptra

Sculptra เหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวที่สูญเสียปริมาตรหรือความกระชับจากวัยที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นการรักษาที่เน้นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่เพื่อปรับปรุงโครงสร้างผิวจากภายใน

ปัญหาผิวที่เหมาะกับการรักษาด้วย Sculptra ได้แก่:

  • แก้มตอบหรือขมับที่ยุบตัว: ช่วยเติมเต็มปริมาตรในบริเวณที่ไขมันบนใบหน้าลดลงตามวัย
  • ผิวหย่อนคล้อยและขาดความยืดหยุ่น: ช่วยสร้างโครงสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวแน่นกระชับและยืดหยุ่นขึ้น
  • ริ้วรอยและร่องลึก: ช่วยให้ร่องแก้มและร่องน้ำหมากดูตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
  • กรอบหน้าที่ไม่คมชัด: ช่วยปรับแนวกรอบหน้าให้ดูชัดเจนขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม: ช่วยให้ผิวดูหนาแน่น อิ่มฟู และดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

บริเวณใบหน้าที่นิยมฉีด Sculptra เพื่อยกกระชับ

บริเวณที่นิยมฉีด Sculptra เพื่อยกกระชับใบหน้า ได้แก่ โหนกแก้ม ขมับ แนวกราม และบริเวณรอบปาก (ร่องน้ำหมาก)

การฉีดในบริเวณเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อเติมเต็มส่วนที่ยุบตัวหรือตอบลง เช่น แก้มที่ตอบหรือขมับที่ยุบตัว ช่วยยกกระชับผิว ทำให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น และทำให้ใบหน้าโดยรวมดูสดชื่นและอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

บริเวณอื่นๆ ของร่างกายที่สามารถฉีด Sculptra ได้

นอกเหนือจากใบหน้าแล้ว บริเวณก้น เป็นอีกส่วนของร่างกายที่สามารถฉีด Sculptra ได้ เพื่อช่วยเสริมความโค้งมนและกระชับผิว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “Sculptra butt lift”

การฉีด Sculptra ในบริเวณอื่นๆ ของร่างกายเพื่อเพิ่มความกระชับและลดความหย่อนคล้อยนั้นถือเป็นการรักษาแบบ off-label (นอกข้อบ่งชี้ที่ได้รับการอนุมัติ) ซึ่งต้องอาศัยแพทย์ที่มีความชำนาญและประสบการณ์สูงในการทำหัตถการ

เปรียบเทียบการฉีด Sculptra กับหัตถการกระตุ้นคอลลาเจนอื่นๆ

Sculptra vs Gouri: ความแตกต่างที่ต้องรู้

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Sculptra และ Gouri คือส่วนประกอบหลักและรูปแบบของผลิตภัณฑ์ โดย Sculptra ใช้ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ในรูปแบบอนุภาคที่ต้องนวดหลังฉีดเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเติมเต็มปริมาตร ในขณะที่ Gouri ใช้ PCL (Polycaprolactone) ในรูปแบบของเหลวสมบูรณ์ที่ไม่ต้องนวดและเน้นการปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Sculptra และ Gouri:

คุณสมบัติ Sculptra Gouri
ส่วนประกอบหลัก PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ในรูปแบบอนุภาค PCL (Polycaprolactone) ในรูปแบบของเหลว
เทคนิคการฉีด ฉีดหลายจุดแบบกระจายตัว ฉีดเพียงไม่กี่จุด (ประมาณ 10 จุดทั่วใบหน้า)
การดูแลหลังทำ ต้องนวดบริเวณที่ฉีดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องนวด
ผลลัพธ์หลัก เติมเต็มปริมาตรในบริเวณที่ยุบตัวหรือตอบ ปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม เพิ่มความกระชับและความกระจ่างใส
ระยะเวลาของผลลัพธ์ ประมาณ 2 ปี หรือนานกว่านั้น ประมาณ 9-12 เดือน
ประวัติการใช้งาน มีประวัติยาวนานกว่า 20 ปี และมีงานวิจัยรองรับจำนวนมาก เป็นผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างใหม่และมีข้อมูลจำกัดกว่า

Sculptra vs Filler: ควรเลือกฉีดอะไรดี?

การเลือกระหว่าง Sculptra และฟิลเลอร์ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่ต้องการและระยะเวลาที่รอได้ โดย Sculptra จะเน้นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่ฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) จะให้ผลลัพธ์ในการเติมเต็มแบบทันทีและเฉพาะจุด

ตารางเปรียบเทียบระหว่าง Sculptra และฟิลเลอร์:

คุณสมบัติ Sculptra ฟิลเลอร์ (Hyaluronic Acid)
หลักการทำงาน กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนของตัวเอง (Biostimulator) เป็นเจลที่เข้าไปเติมเต็มช่องว่างใต้ผิวหนังโดยตรง
ผลลัพธ์ ผิวหนาแน่นขึ้น เฟิร์มกระชับ ปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เติมเต็มร่องลึก เพิ่มปริมาตรเฉพาะจุด เช่น ปาก คาง ขมับ
ระยะเวลาเห็นผล ค่อยๆ เห็นผลใน 1-3 เดือน และเห็นผลเต็มที่ในไม่กี่เดือน เห็นผลทันทีหลังฉีด
ระยะเวลาคงผล ประมาณ 2 ปี หรือนานกว่านั้น ประมาณ 6-18 เดือน
การแก้ไข ไม่สามารถสลายได้ทันที ต้องรอให้สลายไปเองตามธรรมชาติ สามารถฉีดสลายได้ด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase
เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวทั่วใบหน้าแบบองค์รวม ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และสามารถรอผลได้ ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ทันที หรือต้องการปรับแก้รูปหน้าเฉพาะจุด เช่น เติมปาก, เสริมคาง, เติมใต้ตา

โดยสรุป หากคุณต้องการฟื้นฟูโครงสร้างผิวทั่วใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติและรอผลลัพธ์ได้ Sculptra คือตัวเลือกที่เหมาะสม แต่หากคุณต้องการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดและเห็นผลทันที ฟิลเลอร์จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า ซึ่งในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ทั้งสองอย่างร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Sculptra vs Laser: การกระตุ้นคอลลาเจนที่ต่างกันอย่างไร?

Sculptra เป็นสารฉีดที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนจากภายในเพื่อเพิ่มปริมาตรและความหนาของผิว ในขณะที่เลเซอร์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานจากภายนอกเพื่อกระชับผิวและปรับปรุงพื้นผิว โดยทั้งสองวิธีมีเป้าหมายและกลไกการทำงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

  • Sculptra (สารฉีด): เป็นการฉีดสาร Poly-L-Lactic Acid (PLLA) เข้าไปในชั้นผิวหนังส่วนลึกเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ เหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวที่สูญเสียปริมาตร เช่น แก้มตอบหรือขมับยุบ ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและยกกระชับขึ้นจากโครงสร้างภายใน
  • Laser (พลังงาน): เป็นการใช้พลังงานความร้อนจากภายนอกเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังส่วนบนถึงส่วนกลาง เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาผิวภายนอก เช่น การกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ลดเลือนริ้วรอยตื้นๆ และปรับปรุงพื้นผิวให้เรียบเนียน แต่ไม่สามารถเติมเต็มปริมาตรที่หายไปได้

โดยสรุป Sculptra เน้นการ “เติมเต็มปริมาตร” จากภายใน ส่วนเลเซอร์เน้นการ “กระชับและปรับปรุงพื้นผิว” จากภายนอก ซึ่งแพทย์มักใช้ทั้งสองวิธีร่วมกันเพื่อผลลัพธ์การฟื้นฟูผิวที่ครอบคลุมทุกมิติ

ราคาฉีด Sculptra อยู่ที่เท่าไหร่ และเลือกคลินิกที่ไหนดี?

ราคาอยู่ที่ประมาณ 20,000–30,000 บาทต่อขวด (10 ซีซี)

ราคาของการฉีด Sculptra จะขึ้นอยู่กับจำนวนขวด (vial) ที่ใช้ในการรักษา ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ, ระดับการสูญเสียปริมาตรบนใบหน้า และบริเวณที่ทำการรักษา โดยทั่วไปมีแนวทางดังนี้

  • ใบหน้า: ใช้ประมาณ 1-2 ขวดต่อครั้ง ผู้ที่มีอายุ 50 ปีอาจต้องใช้ประมาณ 5 ขวด ในขณะที่ผู้ที่มีอายุ 30 ปีอาจใช้เพียง 2-3 ขวด
  • ร่างกาย: การฉีดเพื่อเสริมความงามบริเวณอื่น เช่น สะโพก อาจต้องใช้ 6-10 ขวดต่อครั้ง และทำ 2-3 ครั้ง

สำหรับการเลือกคลินิก ควรเลือกคลินิกและผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือและมีประสบการณ์สูง เนื่องจากผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเทคนิคและความชำนาญของผู้ฉีดเป็นอย่างมาก โดยมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาดังนี้

  • ประสบการณ์และการฝึกอบรม: ควรเป็นผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมการฉีด Sculptra โดยเฉพาะ และมีประสบการณ์ในการทำหัตถการมาแล้วจำนวนมาก
  • ความน่าเชื่อถือของคลินิก: เลือกคลินิกที่มีชื่อเสียงและใช้ผลิตภัณฑ์ Sculptra ของแท้จากบริษัท Galderma เท่านั้น
  • คุณวุฒิของผู้ให้บริการ: ตรวจสอบว่าเป็นผู้ประกอบวิชาชีพที่ได้รับใบอนุญาตและมีความเชี่ยวชาญด้านกายวิภาคบนใบหน้า
  • การให้คำปรึกษาและการติดตามผล: ผู้ให้บริการที่ดีจะให้ข้อมูลความเสี่ยงอย่างโปร่งใสและมีการนัดติดตามผลเพื่อประเมินผลลัพธ์

หลักเกณฑ์การเลือกคลินิกฉีด Sculptra ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ

หลักเกณฑ์สำคัญในการเลือกคลินิกฉีด Sculptra คือ การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองและสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

คุณสามารถพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  • ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ แพทย์ควรมีประสบการณ์สูงในการฉีด Sculptra โดยเฉพาะ และควรผ่านการฝึกอบรมจากบริษัทผู้ผลิต (Galderma) เนื่องจากเทคนิคการฉีดมีความสำคัญอย่างยิ่ง
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ คลินิกต้องน่าเชื่อถือและใช้ผลิตภัณฑ์ Sculptra ของแท้จาก Galderma เท่านั้น ซึ่งสามารถตรวจสอบได้
  • การให้คำปรึกษาที่โปร่งใส แพทย์ควรประเมินโครงสร้างใบหน้าอย่างละเอียด วางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล และให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นอย่างครบถ้วน
  • ใบอนุญาตและมาตรฐานคลินิก ตรวจสอบว่าแพทย์มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพที่ถูกต้อง และคลินิกมีมาตรฐานความสะอาดและความปลอดภัย
  • การติดตามผล คลินิกที่ดีควรมีการนัดหมายเพื่อติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินผลลัพธ์และปรับแผนการรักษาหากจำเป็น

References:

  1. Galderma. (n.d.). Sculptra® Science – Stimulating Natural Collagen. SculptraUSA (Galderma). sculptrausa.com
  2. Galderma. (n.d.). Galderma receives FDA approval for Sculptra® for cheek wrinkles. Galderma Newsroom. galderma.com
  3. Signori, R., et al. (n.d.). Efficacy and safety of poly-L-lactic acid in facial aesthetics: a systematic review. Polymers (MDPI). mdpi.com
  4. Fabi, S.G., et al. (n.d.). Effectiveness and safety of Sculptra (injectable poly-L-lactic acid) in the correction of cheek wrinkles. Journal of Drugs in Dermatology. jddonline.com
  5. Galderma. (n.d.). Sculptra® Frequently Asked Questions (FAQ). SculptraUSA (Galderma). sculptrausa.com
  6. Katz, T.M., & Deaver, J. (n.d.). Sculptra Aesthetic – Patient Information and Pre/Post-Care Instructions. The Pearl Dermatology. thepearldermatology.com
  7. Wisdom and Youth LLC. (n.d.). Everything About Sculptra!. wisdomandyouthllc.com
  8. BlossomMD. (n.d.). Maximizing Sculptra® Results: How Many Vials Do You Really Need?. blossommd.com
  9. Haddad, A., et al. (n.d.). Injectable Poly-L-lactic Acid for body aesthetic treatments: consensus recommendations. Aesthetic Plastic Surgery. springer.com
  10. Chang, D. (n.d.). GOURI vs Profhilo vs Sculptra treatment. drdanielchang.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
NextContinue
ฉีดเมโสหน้าใสคืออะไร ช่วยลดฝ้า กระ ผิวกระจ่างใสจริงหรือไม่?

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube