Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Lifting

ฉีดเมโสหน้าใสคืออะไร ช่วยลดฝ้า กระ ผิวกระจ่างใสจริงหรือไม่?

Byadmin กันยายน 1, 2025
By นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน Updated on กันยายน 1, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์พนิต อุนรัตน์

Table of Contents

Toggle
  • การฉีดเมโสหน้าใสคืออะไรและช่วยแก้ปัญหาผิวแบบไหนได้บ้าง?
    • เมโสหน้าใสสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย ดังนี้
    • เมโสหน้าใส (Mesotherapy) แตกต่างจากการฉีดหน้าใสแบบอื่นอย่างไร?
    • ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างที่สำคัญ:
    • ส่วนประกอบหลักในตัวยาเมโสหน้าใสมีอะไรบ้าง?
  • ขั้นตอนการฉีดเมโสหน้าใสเป็นอย่างไร และต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
    • ขั้นตอนการทำเมโสหน้าใสโดยทั่วไปมีดังนี้
    • การฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุดทั่วใบหน้าคืออะไร?
    • ระหว่างการฉีดแบบสะกิดกับการฉีดเข้าชั้นผิวโดยตรง แบบไหนดีกว่ากัน?
    • ฉีดเมโสหน้าใสเจ็บไหม? และต้องเตรียมตัวก่อนทำอย่างไร?
  • การฉีดเมโสหน้าใสอันตรายไหม?
    • ผลข้างเคียงที่พบได้ส่วนใหญ่มักไม่รุนแรงและจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน ได้แก่
    • อาการแพ้เมโสหน้าใสที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง?
    • ทำไมบางคนฉีดเมโสหน้าใสแล้วสิวขึ้น?
    • รอยเข็มหลังฉีดเมโสหน้าใสจะหายไปภายในกี่วัน?
  • หลังฉีดเมโสหน้าใสควรดูแลตัวเองอย่างไร?
    • ข้อควรปฏิบัติที่สำคัญในช่วงแรก ได้แก่:
    • ข้อห้ามสำคัญหลังฉีดเมโสหน้าใส: อาหารและกิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง
    • ข้อห้ามสำคัญในช่วง 1-7 วันแรกหลังการรักษา ได้แก่
    • ผลลัพธ์จากการฉีดเมโสหน้าใสอยู่ได้นานแค่ไหน?
  • การฉีดเมโสหน้าใสราคาเท่าไหร่ และมีปัจจัยอะไรที่ส่งผลต่อราคา?
    • ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคา ได้แก่:
  • การฉีดเมโสหน้าใส: ดีจริงไหม และเหมาะกับใคร?
    • เมโสหน้าใสมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนี้
    • เมโสหน้าใสเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวต่อไปนี้:
    • สรุป 5 ข้อดีและข้อเสียของการฉีดเมโสหน้าใส
    • ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดเมโสหน้าใส?
  • References:

การฉีดเมโสหน้าใสคืออะไรและช่วยแก้ปัญหาผิวแบบไหนได้บ้าง?

ฉีดเมโสหน้าใส

การฉีดเมโสหน้าใสคือหัตถการความงามที่เป็นการฉีดสารบำรุงต่างๆ เช่น วิตามิน กรดไฮยาลูรอนิก และสารบำรุงอื่นๆ เข้าสู่ผิวหนังชั้นกลางโดยตรง เพื่อฟื้นฟูและปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม แทนที่จะเป็นการเติมเต็มปริมาตรเหมือนฟิลเลอร์

เมโสหน้าใสสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย ดังนี้

  • ฟื้นฟูผิวที่แห้งกร้านและหมองคล้ำให้กลับมาสดใส
  • ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้น
  • ลดเลือนริ้วรอยตื้นๆ (Fine lines)
  • เพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้แก่ผิว
  • ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและเปล่งปลั่ง มี “ออร่า”

เมโสหน้าใส (Mesotherapy) แตกต่างจากการฉีดหน้าใสแบบอื่นอย่างไร?

เมโสหน้าใสแตกต่างจากการฉีดหน้าใสแบบอื่นที่ส่วนประกอบและเป้าหมายหลักในการทำงาน โดยเมโสหน้าใสจะเน้นการใช้สารอาหารหลากหลายชนิดเพื่อฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวม ในขณะที่การฉีดแบบอื่น เช่น สกินบูสเตอร์ (Skin Boosters) จะเน้นการให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ และฟิลเลอร์ (Fillers) จะเน้นการเติมเต็มปริมาตรเพื่อปรับโครงสร้างใบหน้า

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างที่สำคัญ:

คุณสมบัติ เมโสหน้าใส (Mesotherapy) สกินบูสเตอร์ (Skin Boosters) ฟิลเลอร์ (Fillers)
เป้าหมายหลัก ฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวม (ผิวเรียบเนียน, กระจ่างใส, กระตุ้นคอลลาเจน) เติมความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึกและสร้างความฉ่ำวาว (Glow) เติมเต็มปริมาตรและปรับโครงสร้างใบหน้า (เช่น ร่องลึก, แก้ม, คาง)
ส่วนประกอบ กรดไฮยาลูรอนิก (HA) แบบไม่เชื่อมขวาง ผสมกับวิตามิน, แร่ธาตุ, และเปปไทด์ กรดไฮยาลูรอนิก (HA) แบบเชื่อมขวางเล็กน้อยเป็นหลัก กรดไฮยาลูรอนิก (HA) แบบเชื่อมขวางหนาแน่น
ผลลัพธ์ ผิวแข็งแรงขึ้น ชุ่มชื้น กระจ่างใส ริ้วรอยตื้นๆ ดูจางลง ไม่เปลี่ยนรูปหน้า ผิวอิ่มฟู ชุ่มชื้น ฉ่ำวาว เห็นผลเรื่องความชุ่มชื้นชัดเจน เติมเต็มร่องลึก ยกกระชับผิว และเปลี่ยนรูปทรงใบหน้าได้อย่างชัดเจน

ส่วนประกอบหลักในตัวยาเมโสหน้าใสมีอะไรบ้าง?

ส่วนประกอบหลักในตัวยาเมโสหน้าใสโดยทั่วไปคือ กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) ร่วมกับสารอาหารผิวอื่นๆ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ กรดอะมิโน และสารต้านอนุมูลอิสระ

ส่วนประกอบเหล่านี้จะทำงานร่วมกันเพื่อฟื้นฟูคุณภาพผิว โดยแต่ละชนิดมีหน้าที่แตกต่างกันไป ดังนี้

  • กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid หรือ HA): ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก
  • วิตามิน: เช่น วิตามิน A, C, E และกลุ่มวิตามิน B ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และสนับสนุนการทำงานของเซลล์ผิว
  • แร่ธาตุ: เช่น สังกะสี (Zinc) และซีลีเนียม (Selenium) ที่จำเป็นต่อกระบวนการซ่อมแซมผิว
  • กรดอะมิโน (Amino Acids): เป็นหน่วยโครงสร้างสำหรับสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่
  • สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants): ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
  • ส่วนประกอบอื่นๆ: บางสูตรอาจมีเปปไทด์ (Peptides) หรือโกรทแฟคเตอร์ (Growth Factors) เพื่อส่งสัญญาณให้เซลล์สร้างคอลลาเจนมากขึ้น

ขั้นตอนการฉีดเมโสหน้าใสเป็นอย่างไร และต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

ขั้นตอนการฉีดเมโสหน้าใสคือการใช้เข็มขนาดเล็กฉีดสารบำรุงเข้าสู่ผิวหนังชั้นกลางโดยตรง และโดยทั่วไปแนะนำให้ทำต่อเนื่อง 4-6 ครั้งเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยแต่ละครั้งควรเว้นระยะห่างกันประมาณ 2-4 สัปดาห์

ขั้นตอนการทำเมโสหน้าใสโดยทั่วไปมีดังนี้

  1. ทำความสะอาดผิวและทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที
  2. แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กมากฉีดตัวยาเป็นจุดเล็กๆ กระจายทั่วใบหน้า
  3. อาจมีการนวดเบาๆ เพื่อให้ตัวยากระจายตัวได้ดี และทาครีมปลอบประโลมผิว
  4. ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที

โดยปกติจะเริ่มเห็นว่าผิวดูสดใสและชุ่มชื้นขึ้นหลังทำครั้งแรกประมาณ 2-3 สัปดาห์ และเมื่อทำครบคอร์สแล้ว ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ซึ่งแพทย์อาจแนะนำให้กลับมาทำซ้ำเพื่อคงสภาพผิวที่ดีไว้

การฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุดทั่วใบหน้าคืออะไร?

การฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุด คือ เทคนิคการฉีดสารละลายเมโสเทอราพีลงบนจุดเฉพาะ 16 จุดทั่วใบหน้า โดยจุดที่ฉีดจะกระจายตัวอย่างสมมาตร (ข้างละ 8 จุด) ซึ่งมักจะตรงกับตำแหน่งของระบบน้ำเหลือง เพื่อให้สารอาหารกระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอ กระตุ้นผิวได้อย่างทั่วถึง และช่วยส่งเสริมการไหลเวียนเพื่อขับของเสียออกจากผิว

ระหว่างการฉีดแบบสะกิดกับการฉีดเข้าชั้นผิวโดยตรง แบบไหนดีกว่ากัน?

ไม่มีเทคนิคใดดีกว่ากันอย่างชัดเจน ทางเลือกขึ้นอยู่กับเป้าหมายการรักษาและปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข

  • การฉีดแบบสะกิด (Nappage): เหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวโดยรวม เพิ่มความกระจ่างใสและความชุ่มชื้นทั่วใบหน้า เทคนิคนี้ทำได้รวดเร็ว ครอบคลุมพื้นที่กว้าง และเจ็บน้อยกว่า
  • การฉีดเข้าชั้นผิวโดยตรง (Point-by-Point): เหมาะสำหรับการรักษาเฉพาะจุด เช่น ริ้วรอยร่องลึก หรือบริเวณที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นการฉีดตัวยาปริมาณมากขึ้นในบริเวณนั้นๆ

ในทางปฏิบัติ แพทย์มักใช้ทั้งสองเทคนิคร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เช่น การฉีดแบบสะกิดทั่วใบหน้าและเน้นฉีดตรงบริเวณที่มีริ้วรอยลึก

ฉีดเมโสหน้าใสเจ็บไหม? และต้องเตรียมตัวก่อนทำอย่างไร?

การฉีดเมโสหน้าใสไม่เจ็บมากนัก โดยทั่วไปจะรู้สึกเหมือนถูกเข็มขนาดเล็กจิ้มเบาๆ หรือรู้สึกแสบเล็กน้อย เนื่องจากมีการทายาชาเฉพาะที่ก่อนทำหัตถการเพื่อลดความรู้สึกไม่สบายตัว ทำให้เป็นขั้นตอนที่คนส่วนใหญ่ทนได้

สำหรับการเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ มีคำแนะนำดังนี้:

  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน ในวันก่อนและวันทำหัตถการ
  • มาด้วยใบหน้าที่สะอาด ปราศจากเครื่องสำอาง
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและพร้อมรับสารอาหาร
  • แจ้งประวัติการแพ้ ให้แพทย์ทราบล่วงหน้า เพื่อความปลอดภัย

การฉีดเมโสหน้าใสอันตรายไหม?

โดยทั่วไปแล้ว การฉีดเมโสหน้าใสมีความปลอดภัยสูง หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากเป็นการฉีดสารบำรุงในปริมาณน้อยเข้าสู่ผิวหนังชั้นกลางโดยตรง จึงมีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงทั่วร่างกายต่ำ

ผลข้างเคียงที่พบได้ส่วนใหญ่มักไม่รุนแรงและจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน ได้แก่

  • รอยแดง หรืออาการบวมเล็กน้อย
  • รอยช้ำตามรอยเข็ม
  • ตุ่มนูนเล็กๆ บริเวณที่ฉีด ซึ่งจะยุบไปเอง
  • อาการคันหรือแสบเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงที่พบได้น้อยมาก เช่น การติดเชื้อ (หากอุปกรณ์ไม่สะอาด) หรืออาการแพ้ส่วนผสมในตัวยา ดังนั้นการเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือและแจ้งประวัติการแพ้ให้แพทย์ทราบก่อนทำจึงเป็นสิ่งสำคัญ

อาการแพ้เมโสหน้าใสที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง?

อาการแพ้เมโสหน้าใสที่พบได้ (แม้จะเกิดขึ้นได้น้อย) คือ อาการคันอย่างรุนแรง มีผื่นแดงกระจาย และอาการบวมในบริเวณที่ไม่ได้ฉีด

อาการเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณของการแพ้ที่แท้จริง ซึ่งแตกต่างจากผลข้างเคียงทั่วไป เช่น รอยแดงหรือตุ่มนูนเฉพาะจุดฉีด และควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากเกิดขึ้น โดยความเสี่ยงในการแพ้จะสูงขึ้นเล็กน้อยในเมโสสูตรที่มีส่วนผสมหลายชนิด เมื่อเทียบกับสูตรที่มีเพียงกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) เป็นหลัก

ทำไมบางคนฉีดเมโสหน้าใสแล้วสิวขึ้น?

สาเหตุที่บางคนมีสิวขึ้นหลังฉีดเมโสหน้าใสอาจเป็นผลมาจาก กระบวนการผลัดเซลล์ผิว (skin purging) ที่ถูกเร่งให้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของผิว

สารอาหารและวิตามินในเมโสเทอราพีจะกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้สิวอุดตันที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวหนังถูกดันขึ้นมาบนผิวชั้นบนจนเกิดเป็นสิวเม็ดเล็กๆ หรือสิวหัวขาวได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นที่เป็นไปได้ คือ การอักเสบของรูขุมขนจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หากขั้นตอนการฉีดไม่สะอาดเพียงพอ หรือดูแลผิวหลังทำไม่ถูกวิธี

โดยทั่วไปแล้ว สิวที่เกิดจากกระบวนการนี้มักจะเป็นเพียงชั่วคราวและจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 4-6 สัปดาห์ เมื่อผิวปรับสภาพได้

รอยเข็มหลังฉีดเมโสหน้าใสจะหายไปภายในกี่วัน?

โดยทั่วไป รอยเข็มและรอยนูนเล็กๆ จะหายไปเองภายใน 24–48 ชั่วโมง ส่วนรอยแดงเล็กน้อยมักจะจางลงภายในไม่กี่ชั่วโมงถึง 2 วัน ในกรณีที่เกิดรอยช้ำ อาจใช้เวลาประมาณ 3–5 วันในการหายสำหรับรอยเล็กๆ หรือนานถึง 1–2 สัปดาห์สำหรับรอยช้ำที่ใหญ่ขึ้น

หลังฉีดเมโสหน้าใสควรดูแลตัวเองอย่างไร?

หลังฉีดเมโสหน้าใส ควรดูแลผิวโดยการรักษาความสะอาด หลีกเลี่ยงความร้อน แสงแดด และงดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่รุนแรง เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้ดีและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

ข้อควรปฏิบัติที่สำคัญในช่วงแรก ได้แก่:

  • งดล้างหน้าและแต่งหน้า: ควรหลีกเลี่ยงการล้างหน้าและแต่งหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการติดเชื้อบริเวณรอยเข็ม
  • หลีกเลี่ยงความร้อนและแสงแดด: งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน เช่น ซาวน่า สตรีม ออกกำลังกายอย่างหนัก และหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรงเป็นเวลาอย่างน้อย 2-3 วัน
  • งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรง: หลีกเลี่ยงการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ (AHA) เรตินอล หรือสครับขัดผิวเป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า: ไม่ควรนวด กด หรือเกาบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันการระคายเคือง
  • งดดื่มแอลกอฮอล์: ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาบางชนิด เช่น แอสไพริน ในช่วง 1-2 วันแรก เพื่อลดความเสี่ยงของอาการบวมหรือรอยช้ำ

ข้อห้ามสำคัญหลังฉีดเมโสหน้าใส: อาหารและกิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง

หลังฉีดเมโสหน้าใส ควรหลีกเลี่ยงความร้อน แสงแดด การออกกำลังกายหนัก การดื่มแอลกอฮอล์ และการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้ดีที่สุดและป้องกันผลข้างเคียง

ข้อห้ามสำคัญในช่วง 1-7 วันแรกหลังการรักษา ได้แก่

  • กิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง:
  • ความร้อนและแสงแดด: งดเข้าซาวน่า สตรีม อาบน้ำร้อน และหลีกเลี่ยงการโดนแดดโดยตรงอย่างน้อย 48 ชั่วโมงถึง 1 สัปดาห์ เพื่อลดอาการบวมและป้องกันการอักเสบ
  • การออกกำลังกายหนัก: ควรงดออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงมากเป็นเวลา 1-2 วัน เพื่อไม่ให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงของอาการบวมหรือรอยช้ำ
  • การสัมผัสใบหน้า: ห้ามล้างหน้าประมาณ 24 ชั่วโมงแรก และงดแต่งหน้าเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่รอยเข็ม นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการถูหรือสครับผิวแรงๆ เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
  • อาหารและสารที่ควรหลีกเลี่ยง:
  • แอลกอฮอล์และบุหรี่: ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่เป็นเวลา 2-3 วัน เนื่องจากอาจส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดและทำให้แผลหายช้าลง
  • ยาบางชนิด: หลีกเลี่ยงยาต้านการอักเสบ (เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน) เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงเลือดออก หากจำเป็นให้ใช้ยาพาราเซตามอลแทน
  • อาหารรสจัด: ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและเค็มจัดประมาณ 1-2 วัน เพื่อลดอาการบวมแดงบนใบหน้า
  • ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่รุนแรง: งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอลหรือกรดผลไม้ (AHA) ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวได้ฟื้นตัวเต็มที่

สามารถล้างหน้าหรือแต่งหน้าได้ทันทีหรือไม่?

ไม่ควรล้างหน้าหรือแต่งหน้าทันทีหลังทำเมโสหน้าใส โดยทั่วไปแนะนำให้หลีกเลี่ยงการล้างหน้าและแต่งหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการระคายเคืองบริเวณรอยเข็ม และควรปล่อยให้ผิวได้พักผ่อน

ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดและความร้อนนานแค่ไหน?

โดยทั่วไปแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรงและความร้อนเป็นเวลา 5-7 วันหลังทำเมโสหน้าใส

คำแนะนำนี้รวมถึงการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน เช่น การเข้าซาวน่า ห้องอบไอน้ำ การอาบน้ำร้อน และการออกกำลังกายอย่างหนัก เพื่อลดความเสี่ยงของอาการบวมและการอักเสบ หลังจากพ้นช่วงเวลานี้ไปแล้ว ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำเพื่อป้องกันผิวและรักษาผลลัพธ์ของการรักษา

ผลลัพธ์จากการฉีดเมโสหน้าใสอยู่ได้นานแค่ไหน?

โดยเฉลี่ยแล้ว ผลลัพธ์จากการฉีดเมโสหน้าใสอย่างต่อเนื่องจะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน หลังจากที่เข้ารับการรักษาครบคอร์สแล้ว (โดยทั่วไปคือ 4-6 ครั้ง)

ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงถาวร เนื่องจากสารอาหารต่างๆ เช่น กรดไฮยาลูรอนิกและวิตามินที่ฉีดเข้าไปจะค่อยๆ ถูกร่างกายเผาผลาญไปตามธรรมชาติ ดังนั้น แพทย์จึงมักแนะนำให้กลับมาฉีดซ้ำเพื่อคงสภาพผิวทุกๆ 6-12 เดือน ทั้งนี้ ระยะเวลาของผลลัพธ์ยังขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิต การดูแลผิว และการป้องกันแสงแดดของแต่ละบุคคลด้วย

การฉีดเมโสหน้าใสราคาเท่าไหร่ และมีปัจจัยอะไรที่ส่งผลต่อราคา?

ราคาการฉีดเมโสหน้าใสต่อครั้งโดยทั่วไปจะอยู่ที่หลายร้อยดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 300-700 ดอลลาร์) โดยราคาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง

ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคา ได้แก่:

  • ส่วนผสมของตัวยา (Mesotherapy Cocktail): สูตรที่มีส่วนผสมหลากหลายหรือมีความเข้มข้นสูง เช่น NCTF ที่มีส่วนผสมกว่า 50 ชนิด มักมีราคาสูงกว่าสูตรพื้นฐาน
  • ชื่อเสียงและที่ตั้งของคลินิก: คลินิกที่มีชื่อเสียงหรือตั้งอยู่ในเมืองใหญ่มักมีราคาสูงกว่า
  • บริเวณที่ทำการรักษา: ราคาจะเพิ่มขึ้นหากทำในบริเวณอื่นร่วมด้วย เช่น ใบหน้าพร้อมลำคอและเนินอก
  • จำนวนครั้งที่ทำและแพ็กเกจ: การซื้อเป็นคอร์สหรือแพ็กเกจหลายครั้งมักจะได้ราคาต่อครั้งที่ถูกลง
  • การทำร่วมกับหัตถการอื่น: หากทำเมโสเทอราพีร่วมกับหัตถการอื่น เช่น การทำ Microneedling ก็อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

การฉีดเมโสหน้าใส: ดีจริงไหม และเหมาะกับใคร?

เมโสหน้าใสเป็นวิธีฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวมที่มีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น ความกระจ่างใส และลดเลือนริ้วรอยตื้นๆ โดยให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและใช้เวลาพักฟื้นน้อย

เมโสหน้าใสมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนี้

  • ข้อดี:
  • ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวมให้ดูสุขภาพดีขึ้น เช่น เพิ่มความชุ่มชื้น ความเรียบเนียน และความกระจ่างใส
  • ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้รูปหน้าเปลี่ยนแปลงไป
  • เป็นหัตถการที่เจ็บน้อยและใช้เวลาพักฟื้นสั้นมาก
  • ข้อเสีย:
  • ผลลัพธ์ที่ได้จะค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
  • ต้องทำต่อเนื่อง 4–6 ครั้ง และต้องกลับมาทำซ้ำทุก 6–12 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์
  • ไม่สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยลึกหรือความหย่อนคล้อยที่รุนแรงได้

เมโสหน้าใสเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวต่อไปนี้:

  • ผิวแห้งขาดน้ำ ขาดความสดใส หรือดูอ่อนล้า
  • สีผิวไม่สม่ำเสมอ
  • ริ้วรอยตื้นๆ หรือผิวที่ไม่เรียบเนียน
  • ผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวมให้ดูเปล่งปลั่งและสุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

สรุป 5 ข้อดีและข้อเสียของการฉีดเมโสหน้าใส

การฉีดเมโสหน้าใสมีข้อดีในด้านการฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวมให้ดูเป็นธรรมชาติ แต่ก็มีข้อเสียคือผลลัพธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไปและต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง

ข้อดีและข้อเสียของการฉีดเมโสหน้าใสมีดังนี้

ข้อดี (Pros)

  • ฟื้นฟูคุณภาพผิว: ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้น ลดขนาดรูขุมขน และทำให้ผิวโดยรวมดูกระจ่างใสหรือที่เรียกว่า “meso-glow”
  • ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ: ช่วยปรับปรุงสภาพผิวให้ดีขึ้นโดยไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างใบหน้า ทำให้ดูไม่เหมือนการทำศัลยกรรม
  • เจ็บตัวน้อยและพักฟื้นไม่นาน: เป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงต่ำและใช้เวลาพักฟื้นสั้น ผู้รับบริการส่วนใหญ่สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เกือบจะในทันที
  • ปรับสูตรได้หลากหลาย: สามารถปรับแต่งส่วนผสมของตัวยาให้เหมาะกับปัญหาผิวของแต่ละบุคคลได้ เช่น ปัญหาผิวแห้งหรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ
  • มีความปลอดภัยสูง: เมื่อทำโดยผู้เชี่ยวชาญและใช้เทคนิคที่ปลอดเชื้อ ความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงรุนแรงนั้นต่ำมาก

ข้อเสีย (Cons)

  • ผลลัพธ์ไม่ชัดเจนในทันที: ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏและไม่สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยลึกหรือความหย่อนคล้อยที่รุนแรงได้
  • ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง: เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจำเป็นต้องทำต่อเนื่อง 4-6 ครั้ง และต้องมีการทำซ้ำเพื่อคงสภาพผิว
  • มีค่าใช้จ่ายสะสม: เนื่องจากต้องทำหลายครั้ง ค่าใช้จ่ายโดยรวมจึงอาจสูงได้
  • อาจเกิดผลข้างเคียงชั่วคราว: หลังทำอาจมีรอยแดง อาการบวม หรือรอยช้ำเล็กน้อยตามรอยเข็ม ซึ่งจะหายไปเองในเวลาไม่กี่วัน
  • อาจรู้สึกไม่สบายผิว: ขั้นตอนการทำเกี่ยวข้องกับการใช้เข็มฉีดยาจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเจ็บหรือไม่สบายผิวได้ แม้จะมีการใช้ยาชาก็ตาม

ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดเมโสหน้าใส?

ผู้ที่ไม่ควรฉีดเมโสหน้าใส ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ที่มีการติดเชื้อบนผิวหนังบริเวณที่จะฉีด และผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด

กลุ่มคนที่ไม่เหมาะกับการทำเมโสหน้าใสโดยละเอียด มีดังนี้

  • หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาความปลอดภัยของส่วนผสมในตัวยาที่อาจส่งผลต่อทารก
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบในตัวยา เช่น แพ้กรดไฮยาลูรอนิก วิตามิน หรือยาชา
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่น มีแผลเปิด เป็นเริม สิวอักเสบรุนแรง หรือโรคผิวหนังอื่นๆ ในบริเวณที่จะฉีด
  • ผู้ที่เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune diseases) โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับผิวหนัง เช่น โรคพุ่มพวง (Lupus)
  • ผู้ที่มีปัญหาการแข็งตัวของเลือด หรือกำลังรับประทานยาละลายลิ่มเลือด เพราะเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำได้ง่าย
  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี เพราะอาจมีความเสี่ยงในการติดเชื้อและแผลหายช้า
  • ผู้ที่มีประวัติการเกิดแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ได้ง่าย
  • ผู้ที่กำลังรักษามะเร็ง หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง

References:

  1. Shotter, S. (n.d.). What is mesotherapy? And is it worth it?. drsophieshotter.com
  2. Hong, W. et al. (n.d.). Facial skin quality improvement after treatment with CPM‐HA20G: Clinical experience in Korea. Journal of Cosmetic Dermatology. wiley.com
  3. Vedamurthy, M. et al. (n.d.). Skin boosters – The upcoming boom in cosmetic dermatology for healthy skin. CosmoDerma. cosmoderma.org
  4. Yantai City Health Commission. (n.d.). 中胚层疗法了解一下!(“Understand Mesotherapy!”). yantai.gov
  5. Skinserity Clinic. (n.d.). Derm Booster – 16-point injection technique. skinserityclinic.com
  6. BFill Clinic. (n.d.). MADE胶原蛋白4cc面部16个点注射 (“MADE collagen 4cc 16-point facial injection”). bfillclinic.com
  7. Diaminy Aesthetics. (n.d.). The Main Mesotherapy Injection Techniques. diaminyaesthetics.com
  8. Diaminy Aesthetics. (n.d.). Comparing Techniques Based on Desired Results. diaminyaesthetics.com
  9. Arda, H. (n.d.). Mesotherapy: What is it? Procedure, Side Effects, and More!. handearda.com
  10. makeO skinnsi. (n.d.). Mesotherapy Session 101: Ultimate Guide to Pre- and Post-Care. makeo.app
  11. BellaViso Medical Center. (n.d.). Understanding the Aftermath of Mesotherapy. bellavisomedicalcenter.ae
  12. Professional Beauty UK. (n.d.). The Purge: Why does skin break out post treatment?. professionalbeauty.co.uk
  13. Boston Derm Advocate. (n.d.). Does Mesotherapy Really Work to Rejuvenate Your Skin?. bostondermadvocate.com
  14. Visodent NYC. (n.d.). Understanding Mesotherapy Pricing – Your Guide. visodentnyc.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
การฉีด Sculptra คืออะไร กระตุ้นคอลลาเจนได้ผลไหม ต้องฉีดกี่ครั้ง?
NextContinue
ผิวหย่อนคล้อย: 9 วิธียกกระชับหน้าเต่งตึง เห็นผลจริง

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube