เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำ ราคาเท่าไหร่? อัปเดต 2025

เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดํา ราคาเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับชนิดเลเซอร์และบริเวณที่ทำ โดยเริ่มต้นประมาณ 4,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งเป็นการใช้พลังงานแสงทำลายเม็ดสีเมลานินส่วนเกินให้แตกตัว เพื่อให้รอยดำจางลงอย่างมีประสิทธิภาพ.
เลเซอร์รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ คืออะไร?
เลเซอร์รักษาฝ้า กระ และจุดด่างดำ คือ การใช้พลังงานแสงที่จำเพาะเจาะจงเพื่อทำลายเม็ดสีเมลานินส่วนเกินให้แตกตัวเป็นอนุภาคขนาดเล็ก หลังจากนั้น ร่างกายจะกำจัดเศษเม็ดสีเหล่านี้ออกไปตามกระบวนการทางธรรมชาติ ทำให้รอยดำต่างๆ จางลง โดยเลเซอร์จะมุ่งเป้าไปที่เม็ดสีโดยตรง จึงไม่ทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังบริเวณข้างเคียง
ทำความเข้าใจปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ
ฝ้า กระ และจุดด่างดำเป็นภาวะที่ผิวสร้างเม็ดสีมากผิดปกติ แต่มีสาเหตุ ลักษณะ และการรักษาที่แตกต่างกัน โดย “จุดด่างดำ” เป็นคำเรียกรวมๆ ของรอยสีเข้มบนผิว ในขณะที่ฝ้าและกระเป็นภาวะเฉพาะเจาะจง
- จุดด่างดำ (Dark Spots): เป็นคำกว้างๆ ที่ใช้เรียกการเกิดรอยสีเข้มบนผิว ซึ่งอาจรวมถึงรอยดำหลังการอักเสบ (Post-Inflammatory Hyperpigmentation) เช่น รอยสิว หรือรอยแผลเป็น
- ฝ้า (Melasma): มักเกิดเป็นปื้นสีน้ำตาลหรือเทา มีขอบเขตไม่ชัดเจน เกิดจากปัจจัยกระตุ้นหลายอย่าง เช่น แสงแดดและฮอร์โมน มักพบในผิวชั้นลึกและมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย
- กระ และจุดด่างดำตามวัย (Freckles and Age Spots):
- กระ (Freckles): เป็นจุดเล็กๆ ที่เกิดจากพันธุกรรม สีจะเข้มขึ้นเมื่อโดนแดดและจางลงได้เมื่อไม่โดนแดด
- จุดด่างดำตามวัย (Age Spots): เป็นจุดสีน้ำตาลที่ขอบเขตชัดเจน เกิดจากการสะสมของความเสียหายจากรังสียูวีเป็นเวลานาน มักพบในบริเวณที่โดนแดดบ่อย
หลักการทำงานของเลเซอร์ในการรักษา
เลเซอร์ทำงานโดยการส่งพลังงานที่จำเพาะเจาะจงไปยังเม็ดสีเมลานิน เพื่อทำลายหรือทำให้เม็ดสีแตกตัวออกเป็นอนุภาคขนาดเล็ก จากนั้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะกำจัดเศษเม็ดสีเหล่านี้ออกไปตามธรรมชาติในช่วงเวลาหลายสัปดาห์ ส่งผลให้บริเวณที่รักษามีสีจางลง โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังปกติโดยรอบ
ประเภทของเลเซอร์ที่ใช้รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ
Pico Laser (PicoSure, PicoWay, Discovery Pico)
เลเซอร์พิโค (Pico laser) คือเลเซอร์ที่ใช้พัลส์พลังงานสูงและสั้นมากในระดับพิโควินาที เพื่อสลายเม็ดสีอย่างมีประสิทธิภาพโดยสร้างความร้อนต่อผิวรอบข้างน้อยที่สุด
เลเซอร์ชนิดนี้ได้รับความนิยมในการรักษาฝ้าและรอยดำฝังลึก เนื่องจากให้ผลการรักษาที่ดีกว่าและใช้จำนวนครั้งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเลเซอร์ Q-switched รุ่นเก่า นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงต่ำกว่าในการเกิดรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) โดยเฉพาะในผิวชาวเอเชีย (ลดความเสี่ยงจาก 30% เหลือเพียง 5% ในงานวิจัยหนึ่ง) เลเซอร์พิโคบางรุ่น เช่น PicoSure ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้คุณภาพผิวโดยรวมดีขึ้นได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เลเซอร์ชนิดนี้มักมีราคาสูงกว่าเทคโนโลยีเลเซอร์แบบดั้งเดิม
Q-Switched Laser (Nd:YAG)
เลเซอร์ Q-Switched (Nd:YAG) คือเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานความร้อนสูงในช่วงเวลาสั้นระดับนาโนวินาที (nanosecond) เพื่อทำให้เม็ดสีแตกตัวเป็นอนุภาคเล็กๆ จากนั้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะกำจัดเศษเม็ดสีเหล่านี้ออกไป ทำให้บริเวณที่รักษาสว่างขึ้น
เลเซอร์ชนิดนี้มีการใช้งานที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ:
- รอยโรคเฉพาะจุด: มีประสิทธิภาพสูงในการรักษากระแดด (lentigines) หรือปานสีกาแฟใส่นม (café-au-lait spots) ซึ่งมักจะหายไปใน 1-2 ครั้ง
- ฝ้า (Melasma): ใช้พลังงานต่ำ (low fluence) ที่ความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร ในเทคนิคที่เรียกว่า “laser toning” เพื่อค่อยๆ ทำให้ฝ้าจางลง
- ความอเนกประสงค์: เป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายเนื่องจากสามารถรักษาได้ทั้งรอยโรคที่มีเม็ดสีและรอยสัก
อย่างไรก็ตาม การใช้พลังงานที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น รอยดำคล้ำกว่าเดิม (rebound hyperpigmentation) หรือรอยด่างขาว (hypopigmentation) ได้
Fractional Laser (เช่น CO2 Laser)
เลเซอร์ชนิด Fractional (เช่น CO2) เป็นเลเซอร์ที่ทำงานโดยการปล่อยลำแสงเลเซอร์ขนาดเล็กจำนวนมากเพื่อทำให้เนื้อเยื่อระเหยกลายเป็นคอลัมน์เล็กๆ ซึ่งจะช่วยกำจัดเม็ดสีในชั้นหนังกำพร้าและกระตุ้นการซ่อมแซมเพื่อปรับปรุงเม็ดสีในชั้นหนังแท้ เลเซอร์ชนิดนี้มีประสิทธิภาพสำหรับรอยดำที่มีทั้งในชั้นผิวหนังตื้นและลึก และยังช่วยปรับปรุงผิวสัมผัสกับริ้วรอยได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เลเซอร์ชนิดนี้มีความเสี่ยงสูงกว่า เช่น อาจมีของเหลวซึม การติดเชื้อ และการอักเสบที่รุนแรงกว่า และโดยทั่วไปไม่ถือเป็นทางเลือกแรกในการรักษาฝ้าเนื่องจากเสี่ยงต่อการทำให้รอยดำกลับมาเข้มขึ้น โดยต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 5-7 วัน ซึ่งจะมีอาการแดงและลอก
IPL และ Dual Yellow Laser
IPL ใช้แสงความเข้มสูงช่วงคลื่นกว้างในการรักษา ในขณะที่ Dual Yellow Laser เป็นเลเซอร์ที่ใช้พลังงานแสง 2 ความยาวคลื่นที่จำเพาะเจาะจงกว่า ทำให้ทั้งสองเทคโนโลยีมีความเหมาะสมในการรักษาปัญหาผิวที่แตกต่างกัน โดย IPL เหมาะกับการรักษากระแดดในผู้ที่มีผิวขาว แต่มีความเสี่ยงที่จะทำให้ฝ้าแย่ลงได้ ส่วน Dual Yellow Laser มีความอ่อนโยนกว่าและมักใช้รักษาฝ้า โดยเฉพาะฝ้าที่มีรอยแดงร่วมด้วย
| คุณสมบัติ | IPL (Intense Pulsed Light) | Dual Yellow Laser |
|---|---|---|
| เทคโนโลยี | ใช้แสงที่มีช่วงคลื่นกว้าง (Broad-spectrum light) | ใช้เลเซอร์ 2 ความยาวคลื่น (เขียว 511 nm และเหลือง 577 nm) |
| เหมาะสำหรับ | กระแดด (Sunspots) และรอยแดงในผู้ที่มีผิวขาว | ฝ้า (Melasma) โดยเฉพาะฝ้าเส้นเลือด, รอยแดงหลังเกิดสิว และผิวแพ้ง่าย |
| ความเสี่ยง | อาจทำให้ฝ้าหรือรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) แย่ลงได้หากใช้ในผิวคล้ำ | มีความอ่อนโยนกว่า ความร้อนสะสมน้อยกว่า ทำให้เสี่ยงเกิดรอยดำน้อยกว่า |
เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำ ราคาเท่าไหร่?
ราคาเลเซอร์ฝ้า กระ และจุดด่างดำเริ่มต้นที่ประมาณ 4,000 บาท ไปจนถึง 12,000 บาทขึ้นไปต่อครั้งในประเทศไทย โดยราคาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง
ปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคา ได้แก่:
- ชนิดของเลเซอร์: เลเซอร์รุ่นใหม่ เช่น Picosecond laser มักมีราคาสูงกว่าเลเซอร์รุ่นเก่าอย่าง Q-switched หรือ IPL
- ขนาดของพื้นที่: การรักษาเฉพาะจุดจะมีราคาถูกกว่าการรักษาทั่วทั้งใบหน้า
- สถานพยาบาลและผู้ให้บริการ: คลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงและให้บริการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจมีราคาสูงกว่า
- โปรโมชั่นและแพ็กเกจ: การซื้อการรักษาเป็นคอร์สหรือแพ็กเกจมักจะได้ราคาต่อครั้งที่ถูกลง
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา (ประเภทเลเซอร์, บริเวณที่ทำ, จำนวนช็อต/ครั้ง)
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาเลเซอร์ ได้แก่ ประเภทของเทคโนโลยีเลเซอร์ ขนาดของบริเวณที่ทำการรักษา และจำนวนครั้งที่ต้องทำ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อราคาด้วย ได้แก่
- ประเภทของเทคโนโลยีเลเซอร์: เลเซอร์รุ่นใหม่ เช่น Picosecond และ Fractional laser มักมีราคาสูงกว่าเลเซอร์รุ่นเก่าอย่าง Q-switched หรือ IPL
- ขนาดของบริเวณที่รักษา: การทำเลเซอร์ทั่วทั้งใบหน้าจะมีราคาสูงกว่าการทำเฉพาะจุดเล็กๆ
- จำนวนครั้งที่ต้องทำ: ค่าใช้จ่ายโดยรวมจะสูงขึ้นตามจำนวนครั้งที่ต้องทำ แม้ว่าการซื้อเป็นแพ็กเกจอาจทำให้ราคาต่อครั้งถูกลง
- ความเชี่ยวชาญและสถานพยาบาล: การรักษากับแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาลขนาดใหญ่มักมีราคาสูงกว่าในคลินิกขนาดเล็ก
- ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์: ราคาค่าบริการจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ เช่น ราคาในสหรัฐอเมริกาและยุโรปมักจะสูงกว่าในประเทศไทยหรือเกาหลีใต้
ช่วงราคาโดยประมาณของเลเซอร์แต่ละชนิด
ช่วงราคาโดยประมาณของเลเซอร์แต่ละชนิดจะแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใช้ สถานที่ และขนาดของพื้นที่ที่ทำการรักษา โดยมีราคาต่อครั้งดังนี้
- IPL (Intense Pulsed Light): ในประเทศไทยเริ่มต้นประมาณ 4,000 บาท
- Fractional CO₂ Laser: ในประเทศไทยมีราคาประมาณ 10,500 บาท ในขณะที่ประเทศตะวันตกอาจสูงกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
- Picosecond Laser: ในประเทศไทยมีราคาประมาณ 10,000–12,000 บาท ส่วนในสหรัฐอเมริกาอาจมีราคา 400–600 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่า
- Q-switched Laser: มักมีราคาถูกกว่าเลเซอร์ชนิดใหม่ๆ เช่น Picosecond หรือ Fractional Laser
โปรโมชั่นและแพ็กเกจที่น่าสนใจ
คลินิกและโรงพยาบาลมักเสนอโปรโมชั่นและแพ็กเกจที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก โดยโปรโมชั่นเหล่านี้อาจมาในรูปแบบต่างๆ เช่น
- แพ็กเกจแบบซื้อหลายครั้ง: เช่น โปรโมชั่น “ซื้อ 4 ครั้ง แถม 2 ครั้ง” ซึ่งสามารถลดราคาต่อครั้งลงได้มากกว่า 50%
- ส่วนลดตามฤดูกาล: โรงพยาบาลบางแห่งอาจจัดโปรโมชั่นลดราคา เช่น แพ็กเกจ Picosecond laser 3 ครั้ง ได้รับส่วนลด 47%
เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำ กี่ครั้งเห็นผล?
โดยทั่วไป กระและจุดด่างดำมักเห็นผลชัดเจนใน 1-2 ครั้ง ในขณะที่ฝ้าอาจต้องทำต่อเนื่อง 6-10 ครั้ง เนื่องจากลักษณะของเม็ดสีและความซับซ้อนของปัญหาที่แตกต่างกัน
- กระและจุดด่างดำ (Age Spots/Freckles): ปัญหาเหล่านี้มักตอบสนองต่อเลเซอร์ได้ดีและรวดเร็ว โดยเฉพาะกระตื้นๆ อาจจางลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ครั้งแรก หลังทำเลเซอร์ จุดด่างดำจะเข้มขึ้น ตกสะเก็ด และหลุดลอกออกไปภายใน 1 สัปดาห์ โดยจะเห็นผลลัพธ์สุดท้ายที่ชัดเจนใน 4-6 สัปดาห์
- ฝ้า (Melasma): ฝ้าเป็นภาวะเรื้อรังที่ต้องใช้เวลาในการรักษาและค่อยๆ จางลง จึงต้องทำเลเซอร์หลายครั้ง โดยทั่วไปอาจต้องทำ 6-10 ครั้งจึงจะเห็นผลการรักษาที่น่าพอใจสูงสุด และมักจะต้องมีการรักษาต่อเนื่องเพื่อควบคุมไม่ให้ฝ้ากลับมาเข้มอีก
จำนวนครั้งที่แนะนำสำหรับฝ้า
โดยทั่วไปแล้ว การรักษาฝ้าอาจต้องทำเลเซอร์ 6-10 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การลดเลือนฝ้าที่ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้เลเซอร์ชนิดอ่อนโยนที่เรียกว่า “laser toning” บางโปรแกรมการรักษาอาจแนะนำให้ทำเลเซอร์ทุกสัปดาห์เป็นเวลา 8-10 สัปดาห์
เนื่องจากฝ้าเป็นภาวะเรื้อรังที่สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ จึงมักจำเป็นต้องมีการรักษาเพื่อคงสภาพผิว (maintenance) เป็นระยะๆ เพื่อควบคุมไม่ให้ฝ้ากลับมาเข้มขึ้น
จำนวนครั้งที่แนะนำสำหรับกระ
โดยทั่วไปแล้ว การรักษาฝ้าอาจต้องทำ 6-10 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การลดเลือนฝ้าที่ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการใช้เลเซอร์ในกลุ่ม “toning” ที่มีความอ่อนโยน
เนื่องจากฝ้าสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย หลังจากการรักษาในช่วงแรกแล้วจึงมักต้องมีการทำเลเซอร์เป็นระยะๆ เพื่อควบคุมและป้องกันไม่ให้ฝ้ากลับมาเข้มขึ้นอีก
จำนวนครั้งที่แนะนำสำหรับจุดด่างดำ
สำหรับจุดด่างดำเฉพาะจุด เช่น กระ หรือจุดด่างดำตามวัย (age spots) โดยทั่วไปต้องการการรักษา 1-2 ครั้ง ในหลายกรณี จุดด่างดำตามวัยสามารถรักษาให้หายได้ในครั้งเดียว ในขณะที่กระสีอ่อนอาจจางลงหลังจากการทำเลเซอร์เพียงครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม สำหรับฝ้า (melasma) ซึ่งเป็นปัญหาเม็ดสีที่ซับซ้อนกว่า อาจต้องใช้การรักษา 6-10 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ความสว่างสูงสุด
ระยะเวลาเห็นผลลัพธ์
ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้นใน 2-4 สัปดาห์หลังการรักษา แต่ระยะเวลาที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับประเภทของเม็ดสีและชนิดของเลเซอร์
- กระแดดและจุดด่างดำ: โดยทั่วไป จุดที่รักษาจะเข้มขึ้นและตกสะเก็ดหลุดออกไปภายในประมาณ 1 สัปดาห์ และจะเห็นผลลัพธ์สุดท้ายที่ชัดเจนใน 4-6 สัปดาห์
- ฝ้า: เนื่องจากเป็นเม็ดสีที่อยู่ลึกและต้องรักษาหลายครั้ง การเปลี่ยนแปลงจะค่อยเป็นค่อยไป และอาจเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดหลังจากเริ่มการรักษาไปแล้ว 3-6 เดือน
ข้อดีและข้อเสียของการทำเลเซอร์รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ
ข้อดี (เห็นผลเร็ว, แม่นยำ, ปลอดภัย)
ข้อดีหลักของการทำเลเซอร์คือเห็นผลเร็ว แม่นยำ และมีความปลอดภัยสูง โดยสามารถกำจัดเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมกับฟื้นฟูสภาพผิวโดยรวม
- เห็นผลเร็ว: เลเซอร์สามารถกำจัดเม็ดสีและจุดด่างดำได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งเร็วกว่าการใช้ยาทาที่อาจต้องใช้เวลา 3-6 เดือน โดยเฉพาะกระแดดและฝ้ากระที่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนหลังการรักษาไม่นาน
- มีความแม่นยำสูง: ลำแสงเลเซอร์สามารถพุ่งเป้าไปที่เม็ดสีส่วนเกินได้อย่างแม่นยำโดยไม่ทำลายผิวหนังบริเวณรอบข้าง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นได้อย่างมาก
- ปลอดภัยและเจ็บน้อย: เป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงต่ำ ไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน เลเซอร์ส่วนใหญ่ไม่ทำให้เกิดแผลเปิด และเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Picosecond laser ยังช่วยลดความร้อนสะสมใต้ผิว ทำให้ผลข้างเคียงน้อยลง
- ช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิว: นอกจากจะกำจัดเม็ดสีแล้ว เลเซอร์บางชนิดยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวโดยรวมเรียบเนียน กระจ่างใส และดูมีสุขภาพดีขึ้น
ข้อเสียและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น (รอยแดง, บวม, ผิวไวแสง, รอยดำหลังทำ)
ข้อเสียและผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดจากการทำเลเซอร์คือ รอยแดง บวม ภาวะรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) และภาวะรอยด่างขาว ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นเพียงชั่วคราวและสามารถจัดการได้
- รอยแดงและบวม: เป็นอาการทั่วไปที่เกิดขึ้นทันทีหลังทำ ไม่รุนแรง และมักจะหายไปเองภายใน 3-7 วัน
- รอยดำหลังการอักเสบ (PIH): คือความเสี่ยงที่ผิวอาจมีสีเข้มขึ้นหลังทำเลเซอร์ โดยเฉพาะในผู้ที่มีสีผิวเข้ม แต่โดยทั่วไปรอยดำนี้จะเป็นเพียงชั่วคราวและจะค่อยๆ จางลงใน 3-6 เดือน หากดูแลผิวและป้องกันแสงแดดอย่างเคร่งครัด
- รอยด่างขาว (Hypopigmentation): เป็นภาวะที่ผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์มีสีอ่อนกว่าปกติ พบได้ไม่บ่อย แต่อาจเกิดขึ้นได้หากใช้พลังงานสูงเกินไปหรือทำเลเซอร์ซ้ำๆ กันหลายครั้ง ส่วนใหญ่มักจะกลับมาเป็นปกติได้เอง
- ความเสี่ยงอื่นๆ: ผลข้างเคียงที่พบได้น้อย ได้แก่ แผลพุพอง (หากใช้พลังงานสูงเกินไป) การติดเชื้อ หรือการกระตุ้นให้เกิดเริมบริเวณริมฝีปาก
ก่อนตัดสินใจทำเลเซอร์: สิ่งที่ควรรู้และพิจารณา
การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ควรเลือกแพทย์ที่มีคุณสมบัติทางการแพทย์และมีประสบการณ์สูงในการใช้เลเซอร์รักษาเม็ดสีโดยเฉพาะ เนื่องจากการรักษาโดยผู้ที่ขาดความเชี่ยวชาญอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยไหม้หรือผลลัพธ์ที่ไม่ดี
สิ่งที่ควรตรวจสอบเมื่อเลือกคลินิกและแพทย์:
- คุณสมบัติและประสบการณ์: ตรวจสอบว่าแพทย์มีใบอนุญาตและมีประสบการณ์ในการใช้เลเซอร์รักษาฝ้า กระ หรือจุดด่างดำโดยเฉพาะ
- จำนวนเคสที่เคยรักษา: สอบถามเกี่ยวกับจำนวนเคสที่เคยรักษาและขอดูรูปภาพก่อนและหลังการรักษา
- ความหลากหลายของเครื่องมือ: ผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญมักมีเครื่องเลเซอร์หลายชนิดเพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล
การดูแลตัวเองก่อนและหลังทำเลเซอร์
การดูแลตัวเองก่อนทำเลเซอร์เกี่ยวข้องกับการเตรียมผิวและหลีกเลี่ยงแสงแดด ส่วนการดูแลหลังทำเลเซอร์จะเน้นไปที่การดูแลผิวอย่างอ่อนโยนและป้องกันแสงแดดอย่างเคร่งครัด
การดูแลตัวเองก่อนทำเลเซอร์
- หลีกเลี่ยงแสงแดด: เพื่อลดปริมาณเม็ดสีในผิว ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
- ทาครีมกันแดด: ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 หรือ 50 เป็นประจำทุกวัน
- เตรียมผิว: สำหรับผู้ที่เป็นฝ้าหรือมีแนวโน้มเกิดรอยดำง่าย แพทย์อาจให้ใช้ยาทาฝ้า เช่น ไฮโดรควิโนน (hydroquinone) ประมาณ 2-4 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์
- งดผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง: หยุดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองสองสามวันก่อนทำเลเซอร์
- ทำความสะอาดผิว: ในวันนัดหมายควรมาด้วยผิวที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอางหรือครีมบำรุง
การดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์
- ป้องกันแสงแดดอย่างเคร่งครัด: ผิวหลังทำเลเซอร์จะไวต่อแสงมาก ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดและทาครีมกันแดด SPF 50+ อย่างสม่ำเสมอ
- ดูแลผิวอย่างอ่อนโยน: หลีกเลี่ยงการขัดถูผิว และใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน
- ห้ามแกะสะเก็ด: ปล่อยให้สะเก็ดแผลหลุดลอกออกไปเองตามธรรมชาติเพื่อป้องกันการเกิดรอยแผลเป็น
- ลดการอักเสบ: แพทย์อาจให้ครีมทาเพื่อปลอบประโลมผิวหรือสเตียรอยด์ชนิดอ่อนๆ เพื่อลดการอักเสบและรอยแดง
- พบแพทย์ตามนัด: กลับไปพบแพทย์เพื่อติดตามผลการรักษาและประเมินสภาพผิว ซึ่งโดยทั่วไปจะนัดหลังจากทำเลเซอร์ไปแล้วประมาณ 4-6 สัปดาห์
ข้อห้ามและผู้ที่ไม่ควรทำ
ผู้ที่ไม่ควรทำเลเซอร์รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ได้แก่ สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร, ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลเป็นคีลอยด์, ผู้ที่มีสีผิวเข้มมาก และผู้ที่มีการติดเชื้อหรือการอักเสบในบริเวณที่จะทำ
นอกจากนี้ยังมีข้อควรระวังและข้อห้ามอื่นๆ ดังนี้
- ผู้ที่มีสีผิวเข้มมาก (Fitzpatrick VI): มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดแผลไหม้และรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) เนื่องจากเลเซอร์บางชนิดไม่สามารถแยกแยะเม็ดสีในจุดด่างดำกับเม็ดสีในผิวปกติได้ดี
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร: ควรเลื่อนการทำเลเซอร์ออกไปก่อน เนื่องจากความผันผวนของฮอร์โมนอาจทำให้ฝ้าแย่ลงและลดประสิทธิภาพของเลเซอร์
- ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลเป็นนูน (Keloid) หรือแผลเป็นขยาย (Hypertrophic): แม้เลเซอร์เม็ดสีจะไม่ทะลุผิวลึก แต่ก็ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในผู้ที่มีแนวโน้มเป็นแผลเป็นง่าย
- ผู้ที่มีการติดเชื้อหรือการอักเสบ: หากมีโรคเริม (Herpes) หรือผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema) ที่ยังกำเริบอยู่ในบริเวณที่จะทำเลเซอร์ ควรทำการรักษาให้หายก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้อาการแย่ลง
- ผู้ที่ใช้ยาบางชนิด: ผู้ที่เพิ่งใช้ยา Accutane หรือยาที่ทำให้ผิวไวต่อแสง เช่น Doxycycline ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพราะเป็นข้อห้ามในการทำเลเซอร์
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำ
เลเซอร์ฝ้า กระ เจ็บไหม?
การทำเลเซอร์ฝ้า กระ มีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่สามารถทนได้ โดยทั่วไปจะมีการทาครีมยาชาและใช้เครื่องเป่าลมเย็นช่วยลดความรู้สึกไม่สบายผิวระหว่างทำ
หลังทำเลเซอร์อาจมีความรู้สึกอุ่นๆ หรือแสบเล็กน้อยคล้ายผิวไหม้แดด ซึ่งจะหายไปเองในเวลาไม่นาน ความเจ็บปวดโดยรวมถือว่าน้อยและเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้น
เลเซอร์ฝ้า กระ หายขาดไหม?
กระและจุดด่างดำจากแสงแดดสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ฝ้าไม่สามารถรักษาให้หายขาดและมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ
- กระและจุดด่างดำ (Age Spots): เมื่อใช้เลเซอร์กำจัดกระหรือจุดด่างดำจากแสงแดดที่จุดใดจุดหนึ่งแล้ว จุดนั้นจะหายไปอย่างถาวรและไม่กลับมาเป็นซ้ำที่เดิม อย่างไรก็ตาม หากไม่ป้องกันผิวจากแสงแดด ก็อาจเกิดจุดใหม่ขึ้นในบริเวณอื่นได้
- ฝ้า (Melasma): ฝ้าเป็นภาวะเรื้อรังที่มักจะกลับมาเป็นซ้ำ แม้ว่าเลเซอร์จะทำให้ฝ้าจางลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ปัจจัยกระตุ้น เช่น แสงแดดและฮอร์โมน สามารถทำให้ฝ้ากลับมาใหม่ได้ภายในเวลาไม่กี่เดือน ดังนั้น การรักษาฝ้าจึงเป็นการควบคุมอาการมากกว่าการรักษาให้หายขาด และจำเป็นต้องมีการดูแลต่อเนื่องเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
ผลเสียของเลเซอร์ฝ้า กระ มีอะไรบ้าง?
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดของเลเซอร์ฝ้า กระ คือการอักเสบชั่วคราวและการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสี ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาการเหล่านี้ไม่รุนแรงและสามารถจัดการได้
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่:
- อาการบวมแดง: หลังทำเลเซอร์ผิวอาจมีอาการแดง บวม หรือรู้สึกแสบร้อนเล็กน้อยคล้ายโดนแดด ซึ่งโดยทั่วไปจะหายไปเองภายใน 3-7 วัน
- รอยดำหลังทำเลเซอร์ (PIH): ผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์อาจมีสีเข้มขึ้น ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่พบบ่อยโดยเฉพาะในผู้ที่มีสีผิวเข้ม แต่โดยปกติแล้วรอยดำจะค่อยๆ จางลงใน 3-6 เดือน
- รอยด่างขาว (Hypopigmentation): ในบางกรณี ผิวอาจสูญเสียเม็ดสีและกลายเป็นจุดสีขาวสว่างกว่าผิวโดยรอบ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนในการฟื้นตัว
- ความเสี่ยงอื่นๆ: ความเสี่ยงที่พบได้ไม่บ่อยนัก ได้แก่ การเกิดแผลพุพอง (หากใช้พลังงานสูงเกินไป) การติดเชื้อ หรือการกระตุ้นให้เกิดเริมบริเวณริมฝีปาก
หลังทำเลเซอร์ฝ้า กระ ต้องพักหน้าไหม?
โดยทั่วไปแล้ว การทำเลเซอร์ฝ้าและกระส่วนใหญ่ แทบไม่ต้องพักฟื้น หรือมีระยะเวลาพักฟื้นสั้นมาก แต่จะขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์ที่ใช้
- เลเซอร์แบบอ่อนโยน (Pico/Q-switched toning): สำหรับการรักษาฝ้า มักจะมีเพียงรอยแดงเล็กน้อยชั่วคราว และสามารถกลับไปทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้ในวันถัดไป
- เลเซอร์เฉพาะจุด (สำหรับกระ/จุดด่างดำ): ผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์อาจเกิดเป็นสะเก็ดบางๆ ซึ่งจะหลุดออกไปเองภายในประมาณ 1 สัปดาห์
- เลเซอร์ผลัดเซลล์ผิว (Fractional laser): เป็นกลุ่มที่ต้องพักฟื้นนานที่สุด โดยอาจมีอาการแดงและผิวลอกประมาณ 5-7 วัน
เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่ไหนดี?
การเลือกสถานที่เลเซอร์ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ควรพิจารณาจากความเชี่ยวชาญของแพทย์และมาตรฐานของสถานพยาบาลเป็นหลัก แทนการเลือกจากราคาหรือโปรโมชั่นเพียงอย่างเดียว
เกณฑ์การพิจารณาที่สำคัญมีดังนี้:
- ความเชี่ยวชาญของแพทย์ ควรเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านเลเซอร์ผิวหนังโดยเฉพาะ สามารถประเมินสภาพผิวและเลือกใช้เครื่องเลเซอร์ที่เหมาะสมได้
- มาตรฐานของสถานพยาบาล มีเครื่องเลเซอร์หลากหลายชนิดเพื่อให้เหมาะกับปัญหาผิวที่แตกต่างกัน และมีใบอนุญาตประกอบกิจการที่ถูกต้อง
- การประเมินผิวก่อนรักษา มีการตรวจวิเคราะห์สภาพผิวอย่างละเอียด ทั้งความลึกของเม็ดสีและสภาพผิว เพื่อวางแผนการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- ความน่าเชื่อถือ สามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนและแสดงภาพผลการรักษา (Before & After) เพื่อประกอบการตัดสินใจได้
References:
- National Institutes of Health. (n.d.). เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดํา ราคาเท่าไหร่. National Institutes of Health. nih.gov
- ClinicalTrials.gov. (n.d.). เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดํา ราคาเท่าไหร่. ClinicalTrials.gov. clinicaltrials.gov
- Frontiers. (n.d.). เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดํา ราคาเท่าไหร่. Frontiers. frontiersin.org
- Healthline. (n.d.). เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดํา ราคาเท่าไหร่. Healthline. healthline.com
- MedPark Hospital. (n.d.). เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดํา ราคาเท่าไหร่. MedPark Hospital. medparkhospital.com
- One Face Clinic. (n.d.). เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดํา ราคาเท่าไหร่. One Face Clinic. onefaceclinic.com
