Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Skincare

เลเซอร์กระชับรูขุมขนเหมาะกับใคร มีแบบไหนบ้าง ต้องทำกี่ครั้ง เห็นผลตอนไหน

Byadmin กันยายน 13, 2025
By นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน Updated on กันยายน 13, 2025
✦ Medically reviewed by  แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร

Table of Contents

Toggle
  • ใครเหมาะกับการทำเลเซอร์กระชับรูขุมขน?
  • ประเภทของเลเซอร์กระชับรูขุมขน: รู้จักเทคโนโลยีที่แตกต่าง
    • กลุ่มเลเซอร์แบบไม่มีแผล (Non-Ablative Lasers)
    • กลุ่มเลเซอร์แบบมีแผลขนาดเล็ก (Fractional Lasers)
    • กลุ่มเลเซอร์พิโค (Picosecond Lasers)
    • เกณฑ์การเลือกประเภทเลเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ
  • ขั้นตอนการรักษา: ต้องทำกี่ครั้งและเมื่อไหร่จะเห็นผล?
    • ระยะเวลาเห็นผลและการฟื้นตัวหลังทำเลเซอร์
    • ผลลัพธ์ที่คาดหวังและความคงทนของผิวที่เรียบเนียน
  • อัตราค่าบริการเลเซอร์กระชับรูขุมขนโดยประมาณ
  • ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกคลินิก
    • การประเมินสภาพผิวโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
    • มาตรฐานของเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้
    • การดูแลก่อนและหลังการรักษาอย่างใกล้ชิด
  • ความเสี่ยง ผลข้างเคียง และข้อควรระวังในการทำเลเซอร์
    • ผลข้างเคียง ความเสี่ยง และข้อควรระวังที่สำคัญมีดังนี้
  • สรุป: เลือกวิธีการเลเซอร์กระชับรูขุมขนที่เหมาะกับคุณ
  • คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
    • เลเซอร์กระชับรูขุมขนเจ็บไหม?
    • ผลลัพธ์จากการทำเลเซอร์อยู่ได้นานแค่ไหน?
    • สามารถทำเลเซอร์ร่วมกับหัตถการอื่นได้หรือไม่?
    • ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารับการรักษา?
    • รูขุมขนกว้างเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง?
    • การทำเลเซอร์ช่วยให้รูขุมขนหายไปถาวรหรือไม่?
  • References:

ใครเหมาะกับการทำเลเซอร์กระชับรูขุมขน?

เลเซอร์กระชับรูขุมขนบนในหน้า

ผู้ที่เหมาะกับการทำเลเซอร์กระชับรูขุมขนคือ ผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรงและมีปัญหารูขุมขนกว้างอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ที่เหมาะสมที่สุดควรมีคุณสมบัติดังนี้

  • สภาพผิว: มีสภาพผิวคงที่ ไม่มีสิวอักเสบรุนแรงหรือการติดเชื้อที่ผิวหนังในขณะที่ทำ
  • สภาพผิวสี: สามารถทำได้ในทุกสภาพผิว แต่ผู้ที่มีผิวขาว (Fitzpatrick skin types I–III) มักจะตอบสนองได้ดีและมีความเสี่ยงต่ำ ส่วนผู้ที่มีผิวสีเข้ม (types IV–VI) ก็สามารถทำได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการตั้งค่าพลังงานเพื่อลดความเสี่ยงของรอยดำ
  • ช่วงวัย: โดยทั่วไปอยู่ในช่วงอายุ 20-50 ปี แต่ผู้สูงวัยที่มีปัญหารูขุมขนกว้างจากความหย่อนคล้อยหรือแสงแดดก็สามารถทำได้เช่นกัน หากมีสุขภาพดี
  • ความคาดหวัง: มีความคาดหวังที่เป็นจริงว่าผลลัพธ์คือการทำให้รูขุมขนดูดีขึ้นและเล็กลง แต่ไม่ใช่การกำจัดให้หายไปอย่างสมบูรณ์
  • ความพร้อม: ยินดีที่จะเข้ารับการรักษาหลายครั้งและปฏิบัติตามคำแนะนำการดูแลผิวหลังทำเลเซอร์อย่างเคร่งครัด

ประเภทของเลเซอร์กระชับรูขุมขน: รู้จักเทคโนโลยีที่แตกต่าง

กลุ่มเลเซอร์แบบไม่มีแผล (Non-Ablative Lasers)

เป็นกลุ่มเลเซอร์ที่ส่งพลังงานความร้อนลงไปกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นหนังแท้โดยไม่ทำลายผิวชั้นนอก ทำให้ไม่มีแผลและใช้เวลาพักฟื้นน้อย เลเซอร์กลุ่มนี้ช่วยกระชับผิวและลดการทำงานของต่อมไขมัน ส่งผลให้รูขุมขนดูเล็กลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ตัวอย่างเลเซอร์ในกลุ่มนี้ ได้แก่:

  • Long-pulsed Nd:YAG 1064 nm: ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและลดความมัน
  • Diode lasers (ประมาณ 1450 nm): มุ่งเป้าไปที่ต่อมไขมันเพื่อลดการผลิตน้ำมันและกระตุ้นคอลลาเจน

การรักษาด้วยเลเซอร์กลุ่มนี้จำเป็นต้องทำหลายครั้งเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่มีความปลอดภัยสูงและเหมาะกับทุกสภาพผิว

กลุ่มเลเซอร์แบบมีแผลขนาดเล็ก (Fractional Lasers)

เลเซอร์กลุ่ม Fractional เป็นเทคโนโลยีที่สร้างลำแสงเลเซอร์ขนาดเล็กจำนวนมากลงไปในผิวหนังเป็นจุดๆ เหมือนตาราง โดยเว้นเนื้อเยื่อรอบๆ ไว้เพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ซึ่งการสร้างบาดแผลขนาดเล็กนี้จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวเรียบเนียนและรูขุมขนกระชับขึ้น

เลเซอร์กลุ่มนี้แบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ

  • Ablative Fractional Lasers (ชนิดมีแผล): เช่น CO₂ และ Er:YAG เลเซอร์ชนิดนี้จะทำให้เกิดแผลขนาดเล็กบนผิวชั้นบน ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนในการปรับสภาพผิว แต่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานขึ้น (ประมาณ 5-7 วัน) และมีความเสี่ยงของผลข้างเคียงสูงกว่า
  • Non-Ablative Fractional Lasers (ชนิดไม่มีแผล): เช่น Er:Glass และ Thulium เลเซอร์จะส่งพลังงานความร้อนลงไปใต้ผิวโดยไม่ทำลายผิวชั้นบน ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ มีผลข้างเคียงน้อยและใช้เวลาพักฟื้นสั้นกว่า (ประมาณ 1-3 วัน) แต่ต้องทำหลายครั้งเพื่อให้เห็นผลชัดเจน

กลุ่มเลเซอร์พิโค (Picosecond Lasers)

เลเซอร์พิโคคือเลเซอร์ที่ปล่อยพลังงานในช่วงเวลาสั้นมากระดับหนึ่งในล้านล้านวินาที เพื่อสร้างแรงกระแทกเชิงกลใต้ผิวหนังแทนการใช้ความร้อนโดยตรง กลไกหลักนี้เรียกว่า Laser-Induced Optical Breakdown (LIOB) ซึ่งเป็นการสร้างฟองอากาศขนาดเล็กในชั้นหนังแท้เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่

เนื่องจากเลเซอร์พิโคสร้างความร้อนน้อยและไม่ทำลายผิวชั้นบน จึงมีข้อดีคือ:

  • ใช้เวลาพักฟื้นสั้นมาก โดยมีเพียงรอยแดงเล็กน้อยที่มักหายไปภายใน 24-48 ชั่วโมง
  • มีความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวสีเข้มหรือชาวเอเชีย เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำที่จะเกิดรอยดำหลังการรักษา (Post-Inflammatory Hyperpigmentation)
  • มีประสิทธิภาพในการกระชับรูขุมขน และปรับปรุงผิวสัมผัสให้เรียบเนียนขึ้น โดยงานวิจัยพบว่าให้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับเลเซอร์กลุ่มอื่น แต่เจ็บน้อยกว่า

เกณฑ์การเลือกประเภทเลเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ

การเลือกประเภทเลเซอร์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทและสีผิว, สาเหตุของรูขุมขน, ระยะเวลาพักฟื้นที่ยอมรับได้ และงบประมาณ โดยต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะกับแต่ละบุคคล

ปัจจัยสำคัญที่ใช้ในการพิจารณาเลือกประเภทเลเซอร์ ได้แก่:

  • ประเภทและสีผิว: คนผิวขาวมักทนต่อเลเซอร์ที่รุนแรงได้ดีกว่า ในขณะที่คนผิวคล้ำควรใช้เลเซอร์ที่อ่อนโยนกว่า เช่น non-ablative หรือ picosecond เพื่อลดความเสี่ยงของรอยดำหลังการอักเสบ (PIH)
  • สาเหตุของรูขุมขนกว้าง: หากเกิดจากผิวมัน แพทย์อาจแนะนำเลเซอร์ที่ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน แต่หากเกิดจากวัยที่เพิ่มขึ้นและการสูญเสียคอลลาเจน เลเซอร์ที่เน้นการกระตุ้นคอลลาเจนอย่าง fractional laser อาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
  • ระยะเวลาพักฟื้น: หากคุณสามารถพักฟื้นได้นาน (5-7 วัน) เลเซอร์ชนิดผลัดเซลล์ผิว (ablative fractional) จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่หากต้องการพักฟื้นน้อย (1-3 วัน) เลเซอร์ชนิดไม่ผลัดเซลล์ผิว (non-ablative) หรือ picosecond laser จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
  • งบประมาณ: เลเซอร์ชนิดรุนแรงอาจมีค่าใช้จ่ายต่อครั้งสูงแต่ต้องการจำนวนครั้งน้อยกว่า ในขณะที่เลเซอร์ชนิดอ่อนโยนจะมีค่าใช้จ่ายต่อครั้งน้อยกว่าแต่อาจต้องทำหลายครั้ง

ขั้นตอนการรักษา: ต้องทำกี่ครั้งและเมื่อไหร่จะเห็นผล?

การรักษาด้วยเลเซอร์เพื่อกระชับรูขุมขน โดยทั่วไปต้องทำต่อเนื่อง 3-6 ครั้ง และจะเริ่มเห็นผลลัพธ์เบื้องต้นหลังจากการรักษา 1-2 ครั้งแรก ความถี่ในการรักษาจะแตกต่างกันไปตามชนิดของเลเซอร์ โดยเลเซอร์ชนิดที่ไม่มีแผล (Non-ablative) และพิโคเซคเคินด์เลเซอร์ (Picosecond laser) มักทำทุกๆ 2-4 สัปดาห์ ส่วนเลเซอร์ชนิดที่มีแผล (Ablative) ซึ่งมีความเข้มข้นสูงกว่า อาจทำเพียง 1-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกันหลายเดือน

ไทม์ไลน์ของผลลัพธ์โดยทั่วไปมีดังนี้:

  • ผลลัพธ์เบื้องต้น: ภายในไม่กี่สัปดาห์หลังการรักษาครั้งแรก คุณจะเริ่มสังเกตได้ว่าผิวเรียบเนียนขึ้นและรูขุมขนดูจางลงเล็กน้อย
  • ผลลัพธ์เต็มที่: ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดจะปรากฏหลังจากการรักษาครั้งสุดท้ายประมาณ 2-3 เดือน และผิวจะยังคงดีขึ้นอย่างต่อเนื่องไปอีก 6-12 เดือน เนื่องจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิวยังคงดำเนินต่อไป

ระยะเวลาเห็นผลและการฟื้นตัวหลังทำเลเซอร์

โดยทั่วไป ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ในไม่กี่สัปดาห์และเห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน ส่วนการฟื้นตัวจะแตกต่างกันไปตามชนิดของเลเซอร์ โดยเลเซอร์แบบอ่อนโยนใช้เวลาพักฟื้นเพียง 1-2 วัน ในขณะที่เลเซอร์ชนิดที่ทำให้เกิดแผลอาจต้องใช้เวลาพักฟื้นนานถึง 5-7 วัน

ระยะเวลาในการเห็นผล

  • ผลลัพธ์เริ่มต้น: ผิวจะเริ่มเรียบเนียนขึ้นและรูขุมขนดูเล็กลงเล็กน้อยภายในไม่กี่สัปดาห์หลังการรักษาครั้งแรก หรือหลังทำเลเซอร์ชนิด non-ablative ไปแล้ว 1-2 ครั้ง
  • ผลลัพธ์เต็มที่: การลดขนาดของรูขุมขนที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดจะปรากฏขึ้นประมาณ 2-3 เดือนหลังจากการรักษาครั้งสุดท้าย เนื่องจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ต้องใช้เวลา และผิวจะยังคงดีขึ้นอย่างต่อเนื่องได้นานถึง 6-12 เดือน

ระยะเวลาในการฟื้นตัว (Downtime)

  • เลเซอร์ชนิด Non-ablative และ Picosecond: มีระยะเวลาพักฟื้นสั้นมาก โดยอาการบวมแดงเล็กน้อยมักจะหายไปภายใน 24-48 ชั่วโมง
  • เลเซอร์ชนิด Ablative Fractional (มีแผล): ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า โดยจะมีอาการบวมแดง และอาจมีสะเก็ดแผลเล็กๆ ประมาณ 5-7 วัน

ผลลัพธ์ที่คาดหวังและความคงทนของผิวที่เรียบเนียน

โดยทั่วไปแล้วคาดว่าขนาดรูขุมขนจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดประมาณ 20–50% และผลลัพธ์มักจะคงอยู่ได้นานประมาณ 3–5 ปี

ผลลัพธ์ที่ได้คือการลดขนาดหรือความหนาแน่นของรูขุมขนที่มองเห็นได้ ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่กว่า 80% ได้รับการปรับปรุงในระดับ “ปานกลาง” (ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ≥50%) หลังจากการรักษาครบตามจำนวนครั้ง นอกจากนี้ เลเซอร์ยังช่วยให้ผิวโดยรวมเรียบเนียนขึ้นและลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ ได้อีกด้วย

ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำเลเซอร์นั้นค่อนข้างยาวนาน แต่ไม่ถาวร เนื่องจากกระบวนการชราตามธรรมชาติและความเสียหายจากแสงแดดจะยังคงส่งผลต่อผิวหนังต่อไป เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้นานที่สุด แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ ดูแลผิวอย่างเหมาะสม และอาจพิจารณาทำเลเซอร์เพื่อคงสภาพผิวปีละ 1-2 ครั้ง

อัตราค่าบริการเลเซอร์กระชับรูขุมขนโดยประมาณ

อัตราค่าบริการเลเซอร์กระชับรูขุมขนแตกต่างกันอย่างมากตามประเภทของเลเซอร์และภูมิภาค โดยทั่วไป ราคาต่อครั้งสามารถสรุปได้ดังนี้:

  • สหรัฐอเมริกา: ประมาณ 500–2,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 18,000–92,000 บาท)
  • ยุโรป: ประมาณ 300–1,500 ยูโร (ประมาณ 12,000–60,000 บาท)
  • เอเชียตะวันออก (เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, จีน): ประมาณ 150–800 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5,500–29,000 บาท) โดยเกาหลีใต้มีแนวโน้มที่จะมีราคาที่แข่งขันได้มากที่สุด

โดยทั่วไป เลเซอร์ชนิดมีแผล (ablative) จะมีราคาสูงกว่าเลเซอร์ชนิดไม่มีแผล (non-ablative) และเนื่องจากต้องทำหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ค่าใช้จ่ายโดยรวมจึงควรพิจารณาจากจำนวนครั้งที่ต้องทำทั้งหมด

ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกคลินิก

การประเมินสภาพผิวโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การประเมินสภาพผิวโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำเลเซอร์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อเลือกชนิดของเลเซอร์ที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละราย

ในขั้นตอนการประเมิน แพทย์จะพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  • ประเภทสีผิว (Fitzpatrick skin type): เพื่อประเมินความเสี่ยงของผลข้างเคียง เช่น รอยดำหลังการอักเสบ (PIH) โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวสีเข้ม
  • ความรุนแรงของรูขุมขน: เพื่อเลือกชนิดและตั้งค่าพลังงานเลเซอร์ให้เหมาะสมกับปัญหา
  • ประวัติทางการแพทย์: เพื่อตรวจสอบว่าคนไข้มีข้อห้ามในการทำเลเซอร์หรือไม่ เช่น การใช้ยาบางชนิด, โรคประจำตัว หรือประวัติการเกิดแผลเป็นคีลอยด์

การประเมินอย่างละเอียดจะช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้

มาตรฐานของเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้

มาตรฐานของเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้คือต้องเป็นเครื่องที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแล มีการบำรุงรักษาอย่างดี และเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการรักษา

  • การรับรองมาตรฐาน: เครื่องเลเซอร์ควรได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกา หรือมีเครื่องหมาย CE ในยุโรป
  • เทคโนโลยีที่ทันสมัย: เครื่องเลเซอร์รุ่นใหม่มักมีคุณสมบัติขั้นสูง เช่น การปรับตั้งค่าพลังงานและความหนาแน่นของเลเซอร์ได้ละเอียด หรือมีระบบทำความเย็นในตัว ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา
  • ความหลากหลายของเครื่องมือ: คลินิกที่มีคุณภาพมักจะมีเครื่องเลเซอร์หลายชนิด เพื่อให้สามารถเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สุดกับสภาพผิวและปัญหาของคนไข้แต่ละราย
  • การบำรุงรักษา: คลินิกต้องปฏิบัติตามมาตรฐานทางการแพทย์ในการบำรุงรักษาและสอบเทียบเครื่องมืออย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการฆ่าเชื้ออุปกรณ์อย่างถูกต้อง
  • หลีกเลี่ยงเครื่องที่ไม่ได้มาตรฐาน: ควรหลีกเลี่ยงคลินิกที่ใช้เครื่องเลเซอร์ที่ไม่มียี่ห้อหรือไม่มีที่มาที่ไปชัดเจน เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยสูง

การดูแลก่อนและหลังการรักษาอย่างใกล้ชิด

การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมทั้งก่อนและหลังการทำเลเซอร์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อลดผลข้างเคียงและเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การดูแลก่อนการรักษา

  • หลีกเลี่ยงแสงแดด: งดการเผชิญแสงแดดโดยตรงและการอาบแดดเป็นเวลาอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ก่อนการรักษา
  • หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง: งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์หรือกรดผลัดเซลล์ผิวประมาณ 5-7 วันก่อนทำเลเซอร์
  • แจ้งประวัติสุขภาพ: หากมีประวัติเป็นโรคเริม แพทย์อาจให้ยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันการกำเริบ
  • เตรียมผิวในวันรักษา: มาถึงคลินิกด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอางหรือโลชั่น

การดูแลหลังการรักษา

  • ป้องกันแสงแดดอย่างเคร่งครัด: ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงและทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50+ เป็นประจำเมื่อผิวเริ่มแข็งแรงพอ
  • ทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน: ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน หรือเพียงน้ำเปล่า/น้ำเกลือในช่วง 2-3 วันแรก
  • รักษาความชุ่มชื้น: ทามอยส์เจอไรเซอร์หรือขี้ผึ้ง (เช่น ปิโตรเลียมเจล) ตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวและคงความชุ่มชื้น
  • หลีกเลี่ยงการรบกวนผิว: ห้ามแกะ เกา หรือขัดผิวบริเวณที่กำลังลอกเป็นขุย
  • งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ หรือเข้าซาวน่าประมาณ 2-3 วัน เพื่อลดการอักเสบ
  • งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิด: หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์ (active ingredients) เช่น เรตินอยด์หรือกรดต่างๆ จนกว่าแพทย์จะอนุญาต (โดยทั่วไปประมาณ 1-2 สัปดาห์)

ความเสี่ยง ผลข้างเคียง และข้อควรระวังในการทำเลเซอร์

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดคือ อาการแดง บวม และเจ็บเล็กน้อยซึ่งจะหายไปเอง ส่วนความเสี่ยงที่สำคัญกว่าคือการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสี และแผลเป็นซึ่งพบได้ยาก

ผลข้างเคียง ความเสี่ยง และข้อควรระวังที่สำคัญมีดังนี้

  • ผลข้างเคียงที่พบบ่อย:
  • อาการแดงและบวม: เกิดขึ้นทันทีหลังทำ โดยทั่วไปจะหายไปใน 2-3 วันสำหรับเลเซอร์ชนิดอ่อนโยน และนาน 5-7 วันสำหรับเลเซอร์ชนิดมีแผล
  • อาการคัน แห้ง และลอก: เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการฟื้นฟูผิว โดยเฉพาะหลังทำเลเซอร์ชนิดมีแผล
  • ความเจ็บปวด: รู้สึกเหมือนโดนดีดหรือแสบร้อนระหว่างทำ สามารถจัดการได้ด้วยยาชาเฉพาะที่และการประคบเย็น
  • ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน:
  • รอยดำหลังการอักเสบ (PIH): เป็นความเสี่ยงสำคัญ โดยเฉพาะในผู้ที่มีสีผิวเข้ม ซึ่งผิวอาจมีสีคล้ำขึ้นชั่วคราวหลังทำเลเซอร์
  • แผลเป็น: พบได้น้อยมาก (<1%) มักเกิดจากการตั้งค่าพลังงานที่รุนแรงเกินไป หรือในผู้ที่มีแนวโน้มเป็นแผลเป็นคีลอยด์ได้ง่าย
  • การติดเชื้อ: อาจเกิดการกำเริบของโรคเริมหรือการติดเชื้อแบคทีเรียหากดูแลแผลไม่ดีพอ
  • ข้อห้ามและข้อควรระวัง:
  • ผู้ที่กำลังมีการติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่น สิวอักเสบรุนแรง หรือเริม
  • ผู้ที่ใช้ยาไอโซเตรติโนอิน (Isotretinoin) ในช่วง 6-12 เดือนที่ผ่านมา
  • สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลเป็นคีลอยด์ หรือมีภาวะไวต่อแสง
  • ควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดจัดและการใช้ยาที่ทำให้ผิวไวต่อแสงก่อนทำเลเซอร์

สรุป: เลือกวิธีการเลเซอร์กระชับรูขุมขนที่เหมาะกับคุณ

การเลือกเลเซอร์กระชับรูขุมขนที่เหมาะสมที่สุดคือการพิจารณาสภาพผิว สาเหตุของรูขุมขน ระยะเวลาพักฟื้นที่ยอมรับได้ และงบประมาณ โดยปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การตัดสินใจร่วมกับแพทย์ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้:

  • สาเหตุของรูขุมขน: หากเกิดจากผิวมัน อาจเหมาะกับเลเซอร์ที่ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน แต่หากเกิดจากวัยและความหย่อนคล้อย อาจเหมาะกับเลเซอร์ที่เน้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
  • ระยะเวลาพักฟื้น: เลเซอร์ชนิดมีแผล (Ablative) ให้ผลลัพธ์ชัดเจนแต่ต้องพักฟื้นนาน (ประมาณ 5-7 วัน) ในขณะที่เลเซอร์ชนิดไม่มีแผล (Non-ablative) และพิโคเลเซอร์ (Picosecond) แทบไม่ต้องพักฟื้น แต่เห็นผลแบบค่อยเป็นค่อยไปและต้องทำหลายครั้ง
  • สีผิว: ผู้ที่มีผิวสีเข้มมีความเสี่ยงที่จะเกิดรอยดำหลังทำเลเซอร์ (PIH) ได้ง่ายกว่า ดังนั้นแพทย์อาจแนะนำเลเซอร์กลุ่มที่อ่อนโยนกว่า เช่น พิโคเลเซอร์ เพื่อลดความเสี่ยง
  • งบประมาณ: เลเซอร์ชนิดที่รุนแรงอาจมีค่าใช้จ่ายต่อครั้งสูงแต่ทำน้อยครั้งกว่า ในขณะที่เลเซอร์ชนิดอ่อนโยนจะมีค่าใช้จ่ายต่อครั้งน้อยกว่าแต่ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

เลเซอร์กระชับรูขุมขนเจ็บไหม?

ระดับความเจ็บปวดจากการทำเลเซอร์กระชับรูขุมขนนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์ที่ใช้และความทนทานต่อความเจ็บปวดของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปความรู้สึกจะคล้ายกับหนังยางดีดเบาๆ หรือรู้สึกอุ่นๆ บนผิว

  • เลเซอร์ชนิดไม่มีแผล (Non-ablative): เจ็บน้อยที่สุด มักจะใช้เพียงยาชาเฉพาะที่แบบทาหรือการเป่าลมเย็นก็เพียงพอ
  • เลเซอร์ชนิดมีแผลแบบ Fractional (Ablative Fractional): จะเจ็บกว่าและอาจต้องใช้ยาชาเฉพาะที่ การบล็อกเส้นประสาท หรือยาระงับความรู้สึกร่วมด้วย
  • เลเซอร์พิโค (Picosecond): อาจให้ความรู้สึกเจ็บลึกๆ แต่ใช้เวลาทำไม่นาน และผู้ป่วยหลายคนรู้สึกว่าเจ็บน้อยกว่าเลเซอร์กลุ่ม Fractional

โดยรวมแล้ว คลินิกส่วนใหญ่มีวิธีการจัดการความเจ็บปวด เช่น การทายาชาและการใช้เครื่องเป่าลมเย็น เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายที่สุดระหว่างการรักษา

ผลลัพธ์จากการทำเลเซอร์อยู่ได้นานแค่ไหน?

โดยเฉลี่ยแล้ว ผลลัพธ์จากการทำเลเซอร์กระชับรูขุมขน สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 3-5 ปี ก่อนที่ขนาดรูขุมขนจะเริ่มกลับมาขยายใหญ่ขึ้นอย่างช้าๆ

อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่ถาวร เนื่องจากกระบวนการชราตามธรรมชาติและการทำร้ายจากแสงแดดจะยังคงส่งผลต่อผิว ทำให้คอลลาเจนลดลงและรูขุมขนอาจกลับมาขยายใหญ่ขึ้นได้อีกครั้ง เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้นานขึ้น แนะนำให้ดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ เช่น การทาครีมกันแดดเป็นประจำ และอาจทำเลเซอร์เพื่อคงสภาพผิวปีละ 1-2 ครั้งตามคำแนะนำของแพทย์

สามารถทำเลเซอร์ร่วมกับหัตถการอื่นได้หรือไม่?

ได้ การทำเลเซอร์รักษารูขุมขนสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาได้ โดยการรักษาแบบผสมผสานนี้จะช่วยจัดการสาเหตุของรูขุมขนกว้างได้หลายด้านพร้อมกัน

หัตถการที่นิยมทำร่วมกับเลเซอร์ ได้แก่

  • Microneedling หรือ RF Microneedling: ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพิ่มเติม สามารถทำสลับกับการทำเลเซอร์ได้
  • Chemical Peels (การผลัดเซลล์ผิว): ช่วยทำความสะอาดรูขุมขนและลดความมัน มักทำก่อนเริ่มคอร์สเลเซอร์หรือทำระหว่างครั้งเพื่อคงผลลัพธ์
  • Injectables (สารฉีด): เช่น Micro-Botox เพื่อลดการทำงานของต่อมไขมัน หรือ Skin Booster (เช่น Hyaluronic Acid, Polynucleotides) เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้ผิว ซึ่งสามารถทำร่วมกับการทำเลเซอร์ได้

การรักษาแบบผสมผสานนี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนลำดับและระยะเวลาการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัย

ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารับการรักษา?

การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์ที่สำคัญที่สุดคือการหลีกเลี่ยงแสงแดดและหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบางชนิด เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา

แนวทางการเตรียมตัวโดยทั่วไปมีดังนี้:

  • หลีกเลี่ยงแสงแดด: งดการโดนแดดจัดและการอาบแดดเป็นเวลาอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ก่อนการรักษา และทาครีมกันแดด SPF 30+ เป็นประจำ
  • หยุดใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิด: หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ กรดผลัดเซลล์ผิว หรือผลิตภัณฑ์ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองประมาณ 5-7 วันก่อนทำเลเซอร์
  • แจ้งประวัติสุขภาพ: หากมีประวัติเป็นโรคเริม แพทย์อาจสั่งยาต้านไวรัสให้รับประทานเพื่อป้องกันการกำเริบของโรค
  • งดใช้ยาบางกลุ่ม: ควรหยุดใช้ยาที่ทำให้ผิวไวต่อแสง เช่น ยาปฏิชีวนะบางชนิด ก่อนเข้ารับการรักษา
  • ทำความสะอาดผิว: ในวันนัดหมาย ควรมาด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอางหรือโลชั่น

รูขุมขนกว้างเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง?

รูขุมขนกว้างเกิดจาก 3 สาเหตุหลัก ได้แก่ การผลิตน้ำมันบนผิว (ซีบัม) มากเกินไป, ความยืดหยุ่นของผิวลดลง และการอุดตันของรูขุมขน โดยแต่ละสาเหตุมีรายละเอียดดังนี้

  • การผลิตน้ำมันมากเกินไป: ต่อมไขมันที่ทำงานมากเกินไปจะผลิตน้ำมันออกมาในปริมาณมาก ซึ่งจะเข้าไปสะสมในรูขุมขนพร้อมกับสิ่งสกปรก ทำให้รูขุมขนขยายและดูกว้างขึ้น
  • ความยืดหยุ่นของผิวลดลง: อายุที่มากขึ้นและการทำร้ายจากแสงแดดจะเข้าไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวสูญเสียความกระชับ เมื่อโครงสร้างผิวรอบรูขุมขนอ่อนแอลง รูขุมขนจึงขยายตัวและดูใหญ่ขึ้น
  • การอุดตันของรูขุมขน: เมื่อน้ำมันส่วนเกินและเซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมจนอุดตันปากรูขุมขน (เกิดเป็นสิวอุดตัน เช่น สิวหัวดำ) รูขุมขนจะถูกยืดออกเพื่อรองรับสิ่งอุดตันนั้น ทำให้มองเห็นว่ามีขนาดใหญ่ขึ้น

การทำเลเซอร์ช่วยให้รูขุมขนหายไปถาวรหรือไม่?

การทำเลเซอร์ไม่สามารถทำให้รูขุมขนหายไปได้อย่างถาวร แต่ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน โดยทั่วไปผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 3–5 ปี ก่อนที่รูขุมขนจะค่อยๆ กลับมามองเห็นได้ชัดขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากกระบวนการแก่ชราตามธรรมชาติและการทำร้ายจากปัจจัยแวดล้อมยังคงดำเนินต่อไป

เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้นานที่สุด แพทย์มักแนะนำให้ดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ เช่น การทาครีมกันแดดทุกวัน และอาจทำเลเซอร์เพื่อคงสภาพผิวปีละ 1-2 ครั้ง

References:

  1. RealSelf. (n.d.). Laser Skin Resurfacing: Average Cost and Reviews. RealSelf. realself.com
  2. Jung, J.Y. (n.d.). Picosecond laser-induced optical breakdown for dermal remodeling in photoaged skin. Frontiers in Medicine (Dermatology). frontiersin.org
  3. CloudHospital. (n.d.). The Korean Solution for Large Pores: A Deep Dive into Advanced Dermatology. CloudHospital Articles. icloudhospital.com
  4. Koreaclinicguide. (n.d.). Koreaclinicguide. koreaclinicguide.com
  5. Mayoclinic. (n.d.). Mayoclinic. mayoclinic.org
  6. Nih. (n.d.). Nih. nih.gov
  7. Niklasnoack. (n.d.). Niklasnoack. niklasnoack.de
  8. Placidway. (n.d.). Placidway. placidway.com
  9. Liu, X., et al. (n.d.). Split-face trial of 1064-nm picosecond laser (MLA) vs. 1565-nm non-ablative laser for enlarged pores. Lasers in Medical Science. springer.com
  10. Utah Facial Plastics. (n.d.). How Long Does Laser Skin Resurfacing Last? Utah Facial Plastics Blog. utahfacialplastics.com
  11. Palawisuth, S., et al. (n.d.). Long-term efficacy and safety of a 1064-nm picosecond laser with microlens array for enlarged pores in Asians. Lasers in Surgery and Medicine. wiley.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
“หัตถการความงาม” คืออะไร ทำความเข้าใจก่อนไปคลินิก !
NextContinue
สูตรรักษาฝ้า ด้วยมะนาว มีความเสี่ยงหรือไม่ ใช้อย่างไรให้ได้ผล

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube