ฉีดฟิลเลอร์ขมับ กี่ CC ถึงจะเหมาะ? อยู่ได้นานแค่ไหน | ข้อที่ควรรู้

ฟิลเลอร์ขมับ คือการฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิกแอซิดเพื่อแก้ไขปัญหาร่องลึกบริเวณขมับที่ตอบลงตามวัย ช่วยฟื้นฟูความอิ่มฟูทำให้ใบหน้าดูสมดุลและอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น พร้อมช่วยพยุงโครงสร้างผิวบริเวณหางตาและหางคิ้ว โดยผลลัพธ์หลังฉีดจะเข้าที่ใน 2 สัปดาห์
ฟิลเลอร์ขมับคืออะไร และเหมาะกับใครบ้าง
ฟิลเลอร์ขมับคือ การฉีดสารเติมเต็มเพื่อแก้ไขปัญหาร่องลึกหรือความเว้าบริเวณขมับ ซึ่งเกิดจากการสูญเสียไขมัน คอลลาเจน และมวลกระดูกตามวัย การรักษานี้ช่วยฟื้นฟูความอิ่มฟู ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูสมดุลและอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น
ฟิลเลอร์ขมับเหมาะสำหรับบุคคลต่อไปนี้:
- ผู้ที่ขมับตอบหรือยุบตัวลงตามวัย ซึ่งมักเริ่มเห็นชัดในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีลักษณะขมับแบนหรือเว้าโดยกำเนิดจากพันธุกรรม
- ผู้ที่มีรูปร่างผอมหรือนักกีฬาที่มีไขมันบนใบหน้าน้อย
- ผู้ที่น้ำหนักลดลงอย่างมาก
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูใบหน้าโดยรวมให้ดูสดชื่นและเหนื่อยล้าน้อยลง
ลักษณะปัญหาขมับตอบที่ฟิลเลอร์ช่วยแก้ไขได้
ฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ไขลักษณะขมับที่ยุบตัวหรือตอบลงไปจนเห็นเป็นรอยบุ๋มหรือเงาได้ ซึ่งมักทำให้ใบหน้าดูโทรมคล้ายโครงกระดูกและขาดความสมดุล ปัญหานี้เกิดจากการสูญเสียไขมัน คอลลาเจน และมวลกระดูกตามวัย กรรมพันธุ์ หรือในผู้ที่มีไขมันน้อย นอกจากนี้ ขมับที่ตอบยังอาจส่งผลให้หางคิ้วดูตกและริ้วรอยตีนกาชัดเจนขึ้น เนื่องจากผิวหนังขาดโครงสร้างพยุงจากด้านใต้
ใครคือผู้ที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ขมับ
ผู้ที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ขมับคือ ผู้ที่มีปัญหาขมับตอบ ขมับบุ๋ม หรือขมับแบน ซึ่งอาจเกิดจากการสูญเสียไขมันและคอลลาเจนตามวัย กรรมพันธุ์ หรือในผู้ที่มีไขมันน้อย เช่น คนผอมหรือนักกีฬา นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูสมดุลและอ่อนเยาว์ขึ้น เนื่องจากขมับที่เต็มจะช่วยทำให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใสและเหนื่อยล้าน้อยลง
ข้อดีของการปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์ขมับ
ข้อดีหลักของการฉีดฟิลเลอร์ขมับคือช่วยเติมเต็มขมับที่ตอบหรือยุบตัวให้ดูอิ่มฟูขึ้น ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์และได้สัดส่วนที่สมดุลมากขึ้น
ประโยชน์อื่นๆ ของการฉีดฟิลเลอร์ขมับ ได้แก่:
- ปรับสมดุลใบหน้า: ช่วยให้กรอบหน้าด้านบนโค้งมนสวยงาม ทำให้ใบหน้าดูเป็นรูปไข่หรือรูปหัวใจมากขึ้น และลดความเด่นของโหนกแก้ม
- ยกกระชับใบหน้าส่วนบน: การเติมเต็มขมับช่วยพยุงโครงสร้างผิวหนังบริเวณหางตาและหางคิ้ว ทำให้หางคิ้วดูยกขึ้นเล็กน้อย และช่วยลดเลือนริ้วรอยตีนกา
- ทำให้ดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น: การแก้ไขขมับที่ตอบลึกช่วยลดความโทรมหรือดูเหนื่อยล้า ทำให้ใบหน้าดูสดชื่นขึ้น
- ให้ผลลัพธ์คล้ายการทำมินิลิฟต์: การเพิ่มวอลลุ่มให้ขมับช่วยฟื้นฟูใบหน้าส่วนบนให้ดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด
ปริมาณฟิลเลอร์ขมับที่เหมาะสม: ต้องใช้กี่ CC
ปัจจัยในการประเมินปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้
ปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้จะขึ้นอยู่กับระดับความลึกของขมับที่ตอบ เพศ และผลลัพธ์ที่ต้องการเป็นหลัก โดยแพทย์จะประเมินจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- ระดับความลึกของขมับ: ผู้ที่มีขมับตอบเพียงเล็กน้อยอาจต้องการฟิลเลอร์ข้างละประมาณ 1 cc ในขณะที่ผู้ที่มีขมับตอบลึกมากอาจต้องการปริมาณที่มากขึ้น โดยอาจใช้ข้างละ 2 cc หรือมากกว่าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
- เพศ: โดยทั่วไปผู้ชายมักต้องการฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากกว่าผู้หญิง เนื่องจากมีโครงสร้างใบหน้าและพื้นที่บริเวณขมับที่ใหญ่กว่า โดยผู้ชายอาจต้องการฟิลเลอร์ถึงข้างละ 2.5–3 cc ในขณะที่ผู้หญิงมักต้องการประมาณ 1.5–2 cc ต่อข้าง
- อายุ: ผู้ที่อายุน้อยมักมีปัญหาขมับตอบไม่รุนแรงและต้องการฟิลเลอร์ในปริมาณที่น้อยกว่า ในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากขึ้นมักมีการยุบตัวของไขมันและกระดูกมากกว่า จึงอาจต้องการฟิลเลอร์ในปริมาณที่สูงขึ้น
โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ 1-2 CC เพียงพอหรือไม่
โดยทั่วไปแล้ว การเริ่มต้นด้วยฟิลเลอร์ 1-2 CC ต่อข้างถือเป็นปริมาณที่เหมาะสมและสมดุล สำหรับผู้ที่มีขมับตอบเพียงเล็กน้อย ปริมาณ 1 CC ต่อข้างอาจเพียงพอที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีขมับตอบปานกลางถึงมาก ปริมาณ 1 CC อาจให้ผลลัพธ์เพียงเล็กน้อย และมักจะต้องใช้ประมาณ 1.5-2 CC ต่อข้างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ดังนั้น แพทย์จึงมักจะเริ่มต้นด้วยปริมาณน้อยๆ ก่อน แล้วจึงประเมินผลเพื่อพิจารณาว่าจะต้องเพิ่มปริมาณอีกหรือไม่ในภายหลัง
ฟิลเลอร์ขมับอยู่ได้นานแค่ไหน
ระยะเวลาเห็นผลและการเข้าที่ของฟิลเลอร์
โดยทั่วไปจะเห็นผลลัพธ์สุดท้ายและฟิลเลอร์จะเข้าที่ในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์หลังการฉีด แม้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที แต่ช่วงเวลาดังกล่าวจำเป็นเพื่อให้ฟิลเลอร์ได้เซตตัวเข้ากับเนื้อเยื่อโดยรอบ และให้อาการบวมหรือรอยช้ำเล็กน้อยหายไปจนหมด
ในบางกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์ปริมาณมากหรือชนิดที่มีความหนาแน่นสูง อาจใช้เวลาถึง 3-4 สัปดาห์กว่าอาการบวมจะยุบลงทั้งหมด
ปัจจัยที่มีผลต่อความคงทนของฟิลเลอร์แต่ละบุคคล
ปัจจัยที่มีผลต่อความคงทนของฟิลเลอร์ขมับ ได้แก่ ชนิดของฟิลเลอร์ เทคนิคการฉีด และไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล
ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อระยะเวลาที่ฟิลเลอร์จะคงอยู่ได้ ดังนี้
- ชนิดของฟิลเลอร์: ฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นสูงและมีการเชื่อมขวางของโมเลกุลมาก (High G-prime) เช่น Juvéderm Voluma หรือ Restylane Lyft จะสลายตัวช้าและคงทนกว่าฟิลเลอร์ชนิดนิ่ม ส่วนฟิลเลอร์กลุ่มกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) เช่น Sculptra สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า 2 ปี
- เทคนิคและตำแหน่งที่ฉีด: การฉีดฟิลเลอร์ในชั้นลึกติดกระดูกจะทำให้ฟิลเลอร์คงอยู่ได้นานขึ้น เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวน้อย
- ไลฟ์สไตล์: การสูบบุหรี่และการสัมผัสกับรังสียูวี (แสงแดด) สามารถสร้างอนุมูลอิสระที่เร่งการสลายตัวของฟิลเลอร์ประเภทกรดไฮยาลูรอนิก (HA) ทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น
- การฉีดซ้ำ: การเติมฟิลเลอร์ซ้ำก่อนที่ฟิลเลอร์เดิมจะสลายไปจนหมด สามารถช่วยยืดอายุผลลัพธ์โดยรวมให้ยาวนานขึ้นได้
เปรียบเทียบฟิลเลอร์ขมับแต่ละยี่ห้อ ควรเลือกแบบไหน
ฟิลเลอร์เนื้อแน่นเพื่อการพยุงโครงสร้าง
ฟิลเลอร์เนื้อแน่นเพื่อการพยุงโครงสร้างคือฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นและความยืดหยุ่นสูง (High G-prime) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อสร้างโครงสร้างและให้การยกกระชับ เนื่องจากมีความสามารถในการคงรูปได้ดีและทนทานต่อแรงกดทับ
ฟิลเลอร์ประเภทนี้มักถูกใช้ในบริเวณที่ต้องการการฟื้นฟูโครงสร้างในชั้นลึก เช่น ขมับ โดยมีคุณสมบัติดังนี้
- การทำงาน: เมื่อฉีดในชั้นลึกใกล้กระดูก ฟิลเลอร์จะทำหน้าที่คล้าย “โครงสร้าง” ที่ช่วยพยุงและดันเนื้อเยื่อด้านบนขึ้นมา ทำให้สามารถฟื้นฟูความนูนของขมับและช่วยพยุงหางคิ้วได้
- คุณสมบัติ: มีความคงตัวสูง ไม่สลายตัวเร็ว และสามารถเลียนแบบความรู้สึกของไขมันหรือกระดูกตามธรรมชาติได้ดี
- ตัวอย่าง: ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ Juvederm Voluma, Restylane Lyft, Restylane Contour และ Radiesse
ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มเพื่อความเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มโดยทั่วไปไม่ใช่ตัวเลือกหลักสำหรับการเติมขมับ เนื่องจากขาดคุณสมบัติในการพยุงโครงสร้างเพื่อแก้ไขแอ่งลึก
บริเวณขมับมักต้องการฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นสูงและเนื้อแน่น (High G-prime) เช่น Juvéderm Voluma หรือ Restylane Lyft เพื่อสร้างโครงสร้างและยกพยุงผิว อย่างไรก็ตาม ในเทคนิคขั้นสูง แพทย์อาจใช้ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มในปริมาณเล็กน้อยฉีดในชั้นตื้นๆ หลังจากฉีดฟิลเลอร์เนื้อแน่นลงไปในชั้นลึกแล้ว เพื่อเก็บรายละเอียดให้ผิวชั้นบนเรียบเนียนยิ่งขึ้น หรือเกลี่ยขอบบริเวณที่เติมให้ดูเป็นธรรมชาติ
หลักเกณฑ์การเลือกยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย
หลักเกณฑ์การเลือกยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับขมับคือ ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประวัติการใช้งานที่น่าเชื่อถือ มีความบริสุทธิ์สูง และมีคุณสมบัติทางกายภาพที่เหมาะสม
โดยมีรายละเอียดที่สำคัญดังนี้:
- คุณสมบัติของฟิลเลอร์: ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นสูง (High-Density) และมีความคงตัวสูง (High G-prime) เช่น Juvéderm Voluma, Restylane Lyft หรือ Radiesse เพื่อให้สามารถพยุงโครงสร้างและยกกระชับผิวบริเวณขมับได้ดี
- แบรนด์ที่น่าเชื่อถือ: ควรเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมที่ผ่านการยอมรับในวงการแพทย์ เช่น Juvéderm (Allergan), Restylane (Galderma), Radiesse (Merz) หรือ Sculptra ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีข้อมูลรองรับด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
- การรับรอง: แม้การใช้ฟิลเลอร์ในขมับส่วนใหญ่จะเป็นการใช้แบบ off-label แต่ผลิตภัณฑ์ที่เลือกควรได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) หรือ FDA ในข้อบ่งใช้อื่นๆ บนใบหน้า ซึ่งแสดงถึงมาตรฐานการผลิตและความปลอดภัย
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน: ควรหลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ราคาถูกหรือไม่มีแหล่งที่มาที่ชัดเจนอย่างเด็ดขาด เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน
ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ขมับ
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย: ฟิลเลอร์ขมับกับการเติมไขมัน
ฟิลเลอร์ขมับเป็นหัตถการที่รวดเร็วและเห็นผลทันที ในขณะที่การเติมไขมันเป็นหัตถการที่ซับซ้อนกว่าแต่ให้ผลลัพธ์ที่อาจจะถาวร การเลือกขึ้นอยู่กับความต้องการด้านผลลัพธ์ ระยะเวลาพักฟื้น และปริมาณที่ต้องการเติม
ตารางเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียระหว่างฟิลเลอร์และการเติมไขมันที่ขมับ:
| คุณสมบัติ | ฟิลเลอร์ (Filler) | การเติมไขมัน (Fat Grafting) |
|---|---|---|
| ลักษณะหัตถการ | หัตถการในคลินิก ไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาไม่นาน | การผ่าตัดเล็ก (ดูดไขมันและนำมาฉีด) |
| ผลลัพธ์ | เห็นผลทันที ปริมาณที่เติมมีความแม่นยำ | ผลลัพธ์ไม่แน่นอน (ไขมันอาจสลายบางส่วน) เห็นผลเต็มที่หลัง 3 เดือน |
| ระยะเวลา | ชั่วคราว (ประมาณ 12-18 เดือน) ต้องเติมซ้ำ | อาจจะถาวร (หากเซลล์ไขมันรอดชีวิตและสร้างเส้นเลือดใหม่ได้) |
| การพักฟื้น | น้อยมาก อาจมีรอยช้ำหรือบวมเล็กน้อย | นานกว่า มีอาการบวมหลายสัปดาห์ทั้งบริเวณที่ดูดไขมันและขมับ |
| การแก้ไข | แก้ไขได้ง่าย (โดยเฉพาะฟิลเลอร์ชนิด HA ที่สามารถสลายได้) | แก้ไขได้ยาก |
| ความเหมาะสม | เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ทันที ต้องการเติมปริมาณไม่มาก และไม่ต้องการพักฟื้นนาน | เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมปริมาณมาก หรือต้องการผลลัพธ์ที่ถาวร และยอมรับการพักฟื้นที่นานกว่าได้ |
การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย
การเลือกคลินิกและแพทย์ที่ปลอดภัยควรพิจารณาจากแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงในการฉีดฟิลเลอร์ขมับโดยเฉพาะ และมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ของบริเวณดังกล่าว เพื่อลดความเสี่ยงและให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ปัจจัยสำคัญในการพิจารณา ได้แก่:
- ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ: สอบถามแพทย์ว่าทำการฉีดฟิลเลอร์ขมับบ่อยเพียงใด และขอดูภาพก่อนและหลังการรักษา
- ความรู้ด้านกายวิภาค: แพทย์ต้องมีความเข้าใจในโครงสร้างบริเวณขมับเป็นอย่างดี เช่น ตำแหน่งของหลอดเลือด เส้นประสาท และชั้นไขมัน เพื่อฉีดได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย
- มาตรฐานความปลอดภัยของคลินิก: คลินิกที่น่าเชื่อถือควรมีมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม เช่น มียาสลายฟิลเลอร์ (Hyaluronidase) เตรียมพร้อมไว้เสมอในกรณีฉุกเฉิน ใช้เทคนิคปลอดเชื้อ และมีแผนรับมือกับภาวะแทรกซ้อน
- การให้คำปรึกษาอย่างละเอียด: แพทย์ควรซักประวัติสุขภาพอย่างถี่ถ้วน อธิบายถึงความเสี่ยง ประโยชน์ และทางเลือกอื่นๆ เพื่อให้ผู้รับบริการตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่ครบถ้วน
- ข้อควรระวัง: ควรหลีกเลี่ยงคลินิกที่ให้บริการในสถานที่ไม่ใช่สถานพยาบาล ราคาที่ต่ำกว่าปกติอย่างน่าสงสัย หรือขาดความโปร่งใสเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์คือการงดยา วิตามิน และแอลกอฮอล์ที่อาจทำให้เลือดออกง่าย เพื่อลดความเสี่ยงของอาการบวมและรอยช้ำ
ข้อควรปฏิบัติอื่นๆ ก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ มีดังนี้:
- งดยา: หยุดใช้ยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน และยาในกลุ่ม NSAIDs อื่นๆ ประมาณ 5-7 วันก่อนการฉีด
- งดอาหารเสริม: หลีกเลี่ยงอาหารเสริมที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี แปะก๊วย และโสม เป็นเวลา 1 สัปดาห์
- งดแอลกอฮอล์: หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- เลื่อนนัดทำฟัน: ไม่ควรทำฟัน 2 สัปดาห์ก่อนและหลังการฉีด
- เตรียมผิว: งดใช้สกินแคร์ที่รุนแรง เช่น เรตินอยด์ หรือการสครับผิวบริเวณที่จะฉีด 2-3 วัน รวมถึงงดการแว็กซ์หรือเลเซอร์ในบริเวณดังกล่าว
- วันนัด: ควรมาด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอาง และรับประทานอาหารมาก่อนเพื่อป้องกันอาการหน้ามืด
ความเสี่ยง ผลข้างเคียง และข้อห้ามในการฉีดฟิลเลอร์ขมับ
ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปและวิธีรับมือ
ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปหลังการฉีดฟิลเลอร์ขมับคือ รอยช้ำ อาการบวม ความรู้สึกแน่นตึง และอาการปวดศีรษะเล็กน้อย ซึ่งอาการเหล่านี้มักไม่รุนแรงและจะค่อยๆ ดีขึ้นเองภายใน 1-2 สัปดาห์
วิธีรับมือกับอาการดังกล่าว ได้แก่:
- ประคบเย็น: ในช่วง 1-2 วันแรก ให้ใช้ผ้าห่อน้ำแข็งประคบบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 15 นาที สลับกับการพัก เพื่อช่วยลดอาการบวมและรอยช้ำ
- รับประทานยา: สามารถใช้ยาพาราเซตามอล (Tylenol) เพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะหรือความไม่สบายตัวได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงยาในกลุ่ม NSAIDs (เช่น Ibuprofen) ในช่วงแรก เพราะอาจทำให้รอยช้ำแย่ลง
- ใช้สมุนไพร: บางรายอาจใช้ผลิตภัณฑ์อาร์นิกา (Arnica montana) เพื่อช่วยลดรอยช้ำและอาการบวม
สัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที
สัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์ทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับคือ อาการปวดรุนแรงผิดปกติ การเปลี่ยนแปลงของสีผิวในบริเวณกว้าง (เช่น ซีดขาวหรือคล้ำ) และการมองเห็นที่ผิดปกติ เช่น ตาพร่ามัวหรือสูญเสียการมองเห็น
อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณของการอุดตันในหลอดเลือด (Vascular Occlusion) ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาทันทีเพื่อป้องกันเนื้อเยื่อตายหรือผลกระทบต่อดวงตา
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ข้อปฏิบัติในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก การสัมผัสความร้อน การดื่มแอลกอฮอล์ และการนอนทับบริเวณที่ฉีด เพื่อลดอาการบวมช้ำและป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่
ข้อปฏิบัติเพิ่มเติมในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก ได้แก่:
- การนอน: นอนหงายโดยหนุนหมอนให้ศีรษะสูงขึ้น เพื่อลดอาการบวมและป้องกันการกดทับฟิลเลอร์
- การประคบ: ประคบเย็นบริเวณขมับเป็นระยะๆ (เช่น 10-15 นาทีต่อชั่วโมง) ในวันแรกเพื่อช่วยลดอาการบวมและช้ำ
- การออกกำลังกาย: งดการออกกำลังกายอย่างหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วและความดันโลหิตสูงขึ้น
- การสัมผัส: ห้ามถู นวด หรือกดบริเวณขมับแรงๆ
- สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง: งดดื่มแอลกอฮอล์และหลีกเลี่ยงยาในกลุ่ม NSAIDs (เช่น ibuprofen) หรืออาหารเสริมที่ทำให้เลือดออกง่าย เพื่อลดความเสี่ยงของรอยช้ำ
ข้อห้ามและกิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงใน 2 สัปดาห์แรก
ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ ควรหลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์บนใบหน้า การนวดกดจุดบริเวณขมับ และการสัมผัสกับความร้อนจัดหรือแสงแดดจัด เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่และลดความเสี่ยงของการอักเสบ
ข้อปฏิบัติและกิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงมีดังนี้:
- ทรีตเมนต์ใบหน้า: งดการทำทรีตเมนต์ต่างๆ เช่น นวดหน้า, แว็กซ์, ผลัดผิวด้วยสารเคมี, หรือทำเลเซอร์บริเวณใบหน้า
- หัตถการอื่นๆ: ไม่ควรทำฟันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ทั้งก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- การนวด: หลีกเลี่ยงการนวดกดจุดหรือนวดเนื้อเยื่อชั้นลึกบริเวณขมับโดยตรง
- ความร้อนและแสงแดด: งดเข้าซาวน่า, ห้องอบไอน้ำ, โยคะร้อน และป้องกันผิวจากแสงแดดจัด เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดอาการบวมมากขึ้น
- การออกกำลังกาย: แม้ว่าการออกกำลังกายหนักจะแนะนำให้งดเพียง 2-3 วันแรก แต่ในช่วง 2 สัปดาห์แรกควรระมัดระวังกิจกรรมที่อาจมีการกระทบกระเทือนใบหน้า
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ขมับ
ฟิลเลอร์ขมับอันตรายไหม?
การฉีดฟิลเลอร์ขมับ ถือเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงสูง แต่จะปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากบริเวณขมับมีเส้นเลือดที่ซับซ้อนและเชื่อมต่อไปยังดวงตา ความเสี่ยงที่ร้ายแรงที่สุดคือการฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อขาดเลือดหรือส่งผลต่อการมองเห็นได้
อย่างไรก็ตาม แพทย์ที่มีประสบการณ์จะใช้เทคนิคเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ เช่น:
- การใช้เข็มปลายทู่ (Cannula) เพื่อลดโอกาสการเจาะทะลุเส้นเลือด
- การฉีดอย่างช้าๆ ในปริมาณน้อย และฉีดในชั้นความลึกที่ถูกต้อง
- การเตรียมยาไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ไว้ให้พร้อมเพื่อสลายฟิลเลอร์ในกรณีฉุกเฉิน
ฉีดฟิลเลอร์ขมับแล้วนอนตะแคงได้ไหม?
แนะนำให้หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงในช่วง 2-3 คืนแรกหลังการฉีดฟิลเลอร์ขมับ เพื่อป้องกันแรงกดทับที่อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่หรือทำให้อาการบวมเพิ่มขึ้น
ท่าที่เหมาะสมที่สุดคือการนอนหงายและหนุนหมอนให้ศีรษะสูงขึ้นเล็กน้อยเป็นเวลา 48 ชั่วโมง หลังจากนั้นฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่และสามารถกลับไปนอนตะแคงได้ตามปกติ
ฉีดฟิลเลอร์ขมับกี่วันถึงจะเข้าที่?
โดยทั่วไปแล้ว ฟิลเลอร์ขมับจะเข้าที่และเห็นผลลัพธ์สุดท้ายในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์
ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ฟิลเลอร์จะค่อยๆ ผสานเข้ากับเนื้อเยื่อรอบๆ และอุ้มน้ำ ทำให้อาการบวมหรือรอยช้ำค่อยๆ หายไป เมื่อครบ 2 สัปดาห์ ขมับจะดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติและได้รูปทรงที่สวยงาม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แพทย์มักจะนัดเพื่อติดตามผล ในบางกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์ปริมาณมาก อาจใช้เวลาถึง 3-4 สัปดาห์กว่าอาการบวมจะยุบลงทั้งหมด
ฟิลเลอร์ขมับ 1 CC เพียงพอหรือไม่?
ฟิลเลอร์ขมับ 1 CC อาจเพียงพอสำหรับผู้ที่มีขมับตอบเพียงเล็กน้อย แต่สำหรับผู้ที่มีขมับตอบปานกลางถึงมาก ปริมาณนี้มักให้ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
โดยทั่วไปแล้ว ฟิลเลอร์ 1 CC ต่อข้างมักใช้เป็นปริมาณเริ่มต้นในการรักษา แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ต้องการฟิลเลอร์ประมาณ 1.5–2 CC ต่อข้างเพื่อให้ขมับดูเต็มและโค้งมนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ผู้ชายอาจต้องการปริมาณที่มากกว่านั้น
ฟิลเลอร์ขมับช่วยยกหน้าได้จริงหรือ?
ใช่ ฟิลเลอร์ขมับสามารถช่วยยกกระชับใบหน้าและหางคิ้วได้เล็กน้อย โดยทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพยุงจากภายใน เมื่อขมับที่ยุบตัวลงได้รับการเติมเต็ม จะช่วยเสริมปริมาตรที่หายไปและไปดันเนื้อเยื่อบริเวณหางคิ้วและผิวหนังด้านข้างให้ยกสูงขึ้นเล็กน้อย (ประมาณ 1-3 มิลลิเมตร) ผลลัพธ์ที่ได้คือใบหน้าส่วนบนจะดูเปิดกว้างและยกกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับมีอาการปวดหัวปกติไหม?
ใช่, อาการปวดศีรษะเล็กน้อยถึงปานกลางเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ หลังการฉีดฟิลเลอร์ขมับ อาการนี้มักเกิดจากการระคายเคืองของกล้ามเนื้อขมับ (Temporalis muscle) หรือการที่เนื้อเยื่อถูกยืดออก และโดยทั่วไปจะหายไปเองภายใน 2-3 วันจนถึงหนึ่งสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม หากมีอาการปวดรุนแรงผิดปกติหรือมีปัญหาด้านการมองเห็นร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
References:
- Montes JR et al. (2024). Improvement in Temple Hollowing with VYC-20L Hyaluronic Acid Filler: A Multicenter Randomized Controlled Trial. Plastic and Reconstructive Surgery. pubmed.ncbi.nlm.nih.gov
- UK HealthCare Aesthetics Center. Dermal Fillers – Pre- and Post-Treatment Care Instructions. UKHealthcare (University of Kentucky). ukhealthcare.uky.edu
- Nasim S. et al. Autologous fat grafting for cosmetic temporal augmentation: a systematic review. Frontiers in Surgery. frontiersin.org
- Tim Pearce. Temporal Hollowing Treatment Guide. drtimpearce.com
- Smooth Clinic. Temple Filler – Is It Safe? Best Brands and Techniques. smoothclinic.net
- Michele Green M.D. (n.d.). Sculptra Temples: A Safe Non-Surgical Temple Filler Treatment. michelegreenmd.com
- The Cosmetic Skin Clinic. Lifting Your Face with Temple Fillers. Cosmetic Skin Clinic Blog. cosmeticskinclinic.com
- Erickson, Q. Q&A: “Is it normal to have headache after temple filler?” RealSelf. realself.com
