XERF ยกกระชับผิว | คลื่นวิทยุ RF 2 ความถี่ เทคโนโลยีล่าสุด 2025
XERF คืออะไร? นวัตกรรมยกกระชับผิว Dual-Frequency Monopolar RF
XERF คือเทคโนโลยียกกระชับผิวแบบคลื่นวิทยุขั้วเดียว (Monopolar RF) ที่ใช้พลังงานสองความถี่ (Dual-Frequency) เพื่อให้ความร้อนแก่เนื้อเยื่อผิวในหลายระดับความลึกพร้อมกัน
นวัตกรรมนี้ใช้คลื่นความถี่ 2 ชนิด ได้แก่
- 6.78 MHz: ให้ความร้อนในชั้นหนังแท้ส่วนบนถึงส่วนกลาง เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและกระชับผิวชั้นบน
- 2 MHz: ทะลุผ่านได้ลึกกว่า ลงไปถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนังและชั้นพังผืด SMAS เพื่อยกกระชับโครงสร้างผิวชั้นลึก
การปล่อยพลังงานสองความถี่พร้อมกันทำให้ XERF สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวได้ครอบคลุมทุกชั้น ตั้งแต่ผิวชั้นตื้นไปจนถึงโครงสร้างพยุงผิวชั้นลึก ส่งผลให้ผิวยกกระชับขึ้น ลดเลือนริ้วรอย และปรับกรอบหน้าให้คมชัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีความเจ็บปวดน้อยกว่าเทคโนโลยี RF แบบดั้งเดิม
หลักการทำงานของเทคโนโลยี XERF: เหนือกว่า RF ทั่วไปอย่างไร?
เทคโนโลยี XERF ทำงานโดยใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (RF) สองความถี่พร้อมกัน (Dual-Frequency Monopolar RF) เพื่อส่งพลังงานลงไปในชั้นผิวที่ความลึกต่างกันได้ในครั้งเดียว ซึ่งแตกต่างจาก RF แบบดั้งเดิมที่ใช้เพียงความถี่เดียว
หลักการนี้ทำให้ XERF เหนือกว่า RF ทั่วไป โดยคลื่นความถี่ 6.78 MHz จะกระตุ้นคอลลาเจนในผิวชั้นหนังแท้ (dermis) ส่วนคลื่นความถี่ 2 MHz จะลงไปได้ลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวและชั้นพังผืด SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยกรรมดึงหน้าผ่าตัด การทำงานพร้อมกันของสองความถี่นี้ช่วยให้เกิดการยกกระชับและฟื้นฟูผิวได้หลายมิติในครั้งเดียว โดยไม่ต้องใช้พลังงานสูงเกินไปจนทำให้เจ็บ
นอกจากนี้ XERF ยังมีนวัตกรรมอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเจ็บปวด ได้แก่
- Wave Fit™ Pulse Technology: แบ่งการปล่อยพลังงาน 1 ครั้งออกเป็นชุดคลื่นสั้นๆ หลายชุด ทำให้ความร้อนสะสมอย่างนุ่มนวลและสม่ำเสมอ ช่วยลดความเจ็บปวด
- Integrated Cryogen Delivery (ICD): ระบบปล่อยความเย็นที่ทำงานประสานกับการปล่อยคลื่น RF เพื่อปกป้องผิวชั้นบน ทำให้สามารถส่งพลังงานลงไปกระตุ้นผิวชั้นลึกได้อย่างเต็มที่โดยไม่เสี่ยงต่อการไหม้
- Spider Web Pattern Tip: หัวยิงที่มีการออกแบบเป็นลายใยแมงมุม ช่วยกระจายพลังงานได้อย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอ ป้องกันปัญหาความร้อนสะสมเป็นจุดๆ (hot spots) ที่ขอบหัวยิง
Dual-Frequency RF (6.78 MHz + 2 MHz): ส่งพลังงานลงลึก 3 ระดับชั้นผิว
การผสมผสานคลื่นความถี่ 2 ชนิดทำให้เกิดการให้ความร้อนแบบ 3 มิติ (3-dimensional tissue heating) ซึ่งสามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ครอบคลุมหลายชั้นผิวในการทำทรีตเมนต์เพียงครั้งเดียว โดยแต่ละความถี่จะทำงานในชั้นผิวที่แตกต่างกัน ดังนี้
- คลื่นความถี่ 6.78 MHz ให้ความร้อนในชั้นหนังแท้ส่วนบนถึงส่วนกลาง (superficial to mid-dermis)
- คลื่นความถี่ 2 MHz ลงไปได้ลึกกว่าถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (subcutaneous fat) และชั้นพังผืด SMAS
Wave Fit Pulse และ ICD Cooling: ลดความเจ็บ ปกป้องผิวชั้นบน
เทคโนโลยี Wave Fit™ Pulse และ Advanced Integrated Cryogen Delivery (ICD) เป็นนวัตกรรมสำคัญในเครื่อง XERF ที่ทำงานร่วมกันเพื่อลดความเจ็บปวดและปกป้องผิวชั้นบนระหว่างการรักษา โดยทั้งสองเทคโนโลยีทำงานดังนี้
- Wave Fit™ Pulse: เทคโนโลยีนี้จะแบ่งพลังงานคลื่นวิทยุ (RF) 1 ช็อต ออกเป็นคลื่นพลังงานย่อยๆ หลายลูก (micro-pulses) ทำให้ความร้อนค่อยๆ สะสมในเนื้อเยื่ออย่างนุ่มนวลและสม่ำเสมอ แทนที่จะปล่อยพลังงานสูงในครั้งเดียว จึงช่วยลดความเจ็บปวดได้อย่างมีนัยสำคัญ
- ICD Cooling: เป็นระบบปล่อยความเย็น (cryogen) ที่ทำงานประสานกับการปล่อยพลังงาน โดยจะพ่นสเปรย์ความเย็นลงบนผิวชั้นบน (epidermis) ในทุกๆ ช็อต เพื่อป้องกันผิวไหม้และลดความรู้สึกไม่สบาย ในขณะที่ผิวชั้นลึกยังคงได้รับความร้อนในระดับที่จำเป็นต่อการกระตุ้นคอลลาเจน
Spider Pattern Effector: กระจายพลังงานสม่ำเสมอ ป้องกัน Hotspot
Spider Pattern Effector คือหัวทิปของเครื่อง XERF ที่มีดีไซน์ขั้วไฟฟ้าเป็นเอกลักษณ์ซึ่งช่วยกระจายพลังงานคลื่นวิทยุ (RF) ในรูปแบบคล้ายใยแมงมุม การออกแบบนี้ช่วยให้ความร้อนกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอทั่วบริเวณที่ทำการรักษา และช่วยกำจัดปัญหา “Hotspot” หรือจุดความร้อนสะสมที่ขอบหัวทิป ซึ่งเคยเป็นปัญหาในหัวทิปสี่เหลี่ยมรุ่นเก่า ทำให้การรักษามีความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงขึ้น
XERF ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณใดได้บ้าง?
เทคโนโลยี XERF สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้หลายบริเวณ โดยเฉพาะใบหน้าส่วนล่าง กรอบหน้า ใต้คาง และลำคอ เทคโนโลยีนี้มีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวในบริเวณต่างๆ ดังนี้
- ใบหน้าส่วนล่างและกรอบหน้า: ช่วยยกกระชับแก้มที่หย่อนคล้อย ลดความหย่อนของร่องแก้ม (jowls) และทำให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น
- ใต้คาง: ช่วยลดไขมันใต้คางหรือ “เหนียง” ทำให้บริเวณใต้คางดูกระชับขึ้น
- ลำคอ: ช่วยลดความเหี่ยวย่นของผิวหนังบริเวณลำคอ (turkey neck) และทำให้คอดูยกกระชับขึ้น
- รอบดวงตาและหน้าผาก: สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ และความหย่อนคล้อยเล็กน้อยบริเวณรอบดวงตาได้
ยกกระชับกรอบหน้า ลดแก้มย้อย ปรับหน้าเรียว
XERF สามารถช่วยยกกระชับกรอบหน้า ลดแก้มที่หย่อนคล้อย และปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นได้ ด้วยเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ 2 ความถี่ (Dual-Frequency RF) โดยเฉพาะคลื่นความถี่ 2 MHz ที่สามารถส่งพลังงานลงไปได้ลึกถึงชั้นไขมันใต้คางและชั้นพังผืด SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า
พลังงานความร้อนจะทำให้เกิดการหดตัวของเนื้อเยื่อและเส้นใยคอลลาเจน ส่งผลให้เกิดการ “ดึงขึ้น” ของผิวบริเวณใบหน้าส่วนล่าง ทำให้แก้มที่หย่อนคล้อย (Jowls) ดูกระชับขึ้น กรอบหน้าคมชัดขึ้น และช่วยลดไขมันใต้คาง ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูเรียวและได้รูปมากขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
สลายไขมันใต้คาง ลดเหนียง คืน V-Line
XERF สามารถช่วยลดไขมันใต้คาง (เหนียง) และปรับกรอบหน้าให้เรียวเป็น V-Line ได้ เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ใช้คลื่นความถี่ 2 MHz ที่สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนังและแผ่นพังผืด (Fibrous Septa) บริเวณใต้คางและแนวกรามโดยเฉพาะ
การให้ความร้อนในระดับลึกนี้จะช่วยลดไขมันสะสมใต้คาง พร้อมกับกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนและเนื้อเยื่อพังผืด ทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยกระชับขึ้น ส่งผลให้กรอบหน้าดูคมชัดและเรียวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ลดเลือนริ้วรอย กระชับรูขุมขนทั่วใบหน้า
เทคโนโลยี XERF สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและกระชับรูขุมขนได้ โดยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ ซึ่งส่งผลให้ผิวมีความเรียบเนียนและรูขุมขนดูเล็กลง การศึกษาทางคลินิกยังพบว่า XERF สามารถลดความลึกของริ้วรอยและขนาดของรูขุมขนได้ โดยเฉพาะริ้วรอยตื้นๆ บริเวณรอบดวงตาและหน้าผาก
ฟื้นฟูผิวรอบดวงตาและลำคอที่หย่อนคล้อย
เทคโนโลยี XERF สามารถฟื้นฟูผิวรอบดวงตาและลำคอที่หย่อนคล้อยได้ โดยใช้การตั้งค่าความลึกที่แตกต่างกันเพื่อจัดการกับปัญหาเฉพาะจุดในแต่ละบริเวณ
- รอบดวงตา: XERF ใช้โหมดตื้น (shallow-mode) เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนในผิวชั้นบนโดยเฉพาะ ช่วยลดเลือนริ้วรอยตีนกาและความเหี่ยวย่นใต้ตา ทำให้ผิวบริเวณดังกล่าวเรียบเนียนขึ้น
- ลำคอ: XERF ใช้คลื่นความถี่ลึก 2 MHz ซึ่งสามารถทะลุผ่านผิวหนังบริเวณลำคอที่หนาและชั้นไขมันใต้คางได้ ช่วยกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ลดเหนียง และลดลักษณะคอที่เหี่ยวย่น (turkey neck) ที่มีความหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
เปรียบเทียบ XERF กับเทคโนโลยียกกระชับอื่นๆ
XERF vs Thermage: แตกต่างกันอย่างไร?
XERF แตกต่างจาก Thermage ตรงที่ใช้เทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ (RF) แบบขั้วเดียวสองความถี่ (Dual-Frequency Monopolar RF) ในขณะที่ Thermage ใช้คลื่นความถี่เดียว ซึ่งส่งผลให้เกิดความแตกต่างในด้านการทำงาน ความรู้สึกขณะทำ และประสิทธิภาพ
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง XERF และ Thermage:
| คุณสมบัติ | XERF | Thermage |
|---|---|---|
| เทคโนโลยี | ใช้คลื่น 2 ความถี่ (6.78 MHz + 2 MHz) ทำให้พลังงานลงลึกได้หลายระดับชั้นผิวพร้อมกัน ตั้งแต่ผิวชั้นตื้นไปจนถึงชั้นไขมันใต้ผิวและ SMAS | ใช้คลื่นความถี่เดียว (6.78 MHz) ซึ่งเน้นการทำงานที่ผิวชั้นหนังแท้เป็นหลัก |
| ความรู้สึกขณะทำ | เจ็บน้อยกว่าอย่างชัดเจน ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา เนื่องจากมีระบบทำความเย็นและเทคโนโลยีปล่อยพลังงานที่นุ่มนวล | มีความเจ็บมากกว่า และในอดีตมักต้องใช้ยาชาหรือการจัดการความเจ็บปวดร่วมด้วย |
| ประสิทธิภาพ | หัวทิปมีขนาดใหญ่กว่า 50% และให้พลังงานรวมสูงกว่าในจำนวนช็อตที่เท่ากัน ทำให้ใช้เวลาในการทำน้อยลงและเห็นผลชัดเจนในการยกกระชับ | หัวทิปเล็กกว่าและให้พลังงานต่อช็อตน้อยกว่า |
| ความปลอดภัย | มีเทคโนโลยีกระจายพลังงานแบบ “ใยแมงมุม” (Spider Web Pattern) และระบบตรวจจับแรงต้านผิวแบบเรียลไทม์ ช่วยลดความเสี่ยงผิวไหม้และทำให้พลังงานสม่ำเสมอ | รุ่นเก่าอาจมีความเสี่ยงเกิดความร้อนสะสมที่ขอบหัวทิปได้ |
| ค่าใช้จ่ายและความยืดหยุ่น | หัวทิปไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาหรือจำนวนช็อต ทำให้สามารถปรับแผนการรักษาได้ยืดหยุ่นและอาจมีต้นทุนต่อครั้งที่ต่ำกว่า | หัวทิปมีวันหมดอายุและจำกัดจำนวนช็อต ทำให้มีราคาสูงและมีความยืดหยุ่นในการรักษาน้อยกว่า |
XERF vs Ulthera/HIFU: เลือกเครื่องไหนให้เหมาะกับปัญหาผิว
การเลือกระหว่าง XERF และ Ulthera/HIFU ขึ้นอยู่กับปัญหาผิว โดย HIFU จะเน้นการยกกระชับผิวชั้นลึก ส่วน XERF จะเน้นการกระชับผิวโดยรวมและปรับปรุงคุณภาพผิวให้เรียบเนียน ทั้งสองเทคโนโลยีใช้หลักการทำงานที่แตกต่างกันและเหมาะกับสภาพผิวที่ต่างกัน ดังนี้
| คุณสมบัติ | XERF (คลื่นวิทยุ RF) | Ulthera/HIFU (อัลตราซาวด์) |
|---|---|---|
| หลักการทำงาน | ใช้คลื่นวิทยุ (RF) สองความถี่ให้ความร้อนเป็นวงกว้างทั่วทั้งชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิว | ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง (HIFU) สร้างจุดความร้อนขนาดเล็กเฉพาะจุดที่ชั้นผิวลึก (SMAS) |
| เหมาะสำหรับ | กระชับผิวที่หย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง, ลดริ้วรอยเล็กๆ, ปรับผิวให้เรียบเนียน และปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม | ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยปานกลางถึงมาก, ยกคิ้ว, เก็บกรอบหน้าที่หย่อน หรือเหนียงที่เห็นได้ชัด |
| ความรู้สึกขณะทำ | รู้สึกอุ่นสบาย ไม่เจ็บ หรือเจ็บน้อยมาก (ระดับ 2-3/10) | อาจรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ หรือปวดหน่วงๆ บริเวณกระดูก (ระดับ 5-7/10) |
| ผู้ที่เหมาะกับเครื่องนี้ | ผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวมให้แน่นกระชับขึ้น หรือผู้ที่มีความกังวลเรื่องความเจ็บ | ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ด้านการ “ยก” ที่ชัดเจน คล้ายการทำมินิเฟซลิฟต์ |
ในหลายกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ทำทั้งสองอย่างร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยใช้ HIFU เพื่อยกโครงสร้างผิวชั้นลึกก่อน แล้วตามด้วย XERF เพื่อกระชับผิวชั้นบนและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนยิ่งขึ้น
ใครเหมาะกับการทำ XERF?
ผู้ที่เหมาะกับการทำ XERF คือผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง มีริ้วรอย หรือผิวขาดความกระชับ และต้องการการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดเพื่อยกกระชับใบหน้าและลำคอให้ดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น
XERF เหมาะอย่างยิ่งสำหรับบุคคลในกลุ่มต่อไปนี้:
- ผู้ที่มีความกังวลเรื่องความหย่อนคล้อยในระยะเริ่มต้น เช่น กรอบหน้าไม่คมชัด แก้มตก มีเหนียง หรือผิวรอบดวงตาเริ่มไม่กระชับ
- ผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการรักษาที่ต้องใช้เข็ม การฉีด หรือการผ่าตัด
- ผู้ที่เคยรู้สึกว่าการรักษาด้วยเครื่องมืออื่น เช่น HIFU เจ็บเกินไป เนื่องจาก XERF เป็นการรักษาที่เจ็บน้อยกว่ามาก
- สามารถทำได้ทุกเพศและทุกสีผิว เนื่องจากพลังงาน RF ไม่ได้มีเป้าหมายที่เม็ดสีผิว
อย่างไรก็ตาม XERF อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยรุนแรง ซึ่งอาจต้องพิจารณาการผ่าตัดเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่า
ขั้นตอนการทำ XERF: เจ็บไหม ใช้เวลานานเท่าไหร่?
การทำ XERF ให้ความรู้สึกอุ่นๆ คล้ายการนวดด้วยหินร้อนและไม่เจ็บปวดมากนัก โดยขั้นตอนการทำค่อนข้างรวดเร็วและมักไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา
ระหว่างการทำ ผู้รับบริการจะรู้สึกถึงความร้อนเป็นจังหวะสลับกับความเย็นที่ผิวชั้นบน ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยี Wave Fit™ ที่ปล่อยพลังงานเป็นชุดคลื่นสั้นๆ และระบบให้ความเย็น (ICD) ที่ทำงานไปพร้อมกัน ทำให้ผิวชั้นบนได้รับการปกป้องในขณะที่ความร้อนลงไปกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความรู้สึกโดยรวมจึงสบายกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องมือรุ่นเก่า โดยมีระดับความเจ็บเฉลี่ยเพียง 2-3 จาก 10 คะแนน
นอกจากนี้ ระยะเวลาในการทำยังสั้นลง เนื่องจากหัวยิงของ XERF มีขนาดใหญ่กว่าและให้พลังงานรวมต่อช็อตสูงกว่า ทำให้สามารถครอบคลุมพื้นที่การรักษาได้เร็วยิ่งขึ้น
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ XERF นั้น ไม่ซับซ้อน โดยหลักๆ คือการงดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง และมาถึงคลินิกด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอางและเครื่องประดับโลหะ
โดยทั่วไป การเตรียมตัวจะเริ่มต้นจากการปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม จากนั้นจึงปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์แรง เช่น กรดหรือเรตินอยด์ ประมาณ 1-2 วันก่อนทำ
- ในวันนัดหมาย ควรมาด้วยใบหน้าที่สะอาด ไม่แต่งหน้า ไม่ทาโลชั่น และถอดเครื่องประดับที่เป็นโลหะออกทั้งหมด
เมื่อถึงคลินิก เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดผิวอีกครั้งและติดแผ่นสื่อไฟฟ้า (Grounding Pad) ที่ร่างกาย เช่น บริเวณหลังหรือต้นขา เพื่อให้เครื่องทำงานได้อย่างสมบูรณ์ โดยส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องทายาชา ซึ่งทำให้ขั้นตอนการเตรียมตัวรวดเร็วขึ้น
ความรู้สึกระหว่างทำและระยะเวลาที่ใช้
ระหว่างการทำ XERF จะรู้สึกอุ่นสบายผิวคล้ายการนวดด้วยหินร้อน สลับกับความเย็น และใช้เวลาในการทำน้อยกว่าเทคโนโลยีรุ่นก่อน เนื่องจากมีการผสมผสานเทคโนโลยีที่ช่วยลดความเจ็บปวดและเพิ่มประสิทธิภาพ
- ความรู้สึกระหว่างทำ: ผู้รับบริการส่วนใหญ่จะรู้สึกถึงความร้อนที่อุ่นสบาย ไม่เจ็บปวด โดยมีคะแนนความเจ็บเฉลี่ยเพียง 2-3 เต็ม 10 และไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา ในแต่ละช็อตที่ปล่อยพลังงานจะรู้สึกอุ่นลึกใต้ผิวสลับกับความเย็นจากสเปรย์ไครโอเจนที่ปล่อยออกมาพร้อมกันเพื่อปกป้องผิวชั้นบน ทำให้รู้สึกสบายผิวตลอดการรักษา
- ระยะเวลาที่ใช้: การรักษาใช้เวลาสั้นลง เนื่องจากหัวยิงของ XERF มีขนาดใหญ่กว่าเทคโนโลยีรุ่นก่อนถึง 50% ทำให้ครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่าในแต่ละช็อต ส่งผลให้ใช้จำนวนช็อตน้อยลงแต่ได้พลังงานที่เทียบเท่าหรือสูงกว่า ทำให้การรักษาทั้งใบหน้าและลำคอเสร็จสิ้นได้รวดเร็วจนถูกเรียกว่าเป็น “Lunchtime Lift”
การดูแลตัวเองหลังทำ XERF เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การดูแลตัวเองหลังทำ XERF เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือการดูแลผิวอย่างอ่อนโยนในช่วงแรก ควบคู่ไปกับการบำรุงและปกป้องผิวในระยะยาว ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนและคงสภาพผิวที่ยกกระชับไว้ได้นานขึ้น
การดูแลในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงความร้อน: งดการออกกำลังกายหนัก ซาวน่า หรืออาบน้ำร้อน เพื่อป้องกันความร้อนส่วนเกินบนผิว
- ดูแลผิวอย่างอ่อนโยน: ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนและทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติหากไม่มีอาการแดง
- ป้องกันแสงแดด: ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
การดูแลในระยะยาว
- ใช้ครีมกันแดดสม่ำเสมอ: การป้องกันผิวจากรังสียูวีเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาระดับคอลลาเจน
- บำรุงผิว: หลังจากผ่านไป 2-3 วัน สามารถกลับมาใช้สกินแคร์กลุ่ม active เช่น วิตามินซี หรือเรตินอยด์ เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- รักษาสุขภาพ: การงดสูบบุหรี่และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยส่งเสริมกระบวนการซ่อมแซมและสร้างคอลลาเจนของร่างกาย
- ทำทรีตเมนต์ซ้ำ: เพื่อคงผลลัพธ์ไว้ แนะนำให้กลับมาทำทรีตเมนต์ซ้ำทุกๆ 6-12 เดือน
ผลลัพธ์หลังทำ XERF: เห็นผลเมื่อไหร่ และอยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์หลังทำ XERF จะเริ่มเห็นผลชัดเจนที่สุดในช่วง 2-3 เดือนหลังทำ และคงอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
แม้ว่าบางครั้งอาจรู้สึกว่าผิวกระชับขึ้นเล็กน้อยในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นในช่วง 2-3 เดือนถัดมา และจะเห็นผลเต็มที่ที่สุดในช่วง 3-6 เดือน เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างสมบูรณ์
โดยทั่วไปผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี และแนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุกๆ 6-12 เดือนเพื่อรักษาสภาพผิวและกระตุ้นคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง
ผลลัพธ์ทันทีหลังทำและผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด
หลังทำ XERF จะรู้สึกว่าผิวกระชับขึ้นเล็กน้อยในทันที แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานที่สุดจะค่อยๆ ปรากฏในช่วง 2-3 เดือนหลังการรักษา
ผลลัพธ์ที่เห็นในทันทีเกิดจากการหดตัวของคอลลาเจนและอาการบวมของเนื้อเยื่อเล็กน้อย ซึ่งอาจเป็นผลชั่วคราว ส่วนผลลัพธ์ที่ชัดเจนและคงอยู่ยาวนานจะเกิดขึ้นจากการที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ โดยจะเห็นผลดีขึ้นเรื่อยๆ และชัดเจนที่สุดในช่วง 2-3 เดือน และอาจต่อเนื่องไปจนถึง 6 เดือนหลังทำ
ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล และควรทำซ้ำบ่อยแค่ไหน?
โดยทั่วไปจะเห็นผลลัพธ์หลังทำเพียง 1 ครั้ง และแนะนำให้ทำซ้ำทุก 6-12 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์ไว้
แม้ว่าบางรายอาจรู้สึกว่าผิวกระชับขึ้นเล็กน้อยทันทีหลังทำ แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นในช่วง 2-3 เดือน และจะเห็นผลเต็มที่ในเวลาประมาณ 3-6 เดือนหลังการรักษา
ความถี่ในการทำซ้ำขึ้นอยู่กับอายุและสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแนะนำให้ทำปีละ 1 ครั้งเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีอายุน้อยอาจเว้นระยะได้นานถึง 1.5-2 ปี ในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากหรือมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมากอาจต้องทำซ้ำทุก 6-9 เดือน
ความปลอดภัย ผลข้างเคียง และข้อห้ามในการทำ XERF
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดคือ อาการบวมแดงเล็กน้อยซึ่งจะหายไปเองชั่วคราว
โดยทั่วไปแล้ว อาการแดงและบวมเล็กน้อยจะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมงถึงหนึ่งวันหลังการรักษา ผู้ป่วยอาจรู้สึกอุ่นหรือตึงที่ผิว รวมถึงอาจรู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อยบริเวณแนวกระดูก ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน
สำหรับผลข้างเคียงที่พบได้ยากมาก ได้แก่:
- แผลพุพองขนาดเล็ก
- การฝ่อตัวของไขมันใต้ผิวหนัง (หน้าตอบ)
- การระคายเคืองเส้นประสาทชั่วคราว
ข้อห้ามสำหรับผู้ที่ไม่ควรทำ XERF
ผู้ที่ไม่ควรทำ XERF คือ สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร, ผู้ที่ใส่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในร่างกาย, และผู้ที่มีโลหะฝังอยู่ในบริเวณที่ทำ
นอกจากนี้ยังมีข้อห้ามสำหรับกลุ่มอื่น ๆ ดังนี้:
- ผู้ที่ใส่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker)
- ผู้ที่มีโลหะฝังอยู่ในบริเวณที่จะทำ เช่น ไหมทองคำ หรือแผ่นโลหะ
- ผู้ที่มีการติดเชื้อ, แผลเปิด, หรือโรคผิวหนังที่ยังแสดงอาการในบริเวณที่จะทำ
- ผู้ที่มีภาวะป่วยรุนแรงซึ่งส่งผลต่อการสมานแผล เช่น โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้
- ผู้ที่เพิ่งทำหัตถการอื่น ๆ ในบริเวณเดียวกัน เช่น ฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ (ควรรอ 2-4 สัปดาห์) หรือร้อยไหม (ควรรอประมาณ 1 เดือน)
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ XERF (FAQs)
ทำ XERF เจ็บไหม?
การทำ XERF แทบไม่เจ็บ และโดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะรู้สึกเหมือนการนวดด้วยหินร้อน คือรู้สึกอุ่นๆ ลึกๆ ที่ผิว สลับกับความเย็นจากหัวสเปรย์ ไม่ใช่ความเจ็บปวดที่รุนแรง โดยระดับความเจ็บจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 จาก 10 คะแนนเท่านั้น เนื่องจากเทคโนโลยี XERF มีนวัตกรรมที่ช่วยลดความเจ็บปวด ได้แก่
- Wave Fit™ Pulse Technology: แบ่งการปล่อยพลังงานออกเป็นชุดคลื่นย่อยๆ ทำให้ความร้อนค่อยๆ สะสมอย่างสม่ำเสมอ ไม่เกิดความร้อนพุ่งสูงจนเจ็บ
- Integrated Cryogen Delivery (ICD): ระบบให้ความเย็นที่ทำงานพร้อมกับการปล่อยพลังงาน RF ช่วยปกป้องผิวชั้นบนไม่ให้ร้อนเกินไป ทำให้รู้สึกสบายผิวตลอดการทำ
ต้องพักฟื้นกี่วัน? หลังทำแต่งหน้าได้เลยหรือไม่?
โดยทั่วไปแล้วไม่จำเป็นต้องพักฟื้น และสามารถแต่งหน้าได้ในวันเดียวกันหลังการรักษา ผู้รับการรักษาสามารถกลับไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติทันที โดยอาจมีรอยแดงเล็กน้อยซึ่งจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมง หลังจากรอยแดงจางลงก็สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
ผลลัพธ์จากการทำ XERF อยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์ความกระชับของผิวจากการทำ XERF สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน โดยทั่วไปแนะนำให้กลับมาทำซ้ำทุกปีเพื่อรักษาสภาพผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง
ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานที่สุดจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นในช่วง 2-3 เดือนหลังทำ อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาของผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ สภาพผิว และไลฟ์สไตล์ ผู้ที่มีอายุน้อยอาจคงผลลัพธ์ได้นานกว่า ในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากอาจต้องกลับมาทำซ้ำเร็วขึ้นที่ 6-9 เดือน
สามารถทำ XERF ร่วมกับหัตถการอื่น เช่น โบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์ได้ไหม?
สามารถทำ XERF ร่วมกับหัตถการอื่น เช่น โบท็อกซ์และฟิลเลอร์ได้ แต่จำเป็นต้องมีการวางแผนและเว้นระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและความปลอดภัย
โดยทั่วไปมีแนวทางปฏิบัติดังนี้:
- หลังฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์: ควรรออย่างน้อย 2–4 สัปดาห์ก่อนทำ XERF เพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนจากคลื่นวิทยุส่งผลต่อการสลายตัวของฟิลเลอร์หรือการกระจายตัวของโบท็อกซ์
- หลังทำ XERF: ควรรอประมาณ 1–2 สัปดาห์เพื่อให้ผิวฟื้นตัวเต็มที่ก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์
ในบางกรณี แพทย์อาจทำ XERF และฉีดโบท็อกซ์ในวันเดียวกันได้ โดยจะทำ XERF ให้เสร็จก่อนแล้วจึงฉีดโบท็อกซ์ในบริเวณที่ต้องการ เพื่อหลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณที่เพิ่งฉีดไป
XERF เหมาะกับคนอายุเท่าไหร่?
XERF เหมาะกับกลุ่มที่มีอายุระหว่าง 30-50 ปี ที่ต้องการแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยระยะเริ่มต้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า เช่นช่วง 20 ปลายๆ ก็สามารถทำเพื่อป้องกัน (Prejuvenation) และชะลอการเกิดความหย่อนคล้อยได้ ในขณะที่ผู้สูงอายุ เช่น วัย 70 ปีขึ้นไป ก็ยังสามารถได้รับประโยชน์ในการปรับปรุงคุณภาพผิวได้เช่นกัน แต่ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนเท่า
XERF ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยหรือไม่?
XERF ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากหน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่งทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA), การรับรองมาตรฐาน CE Mark ในยุโรป, การอนุมัติจากกระทรวงความปลอดภัยอาหารและยาของเกาหลีใต้ (MFDS/KFDA) และการอนุมัติจาก Health Canada ในแคนาดา การรับรองเหล่านี้ยืนยันว่าอุปกรณ์ดังกล่าวได้ผ่านการตรวจสอบด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากลแล้ว
References:
- Ace Clinic Nagoya. (n.d.). XERF – Dual-Frequency Monopolar RF Lift Treatment (Procedure & Q&A). Ace Clinic Nagoya (Japan). ace-clinic.com
- Cynosure Lutronic. (n.d.). Cynosure Lutronic Announces U.S. Clearance of the XERF™ Device, Redefining the Future of Non-Invasive Skin Tightening. Business Wire. businesswire.com
- Chan, C. (n.d.). Japanese Dermatologist Recommends New Skin Tightening Treatment: XERF Dual-Frequency RF for Painless Lifting. Cosmopolitan (HK Edition). cosmopolitan.com
- Cynosure. (n.d.). Cynosure. cynosure.com
- Hanakoganei Ekimae Skin Clinic. (n.d.). XERF (Zāfu) – Next-Generation Dual-Frequency RF Lifting Treatment. Hanakoganei Ekimae Skin Clinic. hanako-skin.com
- Noonopi Plastic Surgery Clinic. (n.d.). XERF vs Thermage: A New Era of Laser Skin Tightening in Korea. Noonopi Clinic Blog. noonopiclinic.com
- Tribeca Aesthetics. (n.d.). XERF Structural Skin Tightening in NYC (Patient Information). Tribeca Aesthetics. tribecaaesthetics.com
- Hong, J., Ryu, H.G., Park, C., et al. (n.d.). Efficacy of dual-frequency noninvasive monopolar radiofrequency in skin tightening: Histological evidence. Skin Research and Technology (Wiley Online Library).
- Byun, J.W., Kang, Y.R., Park, S., Hong, W. (n.d.). Efficacy of Radiofrequency Combined with Single-Dot Ultrasound for Skin Rejuvenation: A Split-Face Trial. Skin Research and Technology. nih.gov





