Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Acne

สิวขึ้นระหว่างคิ้วบ่อย เกิดจากอะไร? วิธีดูแลและลดการอุดตัน

Byแพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร กันยายน 20, 2025กันยายน 21, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on กันยายน 21, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน

สิวขึ้นระหว่างคิ้ว

Table of Contents

Toggle
  • สาเหตุหลักที่ทำให้สิวขึ้นระหว่างคิ้วซ้ำๆ
    • ปัจจัยภายใน: ฮอร์โมน ความเครียด และการทำงานของร่างกาย
    • ปัจจัยภายนอก: การอุดตันจากเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เส้นผม
    • พฤติกรรมการใช้ชีวิต: อาหาร การพักผ่อน และการสัมผัสใบหน้า
  • ประเภทของสิวที่พบบ่อยบริเวณระหว่างคิ้ว
    • สิวอุดตัน: สิวหัวดำและสิวไม่มีหัว (สิวหัวขาว)
    • สิวอักเสบ: สิวตุ่มแดง สิวหัวหนอง และสิวชนิดเจ็บ
  • วิธีดูแลและป้องกันสิวระหว่างคิ้วด้วยตัวเองเบื้องต้น
    • การทำความสะอาดผิวเพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรก
    • การเลือกใช้สกินแคร์ที่เหมาะสมกับปัญหาสิวอุดตัน
    • เทคนิคการกันคิ้วและแต่งหน้าที่ไม่กระตุ้นให้เกิดสิว
  • เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์ และแนวทางการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ
    • สัญญาณเตือนว่าสิวรุนแรงและควรปรึกษาแพทย์
    • ตัวอย่างการรักษาโดยแพทย์: การใช้ยาและหัตถการทางการแพทย์
  • ข้อควรรู้เพิ่มเติมก่อนตัดสินใจรักษาสิวระหว่างคิ้ว
    • การแยกสิวจากภาวะอื่น เช่น รูขุมขนอักเสบ
    • ระยะเวลาเห็นผลของการรักษาแต่ละวิธี
    • การดูแลผิวหลังสิวหายเพื่อป้องกันรอยสิว
  • ข้อควรเลี่ยงและความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับสิวที่คิ้ว
    • ทำไมการบีบสิวระหว่างคิ้วจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
    • ความจริงเรื่องสิวบอกโรค: การเชื่อมโยงกับสุขภาพตับ
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวขึ้นระหว่างคิ้ว
    • สิวระหว่างคิ้ว บีบได้ไหม และควรทำอย่างไร?
    • สิวอุดตันไม่มีหัวที่คิ้ว ดูแลต่างจากสิวอักเสบหรือไม่?
    • การกันคิ้วหรือแว็กซ์คิ้วทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้นจริงหรือ?
    • สิวระหว่างคิ้วเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของตับจริงไหม?
    • ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าสิวที่คิ้วจะหาย?
    • ควรพบแพทย์เมื่อสิวระหว่างคิ้วมีลักษณะอย่างไร?
  • References:

สาเหตุหลักที่ทำให้สิวขึ้นระหว่างคิ้วซ้ำๆ

ปัจจัยภายใน: ฮอร์โมน ความเครียด และการทำงานของร่างกาย

ความเครียด พันธุกรรม อาหาร และการพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นปัจจัยภายในหลักที่ทำให้เกิดสิวระหว่างคิ้ว

ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการทำงานของร่างกายและกระตุ้นให้เกิดสิวได้ ดังนี้

  • ความเครียด: ทำให้ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงขึ้น ซึ่งไปกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันมากขึ้นและเพิ่มการอักเสบ
  • พันธุกรรม: มีส่วนสำคัญอย่างมาก โดยอาจเป็นสาเหตุของความแปรปรวนในการเกิดสิวได้ถึง 80%
  • อาหาร: อาหารที่มีน้ำตาลสูงและผลิตภัณฑ์นมบางชนิดมีความเชื่อมโยงกับการเกิดสิวที่รุนแรงขึ้น
  • การนอนหลับไม่เพียงพอ: สามารถรบกวนการทำงานของร่างกาย ทำให้การฟื้นตัวของผิวแย่ลง และเพิ่มความมันบริเวณทีโซนได้

ปัจจัยภายนอก: การอุดตันจากเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เส้นผม

เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่อุดตันรูขุมขนเป็นปัจจัยภายนอกที่สำคัญที่ทำให้เกิดสิวระหว่างคิ้ว

ผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถทำให้เกิดการอุดตันได้จากสาเหตุต่อไปนี้:

  • เครื่องสำอางสำหรับคิ้ว: ดินสอเขียนคิ้วเนื้อหนัก เจล หรือครีมที่ไม่ได้ระบุว่า “non-comedogenic” (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน) สามารถทิ้งคราบไขและน้ำมันไว้บนผิวหนัง ทำให้รูขุมขนอุดตัน
  • ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม: โพเมดหรือแว็กซ์ที่ใช้กับเส้นผมสามารถไหลซึมมาที่หน้าผากและคิ้ว ก่อให้เกิดสิวที่เรียกว่า “สิวจากโพเมด” (pomade acne)
  • ทรงผม: การไว้ผมหน้าม้าที่สัมผัสบริเวณคิ้วตลอดเวลา สามารถถ่ายเทน้ำมันจากหนังศีรษะและสารเคมีจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมมาสู่ผิวหนัง ทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น

พฤติกรรมการใช้ชีวิต: อาหาร การพักผ่อน และการสัมผัสใบหน้า

พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น อาหาร การพักผ่อน และการสัมผัสใบหน้า ล้วนส่งผลต่อการเกิดสิวระหว่างคิ้วได้โดยตรง โดยปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อผิวหนัง ดังนี้

  • อาหาร: อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง (High-glycemic) และผลิตภัณฑ์นมบางชนิด (เช่น นมพร่องมันเนย) มีความเชื่อมโยงกับการเกิดสิวที่รุนแรงขึ้น
  • การพักผ่อนและความเครียด: การพักผ่อนไม่เพียงพอและความเครียดเรื้อรังจะเพิ่มระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้นและเพิ่มการอักเสบ ทำให้สิวแย่ลง
  • การสัมผัสใบหน้า: การสัมผัส ลูบ หรือเท้าคางบริเวณหน้าผากและคิ้วบ่อยๆ จะเป็นการถ่ายเทน้ำมันและแบคทีเรียจากมือไปยังผิวหน้า ซึ่งสามารถทำให้รูขุมขนที่อุดตันอยู่แล้วเกิดการอักเสบได้

ประเภทของสิวที่พบบ่อยบริเวณระหว่างคิ้ว

สิวอุดตัน: สิวหัวดำและสิวไม่มีหัว (สิวหัวขาว)

สิวอุดตันคือ สิวชนิดที่ไม่เกิดการอักเสบ ซึ่งเกิดจากการที่รูขุมขนอุดตันด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว โดยทั่วไปถือเป็นสิวที่ไม่รุนแรงและมักไม่มีอาการเจ็บหรือแดง แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

  • สิวหัวขาว (Closed Comedones): เกิดจากรูขุมขนที่อุดตันและถูกปิดทับด้วยผิวหนัง ทำให้มองเห็นเป็นตุ่มนูนเล็กๆ สีขาวหรือสีเดียวกับผิว
  • สิวหัวดำ (Open Comedones): เกิดจากรูขุมขนที่อุดตันแต่ปากรูขุมขนเปิดออก เมื่อสิ่งที่อุดตันสัมผัสกับอากาศจึงเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันและเปลี่ยนเป็นสีดำ

สิวอักเสบ: สิวตุ่มแดง สิวหัวหนอง และสิวชนิดเจ็บ

สิวอักเสบคือสิวที่เกิดจากการอักเสบของรูขุมขนที่อุดตัน ซึ่งแบ่งได้เป็น สิวตุ่มแดง (Papules) สิวหัวหนอง (Pustules) และสิวชนิดเจ็บ (Nodules and Cysts) ซึ่งมีความรุนแรงแตกต่างกันไป

  • สิวตุ่มแดง (Papules): เป็นตุ่มแดงบวมที่เกิดจากการอักเสบของรูขุมขน แต่จะยังไม่มีหัวหนองให้เห็น
  • สิวหัวหนอง (Pustules): มีลักษณะคล้ายสิวตุ่มแดง แต่จะมีหนองสีขาวหรือสีเหลืองอยู่ตรงกลาง และมีฐานเป็นสีแดง
  • สิวชนิดเจ็บ (Nodules and Cysts): เป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรงที่อยู่ลึกลงไปใต้ผิวหนัง โดยสิวแบบก้อนแข็ง (Nodule) จะเป็นก้อนแข็งขนาดใหญ่และเจ็บปวด ส่วนสิวซีสต์ (Cyst) จะเป็นถุงหนองขนาดใหญ่อยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งทั้งสองชนิดนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะทิ้งรอยแผลเป็นไว้

วิธีดูแลและป้องกันสิวระหว่างคิ้วด้วยตัวเองเบื้องต้น

การดูแลและป้องกันสิวระหว่างคิ้วด้วยตัวเองเบื้องต้นสามารถทำได้โดย การรักษาความสะอาดบนใบหน้า, เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม, ระมัดระวังในการกำจัดขนคิ้ว, และดูแลความสะอาดของเส้นผมและสิ่งของที่สัมผัสใบหน้า

  • รักษาความสะอาดอย่างถูกวิธี: ล้างหน้าอย่างอ่อนโยนวันละ 2 ครั้งและหลังมีเหงื่อออก โดยเน้นบริเวณทีโซนและระหว่างคิ้ว ควรเช็ดเครื่องสำอาง (โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เขียนคิ้ว) ออกให้หมดจดก่อนนอนเสมอ
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสม: มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากว่า “non-comedogenic” (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน) และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์หรือน้ำหอมรุนแรง อาจพิจารณาใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตัน
  • ดูแลสุขอนามัยในการกำจัดขนคิ้ว: ก่อนและหลังการกำจัดขนคิ้ว (เช่น แว็กซ์, กันคิ้ว) ควรทำความสะอาดผิวบริเวณนั้นเพื่อลดการสะสมของแบคทีเรีย และปลอบประโลมผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน เช่น เจลว่านหางจระเข้
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสและระคายเคือง: ดูแลความสะอาดของสิ่งของที่สัมผัสกับหน้าผากและคิ้วเป็นประจำ เช่น เช็ดแว่นตา, ซักหมวกหรือผ้าคาดผม และพยายามอย่าให้ผมหน้าม้าหรือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่เหนียวเหนอะหนะสัมผัสกับผิวบริเวณคิ้ว

การทำความสะอาดผิวเพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรก

การทำความสะอาดผิวเพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรกคือการล้างหน้าอย่างอ่อนโยนวันละสองครั้ง โดยเฉพาะหลังการออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก และต้องเช็ดเครื่องสำอางออกให้หมดก่อนนอนเสมอ

เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ควรปฏิบัติดังนี้:

  • ล้างหน้าอย่างนุ่มนวล: ใช้ปลายนิ้วทำความสะอาดผิวแทนการใช้ผ้าหรือแปรงขัดผิวที่รุนแรง เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง
  • ล้างหน้าหลังเหงื่อออก: ควรล้างหน้าทันทีหลังจากออกกำลังกายหรือสวมหมวก เพื่อกำจัดเหงื่อและแบคทีเรีย
  • เช็ดเครื่องสำอางทุกครั้ง: การทิ้งเครื่องสำอางไว้ข้ามคืน โดยเฉพาะบริเวณคิ้ว สามารถอุดตันรูขุมขนได้ สำหรับเครื่องสำอางที่ติดทนหรือกันน้ำ อาจใช้วิธีล้างหน้าแบบสองขั้นตอน (Double Cleansing) คือใช้คลีนเซอร์แบบน้ำมันก่อนแล้วตามด้วยคลีนเซอร์แบบน้ำ

การเลือกใช้สกินแคร์ที่เหมาะสมกับปัญหาสิวอุดตัน

ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) และมีส่วนผสมที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำความสะอาดรูขุมขน สกินแคร์ที่เหมาะสมสำหรับสิวอุดตันควรเน้นการป้องกันการอุดตันมากกว่าการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

  • ส่วนผสมที่ช่วยเคลียร์รูขุมขน:
  • กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid): เป็นกรด BHA ที่สามารถซึมเข้าไปในรูขุมขนเพื่อสลายเซลล์ผิวที่ตายแล้วและน้ำมันส่วนเกิน
  • เรตินอยด์ (Retinoids): ช่วยปรับการผลัดเซลล์ผิวให้เป็นปกติเพื่อป้องกันการอุดตัน
  • คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์:
  • มองหาฉลาก “Non-Comedogenic” ซึ่งหมายความว่าผลิตภัณฑ์ถูกออกแบบมาไม่ให้อุดตันรูขุมขน
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อหนัก เช่น ครีมเนื้อข้น หรือโพเมด
  • หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น สครับที่หยาบ แอลกอฮอล์ หรือน้ำหอม

เทคนิคการกันคิ้วและแต่งหน้าที่ไม่กระตุ้นให้เกิดสิว

เทคนิคการกันคิ้วและแต่งหน้าที่ไม่กระตุ้นสิวคือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) และให้ความสำคัญกับความสะอาดอย่างเคร่งครัด เพื่อลดการอักเสบและการสะสมของแบคทีเรีย

เทคนิคที่แนะนำมีดังนี้

  • การกันคิ้ว:
  • ทำความสะอาด: ทำความสะอาดผิวบริเวณคิ้วทั้งก่อนและหลังการกำจัดขนด้วยแว็กซ์หรือการถอน เพื่อลดเชื้อแบคทีเรีย
  • ปลอบประโลมผิว: หลังกำจัดขน ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปลอบประโลมผิว เช่น เจลว่านหางจระเข้ที่ปราศจากน้ำหอม และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์เนื้อหนักทันที
  • พิจารณาวิธีที่อ่อนโยนกว่า: หากการแว็กซ์ทำให้เกิดสิวเป็นประจำ อาจลองเปลี่ยนไปใช้วิธีที่ระคายเคืองน้อยกว่า เช่น การชูการ์ริ่ง (sugaring)
  • การแต่งหน้า:
  • เลือกผลิตภัณฑ์: ใช้ดินสอเขียนคิ้ว เจล หรือครีมที่มีฉลากว่า “non-comedogenic” เพื่อป้องกันการอุดตันของรูขุมขน
  • ล้างเครื่องสำอางให้หมดจด: ต้องล้างเครื่องสำอางบริเวณคิ้วออกให้สะอาดทุกคืนก่อนนอน โดยอาจใช้คลีนเซอร์สำหรับเช็ดเครื่องสำอางก่อนแล้วตามด้วยโฟมล้างหน้า
  • รักษาความสะอาดของอุปกรณ์: เหลาดินสอเขียนคิ้วเป็นประจำและไม่ใช้เครื่องสำอางร่วมกับผู้อื่นเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของแบคทีเรีย
  • ระวังผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรง: หากใช้เจลหรือสเปรย์เพื่อจัดแต่งทรงคิ้ว ควรระวังไม่ให้สัมผัสกับผิวหนังโดยรอบ ให้ใช้เฉพาะบนเส้นขนคิ้วเท่านั้น

เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์ และแนวทางการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ

สัญญาณเตือนว่าสิวรุนแรงและควรปรึกษาแพทย์

สัญญาณเตือนว่าสิวรุนแรงและควรปรึกษาแพทย์ ได้แก่ การมีสิวอักเสบขนาดใหญ่ เจ็บลึกใต้ผิวหนัง การเกิดรอยแผลเป็นหรือรอยดำ และการที่สิวไม่ดีขึ้นหลังใช้ยาทาเองเป็นเวลา 2-3 เดือน

คุณควรไปพบแพทย์ผิวหนังหากมีอาการดังต่อไปนี้:

  • สิวอักเสบรุนแรง: มีสิวขนาดใหญ่ เจ็บปวด เป็นไตแข็งอยู่ใต้ผิวหนัง (Nodules) หรือเป็นถุงหนอง (Cysts)
  • เกิดรอยแผลเป็น: สิวเริ่มทิ้งรอยหลุมหรือรอยดำที่จางยาก
  • การรักษาเบื้องต้นไม่ได้ผล: ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่หาซื้อได้เองอย่างสม่ำเสมอแล้ว 2-3 เดือน แต่อาการไม่ดีขึ้น
  • ส่งผลกระทบต่อจิตใจ: สิวทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล หรือสูญเสียความมั่นใจอย่างมาก

ตัวอย่างการรักษาโดยแพทย์: การใช้ยาและหัตถการทางการแพทย์

การรักษาโดยแพทย์สำหรับสิวระหว่างคิ้วมีทั้งการใช้ยาและหัตถการทางการแพทย์ ซึ่งแพทย์ผิวหนังจะเลือกใช้ตามความรุนแรงและลักษณะของสิว

ตัวอย่างการรักษาโดยแพทย์ ได้แก่

  • การใช้ยา:
  • ยาทา: เช่น ยาทากลุ่มเรตินอยด์, เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์, ยาปฏิชีวนะชนิดทา, ยาแดพโซน และกรดอะซีลาอิก
  • ยารับประทาน: เช่น ยาปฏิชีวนะ, การรักษาด้วยฮอร์โมน (ยาคุมกำเนิดหรือสไปโรโนแลคโตน), และยาไอโซเตรติโนอินสำหรับกรณีที่รุนแรง
  • หัตถการทางการแพทย์:
  • การฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์: เพื่อลดการอักเสบของสิวซีสต์ขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว
  • การกดสิว: เพื่อระบายสิวอุดตันหรือสิวหนองออกอย่างถูกวิธีและสะอาด
  • การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (Chemical peels): เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตัน
  • การบำบัดด้วยแสงหรือเลเซอร์: เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ

ข้อควรรู้เพิ่มเติมก่อนตัดสินใจรักษาสิวระหว่างคิ้ว

การแยกสิวจากภาวะอื่น เช่น รูขุมขนอักเสบ

สิวสามารถแยกได้จากรูขุมขนอักเสบ (Folliculitis) โดยสังเกตจากลักษณะและตำแหน่งของตุ่มที่เกิดขึ้น ซึ่งมีความแตกต่างที่สำคัญดังนี้

  • รูขุมขนอักเสบ (Folliculitis): ตุ่มมักจะมีขนาดเล็ก แต่ละตุ่มจะอยู่ตรงกลางรูเส้นขน อาจมีอาการคันหรือเจ็บเล็กน้อย และมักเกิดขึ้นเฉพาะบริเวณที่มีขนคิ้วเท่านั้น สาเหตุอาจเกิดจากแบคทีเรียหลังการแว็กซ์ หรือขนคุด
  • สิว (Acne): เกี่ยวข้องกับการอุดตันของรูขุมขนโดยทั่วไป และมักจะเกิดขึ้นพร้อมกับสิวในบริเวณใกล้เคียง เช่น หน้าผากหรือจมูก (T-zone)

การแยกภาวะเหล่านี้มีความสำคัญเนื่องจากการรักษาอาจแตกต่างกัน หากไม่แน่ใจหรืออาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง

ระยะเวลาเห็นผลของการรักษาแต่ละวิธี

โดยทั่วไปควรให้เวลาการรักษาสิววิธีใหม่ๆ ประมาณ 6-8 สัปดาห์ เพื่อประเมินว่าได้ผลหรือไม่ แพทย์ผิวหนังแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอเป็นเวลาอย่างน้อย 2 เดือนก่อนที่จะตัดสินใจเปลี่ยนวิธี

  • สิวหนึ่งเม็ด: อาจใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ในการยุบและหายดี
  • การเห็นผลเบื้องต้น: การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นมักจะเริ่มเห็นได้ภายใน 2-3 สัปดาห์
  • การเห็นผลที่ชัดเจน: สำหรับการรักษาสิวโดยรวมเพื่อให้ผิวเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาจต้องใช้เวลานานถึง 3-4 เดือน
  • ข้อควรระวัง: ในช่วงสัปดาห์แรกๆ ของการใช้ยาบางชนิด เช่น กลุ่มเรตินอยด์ สิวอาจดูเหมือนเห่อขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ

การดูแลผิวหลังสิวหายเพื่อป้องกันรอยสิว

การดูแลผิวหลังสิวหายเพื่อป้องกันรอยสิวที่สำคัญที่สุดคือ การทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการแกะเกา และใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยฟื้นฟูผิวและลดเลือนรอยดำ การดูแลอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียนและสีผิวสม่ำเสมอได้เร็วขึ้น

แนวทางการดูแลผิวมีดังนี้:

  • ป้องกันแสงแดด: ทาครีมกันแดด (SPF 30 ขึ้นไป) ทุกวัน เนื่องจากรังสียูวีสามารถทำให้รอยแดงและรอยดำจากสิวมีสีเข้มขึ้นและหายช้าลง
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ลดเลือนรอย: ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมช่วยผลัดเซลล์ผิวและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ เช่น เรตินอยด์ (Retinoids), กรดอะซีลาอิก (Azelaic acid), วิตามินซี หรือไนอะซินาไมด์ (Niacinamide)
  • ให้ความชุ่มชื้น: ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ชนิดไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic) เพื่อช่วยให้เกราะป้องกันผิวแข็งแรงและสนับสนุนกระบวนการฟื้นฟูผิว
  • ปรึกษาแพทย์: หากเกิดรอยแผลเป็นชนิดหลุม ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม เช่น การทำเลเซอร์ หรือการทำไมโครนีดลิง (Microneedling)

ข้อควรเลี่ยงและความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับสิวที่คิ้ว

ทำไมการบีบสิวระหว่างคิ้วจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ

ไม่ควรบีบสิวระหว่างคิ้ว เพราะจะทำให้อาการอักเสบแย่ลงและอาจดันเชื้อโรคให้ลึกลงไปในผิวหนัง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดรอยแผลเป็นและรอยดำหลังสิวหาย

แทนการบีบ ควรใช้วิธีต่อไปนี้:

  • ใช้ยาแต้มสิวที่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) หรือกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid)
  • ใช้แผ่นแปะสิวเพื่อช่วยดูดซับของเหลว
  • ประคบด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นเพื่อช่วยให้สิวระบายหนองออกได้เอง
  • หากเป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่หรือเจ็บปวดมาก ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่ปลอดภัย เช่น การฉีดสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบ

ความจริงเรื่องสิวบอกโรค: การเชื่อมโยงกับสุขภาพตับ

ความเชื่อที่ว่าสิวระหว่างคิ้วเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพตับนั้นไม่เป็นความจริง และไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลักการแพทย์ผิวหนังสมัยใหม่

ตามข้อมูลทางผิวหนัง สิวเกิดจากปัจจัยเฉพาะที่บนผิวหนัง เช่น การผลิตน้ำมันที่มากเกินไป การอุดตันของรูขุมขน และแบคทีเรีย ไม่ได้เกิดจากสารพิษหรือความผิดปกติของอวัยวะภายในอย่างตับ ความเชื่อนี้มาจากศาสตร์ “การอ่านสิวบนใบหน้า” (Acne Face Mapping) ซึ่งแพทย์ผิวหนังในปัจจุบันไม่ยอมรับว่าเป็นวิธีวินิจฉัยที่เชื่อถือได้ หากมีปัญหาเกี่ยวกับตับจริง จะมีอาการอื่นที่รุนแรงและชัดเจนกว่าการเกิดสิว

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวขึ้นระหว่างคิ้ว

สิวระหว่างคิ้ว บีบได้ไหม และควรทำอย่างไร?

ไม่แนะนำให้บีบสิวระหว่างคิ้ว เพราะอาจทำให้อาการอักเสบแย่ลงและดันเชื้อโรคให้ลึกลงไปในผิวหนังได้

แทนการบีบสิว ควรปฏิบัติดังนี้:

  • ใช้ยาแต้มสิว: ทายาแต้มสิวเฉพาะจุดที่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide) หรือกรดซาลิไซลิก (salicylic acid) เพื่อช่วยลดการอักเสบ
  • ใช้แผ่นแปะสิว: แผ่นแปะสิวแบบไฮโดรคอลลอยด์สามารถช่วยดูดซับของเหลวจากหัวสิวได้
  • ประคบอุ่น: สำหรับสิวอักเสบที่ไม่มีหัวและเจ็บ การประคบด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นจะช่วยลดอาการปวดบวมได้
  • พบแพทย์ผิวหนัง: หากสิวมีขนาดใหญ่ เจ็บมาก หรือเป็นสิวซีสต์ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ปลอดภัย เช่น การฉีดสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบ หรือการกดสิวโดยผู้เชี่ยวชาญ

สิวอุดตันไม่มีหัวที่คิ้ว ดูแลต่างจากสิวอักเสบหรือไม่?

ใช่ การดูแลแตกต่างกัน โดยสิวอุดตันไม่มีหัวควรเน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและสลายการอุดตัน เช่น กรดซาลิไซลิก (salicylic acid) และเรตินอยด์ (retinoid) ส่วนสิวอักเสบซึ่งมีอาการแดงหรือมีหนอง ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide) หรือยาปฏิชีวนะชนิดทา

การกันคิ้วหรือแว็กซ์คิ้วทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้นจริงหรือ?

เป็นความจริงบางส่วน การกันคิ้วหรือแว็กซ์คิ้วสามารถทำให้เกิดสิวได้ โดยเฉพาะหากดูแลผิวไม่ถูกวิธี

การดึงหรือเสียดสีจากการแว็กซ์และการกันคิ้วอาจทำให้รูขุมขนอักเสบ (folliculitis) ซึ่งมีลักษณะคล้ายสิว นอกจากนี้ แว็กซ์หรือผลิตภัณฑ์ที่ตกค้างก็สามารถอุดตันรูขุมขนได้ เพื่อป้องกันปัญหานี้ ควรทำความสะอาดบริเวณคิ้วให้ดีทั้งก่อนและหลังการกำจัดขน และอาจใช้ยาฆ่าเชื้อชนิดอ่อนทาหลังทำเสร็จ

สิวระหว่างคิ้วเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของตับจริงไหม?

ตามหลักการแพทย์ผิวหนังสมัยใหม่ สิวระหว่างคิ้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของตับ ความเชื่อดังกล่าวมาจากศาสตร์แผนผังใบหน้า (Face Mapping) ซึ่งไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ โดยสาเหตุที่แท้จริงของสิวบริเวณนี้เกิดจากปัจจัยเฉพาะที่บนผิวหนัง เช่น การผลิตน้ำมันที่มากเกินไป การอุดตันของรูขุมขน และแบคทีเรีย

ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าสิวที่คิ้วจะหาย?

โดยทั่วไป สิวหนึ่งเม็ดจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ในการหาย แต่หากเป็นการรักษาสิวทั้งหมดในบริเวณนั้น อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์จึงจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น โดยแพทย์ผิวหนังแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลาอย่างน้อย 6-8 สัปดาห์เพื่อประเมินประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์นั้นๆ

ควรพบแพทย์เมื่อสิวระหว่างคิ้วมีลักษณะอย่างไร?

ควรพบแพทย์เมื่อสิวระหว่างคิ้วมีลักษณะรุนแรง ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยตนเอง ทิ้งรอยแผลเป็น หรือส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ

คุณควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหากสิวมีลักษณะดังต่อไปนี้:

  • สิวอักเสบรุนแรง: เป็นสิวเม็ดใหญ่ เจ็บปวด เป็นก้อนแข็งใต้ผิวหนัง (Nodules) หรือเป็นถุงซีสต์ (Cysts)
  • ไม่ดีขึ้นหลังการดูแลตนเอง: สิวไม่หายหรือกลับมาเป็นซ้ำ หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้เองอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลา 2 เดือน
  • ทำให้เกิดรอยแผลเป็น: สิวทิ้งรอยหลุมหรือรอยดำถาวรหลังจากหายแล้ว
  • ส่งผลกระทบต่อจิตใจ: สิวทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล หรือสูญเสียความมั่นใจอย่างมาก

References:

  1. American Academy of Dermatology. (n.d.). Acne: Tips for managing. AAD. aad.org
  2. Cleveland Clinic. (n.d.). Acne: Types, Causes, Treatment & Prevention. Cleveland Clinic. clevelandclinic.org
  3. Mayo Clinic. (n.d.). Acne – Symptoms and causes. Mayo Clinic. mayoclinic.org
  4. National Institutes of Health. (n.d.). Acne. NIH – National Institute of Arthritis and Musculoskeletal and Skin Diseases. nih.gov
  5. Healthline. (n.d.). Everything You Want to Know About Acne. Healthline Media. healthline.com
  6. Medical News Today. (n.d.). What you need to know about acne. MNT. medicalnewstoday.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
สิวขึ้นเต็มหน้าเกิดจากอะไร? 8 สาเหตุหลักที่ทำให้สิวเห่อ
NextContinue
สิวไม่มีหัว นูนๆ ดูแลและรักษายังไงให้ยุบไว

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube