Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Laser

เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำ ราคาเท่าไหร่? อัปเดต 2025

Byadmin กันยายน 29, 2025
By นายแพทย์พนิต อุนรัตน์ Updated on กันยายน 29, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำ ราคาเท่าไหร่? อัปเดต 2025

เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดํา ราคาเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับชนิดเลเซอร์และบริเวณที่ทำ โดยเริ่มต้นประมาณ 4,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งเป็นการใช้พลังงานแสงทำลายเม็ดสีเมลานินส่วนเกินให้แตกตัว เพื่อให้รอยดำจางลงอย่างมีประสิทธิภาพ.

Table of Contents

Toggle
  • เลเซอร์รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ คืออะไร?
    • ทำความเข้าใจปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ
    • หลักการทำงานของเลเซอร์ในการรักษา
  • ประเภทของเลเซอร์ที่ใช้รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ
    • Pico Laser (PicoSure, PicoWay, Discovery Pico)
    • Q-Switched Laser (Nd:YAG)
    • Fractional Laser (เช่น CO2 Laser)
    • IPL และ Dual Yellow Laser
  • เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำ ราคาเท่าไหร่?
    • ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา (ประเภทเลเซอร์, บริเวณที่ทำ, จำนวนช็อต/ครั้ง)
    • ช่วงราคาโดยประมาณของเลเซอร์แต่ละชนิด
    • โปรโมชั่นและแพ็กเกจที่น่าสนใจ
  • เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำ กี่ครั้งเห็นผล?
    • จำนวนครั้งที่แนะนำสำหรับฝ้า
    • จำนวนครั้งที่แนะนำสำหรับกระ
    • จำนวนครั้งที่แนะนำสำหรับจุดด่างดำ
    • ระยะเวลาเห็นผลลัพธ์
  • ข้อดีและข้อเสียของการทำเลเซอร์รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ
    • ข้อดี (เห็นผลเร็ว, แม่นยำ, ปลอดภัย)
    • ข้อเสียและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น (รอยแดง, บวม, ผิวไวแสง, รอยดำหลังทำ)
  • ก่อนตัดสินใจทำเลเซอร์: สิ่งที่ควรรู้และพิจารณา
    • การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
    • การดูแลตัวเองก่อนและหลังทำเลเซอร์
    • ข้อห้ามและผู้ที่ไม่ควรทำ
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำ
    • เลเซอร์ฝ้า กระ เจ็บไหม?
    • เลเซอร์ฝ้า กระ หายขาดไหม?
    • ผลเสียของเลเซอร์ฝ้า กระ มีอะไรบ้าง?
    • หลังทำเลเซอร์ฝ้า กระ ต้องพักหน้าไหม?
    • เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่ไหนดี?
  • References:

เลเซอร์รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ คืออะไร?

เลเซอร์รักษาฝ้า กระ และจุดด่างดำ คือ การใช้พลังงานแสงที่จำเพาะเจาะจงเพื่อทำลายเม็ดสีเมลานินส่วนเกินให้แตกตัวเป็นอนุภาคขนาดเล็ก หลังจากนั้น ร่างกายจะกำจัดเศษเม็ดสีเหล่านี้ออกไปตามกระบวนการทางธรรมชาติ ทำให้รอยดำต่างๆ จางลง โดยเลเซอร์จะมุ่งเป้าไปที่เม็ดสีโดยตรง จึงไม่ทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังบริเวณข้างเคียง

ทำความเข้าใจปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ

ฝ้า กระ และจุดด่างดำเป็นภาวะที่ผิวสร้างเม็ดสีมากผิดปกติ แต่มีสาเหตุ ลักษณะ และการรักษาที่แตกต่างกัน โดย “จุดด่างดำ” เป็นคำเรียกรวมๆ ของรอยสีเข้มบนผิว ในขณะที่ฝ้าและกระเป็นภาวะเฉพาะเจาะจง

  • จุดด่างดำ (Dark Spots): เป็นคำกว้างๆ ที่ใช้เรียกการเกิดรอยสีเข้มบนผิว ซึ่งอาจรวมถึงรอยดำหลังการอักเสบ (Post-Inflammatory Hyperpigmentation) เช่น รอยสิว หรือรอยแผลเป็น
  • ฝ้า (Melasma): มักเกิดเป็นปื้นสีน้ำตาลหรือเทา มีขอบเขตไม่ชัดเจน เกิดจากปัจจัยกระตุ้นหลายอย่าง เช่น แสงแดดและฮอร์โมน มักพบในผิวชั้นลึกและมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย
  • กระ และจุดด่างดำตามวัย (Freckles and Age Spots):
  • กระ (Freckles): เป็นจุดเล็กๆ ที่เกิดจากพันธุกรรม สีจะเข้มขึ้นเมื่อโดนแดดและจางลงได้เมื่อไม่โดนแดด
  • จุดด่างดำตามวัย (Age Spots): เป็นจุดสีน้ำตาลที่ขอบเขตชัดเจน เกิดจากการสะสมของความเสียหายจากรังสียูวีเป็นเวลานาน มักพบในบริเวณที่โดนแดดบ่อย

หลักการทำงานของเลเซอร์ในการรักษา

เลเซอร์ทำงานโดยการส่งพลังงานที่จำเพาะเจาะจงไปยังเม็ดสีเมลานิน เพื่อทำลายหรือทำให้เม็ดสีแตกตัวออกเป็นอนุภาคขนาดเล็ก จากนั้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะกำจัดเศษเม็ดสีเหล่านี้ออกไปตามธรรมชาติในช่วงเวลาหลายสัปดาห์ ส่งผลให้บริเวณที่รักษามีสีจางลง โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังปกติโดยรอบ

ประเภทของเลเซอร์ที่ใช้รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ

Pico Laser (PicoSure, PicoWay, Discovery Pico)

เลเซอร์พิโค (Pico laser) คือเลเซอร์ที่ใช้พัลส์พลังงานสูงและสั้นมากในระดับพิโควินาที เพื่อสลายเม็ดสีอย่างมีประสิทธิภาพโดยสร้างความร้อนต่อผิวรอบข้างน้อยที่สุด

เลเซอร์ชนิดนี้ได้รับความนิยมในการรักษาฝ้าและรอยดำฝังลึก เนื่องจากให้ผลการรักษาที่ดีกว่าและใช้จำนวนครั้งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเลเซอร์ Q-switched รุ่นเก่า นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงต่ำกว่าในการเกิดรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) โดยเฉพาะในผิวชาวเอเชีย (ลดความเสี่ยงจาก 30% เหลือเพียง 5% ในงานวิจัยหนึ่ง) เลเซอร์พิโคบางรุ่น เช่น PicoSure ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้คุณภาพผิวโดยรวมดีขึ้นได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เลเซอร์ชนิดนี้มักมีราคาสูงกว่าเทคโนโลยีเลเซอร์แบบดั้งเดิม

Q-Switched Laser (Nd:YAG)

เลเซอร์ Q-Switched (Nd:YAG) คือเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานความร้อนสูงในช่วงเวลาสั้นระดับนาโนวินาที (nanosecond) เพื่อทำให้เม็ดสีแตกตัวเป็นอนุภาคเล็กๆ จากนั้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะกำจัดเศษเม็ดสีเหล่านี้ออกไป ทำให้บริเวณที่รักษาสว่างขึ้น

เลเซอร์ชนิดนี้มีการใช้งานที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ:

  • รอยโรคเฉพาะจุด: มีประสิทธิภาพสูงในการรักษากระแดด (lentigines) หรือปานสีกาแฟใส่นม (café-au-lait spots) ซึ่งมักจะหายไปใน 1-2 ครั้ง
  • ฝ้า (Melasma): ใช้พลังงานต่ำ (low fluence) ที่ความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร ในเทคนิคที่เรียกว่า “laser toning” เพื่อค่อยๆ ทำให้ฝ้าจางลง
  • ความอเนกประสงค์: เป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายเนื่องจากสามารถรักษาได้ทั้งรอยโรคที่มีเม็ดสีและรอยสัก

อย่างไรก็ตาม การใช้พลังงานที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น รอยดำคล้ำกว่าเดิม (rebound hyperpigmentation) หรือรอยด่างขาว (hypopigmentation) ได้

Fractional Laser (เช่น CO2 Laser)

เลเซอร์ชนิด Fractional (เช่น CO2) เป็นเลเซอร์ที่ทำงานโดยการปล่อยลำแสงเลเซอร์ขนาดเล็กจำนวนมากเพื่อทำให้เนื้อเยื่อระเหยกลายเป็นคอลัมน์เล็กๆ ซึ่งจะช่วยกำจัดเม็ดสีในชั้นหนังกำพร้าและกระตุ้นการซ่อมแซมเพื่อปรับปรุงเม็ดสีในชั้นหนังแท้ เลเซอร์ชนิดนี้มีประสิทธิภาพสำหรับรอยดำที่มีทั้งในชั้นผิวหนังตื้นและลึก และยังช่วยปรับปรุงผิวสัมผัสกับริ้วรอยได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เลเซอร์ชนิดนี้มีความเสี่ยงสูงกว่า เช่น อาจมีของเหลวซึม การติดเชื้อ และการอักเสบที่รุนแรงกว่า และโดยทั่วไปไม่ถือเป็นทางเลือกแรกในการรักษาฝ้าเนื่องจากเสี่ยงต่อการทำให้รอยดำกลับมาเข้มขึ้น โดยต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 5-7 วัน ซึ่งจะมีอาการแดงและลอก

IPL และ Dual Yellow Laser

IPL ใช้แสงความเข้มสูงช่วงคลื่นกว้างในการรักษา ในขณะที่ Dual Yellow Laser เป็นเลเซอร์ที่ใช้พลังงานแสง 2 ความยาวคลื่นที่จำเพาะเจาะจงกว่า ทำให้ทั้งสองเทคโนโลยีมีความเหมาะสมในการรักษาปัญหาผิวที่แตกต่างกัน โดย IPL เหมาะกับการรักษากระแดดในผู้ที่มีผิวขาว แต่มีความเสี่ยงที่จะทำให้ฝ้าแย่ลงได้ ส่วน Dual Yellow Laser มีความอ่อนโยนกว่าและมักใช้รักษาฝ้า โดยเฉพาะฝ้าที่มีรอยแดงร่วมด้วย

คุณสมบัติ IPL (Intense Pulsed Light) Dual Yellow Laser
เทคโนโลยี ใช้แสงที่มีช่วงคลื่นกว้าง (Broad-spectrum light) ใช้เลเซอร์ 2 ความยาวคลื่น (เขียว 511 nm และเหลือง 577 nm)
เหมาะสำหรับ กระแดด (Sunspots) และรอยแดงในผู้ที่มีผิวขาว ฝ้า (Melasma) โดยเฉพาะฝ้าเส้นเลือด, รอยแดงหลังเกิดสิว และผิวแพ้ง่าย
ความเสี่ยง อาจทำให้ฝ้าหรือรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) แย่ลงได้หากใช้ในผิวคล้ำ มีความอ่อนโยนกว่า ความร้อนสะสมน้อยกว่า ทำให้เสี่ยงเกิดรอยดำน้อยกว่า

เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำ ราคาเท่าไหร่?

ราคาเลเซอร์ฝ้า กระ และจุดด่างดำเริ่มต้นที่ประมาณ 4,000 บาท ไปจนถึง 12,000 บาทขึ้นไปต่อครั้งในประเทศไทย โดยราคาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง

ปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคา ได้แก่:

  • ชนิดของเลเซอร์: เลเซอร์รุ่นใหม่ เช่น Picosecond laser มักมีราคาสูงกว่าเลเซอร์รุ่นเก่าอย่าง Q-switched หรือ IPL
  • ขนาดของพื้นที่: การรักษาเฉพาะจุดจะมีราคาถูกกว่าการรักษาทั่วทั้งใบหน้า
  • สถานพยาบาลและผู้ให้บริการ: คลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงและให้บริการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจมีราคาสูงกว่า
  • โปรโมชั่นและแพ็กเกจ: การซื้อการรักษาเป็นคอร์สหรือแพ็กเกจมักจะได้ราคาต่อครั้งที่ถูกลง

ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา (ประเภทเลเซอร์, บริเวณที่ทำ, จำนวนช็อต/ครั้ง)

ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาเลเซอร์ ได้แก่ ประเภทของเทคโนโลยีเลเซอร์ ขนาดของบริเวณที่ทำการรักษา และจำนวนครั้งที่ต้องทำ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อราคาด้วย ได้แก่

  • ประเภทของเทคโนโลยีเลเซอร์: เลเซอร์รุ่นใหม่ เช่น Picosecond และ Fractional laser มักมีราคาสูงกว่าเลเซอร์รุ่นเก่าอย่าง Q-switched หรือ IPL
  • ขนาดของบริเวณที่รักษา: การทำเลเซอร์ทั่วทั้งใบหน้าจะมีราคาสูงกว่าการทำเฉพาะจุดเล็กๆ
  • จำนวนครั้งที่ต้องทำ: ค่าใช้จ่ายโดยรวมจะสูงขึ้นตามจำนวนครั้งที่ต้องทำ แม้ว่าการซื้อเป็นแพ็กเกจอาจทำให้ราคาต่อครั้งถูกลง
  • ความเชี่ยวชาญและสถานพยาบาล: การรักษากับแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาลขนาดใหญ่มักมีราคาสูงกว่าในคลินิกขนาดเล็ก
  • ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์: ราคาค่าบริการจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ เช่น ราคาในสหรัฐอเมริกาและยุโรปมักจะสูงกว่าในประเทศไทยหรือเกาหลีใต้

ช่วงราคาโดยประมาณของเลเซอร์แต่ละชนิด

ช่วงราคาโดยประมาณของเลเซอร์แต่ละชนิดจะแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใช้ สถานที่ และขนาดของพื้นที่ที่ทำการรักษา โดยมีราคาต่อครั้งดังนี้

  • IPL (Intense Pulsed Light): ในประเทศไทยเริ่มต้นประมาณ 4,000 บาท
  • Fractional CO₂ Laser: ในประเทศไทยมีราคาประมาณ 10,500 บาท ในขณะที่ประเทศตะวันตกอาจสูงกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
  • Picosecond Laser: ในประเทศไทยมีราคาประมาณ 10,000–12,000 บาท ส่วนในสหรัฐอเมริกาอาจมีราคา 400–600 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่า
  • Q-switched Laser: มักมีราคาถูกกว่าเลเซอร์ชนิดใหม่ๆ เช่น Picosecond หรือ Fractional Laser

โปรโมชั่นและแพ็กเกจที่น่าสนใจ

คลินิกและโรงพยาบาลมักเสนอโปรโมชั่นและแพ็กเกจที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก โดยโปรโมชั่นเหล่านี้อาจมาในรูปแบบต่างๆ เช่น

  • แพ็กเกจแบบซื้อหลายครั้ง: เช่น โปรโมชั่น “ซื้อ 4 ครั้ง แถม 2 ครั้ง” ซึ่งสามารถลดราคาต่อครั้งลงได้มากกว่า 50%
  • ส่วนลดตามฤดูกาล: โรงพยาบาลบางแห่งอาจจัดโปรโมชั่นลดราคา เช่น แพ็กเกจ Picosecond laser 3 ครั้ง ได้รับส่วนลด 47%

เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำ กี่ครั้งเห็นผล?

โดยทั่วไป กระและจุดด่างดำมักเห็นผลชัดเจนใน 1-2 ครั้ง ในขณะที่ฝ้าอาจต้องทำต่อเนื่อง 6-10 ครั้ง เนื่องจากลักษณะของเม็ดสีและความซับซ้อนของปัญหาที่แตกต่างกัน

  • กระและจุดด่างดำ (Age Spots/Freckles): ปัญหาเหล่านี้มักตอบสนองต่อเลเซอร์ได้ดีและรวดเร็ว โดยเฉพาะกระตื้นๆ อาจจางลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ครั้งแรก หลังทำเลเซอร์ จุดด่างดำจะเข้มขึ้น ตกสะเก็ด และหลุดลอกออกไปภายใน 1 สัปดาห์ โดยจะเห็นผลลัพธ์สุดท้ายที่ชัดเจนใน 4-6 สัปดาห์
  • ฝ้า (Melasma): ฝ้าเป็นภาวะเรื้อรังที่ต้องใช้เวลาในการรักษาและค่อยๆ จางลง จึงต้องทำเลเซอร์หลายครั้ง โดยทั่วไปอาจต้องทำ 6-10 ครั้งจึงจะเห็นผลการรักษาที่น่าพอใจสูงสุด และมักจะต้องมีการรักษาต่อเนื่องเพื่อควบคุมไม่ให้ฝ้ากลับมาเข้มอีก

จำนวนครั้งที่แนะนำสำหรับฝ้า

โดยทั่วไปแล้ว การรักษาฝ้าอาจต้องทำเลเซอร์ 6-10 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การลดเลือนฝ้าที่ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้เลเซอร์ชนิดอ่อนโยนที่เรียกว่า “laser toning” บางโปรแกรมการรักษาอาจแนะนำให้ทำเลเซอร์ทุกสัปดาห์เป็นเวลา 8-10 สัปดาห์

เนื่องจากฝ้าเป็นภาวะเรื้อรังที่สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ จึงมักจำเป็นต้องมีการรักษาเพื่อคงสภาพผิว (maintenance) เป็นระยะๆ เพื่อควบคุมไม่ให้ฝ้ากลับมาเข้มขึ้น

จำนวนครั้งที่แนะนำสำหรับกระ

โดยทั่วไปแล้ว การรักษาฝ้าอาจต้องทำ 6-10 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การลดเลือนฝ้าที่ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการใช้เลเซอร์ในกลุ่ม “toning” ที่มีความอ่อนโยน

เนื่องจากฝ้าสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย หลังจากการรักษาในช่วงแรกแล้วจึงมักต้องมีการทำเลเซอร์เป็นระยะๆ เพื่อควบคุมและป้องกันไม่ให้ฝ้ากลับมาเข้มขึ้นอีก

จำนวนครั้งที่แนะนำสำหรับจุดด่างดำ

สำหรับจุดด่างดำเฉพาะจุด เช่น กระ หรือจุดด่างดำตามวัย (age spots) โดยทั่วไปต้องการการรักษา 1-2 ครั้ง ในหลายกรณี จุดด่างดำตามวัยสามารถรักษาให้หายได้ในครั้งเดียว ในขณะที่กระสีอ่อนอาจจางลงหลังจากการทำเลเซอร์เพียงครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม สำหรับฝ้า (melasma) ซึ่งเป็นปัญหาเม็ดสีที่ซับซ้อนกว่า อาจต้องใช้การรักษา 6-10 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ความสว่างสูงสุด

ระยะเวลาเห็นผลลัพธ์

ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้นใน 2-4 สัปดาห์หลังการรักษา แต่ระยะเวลาที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับประเภทของเม็ดสีและชนิดของเลเซอร์

  • กระแดดและจุดด่างดำ: โดยทั่วไป จุดที่รักษาจะเข้มขึ้นและตกสะเก็ดหลุดออกไปภายในประมาณ 1 สัปดาห์ และจะเห็นผลลัพธ์สุดท้ายที่ชัดเจนใน 4-6 สัปดาห์
  • ฝ้า: เนื่องจากเป็นเม็ดสีที่อยู่ลึกและต้องรักษาหลายครั้ง การเปลี่ยนแปลงจะค่อยเป็นค่อยไป และอาจเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดหลังจากเริ่มการรักษาไปแล้ว 3-6 เดือน

ข้อดีและข้อเสียของการทำเลเซอร์รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ

ข้อดี (เห็นผลเร็ว, แม่นยำ, ปลอดภัย)

ข้อดีหลักของการทำเลเซอร์คือเห็นผลเร็ว แม่นยำ และมีความปลอดภัยสูง โดยสามารถกำจัดเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมกับฟื้นฟูสภาพผิวโดยรวม

  • เห็นผลเร็ว: เลเซอร์สามารถกำจัดเม็ดสีและจุดด่างดำได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งเร็วกว่าการใช้ยาทาที่อาจต้องใช้เวลา 3-6 เดือน โดยเฉพาะกระแดดและฝ้ากระที่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนหลังการรักษาไม่นาน
  • มีความแม่นยำสูง: ลำแสงเลเซอร์สามารถพุ่งเป้าไปที่เม็ดสีส่วนเกินได้อย่างแม่นยำโดยไม่ทำลายผิวหนังบริเวณรอบข้าง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นได้อย่างมาก
  • ปลอดภัยและเจ็บน้อย: เป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงต่ำ ไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน เลเซอร์ส่วนใหญ่ไม่ทำให้เกิดแผลเปิด และเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Picosecond laser ยังช่วยลดความร้อนสะสมใต้ผิว ทำให้ผลข้างเคียงน้อยลง
  • ช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิว: นอกจากจะกำจัดเม็ดสีแล้ว เลเซอร์บางชนิดยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวโดยรวมเรียบเนียน กระจ่างใส และดูมีสุขภาพดีขึ้น

ข้อเสียและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น (รอยแดง, บวม, ผิวไวแสง, รอยดำหลังทำ)

ข้อเสียและผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดจากการทำเลเซอร์คือ รอยแดง บวม ภาวะรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) และภาวะรอยด่างขาว ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นเพียงชั่วคราวและสามารถจัดการได้

  • รอยแดงและบวม: เป็นอาการทั่วไปที่เกิดขึ้นทันทีหลังทำ ไม่รุนแรง และมักจะหายไปเองภายใน 3-7 วัน
  • รอยดำหลังการอักเสบ (PIH): คือความเสี่ยงที่ผิวอาจมีสีเข้มขึ้นหลังทำเลเซอร์ โดยเฉพาะในผู้ที่มีสีผิวเข้ม แต่โดยทั่วไปรอยดำนี้จะเป็นเพียงชั่วคราวและจะค่อยๆ จางลงใน 3-6 เดือน หากดูแลผิวและป้องกันแสงแดดอย่างเคร่งครัด
  • รอยด่างขาว (Hypopigmentation): เป็นภาวะที่ผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์มีสีอ่อนกว่าปกติ พบได้ไม่บ่อย แต่อาจเกิดขึ้นได้หากใช้พลังงานสูงเกินไปหรือทำเลเซอร์ซ้ำๆ กันหลายครั้ง ส่วนใหญ่มักจะกลับมาเป็นปกติได้เอง
  • ความเสี่ยงอื่นๆ: ผลข้างเคียงที่พบได้น้อย ได้แก่ แผลพุพอง (หากใช้พลังงานสูงเกินไป) การติดเชื้อ หรือการกระตุ้นให้เกิดเริมบริเวณริมฝีปาก

ก่อนตัดสินใจทำเลเซอร์: สิ่งที่ควรรู้และพิจารณา

การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ควรเลือกแพทย์ที่มีคุณสมบัติทางการแพทย์และมีประสบการณ์สูงในการใช้เลเซอร์รักษาเม็ดสีโดยเฉพาะ เนื่องจากการรักษาโดยผู้ที่ขาดความเชี่ยวชาญอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยไหม้หรือผลลัพธ์ที่ไม่ดี

สิ่งที่ควรตรวจสอบเมื่อเลือกคลินิกและแพทย์:

  • คุณสมบัติและประสบการณ์: ตรวจสอบว่าแพทย์มีใบอนุญาตและมีประสบการณ์ในการใช้เลเซอร์รักษาฝ้า กระ หรือจุดด่างดำโดยเฉพาะ
  • จำนวนเคสที่เคยรักษา: สอบถามเกี่ยวกับจำนวนเคสที่เคยรักษาและขอดูรูปภาพก่อนและหลังการรักษา
  • ความหลากหลายของเครื่องมือ: ผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญมักมีเครื่องเลเซอร์หลายชนิดเพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล

การดูแลตัวเองก่อนและหลังทำเลเซอร์

การดูแลตัวเองก่อนทำเลเซอร์เกี่ยวข้องกับการเตรียมผิวและหลีกเลี่ยงแสงแดด ส่วนการดูแลหลังทำเลเซอร์จะเน้นไปที่การดูแลผิวอย่างอ่อนโยนและป้องกันแสงแดดอย่างเคร่งครัด

การดูแลตัวเองก่อนทำเลเซอร์

  • หลีกเลี่ยงแสงแดด: เพื่อลดปริมาณเม็ดสีในผิว ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
  • ทาครีมกันแดด: ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 หรือ 50 เป็นประจำทุกวัน
  • เตรียมผิว: สำหรับผู้ที่เป็นฝ้าหรือมีแนวโน้มเกิดรอยดำง่าย แพทย์อาจให้ใช้ยาทาฝ้า เช่น ไฮโดรควิโนน (hydroquinone) ประมาณ 2-4 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์
  • งดผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง: หยุดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองสองสามวันก่อนทำเลเซอร์
  • ทำความสะอาดผิว: ในวันนัดหมายควรมาด้วยผิวที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอางหรือครีมบำรุง

การดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์

  • ป้องกันแสงแดดอย่างเคร่งครัด: ผิวหลังทำเลเซอร์จะไวต่อแสงมาก ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดและทาครีมกันแดด SPF 50+ อย่างสม่ำเสมอ
  • ดูแลผิวอย่างอ่อนโยน: หลีกเลี่ยงการขัดถูผิว และใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน
  • ห้ามแกะสะเก็ด: ปล่อยให้สะเก็ดแผลหลุดลอกออกไปเองตามธรรมชาติเพื่อป้องกันการเกิดรอยแผลเป็น
  • ลดการอักเสบ: แพทย์อาจให้ครีมทาเพื่อปลอบประโลมผิวหรือสเตียรอยด์ชนิดอ่อนๆ เพื่อลดการอักเสบและรอยแดง
  • พบแพทย์ตามนัด: กลับไปพบแพทย์เพื่อติดตามผลการรักษาและประเมินสภาพผิว ซึ่งโดยทั่วไปจะนัดหลังจากทำเลเซอร์ไปแล้วประมาณ 4-6 สัปดาห์

ข้อห้ามและผู้ที่ไม่ควรทำ

ผู้ที่ไม่ควรทำเลเซอร์รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ได้แก่ สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร, ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลเป็นคีลอยด์, ผู้ที่มีสีผิวเข้มมาก และผู้ที่มีการติดเชื้อหรือการอักเสบในบริเวณที่จะทำ

นอกจากนี้ยังมีข้อควรระวังและข้อห้ามอื่นๆ ดังนี้

  • ผู้ที่มีสีผิวเข้มมาก (Fitzpatrick VI): มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดแผลไหม้และรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) เนื่องจากเลเซอร์บางชนิดไม่สามารถแยกแยะเม็ดสีในจุดด่างดำกับเม็ดสีในผิวปกติได้ดี
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร: ควรเลื่อนการทำเลเซอร์ออกไปก่อน เนื่องจากความผันผวนของฮอร์โมนอาจทำให้ฝ้าแย่ลงและลดประสิทธิภาพของเลเซอร์
  • ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลเป็นนูน (Keloid) หรือแผลเป็นขยาย (Hypertrophic): แม้เลเซอร์เม็ดสีจะไม่ทะลุผิวลึก แต่ก็ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในผู้ที่มีแนวโน้มเป็นแผลเป็นง่าย
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อหรือการอักเสบ: หากมีโรคเริม (Herpes) หรือผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema) ที่ยังกำเริบอยู่ในบริเวณที่จะทำเลเซอร์ ควรทำการรักษาให้หายก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้อาการแย่ลง
  • ผู้ที่ใช้ยาบางชนิด: ผู้ที่เพิ่งใช้ยา Accutane หรือยาที่ทำให้ผิวไวต่อแสง เช่น Doxycycline ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพราะเป็นข้อห้ามในการทำเลเซอร์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำ

เลเซอร์ฝ้า กระ เจ็บไหม?

การทำเลเซอร์ฝ้า กระ มีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่สามารถทนได้ โดยทั่วไปจะมีการทาครีมยาชาและใช้เครื่องเป่าลมเย็นช่วยลดความรู้สึกไม่สบายผิวระหว่างทำ

หลังทำเลเซอร์อาจมีความรู้สึกอุ่นๆ หรือแสบเล็กน้อยคล้ายผิวไหม้แดด ซึ่งจะหายไปเองในเวลาไม่นาน ความเจ็บปวดโดยรวมถือว่าน้อยและเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้น

เลเซอร์ฝ้า กระ หายขาดไหม?

กระและจุดด่างดำจากแสงแดดสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ฝ้าไม่สามารถรักษาให้หายขาดและมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ

  • กระและจุดด่างดำ (Age Spots): เมื่อใช้เลเซอร์กำจัดกระหรือจุดด่างดำจากแสงแดดที่จุดใดจุดหนึ่งแล้ว จุดนั้นจะหายไปอย่างถาวรและไม่กลับมาเป็นซ้ำที่เดิม อย่างไรก็ตาม หากไม่ป้องกันผิวจากแสงแดด ก็อาจเกิดจุดใหม่ขึ้นในบริเวณอื่นได้
  • ฝ้า (Melasma): ฝ้าเป็นภาวะเรื้อรังที่มักจะกลับมาเป็นซ้ำ แม้ว่าเลเซอร์จะทำให้ฝ้าจางลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ปัจจัยกระตุ้น เช่น แสงแดดและฮอร์โมน สามารถทำให้ฝ้ากลับมาใหม่ได้ภายในเวลาไม่กี่เดือน ดังนั้น การรักษาฝ้าจึงเป็นการควบคุมอาการมากกว่าการรักษาให้หายขาด และจำเป็นต้องมีการดูแลต่อเนื่องเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

ผลเสียของเลเซอร์ฝ้า กระ มีอะไรบ้าง?

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดของเลเซอร์ฝ้า กระ คือการอักเสบชั่วคราวและการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสี ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาการเหล่านี้ไม่รุนแรงและสามารถจัดการได้

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่:

  • อาการบวมแดง: หลังทำเลเซอร์ผิวอาจมีอาการแดง บวม หรือรู้สึกแสบร้อนเล็กน้อยคล้ายโดนแดด ซึ่งโดยทั่วไปจะหายไปเองภายใน 3-7 วัน
  • รอยดำหลังทำเลเซอร์ (PIH): ผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์อาจมีสีเข้มขึ้น ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่พบบ่อยโดยเฉพาะในผู้ที่มีสีผิวเข้ม แต่โดยปกติแล้วรอยดำจะค่อยๆ จางลงใน 3-6 เดือน
  • รอยด่างขาว (Hypopigmentation): ในบางกรณี ผิวอาจสูญเสียเม็ดสีและกลายเป็นจุดสีขาวสว่างกว่าผิวโดยรอบ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนในการฟื้นตัว
  • ความเสี่ยงอื่นๆ: ความเสี่ยงที่พบได้ไม่บ่อยนัก ได้แก่ การเกิดแผลพุพอง (หากใช้พลังงานสูงเกินไป) การติดเชื้อ หรือการกระตุ้นให้เกิดเริมบริเวณริมฝีปาก

หลังทำเลเซอร์ฝ้า กระ ต้องพักหน้าไหม?

โดยทั่วไปแล้ว การทำเลเซอร์ฝ้าและกระส่วนใหญ่ แทบไม่ต้องพักฟื้น หรือมีระยะเวลาพักฟื้นสั้นมาก แต่จะขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์ที่ใช้

  • เลเซอร์แบบอ่อนโยน (Pico/Q-switched toning): สำหรับการรักษาฝ้า มักจะมีเพียงรอยแดงเล็กน้อยชั่วคราว และสามารถกลับไปทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้ในวันถัดไป
  • เลเซอร์เฉพาะจุด (สำหรับกระ/จุดด่างดำ): ผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์อาจเกิดเป็นสะเก็ดบางๆ ซึ่งจะหลุดออกไปเองภายในประมาณ 1 สัปดาห์
  • เลเซอร์ผลัดเซลล์ผิว (Fractional laser): เป็นกลุ่มที่ต้องพักฟื้นนานที่สุด โดยอาจมีอาการแดงและผิวลอกประมาณ 5-7 วัน

เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่ไหนดี?

การเลือกสถานที่เลเซอร์ฝ้า กระ และจุดด่างดำ ควรพิจารณาจากความเชี่ยวชาญของแพทย์และมาตรฐานของสถานพยาบาลเป็นหลัก แทนการเลือกจากราคาหรือโปรโมชั่นเพียงอย่างเดียว

เกณฑ์การพิจารณาที่สำคัญมีดังนี้:

  • ความเชี่ยวชาญของแพทย์ ควรเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านเลเซอร์ผิวหนังโดยเฉพาะ สามารถประเมินสภาพผิวและเลือกใช้เครื่องเลเซอร์ที่เหมาะสมได้
  • มาตรฐานของสถานพยาบาล มีเครื่องเลเซอร์หลากหลายชนิดเพื่อให้เหมาะกับปัญหาผิวที่แตกต่างกัน และมีใบอนุญาตประกอบกิจการที่ถูกต้อง
  • การประเมินผิวก่อนรักษา มีการตรวจวิเคราะห์สภาพผิวอย่างละเอียด ทั้งความลึกของเม็ดสีและสภาพผิว เพื่อวางแผนการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
  • ความน่าเชื่อถือ สามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนและแสดงภาพผลการรักษา (Before & After) เพื่อประกอบการตัดสินใจได้

References:

  1. National Institutes of Health. (n.d.). เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดํา ราคาเท่าไหร่. National Institutes of Health. nih.gov
  2. ClinicalTrials.gov. (n.d.). เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดํา ราคาเท่าไหร่. ClinicalTrials.gov. clinicaltrials.gov
  3. Frontiers. (n.d.). เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดํา ราคาเท่าไหร่. Frontiers. frontiersin.org
  4. Healthline. (n.d.). เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดํา ราคาเท่าไหร่. Healthline. healthline.com
  5. MedPark Hospital. (n.d.). เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดํา ราคาเท่าไหร่. MedPark Hospital. medparkhospital.com
  6. One Face Clinic. (n.d.). เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดํา ราคาเท่าไหร่. One Face Clinic. onefaceclinic.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
เลเซอร์แผลเป็น คืออะไร ราคาโดยรวม กี่ครั้งเห็นผล
NextContinue
Pico Laser กี่ครั้งเห็นผล? เผยผลลัพธ์ผิวใสใน 2025

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube