ฉีดฟิลเลอร์คาง กับ ผ่าตัดคาง แบบไหนดีกว่ากัน? ข้อดีข้อเสีย 2568

การฉีดฟิลเลอร์คางคือหัตถการเสริมคางโดยไม่ต้องผ่าตัด เพื่อปรับรูปทรงและเพิ่มความคมชัดให้ใบหน้าดูเป็นธรรมชาติ โดยทั่วไปจะใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณ 1-2 CC ซึ่งเป็นทางเลือกที่เห็นผลลัพธ์ทันทีและสามารถแก้ไขได้หากผลลัพธ์ไม่เป็นที่พอใจ
เปรียบเทียบฟิลเลอร์คาง vs ผ่าตัดเสริมคาง: แตกต่างกันอย่างไร?
ข้อแตกต่างที่สำคัญคือ ฟิลเลอร์คางเป็นการแก้ไขชั่วคราวและไม่ต้องผ่าตัด ในขณะที่การเสริมคางด้วยซิลิโคนเป็นการผ่าตัดที่ให้ผลลัพธ์ถาวร โดยทั้งสองวิธีมีความเหมาะสม ความเสี่ยง และค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน
ตารางเปรียบเทียบฟิลเลอร์คางและการผ่าตัดเสริมคาง:
| คุณสมบัติ | ฟิลเลอร์คาง (Chin Filler) | การผ่าตัดเสริมคาง (Chin Implant) |
|---|---|---|
| ผลลัพธ์ | ปรับรูปทรงได้เล็กน้อยถึงปานกลาง เหมาะกับการปรับแก้เล็กๆ น้อยๆ | เปลี่ยนแปลงโครงสร้างได้ชัดเจน เหมาะกับผู้ที่คางสั้นหรือถอยมาก |
| ระยะเวลา | ชั่วคราว (ต้องเติมซ้ำ) | ถาวร |
| ขั้นตอนและพักฟื้น | ไม่ต้องผ่าตัด พักฟื้นน้อย (อาจมีรอยช้ำหรือบวม 2-3 วัน) | เป็นการผ่าตัด พักฟื้นนานกว่า (งดออกกำลังกายหนักประมาณ 4 สัปดาห์) |
| ความเสี่ยง | ความเสี่ยงต่ำในทันที เช่น การอุดตันของเส้นเลือด (พบได้น้อยมาก) หรือการเป็นก้อน | ความเสี่ยงจากการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อ การเคลื่อนที่ของซิลิโคน หรืออาการชา |
| ค่าใช้จ่าย | ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นต่ำกว่า แต่มีค่าใช้จ่ายสะสมในระยะยาว | ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูงกว่า แต่เป็นค่าใช้จ่ายครั้งเดียว |
การฉีดฟิลเลอร์คาง: ขั้นตอน ผลลัพธ์ และข้อดี
การฉีดฟิลเลอร์คางคือ ขั้นตอนการเสริมคางโดยไม่ต้องผ่าตัด เพื่อปรับปรุงรูปทรงและเพิ่มความคมชัดให้ใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยถึงปานกลาง หรือต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัด
ฟิลเลอร์คางมีข้อดีหลายประการ ได้แก่:
- ไม่ต้องผ่าตัด: เป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงต่ำและใช้เวลาพักฟื้นน้อยมาก
- เห็นผลทันที: สามารถปรับแก้รูปทรงคางได้ทันทีหลังฉีด
- แก้ไขได้: หากผลลัพธ์ไม่เป็นที่พอใจ สามารถใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เพื่อสลายฟิลเลอร์ได้
- มีความยืดหยุ่น: เป็นทางเลือกชั่วคราวที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถทดลองรูปทรงคางใหม่ๆ ก่อนตัดสินใจผ่าตัดเสริมคางถาวร
การผ่าตัดเสริมคาง: ขั้นตอน ผลลัพธ์ และข้อดี
การผ่าตัดเสริมคางเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ถาวรและชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับแก้โครงสร้างคางอย่างมีนัยสำคัญซึ่งฟิลเลอร์ไม่สามารถทำได้
เพื่อให้เห็นภาพรวม สามารถสรุปขั้นตอน ผลลัพธ์ และข้อดีได้ดังนี้
- ขั้นตอน: เป็นการผ่าตัดโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อใส่วัสดุเสริมคางเข้าไป โดยอาจมีแผลผ่าตัดเล็กๆ ซ่อนอยู่ใต้คางหรือในช่องปาก และต้องมีการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดตามคำแนะนำของแพทย์
- ผลลัพธ์: ให้การเปลี่ยนแปลงที่ถาวร โดยซิลิโคนสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิตโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ สามารถสร้างรูปคางและแนวกรามที่คมชัดและเด่นชัดขึ้นได้
- ข้อดี: สามารถแก้ไขปัญคางที่ถอยร่นมากๆ หรือคางสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการเสริมโครงสร้างกระดูกโดยตรง และแม้จะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูงกว่า แต่ในระยะยาวอาจคุ้มค่ากว่าการฉีดฟิลเลอร์ซ้ำๆ
ตารางสรุปข้อเสียและข้อจำกัดของแต่ละวิธี
ข้อเสียและข้อจำกัดของการปรับรูปคางด้วยฟิลเลอร์และการเสริมด้วยซิลิโคน มีความแตกต่างกันในด้านผลลัพธ์ ความเสี่ยง ค่าใช้จ่าย และการพักฟื้น
ตารางต่อไปนี้สรุปข้อเสียและข้อจำกัดของแต่ละวิธี
| หัวข้อ | ฟิลเลอร์คาง (Chin Filler) | เสริมคางด้วยซิลิโคน (Chin Implant) |
|---|---|---|
| ผลลัพธ์ | เพิ่มความยาวได้จำกัด (เล็กน้อยถึงปานกลาง) และไม่สามารถแก้ไขโครงสร้างกระดูกได้ | หากเลือกขนาดไม่เหมาะสมอาจดูไม่เป็นธรรมชาติ และการแก้ไขต้องผ่าตัดใหม่ |
| ความเสี่ยง | เสี่ยงต่อการอุดตันของเส้นเลือด (แม้จะน้อยมาก), อาจเกิดก้อน, การเคลื่อนที่ หรือการอักเสบได้ | ความเสี่ยงจากการผ่าตัด (ติดเชื้อ, เลือดออก, แผลเป็น), ซิลิโคนเคลื่อนที่, การกร่อนของกระดูกในระยะยาว และอาการชาชั่วคราว |
| ความถาวรและค่าใช้จ่าย | ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องเติมซ้ำ ทำให้ค่าใช้จ่ายสะสมในระยะยาวอาจสูงกว่า | ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูง แต่ผลลัพธ์ถาวร |
| การพักฟื้น | น้อยมาก แต่อาจมีอาการบวมช้ำ 2-3 วัน และต้องระวังการกดทับในช่วงแรก | นานกว่า มีข้อจำกัดเรื่องการนอนและการออกกำลังกายหลายสัปดาห์ |
| ข้อจำกัด | ไม่เหมาะกับผู้ที่คางสั้นหรือถอยมาก | ไม่สามารถแก้ไขปัญหาโครงสร้างขากรรไกรที่ซับซ้อนได้ |
ใครเหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์คาง หรือผ่าตัดเสริมคาง?
ฟิลเลอร์คางเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับแก้รูปคางเล็กน้อยและไม่ต้องการผ่าตัด ในขณะที่การผ่าตัดเสริมคางเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนและถาวร
การเลือกหัตถการที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและลักษณะโครงสร้างเดิมของแต่ละบุคคล โดยมีข้อบ่งชี้ดังนี้
- ผู้ที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์คาง:
- ต้องการเพิ่มความยาวหรือความพุ่งของคางเพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง
- ต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัด หรือต้องการทดลองปรับรูปคางชั่วคราวก่อนตัดสินใจ
- ต้องการปรับแก้รูปทรงเพียงเล็กน้อยเพื่อความสวยงาม
- ผู้ที่เหมาะกับการผ่าตัดเสริมคาง:
- ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและคงอยู่ถาวร
- มีปัญหาคางสั้น คางตัด หรือคางหลุบในระดับมาก ซึ่งฟิลเลอร์ไม่สามารถแก้ไขได้
- มีโครงสร้างกระดูกที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว และไม่มีปัญหาเรื่องการสบฟันหรือขากรรไกรที่ผิดปกติรุนแรง
ทั้งนี้ การประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกว่าวิธีใดเหมาะสมกับคุณมากที่สุด
ลักษณะปัญหาคางที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์เหมาะสำหรับปัญหาคางที่ต้องการการปรับแก้เพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น การปรับรูปทรงเล็กน้อย หรือการเพิ่มความพุ่งของคางที่ไม่มากนัก
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับแก้รูปหน้าเพียงเล็กน้อย, ปรับคอนทัวร์ให้คมชัดขึ้น หรือผู้ที่ต้องการทดลองปรับรูปคางก่อนตัดสินใจผ่าตัด เนื่องจากฟิลเลอร์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกระดูกได้อย่างถาวร จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคางสั้นหรือคางหลุบเข้าไปมากอย่างรุนแรง
ลักษณะปัญหาคางที่เหมาะกับการผ่าตัดแก้ไข
การผ่าตัดแก้ไขคางเหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาคางสั้นหรือถอยร่นในระดับที่เห็นได้ชัดเจน และต้องการผลลัพธ์ที่ถาวร
การผ่าตัดสามารถสร้างโครงสร้างคางที่ชัดเจนและปรับแก้รูปคางได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งฟิลเลอร์ไม่สามารถทำได้ ดังนั้น วิธีนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหารูปคางที่มีความบกพร่องมาก หรือต้องการเสริมแนวกรามให้คมชัดขึ้น ในขณะที่ฟิลเลอร์จะเหมาะกับการปรับแก้เล็กน้อยหรือในกรณีที่ไม่รุนแรง
เปรียบเทียบค่าใช้จ่าย: ราคาฟิลเลอร์คาง vs การผ่าตัด
ปริมาณฟิลเลอร์ (CC) และราคาเริ่มต้นโดยประมาณ
โดยทั่วไปแล้ว การฉีดฟิลเลอร์คางจะใช้ปริมาณ 1-2 CC โดยมีราคาเริ่มต้นประมาณ 10,000 – 15,000 บาทต่อ CC ทั้งนี้ปริมาณและค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับโครงสร้างใบหน้าเดิมของแต่ละบุคคล ผลลัพธ์ที่ต้องการ รวมถึงยี่ห้อของฟิลเลอร์และประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำหัตถการ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาการผ่าตัดเสริมคาง
ข้อมูลที่ให้มาไม่ได้ระบุปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาการผ่าตัดเสริมคางโดยตรง แต่สามารถสรุปได้ว่าค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์, มาตรฐานของสถานพยาบาล, และค่าใช้จ่ายในการระงับความรู้สึก
ปัจจัยเหล่านี้สามารถอธิบายได้ดังนี้:
- ความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์: การเลือกศัลยแพทย์ที่ได้รับการรับรองเฉพาะทางและมีประสบการณ์สูงมักมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า
- มาตรฐานของสถานพยาบาล: การผ่าตัดในโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล (เช่น JCI, ISO, HA) ซึ่งมีอุปกรณ์และระบบความปลอดภัยที่ครบครัน จะส่งผลต่อต้นทุนการผ่าตัด
- การระงับความรู้สึก: การผ่าตัดอาจต้องใช้วิสัญญีแพทย์ในการดมยาสลบ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ต้องพิจารณา
ก่อนตัดสินใจ: ปัจจัยสำคัญในการเลือกวิธีปรับรูปคาง
ผลลัพธ์ที่ต้องการ: ความเป็นธรรมชาติ vs ความถาวร
ฟิลเลอร์คางเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปรับแก้เล็กน้อย ในขณะที่การเสริมซิลิโคนคางจะให้ผลลัพธ์ที่ถาวรและชัดเจนกว่า ฟิลเลอร์สามารถปรับรูปทรงคางได้อย่างละเอียดและดูเป็นธรรมชาติ แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้เพียงชั่วคราว ในทางกลับกัน การเสริมซิลิโคนเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่ถาวร เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขคางที่สั้นหรือถอยมากอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม การเลือกขนาดซิลิโคนที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ
ระยะเวลาพักฟื้นและการดูแลตัวเองหลังทำ
การพักฟื้นและการดูแลตัวเองหลังทำจะแตกต่างกันอย่างมากระหว่างฟิลเลอร์และการผ่าตัดเสริมคาง โดยฟิลเลอร์ใช้เวลาพักฟื้นสั้นกว่ามาก ในขณะที่การผ่าตัดต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าและมีข้อควรระวังที่เข้มงวดกว่า
- หลังฉีดฟิลเลอร์คาง:
- การนอน: ควรนอนหงายในคืนแรกเพื่อหลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณคาง
- การออกกำลังกาย: งดออกกำลังกายหนักประมาณ 48 ชั่วโมง เพื่อลดอาการบวมหรือช้ำ
- ข้อควรระวัง: หลีกเลี่ยงการสวมหมวกกันน็อกหรือสายรัดคางที่กดทับคางประมาณ 1 สัปดาห์
- หลังผ่าตัดเสริมคาง:
- การนอน: ควรนอนหงายโดยหนุนหมอนให้ศีรษะสูงเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ เพื่อลดอาการบวม
- การออกกำลังกาย: งดออกกำลังกายหนัก การยกของหนัก หรือกิจกรรมที่ต้องออกแรงเบ่งเป็นเวลาประมาณ 4 สัปดาห์ และหลีกเลี่ยงกีฬาที่อาจเกิดการกระทบกระเทือนอย่างน้อย 6-8 สัปดาห์
- ข้อควรระวัง: หากผ่าตัดผ่านช่องปาก ต้องรับประทานอาหารอ่อนและรักษาความสะอาดในช่องปากอย่างเคร่งครัด
การเลือกแพทย์และสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย
การเลือกแพทย์และสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย ควรเลือกศัลยแพทย์ที่ได้รับการรับรองเฉพาะทางและสถานพยาบาลที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล ซึ่งมีกระบวนการให้คำปรึกษาที่ละเอียดและมีแผนรับมือภาวะฉุกเฉินที่ชัดเจน
ปัจจัยสำคัญในการพิจารณา ได้แก่:
- คุณสมบัติของแพทย์: สำหรับการผ่าตัดเสริมคาง ควรเป็นศัลยแพทย์ที่ได้รับการรับรองในสาขาศัลยกรรมตกแต่ง หรือศัลยกรรมช่องปาก ใบหน้า และขากรรไกร สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ ควรเป็นผู้ที่มีความเข้าใจกายวิภาคบนใบหน้าอย่างลึกซึ้ง
- มาตรฐานสถานพยาบาล: ควรผ่าตัดในสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน เช่น JCI, ISO หรือ HA (Hospital Accreditation) ของประเทศไทย ซึ่งมีมาตรการปลอดเชื้อที่เข้มงวด
- การเตรียมพร้อมสำหรับภาวะฉุกเฉิน: คลินิกฉีดฟิลเลอร์ต้องมียาสลายฟิลเลอร์ (Hyaluronidase) เตรียมพร้อมไว้เสมอ ส่วนสถานพยาบาลผ่าตัดต้องพร้อมรับมือกับภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อหรือเลือดคั่ง
- การติดตามผล: ผู้ให้บริการที่ดีควรมีตารางนัดหมายเพื่อติดตามผลหลังทำหัตถการ เพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจและไม่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น
ความเสี่ยง ผลข้างเคียง และข้อควรระวังของทั้งสองวิธี
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้จากการฉีดฟิลเลอร์คาง
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการฉีดฟิลเลอร์คางคืออาการบวม ช้ำ และการเป็นก้อนเล็กน้อย ซึ่งโดยทั่วไปจะหายได้เองภายในเวลาไม่กี่วันถึงสองสัปดาห์
ผลข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ แบ่งตามความรุนแรงได้ดังนี้
- ผลข้างเคียงทั่วไปและไม่รุนแรง:
- อาการปวดเล็กน้อยหรือรู้สึกแสบระหว่างฉีด
- ความไม่สมมาตร ซึ่งมักเกิดจากอาการบวมและสามารถแก้ไขได้ในภายหลัง
- ความรู้สึกเป็นก้อนหรือไม่เรียบเนียน ซึ่งมักจะดีขึ้นเมื่อฟิลเลอร์เข้าที่
- ความเสี่ยงที่พบได้ยากแต่รุนแรง:
- การอุดตันของหลอดเลือด (Vascular Occlusion): เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายที่สุด แม้จะมีโอกาสเกิดน้อยกว่า 0.1% แต่อาจทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นตายได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
- ก้อนอักเสบที่เกิดขึ้นช้า (Late-onset Nodules): ก้อนแข็งที่อาจปรากฏขึ้นหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนหลังฉีด ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาของร่างกาย
- การติดเชื้อ: มีความเสี่ยงต่ำมากหากทำในสถานพยาบาลที่สะอาดและได้มาตรฐาน
- ปฏิกิริยาแพ้: การแพ้สารในฟิลเลอร์หรือยาชา
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากการผ่าตัดเสริมคาง
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากการผ่าตัดเสริมคาง ได้แก่ การติดเชื้อ การเคลื่อนหรือผิดตำแหน่งของซิลิโคน และอาการชาชั่วคราว
ความเสี่ยงอื่น ๆ ที่พบได้มีดังนี้:
- การติดเชื้อ: มีโอกาสเกิดขึ้นประมาณ 1–5% หากรุนแรงอาจจำเป็นต้องนำซิลิโคนออก
- การเคลื่อนหรือผิดตำแหน่ง: หากซิลิโคนไม่เข้าที่ อาจต้องผ่าตัดแก้ไขเพื่อจัดตำแหน่งใหม่
- อาการชา: อาจเกิดอาการชาบริเวณเส้นประสาทคางชั่วคราว ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักจะหายได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์
- การกร่อนของกระดูก: อาจเกิดขึ้นใต้ซิลิโคนในระยะยาว แต่โดยทั่วไปไม่มีนัยสำคัญทางคลินิก
- ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ: หากเลือกขนาดซิลิโคนไม่เหมาะสม อาจทำให้คางดูใหญ่เกินไป
- ซิลิโคนทะลุ: เป็นภาวะที่พบได้น้อยมาก (น้อยกว่า 1%) ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อหรือแผลแยก
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการปรับรูปคาง
ฉีดฟิลเลอร์คางเจ็บไหม?
อาจมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยหรือแสบระหว่างการฉีด แต่ฟิลเลอร์ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของยาชา (lidocaine) เพื่อช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นระหว่างทำหัตถการ
ฉีดฟิลเลอร์คางใช้กี่ซีซีถึงจะเห็นผล?
ปริมาณฟิลเลอร์คางที่ใช้จะขึ้นอยู่กับโครงสร้างใบหน้าเดิมและความต้องการของแต่ละบุคคล โดยในข้อมูลไม่ได้ระบุจำนวนซีซีที่แน่นอน
ฟิลเลอร์คางเหมาะสำหรับการเสริมเพื่อเพิ่มความพุ่งเล็กน้อยถึงปานกลาง (mild to moderate projection) และปรับแก้รูปทรงเพียงเล็กน้อย ไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่ชัดเจนได้ ดังนั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินและกำหนดปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและหลีกเลี่ยงการเติมที่มากเกินไป
ฟิลเลอร์คางสลายหมดไหม อยู่ได้นานแค่ไหน?
ฟิลเลอร์คางเป็นสารที่สลายได้หมดและอยู่ได้ชั่วคราว โดยทั่วไปจำเป็นต้องเติมซ้ำทุกปี
ฟิลเลอร์จะค่อยๆ สลายไปเองตามธรรมชาติ และหากต้องการแก้ไขหรือนำออกก่อนกำหนด ก็สามารถใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ฉีดเพื่อสลายฟิลเลอร์ได้
ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อนเกิดจากอะไร แก้ไขได้ไหม?
การเกิดก้อนหลังฉีดฟิลเลอร์คางสามารถแก้ไขได้ โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากการบวมหรือฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ ซึ่งจะหายไปเอง แต่หากก้อนไม่หายไป แพทย์สามารถนวดหรือฉีดสลายฟิลเลอร์เฉพาะจุดได้
สาเหตุและวิธีแก้ไขที่พบบ่อยมีดังนี้:
- อาการบวมหรือฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่: ในช่วง 10-14 วันแรก อาจคลำเจอก้อนได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติและมักจะหายไปเองเมื่อฟิลเลอร์ผสานเข้ากับเนื้อเยื่อ
- ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน: หากเป็นก้อนเล็กๆ ที่ไม่เรียบเนียน แพทย์อาจแนะนำให้ นวดเบาๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์กระจายตัวและเรียบเนียนขึ้น
- ก้อนไม่หายไป: หากพ้น 2 สัปดาห์ไปแล้วก้อนยังคงอยู่ แพทย์สามารถ ฉีดสลายฟิลเลอร์ เฉพาะจุดด้วยเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เพื่อแก้ไขได้อย่างแม่นยำ
- ก้อนอักเสบ (พบได้น้อย): หากก้อนแข็งขึ้น มีอาการแดง หรือเจ็บหลังจากฉีดไปแล้วหลายสัปดาห์ อาจเป็นการอักเสบ (Delayed inflammatory nodule) ซึ่งจำเป็นต้องให้แพทย์ประเมินและรักษาด้วยยา
เคยเสริมคางด้วยซิลิโคนมาก่อน สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้หรือไม่?
สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ แม้จะเคยเสริมคางด้วยซิลิโคนมาก่อน แต่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เท่านั้น
โดยแพทย์จะฉีดฟิลเลอร์ในชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่เหนือแคปซูลที่หุ้มซิลิโคน เพื่อไม่ให้กระทบกับตัวซิลิโคนโดยตรง การฉีดฟิลเลอร์ในกรณีนี้มักใช้เพื่อปรับแก้รายละเอียดเล็กน้อย เช่น ทำให้ช่วงต่อระหว่างคางกับกรามดูเรียบเนียนขึ้น หรือเพิ่มความพุ่งของคางอีกเล็กน้อย สิ่งสำคัญคือต้องใช้เทคนิคปลอดเชื้ออย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการติดเชื้อ และผู้ป่วยต้องแจ้งให้แพทย์ทราบเสมอว่าเคยผ่าตัดเสริมคางมาก่อน
หลังฉีดฟิลเลอร์คางนอนตะแคงได้เมื่อไหร่?
โดยทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงเป็นเวลา 2-3 คืนแรก หลังฉีดฟิลเลอร์คาง เพื่อป้องกันไม่ให้คางถูกกดทับขณะที่ฟิลเลอร์กำลังเซตตัวและเข้าที่ หลังจากนั้นจึงสามารถกลับมานอนตะแคงได้ตามปกติ
References:
- Best, C. A., Best, A. A. B., & Sidhom, C. Facial Implants. In StatPearls (PubMed Bookshelf). nih.gov
- Oranges, C. M., Grufman, V., di Summa, P. G., et al. Chin Augmentation Techniques: A Systematic Review. Plastic and Reconstructive Surgery, 151, 758e–771e. nih.gov
- Chang, B., Park, Y., Lee, K. W. A., Chan, L. K. W., & Yi, K. H. Adverse Effects Associated with Dermal Filler Treatments: Part II – Vascular Complications. Journal of Clinical Medicine, 13, 5382. mdpi.com
- Chakhachiro, A., & Waseem, M. Risk Factor Analysis for Vascular Occlusions After Dermal Filler Injections: A Systematic Review and Meta-Analysis. Cureus, 17, e37934. nih.gov
- Zhang, L., et al. Biofilm formation is a risk factor for late and delayed complications of filler injection. Frontiers in Microbiology, 14, 1297948. frontiersin.org
- American Society of Plastic Surgeons (ASPS). (n.d.). How do I choose a plastic surgeon for dermal fillers? (Patient Safety FAQ). plasticsurgery.org
- RealSelf Q&A. Is it safe to put filler on top of a chin implant? realself.com
- Sobel, A. Chin Implants vs. Fillers: What’s Your Best Option to Improve Facial Contours? Anderson Sobel Cosmetic Surgery Blog. andersonsobelcosmetic.com
