Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Lifting

ร้อยไหมคอลลาเจนช่วยอะไร? แค่ยกกระชับ หรือช่วยเรื่องรูขุมขน-หลุมสิว

Byadmin ตุลาคม 15, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on ตุลาคม 15, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
ร้อยไหมคอลลาเจนช่วยอะไร? แค่ยกกระชับ หรือช่วยเรื่องรูขุมขน-หลุมสิวด้วย

การร้อยไหมคอลลาเจนเป็นหัตถการยกกระชับหน้าที่ไม่ต้องผ่าตัด ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยพร้อมกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ ทำให้รูขุมขนกระชับและหลุมสิวตื้นขึ้น โดยผลลัพธ์จากการทำ 1 ครั้งสามารถคงอยู่ได้นาน 12-24 เดือน

Table of Contents

Toggle
  • ร้อยไหมคอลลาเจนคืออะไร และทำงานอย่างไร
  • สรุปผลลัพธ์หลัก: ร้อยไหมคอลลาเจนช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง
    • ช่วยยกกระชับผิวและปรับกรอบหน้าให้คมชัดขึ้น
    • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ฟื้นฟูคุณภาพผิว
    • ลดขนาดรูขุมขนและทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น
    • คืนความเต่งตึง ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ ทั่วใบหน้า
  • ใครบ้างที่เหมาะกับการร้อยไหมคอลลาเจน
  • ขั้นตอนการทำ และต้องใช้ไหมคอลลาเจนกี่เส้น
    • การประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาโดยแพทย์
    • จำนวนเส้นไหมที่แนะนำสำหรับแต่ละบริเวณบนใบหน้า
    • ขั้นตอนขณะทำ: ใช้เวลาไม่นานและไม่ต้องพักฟื้น
  • ร้อยไหมคอลลาเจนกี่วันเห็นผล และผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน
    • ระยะเวลาเห็นผล: การเปลี่ยนแปลงทันทีและผลลัพธ์ระยะยาว
    • ผลลัพธ์ของการร้อยไหมคอลลาเจนอยู่ได้นานกี่เดือน
  • ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจร้อยไหมคอลลาเจน
    • การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
    • การเตรียมตัวก่อนทำและข้อควรปฏิบัติ
    • การเปรียบเทียบกับการรักษาประเภทอื่น
  • ข้อเสีย ผลข้างเคียง และข้อห้ามในการร้อยไหมคอลลาเจน
    • ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น อาการบวมหรือรอยช้ำ
    • ข้อห้ามสำคัญ: ใครที่ไม่ควรทำหัตถการนี้
  • วิธีดูแลตัวเองหลังร้อยไหมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการร้อยไหมคอลลาเจน (FAQ)
    • ร้อยไหมคอลลาเจนเจ็บไหม?
    • ร้อยไหมคอลลาเจนอันตรายหรือไม่?
    • ต้องใช้ไหมคอลลาเจนกี่เส้นถึงจะเห็นผล?
    • หลังร้อยไหมคอลลาเจน หน้าจะบวมกี่วัน?
    • ผลลัพธ์จากการร้อยไหมคอลลาเจนอยู่ได้นานแค่ไหน?
    • หลังร้อยไหม สามารถกินคอลลาเจนเสริมได้หรือไม่?
  • References:

ร้อยไหมคอลลาเจนคืออะไร และทำงานอย่างไร

การร้อยไหมคอลลาเจนคือหัตถการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้ไหมละลายสอดเข้าไปใต้ชั้นผิวเพื่อดึงรั้งเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อยให้กลับเข้าที่ การทำงานของไหมแบ่งออกเป็น 2 ระยะหลัก ดังนี้

  • การยกกระชับทันที (Mechanical Lift): เงี่ยงหรือปมบนเส้นไหมจะทำหน้าที่เกี่ยวและดึงรั้งผิวที่หย่อนคล้อยขึ้นทันทีหลังการร้อย เปรียบเสมือนโครงสร้างที่ช่วยพยุงผิวจากภายใน
  • การกระตุ้นคอลลาเจน (Biological Lift): ร่างกายจะตอบสนองต่อไหมโดยการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาล้อมรอบเส้นไหม เมื่อเวลาผ่านไปไหมจะสลายไป แต่โครงข่ายคอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นใหม่จะยังคงอยู่ ช่วยให้ผิวแน่นกระชับ เต่งตึง และแข็งแรงขึ้นในระยะยาว

สรุปผลลัพธ์หลัก: ร้อยไหมคอลลาเจนช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง

ช่วยยกกระชับผิวและปรับกรอบหน้าให้คมชัดขึ้น

การร้อยไหมคอลลาเจนเป็นหัตถการที่ช่วยยกกระชับผิวและปรับกรอบหน้าให้คมชัดขึ้นได้โดยตรง โดยใช้เส้นไหมที่มีเงี่ยงหรือปมสอดเข้าไปใต้ชั้นผิวเพื่อยึดเกาะและดึงเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อยให้กลับเข้าที่ ซึ่งจะช่วยปรับแก้ปัญหากรอบหน้าไม่คมชัด แก้มตก หรือคางสองชั้นได้ทันที นอกจากนี้ เส้นไหมยังกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวบริเวณนั้นตึงกระชับและดูดีขึ้นในระยะยาว

กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ฟื้นฟูคุณภาพผิว

การร้อยไหมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่โดยอาศัยปฏิกิริยาของร่างกายต่อสิ่งแปลกปลอมและการบาดเจ็บเล็กน้อยใต้ผิวหนัง เมื่อเส้นไหมถูกสอดเข้าไป ร่างกายจะตอบสนองโดยการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาล้อมรอบเส้นไหม ซึ่งทำหน้าที่เหมือนเป็นโครงสร้างให้คอลลาเจนใหม่ยึดเกาะ เมื่อเวลาผ่านไปไหมจะสลายตัว แต่จะทิ้งโครงข่ายคอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่ไว้แทนที่

การฟื้นฟูคุณภาพผิวที่เกิดขึ้นจากกระบวนการนี้ส่งผลให้:

  • ผิวแน่นกระชับและยืดหยุ่นขึ้น: จากการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่
  • ริ้วรอยเล็กๆ ดูตื้นขึ้น: โครงข่ายคอลลาเจนช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ผิว
  • รูขุมขนดูกระชับขึ้น: ผิวที่หนาและแข็งแรงขึ้นช่วยให้รูขุมขนดูเล็กลง
  • ผิวเรียบเนียนและดูสุขภาพดีขึ้น: การไหลเวียนเลือดที่ดีขึ้นบริเวณที่ร้อยไหมช่วยให้ผิวดูสดใสขึ้น

ลดขนาดรูขุมขนและทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น

การร้อยไหมสามารถช่วยให้รูขุมขนกระชับขึ้นและทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้ โดยอาศัยหลักการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง

  • ลดขนาดรูขุมขน: เมื่อผิวหนังมีความหนาและกระชับขึ้นจากการสร้างคอลลาเจนใหม่ จะส่งผลให้รูขุมขนดูเล็กลงและผิวดูละเอียดขึ้น
  • ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น: แพทย์สามารถใช้ไหมชนิดเรียบ (Smooth threads) จำนวนหลายเส้นร้อยเป็นลักษณะตาข่ายใต้ผิวหนังบริเวณที่เป็นหลุมสิว เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเติมเต็ม ทำให้หลุมสิวดูตื้นและเรียบเนียนขึ้น

คืนความเต่งตึง ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ ทั่วใบหน้า

การร้อยไหมคอลลาเจนเป็นวิธีที่ช่วยคืนความเต่งตึงและลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ โดยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ใต้ชั้นผิว

เมื่อเส้นไหมถูกสอดเข้าไปใต้ผิวหนัง ร่างกายจะตอบสนองด้วยการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนขึ้นมาล้อมรอบเส้นไหม เมื่อเวลาผ่านไปเส้นไหมจะสลายไป แต่จะทิ้งโครงข่ายคอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ไว้ ซึ่งทำหน้าที่คล้าย “นั่งร้าน” ที่ช่วยพยุงผิวจากภายใน ส่งผลให้ผิวมีความแน่นกระชับ ยืดหยุ่น และเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยเล็กๆ จึงดูตื้นขึ้นตามไปด้วย โดยผลลัพธ์ด้านคุณภาพผิวจะเห็นได้ชัดเจนที่สุดในช่วงเวลาประมาณ 3 เดือนหลังทำ

ใครบ้างที่เหมาะกับการร้อยไหมคอลลาเจน

ผู้ที่เหมาะกับการร้อยไหมคอลลาเจนคือ ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับเล็กน้อยถึงปานกลางและต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่คาดหวังการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนเท่ากับการผ่าตัดดึงหน้า

โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่เหมาะสมที่สุดมีลักษณะดังนี้:

  • ช่วงอายุ: เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 35-45 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีสัญญาณแห่งวัย แต่ยังไม่รุนแรง
  • สภาพผิว: มีสัญญาณของความหย่อนคล้อยระยะเริ่มต้น เช่น แก้มตกเล็กน้อย ร่องแก้มเริ่มลึก หรือกรอบหน้าไม่คมชัด
  • โครงสร้างใบหน้า: มีโครงสร้างกระดูกใบหน้าที่ดี เช่น โหนกแก้มและแนวกรามที่ชัดเจน เพื่อช่วยพยุงไหมได้ดี
  • ความหนาของผิว: มีผิวที่ไม่บางหรือหนาจนเกินไป เพราะผิวที่บางมากอาจทำให้เห็นหรือคลำเจอเส้นไหมได้ ส่วนผิวที่หนาและหนักเกินไปอาจยกขึ้นได้ยาก
  • ความคาดหวัง: ต้องการผลลัพธ์ที่ทำให้ใบหน้าดูสดชื่นและกระชับขึ้น แต่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนเหมือนการผ่าตัดศัลยกรรม

ขั้นตอนการทำ และต้องใช้ไหมคอลลาเจนกี่เส้น

การประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะประเมินสภาพผิวและความหย่อนคล้อยของผู้ป่วย จากนั้นจึงวางแผนการรักษาโดยการวาดเส้นเวกเตอร์บนใบหน้าเพื่อกำหนดทิศทางและจุดที่จะร้อยไหมให้ได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ดีที่สุด

ในขั้นตอนนี้ แพทย์จะดำเนินการดังนี้:

  • ถ่ายรูป: เพื่อใช้เปรียบเทียบผลลัพธ์ก่อนและหลังการรักษา
  • วาดแนวร้อยไหม (Mapping): แพทย์จะวาดเส้นบนผิวหนังเพื่อกำหนดแนวการสอดไหมและจุดยึดเกาะ โดยจะคำนึงถึงโครงสร้างสำคัญใต้ผิวหนัง เช่น เส้นประสาทและหลอดเลือด เพื่อความปลอดภัย
  • เลือกชนิดและจำนวนไหม: แพทย์จะเลือกชนิดและจำนวนของเส้นไหมให้เหมาะสมกับปัญหาและเป้าหมายของแต่ละบุคคล
  • ให้คำปรึกษา: แพทย์จะอธิบายขั้นตอนทั้งหมดให้ผู้ป่วยทราบ รวมถึงการใช้ยาชาเฉพาะที่ ซึ่งจะทำให้ไม่รู้สึกเจ็บระหว่างทำหัตถการ

จำนวนเส้นไหมที่แนะนำสำหรับแต่ละบริเวณบนใบหน้า

จำนวนเส้นไหมที่ใช้ในการร้อยไหมจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและเป้าหมายการรักษา โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาให้เหมาะกับแต่ละบุคคล แต่มีแนวทางทั่วไปดังนี้

  • ยกคิ้ว: มักใช้ไหมข้างละ 2 เส้น
  • ใบหน้าส่วนกลาง: แนะนำให้ใช้ไหมเงี่ยงอย่างน้อย 8 เส้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ดี
  • ลดเลือนริ้วรอยหรือรักษารอยแผลเป็นจากสิว: อาจใช้ไหมเส้นเล็กๆ จำนวน 10-20 เส้น หรือมากกว่า เพื่อสร้างเป็นโครงตาข่ายกระตุ้นคอลลาเจน

ทั้งนี้ มีการศึกษาชี้ว่าการใช้ไหมมากกว่า 10 เส้นในครั้งเดียวอาจเพิ่มความเสี่ยงที่คนไข้จะไม่พึงพอใจในผลลัพธ์ได้

ขั้นตอนขณะทำ: ใช้เวลาไม่นานและไม่ต้องพักฟื้น

การร้อยไหมเป็น หัตถการที่ใช้เวลาไม่นานและมีระยะเวลาพักฟื้นสั้นมาก จึงมักถูกเรียกว่า “lunchtime facelift”

ขั้นตอนการทำจะใช้ยาชาเฉพาะที่ ทำให้ผู้เข้ารับบริการไม่รู้สึกเจ็บขณะทำ จากนั้นแพทย์จะใช้เข็มนำเส้นไหมสอดเข้าไปใต้ชั้นผิวตามแนวที่วางแผนไว้ เมื่อจัดตำแหน่งให้ผิวตึงกระชับได้ที่แล้ว จะตัดไหมส่วนเกินออกโดยไม่มีการเย็บแผล

  • ระยะเวลา: การร้อยไหมบริเวณเล็กๆ เช่น ยกหางคิ้ว อาจใช้เวลาเพียง 20-30 นาที ส่วนการร้อยไหมทั่วใบหน้าอาจใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
  • การพักฟื้น: ผู้เข้ารับบริการส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ในวันถัดไป โดยอาจมีอาการบวมหรือรอยช้ำเล็กน้อย ซึ่งจะค่อยๆ หายไปเอง

ร้อยไหมคอลลาเจนกี่วันเห็นผล และผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน

ระยะเวลาเห็นผล: การเปลี่ยนแปลงทันทีและผลลัพธ์ระยะยาว

การร้อยไหมให้ผลลัพธ์แบบ 2 ระยะ คือ เห็นผลยกกระชับขึ้นทันทีจากการดึงของเส้นไหม และจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ในระยะยาวจากการกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นตามลำดับเวลาดังนี้

  • ทันทีหลังทำ: จะเห็นการยกกระชับของผิวได้ทันที ซึ่งเป็นผลมาจากการดึงและพยุงผิวของเส้นไหมโดยตรง อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ในช่วงแรกนี้เป็นเพียงประมาณ 20-30% ของผลลัพธ์ทั้งหมด
  • 6-8 สัปดาห์: ผิวจะเริ่มรู้สึกตึงและกระชับขึ้น ริ้วรอยเล็กๆ ลดลง เนื่องจากร่างกายเริ่มสร้างคอลลาเจนใหม่รอบเส้นไหมอย่างมีนัยสำคัญ
  • ประมาณ 3 เดือน: เป็นช่วงที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและสมบูรณ์ที่สุด เนื่องจากคอลลาเจนใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมีการเจริญเต็มที่และหดตัว ทำให้ผิวได้รับการยกกระชับและมีคุณภาพดีขึ้นสูงสุด

ผลลัพธ์ของการร้อยไหมคอลลาเจนอยู่ได้นานกี่เดือน

โดยทั่วไป ผลลัพธ์ของการร้อยไหมจะอยู่ได้นานประมาณ 12-24 เดือน แต่ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง

  • ชนิดของไหม: ไหม PDO ให้ผลลัพธ์นานประมาณ 6-12 เดือน ในขณะที่ไหม PLLA และ PCL สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า คือประมาณ 18-24 เดือน
  • ปัจจัยส่วนบุคคล: อายุ สภาพผิว และไลฟ์สไตล์ (เช่น การสูบบุหรี่หรือการโดนแดด) ล้วนมีผลต่อระยะเวลาของผลลัพธ์
  • บริเวณที่ทำ: บริเวณที่มีการเคลื่อนไหวน้อย เช่น แก้มส่วนกลาง มักจะคงผลลัพธ์ได้นานกว่าบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย เช่น แนวกรามและลำคอ

เพื่อรักษาผลลัพธ์ไว้ หลายคนเลือกที่จะกลับมาร้อยไหมซ้ำทุกๆ 12-18 เดือน

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจร้อยไหมคอลลาเจน

การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ควรเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือและถูกสุขลักษณะ ดำเนินการโดยแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพและมีประสบการณ์ เนื่องจากการร้อยไหมจำเป็นต้องอาศัยความรู้ด้านกายวิภาคบนใบหน้าอย่างแม่นยำ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อน

ข้อควรพิจารณาในการเลือกแพทย์และคลินิกมีดังนี้:

  • ความเชี่ยวชาญของแพทย์: แพทย์ต้องมีความรู้ด้านกายวิภาคบนใบหน้าเป็นอย่างดี เพื่อร้อยไหมในตำแหน่งที่ถูกต้องและหลีกเลี่ยงเส้นประสาทและหลอดเลือดที่สำคัญ
  • ความน่าเชื่อถือ: ควรหลีกเลี่ยงผู้ให้บริการที่ไม่ใช่แพทย์ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ
  • มาตรฐานของคลินิก: คลินิกต้องสะอาด ถูกสุขลักษณะ ใช้ไหมที่ผ่านการรับรองและมีคุณภาพ และปฏิบัติตามขั้นตอนการฆ่าเชื้ออย่างเคร่งครัด
  • ผลงาน: แพทย์ควรสามารถแสดงผลงานการร้อยไหม (ภาพก่อน-หลัง) และมีความสามารถในการจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้

การเตรียมตัวก่อนทำและข้อควรปฏิบัติ

การเตรียมตัวก่อนร้อยไหมคือการงดยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด ส่วนข้อควรปฏิบัติหลังทำคือการหลีกเลี่ยงการขยับใบหน้าแรงๆ และการกดทับบริเวณที่ทำ

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

การเตรียมตัวก่อนร้อยไหม

  • งดยาและอาหารเสริม: หยุดยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) และอาหารเสริมที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี กระเทียม และแปะก๊วย เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ
  • งดแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่: ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำ เพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
  • สภาพผิว: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อ สิวอักเสบ หรือแผลบนใบหน้าในบริเวณที่จะทำการรักษา
  • วันนัด: มาถึงคลินิกด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอาง

ข้อควรปฏิบัติหลังร้อยไหม

  • ลดการขยับใบหน้า: หลีกเลี่ยงการแสดงสีหน้า έντονα เช่น การหาวกว้างๆ การหัวเราะแรงๆ หรือการเคี้ยวอาหารแข็งๆ ในช่วง 2-3 วันแรก
  • ท่านอน: นอนหงายโดยใช้หมอนหนุนศีรษะให้สูงขึ้นเป็นเวลา 5-7 คืน เพื่อลดอาการบวมและป้องกันการกดทับใบหน้า
  • การดูแลผิว: ห้ามถู นวด หรือกดใบหน้าแรงๆ เป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ และงดแต่งหน้าประมาณ 2-3 วันเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • งดกิจกรรมหนัก: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก การเข้าซาวน่า หรืออบไอน้ำ เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการทำฟัน: เลื่อนนัดทำฟันออกไปก่อนอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ โดยเฉพาะหากร้อยไหมบริเวณกราม

การเปรียบเทียบกับการรักษาประเภทอื่น

การร้อยไหมจะเน้นการยกกระชับและปรับตำแหน่งเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อย ในขณะที่ฟิลเลอร์เน้นการเติมเต็มปริมาตร และ HIFU เน้นการกระชับผิวด้วยความร้อน การร้อยไหมจึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเป็นหลัก ส่วนการรักษาประเภทอื่นจะเหมาะกับปัญหาที่แตกต่างกันไป

ตารางเปรียบเทียบการร้อยไหมกับการรักษาประเภทอื่น:

คุณสมบัติ ร้อยไหม (Thread Lift) ฟิลเลอร์ (Filler) HIFU/Ultherapy
กลไกการทำงาน ใช้ไหมที่มีเงี่ยงดึงและปรับตำแหน่งเนื้อเยื่อ เติมสารไฮยาลูรอนิกเพื่อเพิ่มปริมาตร ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์สร้างความร้อนเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นลึก
ผลลัพธ์ ยกกระชับทันที และผิวดีขึ้นใน 2-3 เดือน เห็นผลการเติมเต็มทันที ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏใน 2-3 เดือน
ระยะเวลา ประมาณ 12-18 เดือน ประมาณ 6-12 เดือน ประมาณ 6-12 เดือน
เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ต้องการการยกกระชับ ผู้ที่สูญเสียปริมาตรบนใบหน้า มีร่องลึก ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยระยะเริ่มต้น ต้องการกระชับผิวแบบไม่เจ็บตัว

นอกจากนี้ การร้อยไหมยังแตกต่างจากโบท็อกซ์และเลเซอร์ ดังนี้:

  • โบท็อกซ์ (Botox): ใช้เพื่อคลายกล้ามเนื้อ ลดริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องความหย่อนคล้อย
  • เลเซอร์/RF Microneedling: ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวและริ้วรอยตื้นๆ แต่ไม่สามารถยกหรือปรับตำแหน่งเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อยได้เหมือนการร้อยไหม

ข้อเสีย ผลข้างเคียง และข้อห้ามในการร้อยไหมคอลลาเจน

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น อาการบวมหรือรอยช้ำ

อาการบวมและรอยช้ำเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุดหลังการร้อยไหม แต่โดยทั่วไปแล้วอาการเหล่านี้ไม่รุนแรงและจะหายไปเอง

จากข้อมูลพบว่ารอยช้ำสามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยประมาณ 26% และมักจะหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนอาการบวมและรอยเข็มเล็กๆ ส่วนใหญ่จะหายไปภายใน 7-10 วัน นอกจากนี้ อาจมีความรู้สึกตึงหรือเจ็บเล็กน้อยตามแนวไหมในช่วง 2-3 วันแรก ซึ่งเป็นอาการปกติ

ข้อห้ามสำคัญ: ใครที่ไม่ควรทำหัตถการนี้

ผู้ที่ไม่ควรทำหัตถการร้อยไหม คือสตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร, ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง, ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ, และผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิดที่ยังควบคุมไม่ได้

โดยทั่วไป ข้อห้ามสำคัญในการร้อยไหมสามารถแบ่งได้ดังนี้

  • กลุ่มโรคประจำตัว:
  • โรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด หรือผู้ที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือด
  • โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune diseases) เช่น Lupus, Scleroderma
  • โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ เนื่องจากเสี่ยงต่อการติดเชื้อและแผลหายช้า
  • ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • มีประวัติแพ้วัสดุที่ใช้ทำไหม เช่น PDO, PLLA
  • มีแนวโน้มเกิดแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ได้ง่าย
  • กลุ่มภาวะทางร่างกายและผิวหนัง:
  • สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
  • มีการติดเชื้อ มีสิวอักเสบรุนแรง หรือมีแผลเปิดในบริเวณที่จะทำ
  • ผู้ที่มีผิวหนังบางมากเกินไป เพราะอาจทำให้เห็นไหมหรือคลำเจอได้
  • เคยฉีดสารเติมเต็มชนิดถาวร (Permanent fillers) ในบริเวณดังกล่าว
  • กลุ่มความคาดหวังและอื่นๆ:
  • ผู้ที่มีความหย่อนคล้อยของผิวหนังรุนแรงมากเกินไป เนื่องจากผลลัพธ์อาจไม่เป็นที่น่าพอใจ
  • ผู้ที่มีความคาดหวังต่อผลลัพธ์ไม่สมจริง (Unrealistic expectations)

วิธีดูแลตัวเองหลังร้อยไหมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

วิธีดูแลตัวเองหลังร้อยไหมที่สำคัญที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวใบหน้าที่รุนแรง การกดทับ หรือการนวดบริเวณที่ทำ เพื่อให้ไหมได้ยึดเกาะกับเนื้อเยื่ออย่างเต็มที่และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:

  • การนอน: นอนหงายโดยหนุนหมอนให้ศีรษะสูงขึ้นประมาณ 5-7 คืนแรก เพื่อลดอาการบวมและป้องกันการกดทับใบหน้า
  • การรับประทานอาหาร: รับประทานอาหารอ่อนๆ ในช่วงแรก และหลีกเลี่ยงการอ้าปากกว้างๆ เช่น การหัวเราะหรือหาวแรงๆ
  • การทำความสะอาด: งดล้างหน้า 12-24 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นให้ทำความสะอาดอย่างเบามือ และงดแต่งหน้าประมาณ 2-3 วันเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • การออกกำลังกาย: งดออกกำลังกายหนัก ซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
  • ข้อควรระวังอื่นๆ: หลีกเลี่ยงการทำฟัน การนวดหน้า หรือการทำทรีตเมนต์อื่นๆ บนใบหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน และควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ เพราะจะส่งผลต่อกระบวนการฟื้นฟูและสร้างคอลลาเจน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการร้อยไหมคอลลาเจน (FAQ)

ร้อยไหมคอลลาเจนเจ็บไหม?

ขั้นตอนการร้อยไหมคอลลาเจนไม่เจ็บ เนื่องจากมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ก่อนทำหัตถการ ในระหว่างร้อยไหมจึงรู้สึกได้ถึงแรงกดหรือแรงดึงเล็กน้อยเท่านั้น แต่จะไม่รู้สึกเจ็บปวด

หลังจากยาชาหมดฤทธิ์ อาจมีอาการปวดหรือระบมเล็กน้อยคล้ายอาการปวดเมื่อยได้ประมาณ 2-3 วัน ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดทั่วไป โดยรวมแล้วระดับความเจ็บปวดถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการทำศัลยกรรม

ร้อยไหมคอลลาเจนอันตรายหรือไม่?

การร้อยไหมคอลลาเจน มีความปลอดภัยสูงเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ไหมที่ได้มาตรฐาน

ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยมักไม่รุนแรงและหายได้เอง เช่น อาการบวม ช้ำ หรือรู้สึกตึงผิว ซึ่งจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนความเสี่ยงรุนแรง เช่น การติดเชื้อ เส้นไหมโผล่ หรือเส้นประสาทเสียหายนั้นเกิดขึ้นได้น้อยมาก โดยมักเกิดจากการทำหัตถการกับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์หรือใช้เทคนิคที่ไม่ถูกต้อง

ต้องใช้ไหมคอลลาเจนกี่เส้นถึงจะเห็นผล?

โดยทั่วไปแล้ว การร้อยไหมเพื่อยกกระชับทั่วใบหน้าอาจใช้ไหมประมาณ 6-10 เส้น แต่จำนวนที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับเป้าหมายและบริเวณที่ทำการรักษา

จำนวนเส้นไหมที่ใช้จะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

  • พื้นที่และเป้าหมาย: การยกกระชับใบหน้าส่วนกลางอาจต้องใช้ไหมเงี่ยงอย่างน้อย 8 เส้นเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ในขณะที่การยกคิ้วอาจใช้เพียงข้างละ 2 เส้น
  • ประเภทของไหม: หากเป็นการใช้ไหมเรียบหรือไหมเกลียวเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและปรับปรุงคุณภาพผิวในบริเวณที่มีริ้วรอยหรือแผลเป็น อาจต้องใช้ไหมจำนวนมากถึง 10-20 เส้นหรือมากกว่านั้น
  • การประเมินโดยแพทย์: แพทย์จะปรับจำนวนเส้นไหมให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยพิจารณาจากระดับความหย่อนคล้อยและผลลัพธ์ที่ต้องการเป็นหลัก

หลังร้อยไหมคอลลาเจน หน้าจะบวมกี่วัน?

โดยทั่วไปแล้ว อาการบวมหลังร้อยไหมจะเห็นได้ชัดในช่วง 2-3 วันแรก และจะค่อยๆ ยุบลงจนหายเป็นปกติส่วนใหญ่ภายใน 7-10 วัน หลายคนสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ภายใน 24-48 ชั่วโมงหากไม่กังวลเรื่องอาการบวมเล็กน้อย การประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรกและการนอนหนุนหมอนสูงสามารถช่วยลดอาการบวมได้

ผลลัพธ์จากการร้อยไหมคอลลาเจนอยู่ได้นานแค่ไหน?

ผลลัพธ์จากการร้อยไหมคอลลาเจนโดยทั่วไปจะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี แต่ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง

ปัจจัยหลักที่มีผลต่อระยะเวลาของผลลัพธ์ ได้แก่

  • ชนิดของไหม: ไหม PDO ให้ผลลัพธ์นานประมาณ 6-12 เดือน ในขณะที่ไหม PLLA และ PCL สามารถให้ผลลัพธ์นานถึง 18-24 เดือน
  • อายุและสภาพผิว: ผู้ที่มีอายุน้อยและผิวมีความยืดหยุ่นดีมักจะเห็นผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า
  • บริเวณที่ทำ: ผลลัพธ์บริเวณแก้มมักจะอยู่ได้นานกว่าบริเวณกรามและลำคอซึ่งมีการเคลื่อนไหวบ่อย
  • ไลฟ์สไตล์: การสูบบุหรี่และการสัมผัสแสงแดดมากเกินไปสามารถสลายคอลลาเจนและทำให้ผลลัพธ์สั้นลงได้

หลังร้อยไหม สามารถกินคอลลาเจนเสริมได้หรือไม่?

ได้ คุณสามารถกินคอลลาเจนเสริมหลังการร้อยไหมได้ เนื่องจากอาจช่วยสนับสนุนกระบวนการซ่อมแซมและสร้างคอลลาเจนใหม่ของผิว

แม้จะยังไม่มีข้อสรุปทางการแพทย์ที่ชัดเจนถึงประสิทธิภาพโดยตรง แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มองว่าไม่เป็นอันตรายและอาจมีส่วนช่วยได้ โดยทั่วไปแนะนำให้รับประทานคอลลาเจนไฮโดรไลซ์ประมาณ 5-10 กรัมต่อวัน เป็นเวลาอย่างน้อย 8-12 สัปดาห์หลังทำหัตถการ

References:

  1. Cleveland Clinic. Thread Lift: What to Expect, Benefits & Complications. Cleveland Clinic – Health Library. clevelandclinic.org
  2. Cintra T.C.L. Effect of PDO Facelift Threads on Facial Skin Tissues: An Ultrasonographic Analysis. Journal of Cosmetic Dermatology 22:2534-2541. pubmed.ncbi.nlm.gov
  3. Wan W. et al. Combined Treatment with HA Filler and PDO Threads for Mid-Face Rejuvenation: 24-Month Clinical Study. Journal of Cosmetic Dermatology. onlinelibrary.wiley.com
  4. Borzykh O.B. et al. Contemporary view on thread lifting: Histological and anatomical approaches. Russian Open Medical Journal, 11:e0107. romj.org
  5. Aptos. The Indications and Contraindications for a Thread Lifting. Aptos – For Patients. aptos.global
  6. Surowiak P. Barbed PDO Thread Face Lift: A Case Study of Bacterial Complication. Plastic and Reconstructive Surgery – Global Open 10:e4157. journals.lww.com
  7. Burko P. & Miltiadis I. Evolution of Thread Lifting: Advancing Toward Bioactive Polymers and Sustained Hyaluronic Acid Delivery. Cosmetics (MDPI) 12:127. mdpi.com
  8. Papp, C.J. Thread Lifting in 2022: The Evolution Continues. The Aesthetic Guide. theaestheticguide.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
ฉีดโบท็อกดื่มแอลกอฮอล์ได้ไหม? ไขข้อสงสัยและเหตุผลที่ควรเลี่ยง
NextContinue
แก้จมูกบาน วิธีไหนดี? เปรียบเทียบชัดๆ ระหว่างศัลยกรรม vs ไม่ศัลยกรรม

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube