นวดหน้ายกกระชับต้องทำกี่ครั้ง? รวมวิธีที่ถูกต้องและเห็นผลเร็ว 2568

นวดหน้ายกกระชับคืออะไร และได้ผลจริงหรือไม่
การนวดหน้ายกกระชับคือเทคนิคที่ช่วยให้ผิวแลดูเต่งตึงและกระชับขึ้นชั่วคราว โดยอาศัยหลักการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต คลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
การนวดหน้ายกกระชับให้ผลลัพธ์จริงในระดับหนึ่ง โดยมีงานวิจัยรองรับว่าการนวดกัวซาบนใบหน้าทุกวันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ สามารถลดความตึงของกล้ามเนื้อ ทำให้ใบหน้าดูเรียวและยกกระชับขึ้นได้จริง อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยและไม่ถาวร
สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าการนวดหน้าไม่สามารถทดแทนการทำหัตถการทางการแพทย์ได้ และไม่สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยลึกหรือความหย่อนคล้อยที่รุนแรงได้ เป็นเพียงการบำบัดเสริมเพื่อช่วยให้ผิวดูสดใสและกระชับขึ้นเท่านั้น หากหยุดนวดผลลัพธ์ก็จะค่อยๆ หายไป
หลักการทำงานของการนวดเพื่อยกกระชับผิว
หลักการทำงานของการนวดเพื่อยกกระชับผิวคือการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน, คลายความตึงของกล้ามเนื้อ, และส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต การนวดหน้าอย่างสม่ำเสมอจะส่งผลต่อผิวในหลายด้าน ดังนี้
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: การกระตุ้นผิวอย่างต่อเนื่องช่วยส่งเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจน ทำให้ผิวคงความยืดหยุ่นได้ดีขึ้น
- คลายความตึงของกล้ามเนื้อ: การนวดช่วยให้กล้ามเนื้อที่เกร็งตัวผ่อนคลายและเรียบเนียนขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูยกกระชับ
- เพิ่มการไหลเวียนโลหิต: ช่วยนำสารอาหารมาสู่ผิวและขับของเสียออกจากเซลล์ ทำให้ผิวดูสดใสและเปล่งปลั่ง
- ลดอาการบวม: การนวดช่วยลดการคั่งของของเหลว ทำให้ใบหน้าที่ดูบวมน้ำกลับมาเรียวเล็กลงได้
ผลลัพธ์ที่คาดหวังได้จากการนวดอย่างสม่ำเสมอ
ผลลัพธ์ที่คาดหวังได้จากการนวดหน้าอย่างสม่ำเสมอคือ ผิวที่กระชับและยืดหยุ่นขึ้น กล้ามเนื้อผ่อนคลายลง และใบหน้าดูยกกระชับขึ้นเล็กน้อย
การนวดหน้าเป็นประจำจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ลดอาการบวม และคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าดูสดใสและได้รูปมากขึ้น จากการศึกษาพบว่าการทำกัวซาเป็นเวลา 8 สัปดาห์ช่วยให้ผิวหน้ากระชับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและทำให้ใบหน้าดูเรียวลง อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยและไม่สามารถทดแทนหัตถการทางการแพทย์ได้
ใครเหมาะหรือไม่เหมาะกับการนวดหน้ายกกระชับ
การนวดหน้ายกกระชับเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดอาการบวมน้ำ คลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อบนใบหน้า และปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีสิวอักเสบ
ผู้ที่เหมาะกับการนวดหน้า:
- ผู้ที่มีอาการบวมน้ำบนใบหน้า ซึ่งการนวดจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนและลดอาการบวม ทำให้ใบหน้าดูเรียวลงได้
- ผู้ที่มีความตึงเครียดของกล้ามเนื้อใบหน้าหรือขากรรไกร การนวดจะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและดูอ่อนนุ่มลง
- ผู้ที่มีรอยคล้ำใต้ตาที่เกิดจากการไหลเวียนโลหิตไม่ดี การนวดอาจช่วยให้รอยคล้ำดูจางลงชั่วคราว
- ผู้ที่มีปัญหาคางสองชั้นที่เกิดจากอาการบวมหรือการไหลเวียนไม่ดี
ผู้ที่ไม่เหมาะหรือควรระมัดระวัง:
- ผู้ที่มีสิวอักเสบ: ไม่ควรนวดบริเวณที่มีสิวอักเสบ เพราะอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายได้
- ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์เทียบเท่าการทำหัตถการ: การนวดไม่สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยลึก ความหย่อนคล้อยที่รุนแรง หรือลดไขมันสะสมได้อย่างมีนัยสำคัญ
สภาพผิวและช่วงวัยที่เห็นผลลัพธ์ได้ดีที่สุด
สภาพผิวและช่วงวัยที่เห็นผลลัพธ์จากการนวดหน้าได้ดีที่สุดคือ ผู้ที่มีสัญญาณแห่งวัยในระยะเริ่มต้น และผู้ที่มีปัญหาผิวเฉพาะจุด เช่น อาการบวมน้ำ ความตึงเครียดบนใบหน้า และผิวหมองคล้ำ
โดยกลุ่มที่มักจะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน ได้แก่
- ผู้ที่มีอาการบวมหรือการคั่งของของเหลว: โดยเฉพาะช่วงเช้า การนวดจะช่วยลดอาการบวมและทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
- ผู้ที่มีความตึงเครียดบนใบหน้า: เช่น ผู้ที่ขมวดคิ้วหรือกัดกรามบ่อยๆ การนวดจะช่วยคลายกล้ามเนื้อ ทำให้ใบหน้าดูผ่อนคลายและอ่อนโยนลง
- ผู้ที่มีผิวหมองคล้ำหรือดูอ่อนล้า: การนวดช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวดูสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น
- ผู้ที่เริ่มสูญเสียความกระชับเล็กน้อย: การนวดสามารถช่วยให้ผิวที่เริ่มหย่อนคล้อยดูกระชับขึ้นได้ แต่จะไม่ได้ผลกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยขั้นรุนแรง
ข้อควรระวังและผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงการนวดหน้า
ข้อควรระวังหลักในการนวดหน้าคือ ไม่ควรนวดบริเวณที่เป็นสิวอักเสบและควรใช้แรงกดที่นุ่มนวล
การนวดสิวที่กำลังอักเสบอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายได้ นอกจากนี้ การใช้แรงกดที่มากหรือนานเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อผิวหนัง โดยอาจทำให้เกิดการอักเสบหรือเร่งให้ผิวหย่อนคล้อยได้ จึงควรใช้เทคนิคที่อ่อนโยนและสม่ำเสมอแทนการใช้แรงกดที่รุนแรง
เทคนิคและขั้นตอนการนวดหน้ายกกระชับที่นิยม
การนวดด้วยมือ: 5 ขั้นตอนพื้นฐานสำหรับทำด้วยตัวเอง
ข้อมูลที่ให้มาไม่มีขั้นตอนพื้นฐาน 5 ขั้นตอนสำหรับการนวดหน้าด้วยมือด้วยตนเอง
แม้ว่าในเอกสารจะมีการกล่าวถึงหัวข้อ “เทคนิคการนวดหน้าด้วยมือ (ทำด้วยตนเอง)” แต่ไม่มีการให้รายละเอียดหรือขั้นตอนเฉพาะเจาะจงไว้
การใช้อุปกรณ์เสริม: กัวซาและลูกกลิ้งนวดหน้า
กัวซาเป็นวิธีการนวดหน้าโดยใช้อุปกรณ์ที่ช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อบนใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูเรียวและยกกระชับขึ้น จากการศึกษาพบว่าการทำกัวซา 5 ครั้งต่อสัปดาห์เป็นเวลา 8 สัปดาห์ ช่วยให้ความกว้างของใบหน้าลดลงประมาณ 2.3 มม. และลดความตึงของกล้ามเนื้อแก้มได้อย่างมีนัยสำคัญ ผลลัพธ์นี้เกิดจากการที่กล้ามเนื้อผ่อนคลายและอาการบวมลดลง
เทคนิคที่สำคัญคือการวางอุปกรณ์ให้เกือบขนานกับผิวและลากไปในทิศทางเดียว (ไม่ใช่การถูไปมา) เพื่อหลีกเลี่ยงรอยช้ำ การทำกัวซาอย่างถูกวิธีจะช่วยปรับรูปหน้า ลดความตึงเครียด และเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิวได้
การนวดโดยผู้เชี่ยวชาญในคลินิก: ความแตกต่างและข้อดี
การนวดหน้าโดยผู้เชี่ยวชาญในคลินิก มีความแตกต่างในด้านความเชี่ยวชาญ การประเมินสภาพผิว และการใช้เทคนิคขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะบุคคล ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ตรงจุดและปลอดภัยกว่าการนวดด้วยตนเอง
ข้อดีของการนวดโดยผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่:
- การประเมินที่แม่นยำ: ผู้เชี่ยวชาญสามารถวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าและสภาพผิวเพื่อเลือกเทคนิคที่เหมาะสมที่สุด
- เทคนิคเฉพาะทาง: สามารถใช้เทคนิคที่ซับซ้อน เช่น การนวดเดรนน้ำเหลือง หรือการนวดคลายกล้ามเนื้อขากรรไกร (Masseter) ซึ่งทำได้ยากหากไม่มีความรู้ความเข้าใจ
- ความปลอดภัย: ผู้เชี่ยวชาญจะทราบถึงข้อห้ามและใช้แรงกดที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง เช่น การอักเสบหรือรอยช้ำ
ต้องนวดบ่อยแค่ไหนและเห็นผลลัพธ์นานเท่าไหร่
ความถี่ที่แนะนำเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
แนะนำให้เริ่มต้นด้วยการนวดทุกวันในช่วง 2-8 สัปดาห์แรกเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ
- ระยะเริ่มต้น (Intensive Phase): นวดทุกวันเป็นเวลา 2-8 สัปดาห์เพื่อกระตุ้นให้เห็นผลลัพธ์ที่สำคัญ เช่น ผิวที่กระชับขึ้นและความตึงของกล้ามเนื้อลดลง
- ระยะดูแลต่อเนื่อง (Maintenance Phase): หลังจากเห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจแล้ว สามารถลดความถี่ลงเหลือ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อรักษาสภาพผิวที่ดีไว้
ระยะเวลาของผลลัพธ์และการดูแลเพื่อคงสภาพผิว
ผลลัพธ์จากการนวดหน้าจะคงอยู่ได้ตราบเท่าที่ยังทำอย่างสม่ำเสมอ และจะค่อยๆ หายไปภายในเวลาหลายสัปดาห์หากหยุดทำโดยสิ้นเชิง
การดูแลเพื่อคงสภาพผิวจากการนวดหน้าเปรียบเสมือนการออกกำลังกาย โดยมีแนวทางดังนี้
- ช่วงเริ่มต้น (Intensive Phase): ในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก อาจนวดหน้าทุกวันเพื่อกระตุ้นให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- ช่วงคงสภาพ (Maintenance Phase): หลังจากเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นแล้ว สามารถลดความถี่ลงเหลือ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อรักษาสภาพผิวไว้
- การดูแลเสริม: แนะนำให้เข้ารับบริการนวดหน้ากับผู้เชี่ยวชาญเดือนละครั้งเพื่อเสริมประสิทธิภาพการดูแลด้วยตนเอง
ก่อนตัดสินใจ: ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา
เปรียบเทียบการนวดหน้ากับการยกกระชับด้วยเครื่องมือแพทย์
การนวดหน้าให้ผลลัพธ์ที่ ละเอียดอ่อนและชั่วคราว ในขณะที่การยกกระชับด้วยเครื่องมือแพทย์ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานกว่ามาก
- ผลลัพธ์: การนวดหน้าช่วยลดอาการบวม คลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และปรับรูปหน้าได้เล็กน้อย แต่ไม่สามารถกำจัดผิวหนังส่วนเกินหรือแก้ไขปัญหาริ้วรอยลึกและความหย่อนคล้อยที่รุนแรงได้ ในทางกลับกัน การทำหัตถการทางการแพทย์สามารถปรับตำแหน่งเนื้อเยื่อและกำจัดผิวหนังส่วนเกินได้โดยตรง
- วัตถุประสงค์: การนวดหน้าเหมาะสำหรับการบำรุงรักษาและปรับปรุงสภาพผิวเพียงเล็กน้อย ส่วนเครื่องมือแพทย์ใช้สำหรับการแก้ไขปัญหาโครงสร้างผิวที่สำคัญ
- ค่าใช้จ่าย: การนวดหน้ามีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการทำหัตถการด้วยเครื่องมือแพทย์อย่างมาก เช่น HIFU หรือการร้อยไหม
การเลือกสถานบริการและผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือ
ข้อมูลที่ให้มาไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเลือกสถานบริการและผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือ เนื่องจากไม่มีรายละเอียดหรือคำแนะนำใดๆ ภายใต้หัวข้อ “Practitioner Selection and Quality Standards” ในเอกสารดังกล่าว
ค่าใช้จ่ายและราคาคอร์สนวดหน้าโดยประมาณ
ค่าใช้จ่ายสำหรับคอร์สนวดหน้า 5 ครั้งอาจอยู่ที่ประมาณ 2,425 บาท ซึ่งเฉลี่ยแล้วจะตกครั้งละประมาณ 485 บาท สำหรับแพ็กเกจที่หรูหราขึ้นซึ่งรวมบริการอื่นๆ เช่น ออนเซ็น สครับผิว และนวดอโรมา อาจมีราคาสูงถึงประมาณ 4,850 บาท โดยทั่วไปผู้ให้บริการมักมีโปรโมชันในรูปแบบแพ็กเกจซึ่งจะทำให้ราคาต่อครั้งถูกลง
ความเข้าใจผิดและข้อจำกัดของการนวดหน้ายกกระชับ
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยที่สุดคือ การนวดหน้าสามารถย้อนวัยได้อย่างชัดเจนหรือทดแทนหัตถการทางการแพทย์ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การนวดหน้าเป็นเพียงการดูแลเสริมที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาโครงสร้างผิวที่หย่อนคล้อยรุนแรงได้
ความเข้าใจผิดและข้อจำกัดที่สำคัญ ได้แก่:
- ไม่สามารถย้อนวัยได้จริง: การนวดไม่สามารถหยุดยั้งความชรา ลบริ้วรอยลึก หรือแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยรุนแรงได้ ผลลัพธ์เป็นเพียงการปรับปรุงเล็กน้อย ทำให้ผิวดูสดชื่นและกระชับขึ้นชั่วคราว แต่ไม่สามารถทดแทนการทำศัลยกรรมดึงหน้าได้
- ยิ่งนวดแรงหรือนานไม่ได้แปลว่ายิ่งดี: การใช้แรงมากเกินไปอาจทำลายผิวหนังและเร่งให้เกิดริ้วรอยได้ เทคนิคที่อ่อนโยนและสม่ำเสมอให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
- ไม่สามารถแก้ปัญหาไขมันหรือผิวหนังส่วนเกิน: การนวดไม่สามารถสลายไขมันใต้คาง (เหนียง) หรือกำจัดผิวหนังส่วนเกินได้ ทำได้เพียงช่วยลดอาการบวมน้ำชั่วคราวเท่านั้น
- ไม่ได้ผลกับทุกคน: ผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และพันธุกรรมของแต่ละบุคคล บางคนอาจเห็นผลชัดเจนในเรื่องการลดอาการบวม ในขณะที่บางคนอาจไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมากนัก
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการนวดหน้ายกกระชับ
นวดหน้ายกกระชับได้ผลจริงไหม
การนวดหน้ายกกระชับได้ผลจริง แต่เป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยและชั่วคราว โดยจะช่วยผ่อนคลายความตึงของกล้ามเนื้อ ลดอาการบวม และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ใบหน้าดูเรียวและกระชับขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม การนวดหน้าไม่สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยลึกหรือความหย่อนคล้อยที่รุนแรงได้ และไม่สามารถทดแทนหัตถการทางการแพทย์ เช่น การทำศัลยกรรมดึงหน้า
ควรนวดหน้ายกกระชับบ่อยแค่ไหน
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรเริ่มต้นด้วยการนวดทุกวันในช่วงแรก จากนั้นจึงลดความถี่ลงเหลือ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อคงสภาพผิว
แนวทางการนวดหน้าสามารถแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ
- ช่วงเริ่มต้น (Intensive Phase): นวดทุกวันเป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อกระตุ้นให้เห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว
- ช่วงคงสภาพ (Maintenance Phase): หลังจากผิวดีขึ้นแล้ว สามารถลดความถี่ลงเหลือสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ควบคู่ไปกับการนวดโดยผู้เชี่ยวชาญเดือนละครั้งเพื่อรักษาสภาพผิวไว้
การนวดหน้าด้วยตัวเองต่างจากที่คลินิกอย่างไร
การนวดหน้าโดยผู้เชี่ยวชาญที่คลินิกจะใช้ เทคนิคขั้นสูง ความเข้าใจในกายวิภาคของใบหน้า และอาจมีอุปกรณ์พิเศษที่เหนือกว่า การนวดด้วยตนเอง
ผู้เชี่ยวชาญสามารถนวดกดจุดบนกล้ามเนื้อได้อย่างแม่นยำและนวดระบายน้ำเหลืองด้วยเทคนิคที่ซับซ้อนซึ่งทำได้ยากด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังอาจมีการใช้ผลิตภัณฑ์เกรดคลินิกหรือเครื่องมือต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา ในขณะที่การนวดหน้าด้วยตนเองเหมาะสำหรับการดูแลประจำวัน การนวดโดยผู้เชี่ยวชาญจะให้การดูแลที่เข้มข้นและตรงจุดมากกว่า
นวดหน้ายกกระชับเจ็บหรือไม่
การนวดหน้ายกกระชับที่ถูกวิธี ไม่ควรจะเจ็บ แต่จะให้ความรู้สึกตึงกระชับและผ่อนคลายมากกว่า
เทคนิคที่ถูกต้องจะเน้นความนุ่มนวลและสม่ำเสมอ ไม่ใช่การใช้แรงกดที่รุนแรง เนื่องจากการใช้แรงมากเกินไปอาจเป็นอันตราย ทำให้ผิวระคายเคืองหรือเกิดรอยช้ำได้ หลังการนวดอาจมีรอยแดงเล็กน้อยซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ควรมีความรู้สึกเจ็บปวด
ใครไม่ควรนวดหน้ายกกระชับ
ผู้ที่มีสิวอักเสบหรือเพิ่งผ่านการทำหัตถการบางอย่างไม่ควรนวดหน้ายกกระชับ เนื่องจากการนวดบริเวณที่เป็นสิวอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายได้ นอกจากนี้ ผู้ที่มีผิวบอบบางควรระมัดระวัง เพราะการนวดที่รุนแรงเกินไปอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนมักจะปรากฏในช่วง 4–8 สัปดาห์แรกของการนวดเป็นประจำเกือบทุกวัน
โดยทั่วไปแนะนำให้เริ่มต้นด้วย “ช่วงเร่งรัด” คือการนวดทุกวันประมาณ 2 สัปดาห์เพื่อกระตุ้นให้เห็นผลเร็วขึ้น จากนั้นเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าพอใจแล้ว สามารถลดความถี่ลงเหลือสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเพื่อคงสภาพผลลัพธ์ไว้ได้
References:
- Bosslett, M. At-home facial massage methods clinically proven to improve skin elasticity, tone, and contour. Dermatology Times. dermatologytimes.com
- MedSci. J Cosmet Dermatol: Facial roller vs gua sha – 8-week study reveals differential effects on facial contour & skin elasticity (in Chinese). medsci.cn
- Signal Skin Science. Science Behind Facial Massage: How It Works & Benefits. signalskinscience.com
- Spindler, K. When to Avoid: Contraindications for Facial Massage and Essential Safety Tips. kerryspindler.com
- SW1 Clinic. Facial massages vs. aesthetic treatments: Can a massage really make you look younger? sw1clinic.com
- Villines, Z. Anti-aging face massage: Benefits and how to try. Medical News Today. medicalnewstoday.com
- Balsamo, L. Lymphatic Drainage Facials Are Trending… But Do They Work? I Tried One to Find Out. Cosmopolitan. cosmopolitan.com
- Willson, A. What not to do after getting facial filler. American Society of Plastic Surgeons. plasticsurgery.org
