Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Lifting

วิธีทำให้หน้าเรียว: เทียบวิธีธรรมชาติกับการทำหัตถการในคลินิก

Byadmin ตุลาคม 17, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on ตุลาคม 17, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
ตัวผอมแต่หน้าอ้วนทำไงดี? รวมวิธีทำให้หน้าเรียวสำหรับคนมีแก้ม

วิธีทำให้หน้าเรียวมีหลากหลายตั้งแต่การปรับอาหารและไลฟ์สไตล์ไปจนถึงหัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุด เช่น การฉีดโบท็อกซ์ที่ให้ผลลัพธ์นานถึง 6 เดือนสำหรับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อกรามใหญ่หรือไขมันสะสมบริเวณแก้ม

Table of Contents

Toggle
  • หน้าใหญ่เกิดจากอะไร? สำรวจ 3 สาเหตุหลักที่ทำให้หน้าไม่เรียว
    • ไขมันสะสมบริเวณแก้มและเหนียง
    • กล้ามเนื้อกรามมีขนาดใหญ่กว่าปกติ
    • โครงสร้างกระดูกใบหน้าและกรรมพันธุ์
  • วิธีทำให้หน้าเรียว: เทียบวิธีธรรมชาติกับการทำหัตถการในคลินิก
    • วิธีธรรมชาติและการดูแลตัวเองที่บ้าน
    • หัตถการทางการแพทย์เพื่อปรับรูปหน้าโดยเฉพาะ
    • หลักเกณฑ์การเลือกวิธีที่เหมาะสมกับปัญหาของคุณ
  • ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: ระยะเวลาเห็นผลและความคงทนของแต่ละวิธี
    • แต่ละวิธีใช้เวลานานเท่าไหร่จึงจะเห็นผล
    • ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหนและการดูแลเพื่อรักษาผล
  • ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจทำหน้าเรียว
    • การประเมินรูปหน้าและสาเหตุที่แท้จริงโดยแพทย์
    • การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและความเชี่ยวชาญของแพทย์
    • งบประมาณและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
  • ความเสี่ยงและข้อควรระวังในการปรับรูปหน้า
    • ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำหัตถการ
    • ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการทำหน้าเรียวด้วยหัตถการ
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำให้หน้าเรียว
    • ตัวผอมแต่หน้าอ้วนเกิดจากอะไรได้บ้าง?
    • การบริหารใบหน้าช่วยให้หน้าเรียวได้จริงไหม?
    • ทำหน้าเรียววิธีไหนเห็นผลเร็วและดีที่สุด?
    • ปรับรูปหน้าให้เรียวแล้วผลลัพธ์อยู่ได้ถาวรหรือไม่?
    • ทำหน้าเรียวเจ็บไหม และต้องพักฟื้นนานเท่าไหร่?
    • สามารถทำหลายหัตถการเพื่อปรับรูปหน้าพร้อมกันได้หรือไม่?
  • References:
  • Author

หน้าใหญ่เกิดจากอะไร? สำรวจ 3 สาเหตุหลักที่ทำให้หน้าไม่เรียว

ไขมันสะสมบริเวณแก้มและเหนียง

ไขมันแก้มส่วนเกิน (Buccal fat) เป็นสาเหตุของแก้มที่ดูอูม ในขณะที่ไขมันใต้คาง (Submental fat) ทำให้เกิดเหนียงหรือคางสองชั้น ไขมันเหล่านี้เป็นไขมันชั้นลึกที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และอาจทำให้ใบหน้าดูอูมได้แม้ว่าจะมีน้ำหนักตัวปกติก็ตาม

กล้ามเนื้อกรามมีขนาดใหญ่กว่าปกติ

ภาวะกล้ามเนื้อแมสเซ็ทเทอร์โตเกินปกติ (Masseter Muscle Hypertrophy) คือการที่กล้ามเนื้อกรามมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งทำให้ใบหน้าส่วนล่างดูกว้างและเป็นเหลี่ยม

การวินิจฉัยภาวะนี้สามารถทำได้โดยการตรวจ CT Scan ซึ่งจะแสดงให้เห็นขนาดของกล้ามเนื้อที่ใหญ่ขึ้น และบางครั้งอาจพบการเปลี่ยนแปลงของกระดูกขากรรไกรจากแรงกดทับเป็นเวลานาน เช่น มุมกรามที่หนาขึ้น การตรวจด้วยภาพถ่ายรังสีนี้ช่วยแยกภาวะกล้ามเนื้อโตออกจากกรณีที่ใบหน้ากว้างจากโครงสร้างกระดูกได้

โครงสร้างกระดูกใบหน้าและกรรมพันธุ์

โครงสร้างกระดูกและกรรมพันธุ์เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ใบหน้าดูกว้างหรือใหญ่ ซึ่งแพทย์จะทำการประเมินเพื่อแยกว่าสาเหตุมาจากโครงสร้างกระดูกหรือเนื้อเยื่ออ่อน (ไขมันและกล้ามเนื้อ) โดยการคลำและใช้ภาพถ่ายทางการแพทย์ เช่น เอกซเรย์ หรือ CT scan เพื่อวัดมุมและความกว้างของกระดูกขากรรไกร หากพบว่าใบหน้าใหญ่จากกระดูก การรักษาอาจต้องใช้วิธีการผ่าตัดเพื่อปรับโครงสร้างกระดูก

วิธีทำให้หน้าเรียว: เทียบวิธีธรรมชาติกับการทำหัตถการในคลินิก

วิธีทำให้หน้าเรียวมีทั้งวิธีธรรมชาติและการทำหัตถการในคลินิก ซึ่งแตกต่างกันที่ผลลัพธ์และความเร็ว โดยวิธีธรรมชาติจะช่วยลดอาการบวมและไขมันโดยรวมอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่หัตถการจะแก้ไขปัญหาไขมันหรือกล้ามเนื้อได้อย่างตรงจุดและเห็นผลชัดเจนกว่า

ตารางเปรียบเทียบวิธีทำให้หน้าเรียว:

วิธี ผลลัพธ์ ระยะเวลาเห็นผล
วิธีธรรมชาติ
ออกกำลังกายใบหน้า ช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่สามารถลดไขมันเฉพาะจุดได้ หลายสัปดาห์ และเห็นผลไม่ชัดเจน
ปรับอาหารและไลฟ์สไตล์ ลดอาการบวมน้ำและไขมันทั่วร่างกาย ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าดูเล็กลงทางอ้อม ค่อยเป็นค่อยไป ขึ้นอยู่กับการลดไขมันของร่างกายโดยรวม
หัตถการในคลินิก
โบท็อกซ์ลดกราม ลดขนาดกล้ามเนื้อกราม ทำให้กรอบหน้าเรียวลง เหมาะสำหรับคนกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ 1-4 เดือน
ผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม นำก้อนไขมันออกเพื่อลดความอูมของแก้มอย่างถาวร เห็นผลหลังยุบบวม (1-2 สัปดาห์) และเข้าที่ใน 3-6 เดือน
ฉีดสลายไขมัน สลายเซลล์ไขมันส่วนเกินบริเวณแก้มหรือเหนียง หลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน

วิธีธรรมชาติและการดูแลตัวเองที่บ้าน

วิธีธรรมชาติและการดูแลตัวเองที่บ้านเพื่อทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลงนั้นเกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนอาหาร การใช้ชีวิต และการออกกำลังกายโดยรวม ซึ่งจะช่วยลดไขมันและอาการบวมของร่างกายทั้งหมด

  • การปรับอาหาร: ลดการบริโภคโซเดียมและแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันอาการบวมน้ำ ลดแป้งขัดขาวและน้ำตาลเพื่อลดการสะสมไขมัน และดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยลดอาการบวม
  • การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต: นอนหลับให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมงและจัดการความเครียดเพื่อควบคุมฮอร์โมน รวมถึงหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ซึ่งทำให้ผิวหย่อนคล้อย
  • การออกกำลังกายโดยรวม: การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอและการฝึกความแข็งแรงจะช่วยลดไขมันในร่างกายโดยรวม ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าเรียวเล็กลงไปด้วย
  • การบริหารใบหน้า: สามารถช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้นได้ แต่มีหลักฐานจำกัดและไม่สามารถลดไขมันเฉพาะจุดบนใบหน้าได้

หัตถการทางการแพทย์เพื่อปรับรูปหน้าโดยเฉพาะ

หัตถการทางการแพทย์เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหา ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อ ไขมัน หรือโครงสร้างกระดูก

วิธีการที่นิยมใช้มีดังนี้:

  • โบท็อกซ์ (Botox): ฉีดเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อกราม (Masseter) ทำให้กรอบหน้าส่วนล่างดูเรียวลง เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้ากว้างจากกล้ามเนื้อ
  • การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม (Buccal Fat Removal): เป็นการผ่าตัดนำก้อนไขมันบริเวณแก้มออกเพื่อลดความอูมของใบหน้าอย่างถาวร
  • การฉีดสลายไขมัน (Fat-dissolving injections): ใช้เพื่อสลายเซลล์ไขมันเฉพาะจุด เช่น บริเวณแก้มหรือใต้คาง (เหนียง)
  • การดูดไขมัน (Liposuction): มักใช้กับบริเวณใต้คางเพื่อกำจัดเหนียงและทำให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น
  • หัตถการที่ใช้พลังงาน (HIFU/RF): ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าดูกว้างขึ้น
  • การศัลยกรรมปรับโครงกระดูก (Bone Contouring): เป็นการผ่าตัดเพื่อปรับเปลี่ยนรูปร่างของกระดูกกรามโดยตรง เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้ากว้างจากโครงสร้างกระดูก

หลักเกณฑ์การเลือกวิธีที่เหมาะสมกับปัญหาของคุณ

การเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดคือการจับคู่การรักษากับสาเหตุของปัญหาใบหน้าใหญ่ ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการประเมินเพื่อเลือกแนวทางที่ถูกต้อง โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้

  • เกิดจากไขมัน: หากใบหน้าอูมเพราะไขมันสะสม เช่น แก้มยุ้ย หรือมีเหนียง การรักษาที่ได้ผลคือการผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม การฉีดสลายไขมัน หรือการดูดไขมัน
  • เกิดจากกล้ามเนื้อ: หากกรามใหญ่เพราะกล้ามเนื้อแมสเซตเตอร์ (Masseter) มีขนาดใหญ่ การฉีดโบท็อกซ์จะให้ผลดีที่สุด
  • เกิดจากผิวหย่อนคล้อย: หากใบหน้าดูกว้างเพราะผิวหนังหย่อนคล้อยหรือมีแก้มห้อย การรักษาที่เหมาะสมคือการใช้เครื่องมือยกกระชับ (เช่น HIFU/RF) หรือการผ่าตัดดึงหน้า
  • เกิดจากโครงกระดูก: หากใบหน้ากว้างเพราะโครงสร้างกระดูกกราม การผ่าตัดเหลากระดูกจะเป็นวิธีที่แก้ไขได้ตรงจุด

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: ระยะเวลาเห็นผลและความคงทนของแต่ละวิธี

แต่ละวิธีใช้เวลานานเท่าไหร่จึงจะเห็นผล

ระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปในแต่ละวิธี ตั้งแต่เห็นผลทันทีไปจนถึงหลายเดือน

  • โบท็อกซ์ลดกราม: เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 2-4 สัปดาห์ และเห็นผลลัพธ์เต็มที่ใน 3-4 เดือน
  • การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม: เห็นการเปลี่ยนแปลงรูปร่างใบหน้าใน 1-2 สัปดาห์หลังอาการบวมลดลง แต่จะเห็นผลลัพธ์สุดท้ายที่ดูเป็นธรรมชาติใน 3-6 เดือน
  • การฉีดสลายไขมัน: ใช้เวลานานที่สุด โดยจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในเวลาประมาณ 3 เดือนขึ้นไป
  • การนวดเดรนน้ำเหลือง: สามารถลดอาการบวมและทำให้ใบหน้าดูเรียวลงได้ทันทีภายในหนึ่งวัน แต่เป็นผลลัพธ์เพียงชั่วคราว

ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหนและการดูแลเพื่อรักษาผล

ผลลัพธ์ของการปรับรูปหน้ามีทั้งแบบถาวรและแบบที่ต้องทำซ้ำเพื่อคงสภาพ ขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา

ผลลัพธ์ถาวร:

  • การกำจัดไขมัน: การผ่าตัด (เช่น ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม) หรือการฉีดสลายไขมัน (Kybella) เป็นการกำจัดเซลล์ไขมันออกไปอย่างถาวร อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักในอนาคตอาจทำให้เซลล์ไขมันที่เหลืออยู่ขยายใหญ่ขึ้นได้
  • การปรับโครงสร้างกระดูก: การผ่าตัดปรับรูปทรงกระดูก เช่น การเหลากราม ให้ผลลัพธ์ที่ถาวร
  • ผลลัพธ์ชั่วคราว (ต้องทำซ้ำ):
  • การลดขนาดกล้ามเนื้อ: โบท็อกซ์ให้ผลลัพธ์ชั่วคราว โดยจะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน หากไม่ฉีดซ้ำ กล้ามเนื้อจะค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพเดิม
  • การยกกระชับผิว: การทำ HIFU หรือ RF ให้ผลลัพธ์ประมาณ 1 ปี และจำเป็นต้องทำซ้ำเป็นระยะเพื่อต่อสู้กับกระบวนการแก่ชราตามธรรมชาติ

ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจทำหน้าเรียว

การประเมินรูปหน้าและสาเหตุที่แท้จริงโดยแพทย์

การประเมินรูปหน้าโดยแพทย์จะเริ่มจากการวินิจฉัยแยกสาเหตุว่ามาจากโครงสร้างกระดูกหรือเนื้อเยื่ออ่อน (ไขมันและกล้ามเนื้อ) ผ่านการตรวจร่างกายและการใช้ภาพถ่ายทางการแพทย์ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

แพทย์จะใช้วิธีการต่างๆ ในการประเมินดังนี้:

  • การตรวจร่างกาย: แพทย์จะใช้การคลำเพื่อสัมผัสขอบกระดูกกราม และการหยิกผิวหนังบริเวณแก้มเพื่อประเมินความหนาของชั้นไขมัน
  • การใช้ภาพถ่ายทางการแพทย์:
  • เอกซเรย์เซฟาโลเมตริก (Cephalometric X-rays) หรือ CT สแกน 3 มิติ: ใช้เพื่อวัดมุมและความกว้างของกระดูกกรามอย่างแม่นยำ
  • MRI หรือ CT สแกน: อาจใช้ในกรณีที่ไม่แน่ใจ เพื่อดูขนาดของไขมันกระพุ้งแก้ม (Buccal fat pads)
  • การประเมินอื่นๆ: ในกรณีที่สงสัยว่ากล้ามเนื้อกรามโต อาจมีการวัดแรงกัด (Bite force) เพื่อประเมินการทำงานของกล้ามเนื้อก่อนการรักษาด้วยโบท็อกซ์

การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและความเชี่ยวชาญของแพทย์

การเลือกคลินิกและแพทย์ควรพิจารณาจากคุณวุฒิ ประสบการณ์ และการให้คำปรึกษาที่ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

ปัจจัยสำคัญในการพิจารณา ได้แก่

  • คุณวุฒิของแพทย์: ควรเป็นแพทย์ผิวหนัง ศัลยแพทย์ตกแต่ง หรือแพทย์ด้านความงามที่ได้รับการรับรองและมีความเชี่ยวชาญด้านกายวิภาคบนใบหน้า
  • ประสบการณ์: สอบถามจำนวนเคสที่แพทย์เคยทำในหัตถการที่คุณสนใจ และขอดูภาพรีวิวก่อนและหลังการรักษา เพื่อประเมินผลงานและสไตล์ที่ตรงกับความต้องการ
  • การให้คำปรึกษา: แพทย์ที่ดีจะประเมินใบหน้าอย่างละเอียด อธิบายข้อดี-ข้อเสียของแต่ละทางเลือก และไม่กดดันให้ตัดสินใจ
  • มาตรฐานของคลินิก: สถานที่ต้องสะอาด เป็นมืออาชีพ และใช้ผลิตภัณฑ์หรือเครื่องมือที่ผ่านการรับรองและสามารถตรวจสอบได้
  • ข้อควรระวัง: ควรหลีกเลี่ยงคลินิกที่เสนอราคาต่ำกว่ามาตรฐานมากเกินไป หรือใช้เทคนิคการขายที่กดดันให้รีบตัดสินใจ

งบประมาณและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ค่าใช้จ่ายในการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลงจะแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับประเภทของหัตถการ คลินิก และความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ

ปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายโดยรวม ได้แก่:

  • ประเภทของหัตถการ: การฉีดโบท็อกซ์ การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม หรือการทำ HIFU มีราคาที่แตกต่างกัน
  • จำนวนครั้ง: หัตถการบางอย่าง เช่น โบท็อกซ์ จำเป็นต้องทำซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ไว้ ทำให้มีค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง
  • การทำหัตถการร่วมกัน: การเลือกทำหลายหัตถการพร้อมกันอาจมีราคาแบบแพ็กเกจ ซึ่งอาจช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้

ความเสี่ยงและข้อควรระวังในการปรับรูปหน้า

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำหัตถการ

ผลข้างเคียงจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของหัตถการ โดยแต่ละวิธีมีอาการและความรุนแรงไม่เท่ากัน

  • โบท็อกซ์กราม (Masseter Botox): อาจมีอาการเมื่อยเวลาเคี้ยวอาหารแข็งๆ หรือยิ้มไม่สมมาตรเล็กน้อยหากตัวยากระจายไปโดนกล้ามเนื้อมัดอื่น แต่พบได้ไม่บ่อยและจะหายไปเอง
  • ฉีดสลายไขมัน (Fat-dissolving injections): มีอาการแสบร้อนระหว่างฉีด และหลังฉีดจะรู้สึกเจ็บ ปวดบวม และตึงบริเวณที่ทำเป็นเวลาหลายวัน
  • ผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม (Buccal fat removal): หลังผ่าตัดจะรู้สึกเจ็บปานกลางในช่องปากและมีอาการบวมที่แก้มประมาณหนึ่งสัปดาห์
  • ไฮฟู (HIFU): ความเจ็บปวดแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ตั้งแต่รู้สึกอุ่นๆ ไปจนถึงเจ็บลึกๆ ในบางบริเวณ หลังทำอาจมีรอยแดงหรือบวมเล็กน้อยเป็นเวลาหนึ่งวัน

ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการทำหน้าเรียวด้วยหัตถการ

ผู้ที่ไม่เหมาะกับการทำหน้าเรียวด้วยหัตถการ คือบุคคลที่มีภาวะสุขภาพบางอย่าง, สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร, ผู้ที่มีความคาดหวังไม่สมจริง และผู้ที่โครงสร้างใบหน้าใหญ่จากกระดูกเป็นหลัก

กลุ่มคนที่ไม่เหมาะกับการทำหน้าเรียวด้วยหัตถการต่างๆ ได้แก่:

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด: เช่น ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้ออาจไม่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์ หรือผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติอาจไม่เหมาะกับการผ่าตัด
  • สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร: โดยทั่วไปแล้วควรหลีกเลี่ยงหัตถการที่ไม่จำเป็นเพื่อความปลอดภัย
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อ: หากมีการติดเชื้อบริเวณที่จะทำหัตถการ ควรรักษาให้หายดีก่อน
  • ผู้ที่ใบหน้าใหญ่จากโครงสร้างกระดูก: หัตถการส่วนใหญ่ เช่น โบท็อกซ์ลดกราม หรือการสลายไขมัน จะเน้นที่กล้ามเนื้อและไขมัน จึงไม่สามารถแก้ไขโครงสร้างกระดูกที่กว้างได้
  • ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก: การลดไขมันเพียงอย่างเดียวอาจทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยอยู่แล้วดูแย่ลง และอาจต้องทำหัตถการยกกระชับร่วมด้วย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำให้หน้าเรียว

ตัวผอมแต่หน้าอ้วนเกิดจากอะไรได้บ้าง?

สาเหตุหลักที่ทำให้คนตัวผอมแต่หน้าอ้วนคือพันธุกรรม การกระจายตัวของไขมัน และโครงสร้างกระดูก ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล

ปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

  • โครงสร้างกระดูก: ผู้ที่มีโครงกระดูกใบหน้าสั้นและกว้าง หรือคางเล็ก อาจทำให้ใบหน้าดูอ้วนกลมได้โดยไม่เกี่ยวกับไขมัน
  • ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจทำให้เกิดการบวมน้ำบนใบหน้าชั่วคราว เช่น ในช่วงมีประจำเดือน
  • ภาวะทางการแพทย์: ในบางกรณีที่พบได้น้อย อาจเกิดจากภาวะสุขภาพบางอย่าง เช่น ภาวะคุชชิง (Cushing’s syndrome) ที่ทำให้มีไขมันสะสมบนใบหน้ามากผิดปกติ

การบริหารใบหน้าช่วยให้หน้าเรียวได้จริงไหม?

การบริหารใบหน้าไม่สามารถเผาผลาญไขมันบนใบหน้าโดยเฉพาะได้ เนื่องจากการลดไขมันเฉพาะจุดเป็นความเชื่อที่ผิด การบริหารใบหน้าทำได้เพียงช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจทำให้ใบหน้าดูกระชับขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยลดไขมัน และหากทำมากเกินไปอาจทำให้เกิดริ้วรอยได้

ทำหน้าเรียววิธีไหนเห็นผลเร็วและดีที่สุด?

วิธีทำหน้าเรียวที่เห็นผลเร็วและดีที่สุด ขึ้นอยู่กับสาเหตุของความกว้างบนใบหน้าของแต่ละบุคคล เนื่องจากแต่ละวิธีจะแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกันไป

วิธีที่เห็นผลเร็วที่สุด:

  • ลดบวม: การนวดระบายน้ำเหลืองสามารถลดอาการบวมและทำให้หน้าดูเรียวลงได้ทันที
  • ลดกล้ามเนื้อ: โบท็อกซ์ลดกรามจะเริ่มเห็นผลใน 2-4 สัปดาห์
  • ลดไขมัน: การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้มจะเห็นผลลัพธ์ค่อนข้างเร็ว โดยใบหน้าจะเริ่มเข้าทรงหลังอาการบวมลดลงใน 1-2 สัปดาห์
  • วิธีที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สุด (ตรงตามสาเหตุ):
  • กล้ามเนื้อกรามใหญ่: โบท็อกซ์คือวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด
  • ไขมันสะสมที่แก้ม: การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม หรือการฉีดสลายไขมัน จะได้ผลดีที่สุด
  • ผิวหย่อนคล้อย: การใช้เครื่องมือยกกระชับ เช่น HIFU/RF จะเหมาะสมที่สุด

ปรับรูปหน้าให้เรียวแล้วผลลัพธ์อยู่ได้ถาวรหรือไม่?

ผลลัพธ์ของการปรับรูปหน้าจะถาวรหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการที่ใช้ โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้:

ผลลัพธ์ถาวร

  • การกำจัดเซลล์ไขมัน: การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้มหรือการฉีดสลายไขมัน (Kybella) เป็นการกำจัดเซลล์ไขมันอย่างถาวร อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักในอนาคตอาจทำให้ไขมันส่วนที่เหลือขยายขนาดขึ้นได้
  • การผ่าตัดปรับโครงสร้างกระดูก: เช่น การเหลากราม เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ถาวร
  • ผลลัพธ์ชั่วคราว (ต้องทำต่อเนื่อง)
  • การลดขนาดกล้ามเนื้อด้วยโบท็อกซ์: ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6 เดือน และต้องฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ไว้
  • การยกกระชับผิว (HIFU/RF): ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 1 ปี และต้องทำซ้ำเพื่อต่อสู้กับกระบวนการแก่ชราตามธรรมชาติ

ทำหน้าเรียวเจ็บไหม และต้องพักฟื้นนานเท่าไหร่?

ความเจ็บและระยะเวลาพักฟื้นในการทำหน้าเรียวจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหัตถการที่เลือกทำ โดยแต่ละวิธีมีระดับความเจ็บและระยะเวลาพักฟื้นไม่เท่ากัน ดังนี้

  • โบท็อกซ์ (Botox): เจ็บน้อยที่สุดคล้ายมดกัด ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที
  • เมโสแฟต (Kybella): มีอาการแสบร้อนระหว่างฉีด และอาจปวดระบมกับมีอาการบวมอยู่หลายวัน แต่สามารถทำงานได้หากไม่กังวลเรื่องรอยบวม
  • ผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม (Buccal Fat Removal): ไม่เจ็บระหว่างทำเพราะใช้ยาชา หลังทำจะปวดระบมปานกลาง 2-3 วัน มีอาการบวมประมาณ 1 สัปดาห์ และกลับไปทำงานได้ใน 3-5 วัน
  • ไฮฟู (HIFU): ความเจ็บขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ตั้งแต่รู้สึกอุ่นๆ ไปจนถึงเจ็บแปลบๆ แต่จะหายเจ็บทันทีหลังทำเสร็จ และไม่มีระยะเวลาพักฟื้น

สามารถทำหลายหัตถการเพื่อปรับรูปหน้าพร้อมกันได้หรือไม่?

ได้ การทำหัตถการหลายอย่างพร้อมกันเป็นเรื่องปกติในการปรับรูปหน้า และยังสามารถให้ผลลัพธ์ที่ส่งเสริมกันได้อีกด้วย

การทำหัตถการร่วมกันมักถูกแนะนำเนื่องจากความเต็มของใบหน้าอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตัวอย่างที่พบบ่อยคือ:

  • การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามพร้อมกับการผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้มในครั้งเดียวกัน เพื่อจัดการทั้งปัญหากล้ามเนื้อและไขมัน
  • การดูดไขมันบริเวณคางร่วมกับการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อปรับรูปหน้าส่วนล่างให้เรียวคมชัด
  • การทำหัตถการลดไขมันร่วมกับเครื่องยกกระชับ (HIFU/RF) เพื่อกำจัดไขมันและกระชับผิวที่หย่อนคล้อยไปพร้อมกัน

References:

  1. Ferrillo M. et al. The role of botulinum toxin for masseter muscle hypertrophy: A comprehensive review. Toxins (MDPI). mdpi.com
  2. Khemani P. & Tadi P. Buccal Fat Pad Reduction. StatPearls (NIH Bookshelf). nih.gov
  3. de Almeida V. et al. Deoxycholic acid for submental fat reduction: A systematic review and meta-analysis. Clinics (PMC). ncbi.nlm.nih.gov
  4. Ajmera R. How to lose face fat: 8 effective tips. Healthline. healthline.com
  5. Chanprapaph K. et al. Success rate of buccal fat pad removal in cases of previous lipolysis. Plastic & Reconstructive Surgery – Global Open. journals.lww.com
  6. Real Clinic Thailand. HIFU facelift explained: Benefits & cost. Real Clinic. realclinicthailand.com
  7. American Board of Cosmetic Surgery. (n.d.). How to find the right cosmetic surgeon. American Board of Cosmetic Surgery. americanboardcosmeticsurgery.org
  8. Allergan. (n.d.). Kybella (deoxycholic acid) injection – Safety profile. Allergan (Kybella HCP). mykybella.com

Author

  • แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร
    แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร

    View all posts

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
ฉีดแฟตแก้มต้องใช้กี่ CC? อัปเดตราคาปี 2025 และข้อควรรู้ทั้งหมด
NextContinue
10 ข้อดีของการทำ Ulthera ที่คุณอาจไม่เคยรู้ (มากกว่าแค่ยกกระชับ)

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube