Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Acne

สิวขึ้นเต็มหน้าเกิดจากอะไร? 8 สาเหตุหลักที่ทำให้สิวเห่อ

Byนายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน กันยายน 20, 2025กันยายน 21, 2025
By นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน Updated on กันยายน 21, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน

สิวขึ้นเต็มหน้าเกิดจากอะไร

Table of Contents

Toggle
  • เช็กลิสต์ 8 สาเหตุหลักที่ทำให้สิวเห่อขึ้นเต็มใบหน้า
    • 1. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย
    • 2. ความเครียดสะสมและการพักผ่อนไม่เพียงพอ
    • 3. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว
    • 4. การอุดตันจากเซลล์ผิวและเครื่องสำอาง
    • 5. พฤติกรรมการสัมผัสใบหน้าบ่อยครั้ง
    • 6. อาหารบางชนิดที่กระตุ้นการอักเสบ
    • 7. ผลข้างเคียงจากยาบางประเภท
    • 8. ปัจจัยด้านพันธุกรรมและสภาพแวดล้อม
  • วิธีรับมือสิวเห่อ: แนวทางการดูแลและรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ
    • การดูแลผิวด้วยตัวเองเพื่อควบคุมสิวเบื้องต้น
    • การรักษาด้วยยา ทั้งยาทาและยารับประทาน
    • หัตถการทางการแพทย์เพื่อลดการอักเสบและรอยสิว
    • การใช้เลเซอร์และพลังงานแสงในการรักษาสิวเห่อ
  • เมื่อไหร่ที่สิวขึ้นเต็มหน้าควรไปพบแพทย์?
  • ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกวิธีรักษาสิว
    • การประเมินประเภทและความรุนแรงของสิว
    • ระยะเวลาและผลลัพธ์ที่คาดหวังได้จากการรักษา
    • การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้ทำการรักษาที่ได้มาตรฐาน
  • ข้อผิดพลาดที่ควรเลี่ยง: พฤติกรรมที่ทำให้สิวเห่อรุนแรงขึ้น
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาสิวขึ้นเต็มหน้า
    • ทำไมสิวถึงขึ้นเรื่อยๆ ไม่หายสักที?
    • จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นสิวฮอร์โมน?
    • สิวเห่อสามารถหายเองได้หรือไม่?
    • การกดสิวเองทำให้สิวเห่อกว่าเดิมจริงไหม?
    • สิวเห่อใช้เวลารักษานานแค่ไหน?
    • อาหารชนิดใดบ้างที่กระตุ้นให้สิวขึ้นเต็มหน้า?
  • References:

เช็กลิสต์ 8 สาเหตุหลักที่ทำให้สิวเห่อขึ้นเต็มใบหน้า

1. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดสิว โดยเฉพาะสิวฮอร์โมน ซึ่งมักมีลักษณะและช่วงเวลาการเกิดที่จำเพาะในผู้หญิง สิวฮอร์โมนมักจะเห่อขึ้นในช่วงก่อนมีประจำเดือน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน โดยสิวมักจะขึ้นบริเวณใบหน้าส่วนล่าง เช่น คาง แนวกราม และลำคอ และมักมีลักษณะเป็นตุ่มอักเสบลึกหรือเป็นซีสต์ที่เจ็บปวด นอกจากนี้ยังอาจเกี่ยวข้องกับภาวะที่มีฮอร์โมนแอนโดรเจน (ฮอร์โมนเพศชาย) สูงเกินไป เช่น ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS)

ส่วนในผู้ชาย การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนตามธรรมชาติมีโอกาสทำให้เกิดสิวน้อยกว่า แต่การใช้สเตียรอยด์หรืออาหารเสริมเทสโทสเตอโรนสามารถกระตุ้นให้เกิดสิวรุนแรงได้

2. ความเครียดสะสมและการพักผ่อนไม่เพียงพอ

จากข้อมูลที่ให้มา ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอเป็นปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวได้ โดยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เช่น การจัดการความเครียด ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดปัจจัยกระตุ้นซึ่งทำให้สิวกลับมาเป็นซ้ำได้

3. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิวสามารถทำให้เกิดสิวได้ โดยแพทย์ผิวหนังแนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) และปราศจากน้ำมัน (oil-free) เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสิวที่เกิดจากผลิตภัณฑ์

4. การอุดตันจากเซลล์ผิวและเครื่องสำอาง

การอุดตันของรูขุมขนจากเซลล์ผิวที่ตายแล้วและเครื่องสำอางเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว โดยปกติแล้วสิวจะเกิดขึ้นเมื่อเซลล์ผิวเก่าที่ผลัดตัวช้าไปสะสมรวมกับน้ำมันในรูขุมขนจนเกิดการอุดตัน นอกจากนี้ การใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตัน (comedogenic) หรือมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลักก็สามารถทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) และปราศจากน้ำมัน (oil-free) เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสิว

5. พฤติกรรมการสัมผัสใบหน้าบ่อยครั้ง

การบีบหรือเค้นสิวซึ่งเป็นพฤติกรรมการสัมผัสใบหน้าอย่างหนึ่งจะทำให้สิวแย่ลงเกือบทุกครั้ง เนื่องจากการกระทำดังกล่าวจะผลักแบคทีเรีย น้ำมัน และสิ่งสกปรกลงไปในผิวหนังลึกยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น สิวจึงบวมและแดงกว่าเดิม

นอกจากนี้ การบีบสิวยังอาจทำให้รูขุมขนข้างเคียงติดเชื้อหรืออักเสบ และยังเป็นการรบกวนกระบวนการรักษาแผลของผิวหนัง ซึ่งเพิ่มโอกาสในการเกิดรอยแผลเป็นหรือจุดด่างดำ ด้วยเหตุนี้ แพทย์ผิวหนังจึงแนะนำอย่างยิ่งว่าไม่ควรแกะหรือบีบสิว

6. อาหารบางชนิดที่กระตุ้นการอักเสบ

อาหารที่กระตุ้นให้เกิดสิวได้คือ อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูงและผลิตภัณฑ์จากนม จากผลการวิจัยพบว่าอาหารบางชนิดอาจส่งผลต่อการเกิดสิวได้ ได้แก่:

  • อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง (High-GI): อาหารที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น ขนมหวาน เครื่องดื่มรสหวาน ขนมปังขาว ข้าวขาว และของทอด
  • ผลิตภัณฑ์จากนม: โดยเฉพาะนมพร่องมันเนย (skim milk) มีความสัมพันธ์กับการเกิดสิว
  • อาหารไขมันอิ่มตัวสูงและอาหารแปรรูป: เช่น อาหารฟาสต์ฟู้ด ซึ่งส่งเสริมการอักเสบในร่างกาย

7. ผลข้างเคียงจากยาบางประเภท

ข้อมูลที่ให้มาไม่ได้ระบุถึงผลข้างเคียงจากยาประเภทใด ๆ แต่เน้นอธิบายถึงสาเหตุของการเกิดสิว, วิธีสังเกตสิวฮอร์โมน, การรักษาสิวด้วยตัวเอง, ผลเสียของการบีบสิว, ระยะเวลาในการรักษาสิว และอาหารที่อาจกระตุ้นให้เกิดสิว

8. ปัจจัยด้านพันธุกรรมและสภาพแวดล้อม

พันธุกรรมและฮอร์โมนเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการเกิดสิว ในขณะที่ปัจจัยด้านวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อมสามารถกระตุ้นให้สิวเห่อขึ้นได้

ปัจจัยที่เกี่ยวข้องซึ่งระบุไว้ในบทความ ได้แก่:

  • พันธุกรรม: บางคนมีแนวโน้มที่จะเป็นสิวเรื้อรังไปจนถึงวัยผู้ใหญ่เนื่องจากปัจจัยทางพันธุกรรม
  • ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ช่วงก่อนมีประจำเดือน สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวได้ โดยเฉพาะบริเวณแนวกรามและคาง
  • อาหาร: อาหารบางชนิดมีความเชื่อมโยงกับการเกิดสิว เช่น อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง (ของหวาน, ขนมปังขาว) และผลิตภัณฑ์จากนม โดยเฉพาะนมพร่องมันเนย
  • ความเครียด: การจัดการความเครียดเป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อช่วยลดปัจจัยกระตุ้นการเกิดสิว

วิธีรับมือสิวเห่อ: แนวทางการดูแลและรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ

การรับมือกับสิวเห่ออย่างรุนแรง จำเป็นต้องใช้การรักษาที่สม่ำเสมอและต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานหลายเดือน ซึ่งมักจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง

แนวทางการดูแลและรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญมีดังนี้:

  • ระยะเวลาในการรักษา: การรักษาสิวเห่อเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลการรักษาหลังผ่านไป 4-8 สัปดาห์ และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเมื่อรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3-6 เดือน
  • ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง: สิวระดับปานกลางถึงรุนแรงมักไม่หายได้เอง หากไม่รักษาก็อาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ได้ แพทย์จะสามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เช่น การใช้ยาทาเฉพาะที่ (เรตินอยด์, เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์) หรือยารับประทาน
  • หลีกเลี่ยงการบีบสิว: การบีบหรือแกะสิวจะยิ่งทำให้อาการอักเสบแย่ลง ผลักเชื้อแบคทีเรียให้ลึกเข้าไปในผิวหนังมากขึ้น ทำให้สิวหายช้าลง และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลเป็น
  • พิจารณาปัจจัยกระตุ้น: อาหารบางชนิดอาจกระตุ้นให้สิวเห่อได้ โดยเฉพาะอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง (เช่น ขนมหวาน, ขนมปังขาว) และผลิตภัณฑ์จากนม การปรับเปลี่ยนอาหารอาจช่วยเสริมการรักษาทางการแพทย์ได้

การดูแลผิวด้วยตัวเองเพื่อควบคุมสิวเบื้องต้น

การดูแลผิวด้วยตัวเองเพื่อควบคุมสิวเบื้องต้นสามารถทำได้โดยการหลีกเลี่ยงการบีบสิว เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยลดปัจจัยกระตุ้นและป้องกันการอักเสบที่รุนแรงขึ้น

คำแนะนำในการดูแลผิวเบื้องต้นมีดังนี้:

  • ห้ามบีบหรือแกะสิว: การบีบสิวจะยิ่งผลักเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกลงไปในผิวหนังลึกขึ้น ทำให้เกิดการอักเสบที่รุนแรงกว่าเดิม และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลเป็น
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม: ควรใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางที่ระบุว่า “non-comedogenic” (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน) และ “oil-free” (ปราศจากน้ำมัน) เพื่อหลีกเลี่ยงการอุดตันของรูขุมขน
  • ปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร: งานวิจัยชี้ว่าอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูง (เช่น ของหวาน ขนมปังขาว) และผลิตภัณฑ์จากนม (โดยเฉพาะนมพร่องมันเนย) อาจกระตุ้นให้เกิดสิวได้ การลดอาหารเหล่านี้อาจช่วยให้อาการดีขึ้น
  • ใช้ยาทาเฉพาะที่: สามารถใช้ยาทาเฉพาะจุด เช่น เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide) เพื่อช่วยลดการอักเสบและทำให้สิวยุบเร็วขึ้น
  • รักษาอย่างสม่ำเสมอ: การควบคุมสิวต้องอาศัยความสม่ำเสมอในการดูแลผิวและใช้ยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเกิดสิวใหม่ในระยะยาว

การรักษาด้วยยา ทั้งยาทาและยารับประทาน

การรักษาด้วยยาสำหรับสิว มีทั้งยาทาและยารับประทาน ซึ่งแพทย์ผิวหนังจะพิจารณาเลือกใช้ตามความเหมาะสมกับแต่ละบุคคล

  • ยาทา: เช่น ยาในกลุ่มเรตินอยด์ (retinoids) และเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide)
  • ยารับประทาน: เช่น ยาปฏิชีวนะ, ไอโซเตรติโนอิน (isotretinoin) สำหรับสิวชนิดรุนแรง, และยาที่ออกฤทธิ์ต่อฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิดบางชนิดหรือยาต้านแอนโดรเจน (anti-androgen) สำหรับสิวฮอร์โมน

หัตถการทางการแพทย์เพื่อลดการอักเสบและรอยสิว

หัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยลดการอักเสบของสิวคือ การฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์โดยแพทย์ผิวหนัง ส่วนหัตถการที่ช่วยเรื่องรอยสิวคือ การทำเคมีคอลพีล (chemical peels) และหัตถการอื่นๆ

  • การฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์ เป็นวิธีที่แพทย์ผิวหนังใช้กับสิวอักเสบเม็ดใหญ่หรือเจ็บปวดมาก เพื่อช่วยให้สิวยุบลงอย่างรวดเร็วและปลอดภัย
  • การทำเคมีคอลพีล สามารถช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ทำให้รอยแดงหรือรอยดำหลังสิวหายจางลงได้เร็วขึ้น
  • สำหรับรอยแผลเป็นหรือหลุมสิว อาจจำเป็นต้องใช้หัตถการอื่นๆ ในการรักษาเพิ่มเติม

การใช้เลเซอร์และพลังงานแสงในการรักษาสิวเห่อ

ข้อมูลที่ให้มาไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้เลเซอร์และพลังงานแสงในการรักษาสิวเห่อ แต่ได้กล่าวถึงการปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อพิจารณา “การรักษาขั้นสูง” (advanced therapies) ที่เหมาะสมเป็นรายบุคคล

เมื่อไหร่ที่สิวขึ้นเต็มหน้าควรไปพบแพทย์?

ควรไปพบแพทย์เมื่อสิวระดับปานกลางถึงรุนแรงไม่สามารถหายได้เอง เนื่องจากสิวประเภทนี้มักจะไม่หายขาดหากไม่ได้รับการรักษา การปล่อยให้สิวอักเสบรุนแรงขึ้นเต็มใบหน้าโดยไม่รักษาอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นในระยะยาวได้ นอกจากนี้ แม้จะเป็นสิวที่ไม่รุนแรงแต่หากสร้างความรำคาญใจ ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อป้องกันผลกระทบทางอารมณ์และรอยแผลเป็นที่อาจเกิดขึ้น

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกวิธีรักษาสิว

การประเมินประเภทและความรุนแรงของสิว

การประเมินประเภทและความรุนแรงของสิวสามารถทำได้โดย การสังเกตลักษณะของสิว โดยเฉพาะตำแหน่ง ช่วงเวลาที่เกิด และประเภทของตุ่มสิว

ข้อมูลจากบทความช่วยให้ประเมินได้ดังนี้:

  • ประเภทของสิว (สิวฮอร์โมน):
  • ช่วงเวลา: มักจะเห่อขึ้นในช่วงก่อนมีประจำสัปดาห์
  • ตำแหน่ง: เกิดขึ้นบริเวณใบหน้าส่วนล่าง เช่น คาง แนวกราม และลำคอ
  • ลักษณะ: มักเป็นสิวอักเสบชนิดซีสต์ (Cysts) หรือสิวหัวช้าง (Nodules) ที่อยู่ลึกและมีอาการเจ็บ
  • ความรุนแรงของสิว:
  • สิวเล็กน้อย: อาจสามารถดีขึ้นและหายได้เอง
  • สิวปานกลางถึงรุนแรง: โดยทั่วไปจะไม่หายเองหากไม่ได้รับการรักษา และอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ได้

ระยะเวลาและผลลัพธ์ที่คาดหวังได้จากการรักษา

การรักษาสิวที่รุนแรงให้หายขาดนั้น ต้องใช้เวลา 3-6 เดือนในการรักษาอย่างต่อเนื่อง จึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในช่วง 4-8 สัปดาห์แรก แต่การรักษาส่วนใหญ่มักใช้เวลาหลายเดือนจึงจะเห็นผลเต็มที่ ตัวอย่างเช่น ยาทาเฉพาะที่อาจใช้เวลา 2-3 เดือน ในขณะที่ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานมักใช้เวลาประมาณ 3 เดือน หลังจากสิวอักเสบหายแล้ว อาจต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนเพื่อให้รอยแดงรอยดำจางลง

การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้ทำการรักษาที่ได้มาตรฐาน

การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้ทำการรักษาที่ได้มาตรฐานควรเริ่มจากการศึกษาข้อมูลเพื่อหาผู้ให้บริการที่มีคุณสมบัติและน่าเชื่อถือ เนื่องจากการเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสมจะสร้างความแตกต่างอย่างมากในการรักษาสิวให้หายได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

ข้อผิดพลาดที่ควรเลี่ยง: พฤติกรรมที่ทำให้สิวเห่อรุนแรงขึ้น

พฤติกรรมหลักที่ทำให้สิวเห่อรุนแรงขึ้นคือ การบีบหรือแกะสิว และการรับประทานอาหารบางชนิด

พฤติกรรมเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงเพื่อควบคุมการเกิดสิว:

  • การบีบสิว: การบีบหรือแกะสิวจะผลักแบคทีเรียและสิ่งสกปรกลงไปในผิวหนังลึกขึ้น ทำให้เกิดการอักเสบที่รุนแรงกว่าเดิม นอกจากนี้ยังทำให้สิวหายช้าลงและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลเป็น
  • การรับประทานอาหารบางประเภท:
  • อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง (High-GI): เช่น ของหวาน เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ขนมปังขาว และข้าวขาว อาหารเหล่านี้จะกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนใบหน้าและทำให้สิวอักเสบมากขึ้น
  • ผลิตภัณฑ์นม: โดยเฉพาะนมพร่องมันเนย มีความสัมพันธ์กับการเกิดสิวที่รุนแรงขึ้นในบางคน เนื่องจากอาจเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนในน้ำนม

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาสิวขึ้นเต็มหน้า

ทำไมสิวถึงขึ้นเรื่อยๆ ไม่หายสักที?

สิวขึ้นซ้ำๆ ไม่หายขาดเนื่องจากเป็นภาวะเรื้อรังที่เกิดจากปัจจัยพื้นฐานยังคงอยู่ เช่น การผลิตน้ำมันที่มากเกินไป การอุดตันของรูขุมขน แบคทีเรีย และการอักเสบ

หากปัจจัยกระตุ้นเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง สิวใหม่ก็จะเกิดขึ้นมาแทนที่สิวเก่าที่เพิ่งหายไป นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนก็เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้สิวขึ้นเป็นวงจรซ้ำๆ การรักษาสิวอย่างสม่ำเสมอในระยะยาวตามคำแนะนำของแพทย์ผิวหนังจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมสิวเรื้อรังเหล่านี้

จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นสิวฮอร์โมน?

สิวฮอร์โมนสามารถสังเกตได้จากช่วงเวลาที่เกิดและตำแหน่งที่ขึ้นบนใบหน้า โดยมักมีลักษณะเฉพาะดังนี้

  • ช่วงเวลาที่เกิด: ในผู้หญิง สิวฮอร์โมนมักจะเห่อขึ้นในช่วงก่อนมีประจำเดือนประมาณหนึ่งสัปดาห์
  • ตำแหน่งที่ขึ้น: มักเกิดบริเวณใบหน้าส่วนล่าง โดยเฉพาะคาง แนวกราม และลำคอ
  • ลักษณะสิว: มักเป็นสิวอักเสบเม็ดใหญ่ เจ็บ หรือเป็นซีสต์อยู่ลึกใต้ผิวหนัง มากกว่าจะเป็นสิวหัวขาวเล็กๆ
  • ช่วงวัยที่เริ่มเป็น: สิวเริ่มขึ้นหรือมีอาการแย่ลงในช่วงวัยผู้ใหญ่ (หลังอายุประมาณ 25 ปี)
  • อาการอื่น ๆ ร่วมด้วย: อาจมีอาการอื่น ๆ ของภาวะฮอร์โมนแอนโดรเจนเกิน เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ มีขนดก หรือผมบาง

สิวเห่อสามารถหายเองได้หรือไม่?

สิวที่ไม่รุนแรงอาจดีขึ้นได้เอง แต่สิวระดับปานกลางถึงรุนแรงมักจะไม่หายสนิทหากไม่ได้รับการรักษา

สิวเกิดจากกระบวนการต่อเนื่องในผิวหนัง เช่น การผลิตน้ำมันและการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งอาจคงอยู่เป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปีหากไม่ได้รับการแก้ไข การปล่อยให้สิวหายเองอาจใช้เวลานานและเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็น ดังนั้นจึงแนะนำให้รักษาสิวแม้จะมีอาการเพียงเล็กน้อยเพื่อป้องกันแผลเป็นและผลกระทบทางอารมณ์

การกดสิวเองทำให้สิวเห่อกว่าเดิมจริงไหม?

จริง การกดหรือบีบสิวเองมักจะทำให้อาการของสิวแย่ลงเกือบทุกครั้ง เนื่องจากการกระทำดังกล่าวจะผลักแบคทีเรีย น้ำมัน และสิ่งสกปรกลงไปในผิวหนังลึกยิ่งขึ้น ซึ่งนำไปสู่การอักเสบที่รุนแรงกว่าเดิม ทำให้สิวบวมและแดงมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้สิวหายช้าลงและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลเป็นหรือรอยดำอีกด้วย

สิวเห่อใช้เวลารักษานานแค่ไหน?

โดยทั่วไปแล้ว การรักษาสิวที่เห่อรุนแรงต้องใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน จึงจะสามารถควบคุมสิวส่วนใหญ่ได้

แม้ว่าอาจจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้ใน 4-8 สัปดาห์แรก แต่การรักษาสิวให้หายต้องใช้ความต่อเนื่องและเวลา โดยระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา เช่น ยาทากลุ่มเรตินอยด์มักใช้เวลา 2-3 เดือนจึงจะเห็นผลเต็มที่ ในขณะที่ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานอาจใช้เวลาประมาณ 3 เดือน หลังจากสิวอักเสบหายแล้ว ยังต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนเพื่อให้รอยแดงรอยดำจางลง

อาหารชนิดใดบ้างที่กระตุ้นให้สิวขึ้นเต็มหน้า?

อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูงและผลิตภัณฑ์จากนมเป็นสองกลุ่มหลักที่มีหลักฐานชัดเจนว่าสามารถกระตุ้นให้เกิดสิวได้

อาหารที่อาจส่งผลต่อการเกิดสิว ได้แก่:

  • อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง (High-GI): คืออาหารที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว เช่น ขนมหวาน, เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล, ขนมปังขาว, ข้าวขาว และของทอด การเพิ่มขึ้นของอินซูลินจะไปกระตุ้นการผลิตไขมันบนใบหน้า (ซีบัม) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
  • ผลิตภัณฑ์จากนม: โดยเฉพาะนมพร่องมันเนย (skim milk) มีความสัมพันธ์กับการเกิดสิว แม้กลไกยังไม่ชัดเจน แต่คาดว่าเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนในน้ำนมที่กระตุ้นการเกิดสิว
  • อาหารไขมันอิ่มตัวและอาหารแปรรูปสูง: หรือที่เรียกว่า “อาหารแบบตะวันตก” (Western diet) เช่น อาหารฟาสต์ฟู้ดและของทอด เชื่อว่าส่งเสริมการอักเสบในร่างกายซึ่งอาจแสดงออกทางผิวหนังในรูปแบบของสิว

References:

  1. American Academy of Dermatology. (n.d.). Acne: Tips for managing. AAD. aad.org
  2. Cleveland Clinic. (n.d.). Acne: Types, Causes, Treatment & Prevention. Cleveland Clinic. clevelandclinic.org
  3. Mayo Clinic. (n.d.). Acne – Symptoms and causes. Mayo Clinic. mayoclinic.org
  4. National Institutes of Health. (n.d.). Acne. NIH – National Institute of Arthritis and Musculoskeletal and Skin Diseases. nih.gov
  5. Healthline. (n.d.). Everything You Want to Know About Acne. Healthline Media. healthline.com
  6. Medical News Today. (n.d.). What you need to know about acne. MNT. medicalnewstoday.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
สิวขึ้นตามตัวเกิดจากอะไร? แก้ยังไงให้ยุบไว ลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ
NextContinue
สิวขึ้นระหว่างคิ้วบ่อย เกิดจากอะไร? วิธีดูแลและลดการอุดตัน

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube