Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Lifting

หน้า V-Shape คืออะไร? รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนปรับรูปหน้าเรียว

Byadmin ตุลาคม 22, 2025ตุลาคม 22, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on ตุลาคม 22, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
หน้า V-Shape คืออะไร? รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนปรับรูปหน้าเรียว

หน้า V-Shape คือลักษณะใบหน้าที่มีโครงหน้ากว้างบริเวณโหนกแก้มแล้วค่อยๆ เรียวเล็กลงมาบรรจบกันที่คางแหลมคมเป็นรูปตัว V ซึ่งสามารถปรับได้ด้วยหัตถการทางการแพทย์หลายวิธี โดยผู้ที่เหมาะกับการปรับรูปหน้า V-Shape คือผู้ที่มีกรอบหน้ากว้างจากกล้ามเนื้อกราม ไขมัน หรือผิวหย่อนคล้อย โดยมีมุมกรามในอุดมคติประมาณ 120–130 องศา และสามารถเลือกวิธีการรักษาตั้งแต่การฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ร้อยไหม ไปจนถึง HIFU ที่ผลลัพธ์คงอยู่ได้ 4-6 เดือนถึง 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับวิธีการที่เลือก

Table of Contents

Toggle
  • ลักษณะของใบหน้า V-Shape และการประเมินโครงหน้าเบื้องต้น
  • ใครบ้างที่เหมาะกับการปรับรูปหน้า V-Shape?
    • ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อกรามใหญ่
    • ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณแก้มและเหนียง
    • ผู้ที่ต้องการปรับกรอบหน้าให้คมชัดและได้สัดส่วน
  • รวมวิธีทางการแพทย์เพื่อสร้างใบหน้า V-Shape ที่ได้มาตรฐาน
    • การฉีดโบทูลินั่มท็อกซินเพื่อลดขนาดกราม
    • การใช้ฟิลเลอร์เพื่อเสริมคางและกรอบหน้า
    • การร้อยไหมเพื่อยกกระชับใบหน้า
    • เทคโนโลยีพลังงาน เช่น HIFU และ Ulthera
  • ค่าใช้จ่ายและผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการทำหน้า V-Shape
    • ปัจจัยกำหนดราคาในการปรับรูปหน้าแต่ละวิธี
    • ระยะเวลาเห็นผลและความคงทนของผลลัพธ์
    • การดูแลตัวเองและข้อปฏิบัติตัวหลังทำ
  • ความเสี่ยง ผลข้างเคียง และข้อควรระวังที่ต้องทราบ
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำหน้า V-Shape
    • ทำหน้า V-Shape เจ็บไหม?
    • การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามอันตรายหรือไม่?
    • ผู้ชายสามารถทำหน้า V-Shape ได้หรือไม่?
    • วิธีไหนทำให้หน้าเรียว V-Shape ได้ผลถาวร?
    • ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน?
    • หลังทำหน้า V-Shape ต้องพักฟื้นนานแค่ไหน?
  • References:

ลักษณะของใบหน้า V-Shape และการประเมินโครงหน้าเบื้องต้น

ลักษณะเด่นของใบหน้า V-Shape คือ โครงหน้าที่กว้างบริเวณโหนกแก้มแล้วค่อยๆ เรียวเล็กลงมาบรรจบกันที่คางที่แหลมคม ทำให้เกิดเป็นโครงร่างรูปตัว “V” ที่ชัดเจน

ใบหน้า V-Shape ในอุดมคติมักมีมุมกรามที่ป้าน (ประมาณ 120°–130°) ทำให้แนวกรามดูเรียวและนุ่มนวลขึ้น นอกจากนี้ สัดส่วนที่สมดุลและความสมมาตรก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยช่วงกลางใบหน้าจะดูกว้างกว่าความกว้างของกรามเล็กน้อย

ในการประเมินเบื้องต้น แพทย์จะพิจารณาว่าสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าส่วนล่างดูกว้างนั้นมาจากโครงสร้างใดระหว่างกระดูก กล้ามเนื้อ หรือไขมัน เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยอาจใช้เครื่องมืออย่างการสแกนใบหน้า 3 มิติเพื่อช่วยในการวิเคราะห์

ใครบ้างที่เหมาะกับการปรับรูปหน้า V-Shape?

ผู้ที่เหมาะกับการปรับรูปหน้า V-Shape คือผู้ที่มีปัญหากรอบหน้ากว้างหรือหย่อนคล้อยจากกล้ามเนื้อ ไขมัน หรือผิวหนัง ไม่ใช่จากโครงสร้างกระดูกเป็นหลัก โดยสามารถแบ่งกลุ่มผู้ที่เหมาะสมได้ดังนี้

  • ผู้ที่มีกล้ามเนื้อกรามใหญ่: สังเกตได้จากกรามที่นูนขึ้นมาชัดเจนเมื่อกัดฟัน กลุ่มนี้เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์เพื่อทำให้กล้ามเนื้อเล็กลงและใบหน้าดูเรียวขึ้น
  • ผู้ที่มีไขมันสะสมที่ใบหน้าส่วนล่าง: ผู้ที่มีแก้มเยอะ มีเหนียง หรือมีไขมันสะสมจนกรอบหน้าไม่คมชัด เหมาะกับหัตถการที่ช่วยลดไขมันหรือยกกระชับผิว
  • ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง: ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยตามวัย ทำให้กรอบหน้าไม่กระชับ เหมาะกับการทำหัตถการยกกระชับ เช่น ร้อยไหม หรือ HIFU เพื่อคืนความคมชัดให้กรอบหน้า

ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อกรามใหญ่

ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อกรามใหญ่ (Masseter Hypertrophy) เหมาะอย่างยิ่งกับการฉีดโบทูลินัมท็อกซิน (Botox) เพื่อทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวและมีขนาดเล็กลง

การฉีดโบท็อกซ์จะช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อแมสซีเทอร์ (Masseter) ทำให้กรอบหน้าช่วงล่างดูเรียวและเป็นทรง V-shape มากขึ้น วิธีนี้ถือเป็นวิธีมาตรฐานที่ไม่ต้องผ่าตัดและได้ผลดีมาก โดยเฉพาะในผู้ที่ความกว้างของใบหน้าเกิดจากกล้ามเนื้อเป็นหลัก ไม่ใช่โครงสร้างกระดูก

ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณแก้มและเหนียง

ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณแก้มและเหนียงเหมาะสำหรับการรักษาที่ช่วยลดไขมันหรือกระชับผิว เพื่อเผยให้เห็นกรอบหน้าที่เรียวเป็นทรงตัววี การสะสมของไขมันลักษณะนี้อาจเกิดจากการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักหรืออายุที่มากขึ้น ซึ่งทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยและไขมันตกลงมากองบริเวณกรอบหน้า

การรักษาที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหานี้ ได้แก่ การสลายไขมัน (Lipolysis) การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม หรือการใช้เครื่องมือที่ให้พลังงานเพื่อกระชับผิว ซึ่งจะช่วยลดความหนาของไขมันและฟื้นฟูแนวกรอบหน้าที่คมชัดขึ้น

ผู้ที่ต้องการปรับกรอบหน้าให้คมชัดและได้สัดส่วน

ผู้ที่ต้องการปรับกรอบหน้าให้คมชัดและได้สัดส่วน สามารถเลือกใช้วิธีการที่ไม่ใช่การผ่าตัดได้หลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีจะเหมาะกับการแก้ปัญหาโครงสร้างใบหน้าที่แตกต่างกันไป

  • โบท็อกซ์ (Botox): เหมาะสำหรับผู้ที่มีกล้ามเนื้อกรามใหญ่ ทำให้ใบหน้าส่วนล่างกว้าง การฉีดโบท็อกซ์จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวและมีขนาดเล็กลง ทำให้กรอบหน้าดูเรียวขึ้น
  • ฟิลเลอร์ (Dermal Fillers): ใช้เพื่อเสริมโครงสร้างบริเวณคางและแนวกราม ช่วยเพิ่มความยาวหรือมิติให้คาง และสร้างเส้นกรอบหน้าที่คมชัด
  • การร้อยไหม (Thread Lifts): เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณกรอบหน้า ไหมจะช่วยดึงยกผิวที่หย่อนให้กระชับขึ้น ทำให้เห็นแนวกรามชัดเจนยิ่งขึ้น
  • HIFU/Ultherapy: เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวนด์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก ทำให้ผิวโดยรวมกระชับและแน่นขึ้น ส่งผลให้กรอบหน้าดูคมชัดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

รวมวิธีทางการแพทย์เพื่อสร้างใบหน้า V-Shape ที่ได้มาตรฐาน

การฉีดโบทูลินั่มท็อกซินเพื่อลดขนาดกราม

การฉีดโบทูลินั่มท็อกซินเพื่อลดขนาดกราม เป็นวิธีการปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดเพื่อทำให้ใบหน้าส่วนล่างเรียวเล็กลง โดยการฉีดสารเข้าไปคลายและทำให้กล้ามเนื้อแมสซีเตอร์ (masseter) ที่ใช้ในการเคี้ยวมีขนาดเล็กลง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้ากว้างจากกล้ามเนื้อ ไม่ใช่จากโครงสร้างกระดูก

การฉีดโบท็อกซ์จะทำให้กล้ามเนื้อกรามคลายตัวและฝ่อลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ส่งผลให้แนวกรามดูเรียวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

  • ผลลัพธ์: จะเริ่มเห็นผลในไม่กี่สัปดาห์และเห็นผลเต็มที่ในเวลาประมาณ 3 เดือน โดยสามารถลดความหนาของกล้ามเนื้อได้เฉลี่ย 30%
  • ระยะเวลา: ผลลัพธ์คงอยู่ประมาณ 4-6 เดือน และจำเป็นต้องฉีดซ้ำ 2-3 ครั้งต่อปีเพื่อรักษารูปหน้าให้เรียวสวย
  • ความปลอดภัย: ถือเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่ำเมื่อทำโดยผู้เชี่ยวชาญ ผลข้างเคียงที่พบได้ยาก เช่น รอยยิ้มไม่สมมาตร จะหายไปได้เองเมื่อโบท็อกซ์หมดฤทธิ์ และไม่มีอันตรายถาวรต่อกล้ามเนื้อหรือกระดูกกรามในปริมาณที่ใช้เพื่อความงามโดยทั่วไป

การใช้ฟิลเลอร์เพื่อเสริมคางและกรอบหน้า

การใช้ฟิลเลอร์เป็นการฉีดสารเติมเต็มเพื่อปั้นและปรับรูปทรงของคางและกรอบหน้า โดยช่วยเพิ่มความยาว ความคมชัด และสร้างโครงหน้าที่ดูมีมิติมากขึ้น

รายละเอียดของการเสริมคางและกรอบหน้าด้วยฟิลเลอร์มีดังนี้:

  • เทคนิคการฉีด แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณน้อยๆ ทีละจุด บริเวณเหนือกระดูกคางและตามแนวกราม เพื่อปั้นรูปทรงให้ได้สัดส่วนที่สวยงาม
  • ปริมาณและผลิตภัณฑ์ โดยทั่วไปคางต้องการฟิลเลอร์ประมาณ 1-3 mL ส่วนกรอบหน้าอาจใช้ 2-6 mL โดยฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) เป็นที่นิยมใช้และมีความปลอดภัยสูง
  • ผลลัพธ์และระยะเวลา ผลลัพธ์จะเห็นได้ทันทีหลังฉีด และจะคงอยู่นานประมาณ 12-18 เดือน หรืออาจนานถึง 2 ปีในฟิลเลอร์บางรุ่น
  • ความปลอดภัยและผลข้างเคียง เป็นวิธีที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ผลข้างเคียงทั่วไปคืออาการบวม แดง หรือรอยช้ำเล็กน้อยซึ่งจะหายไปใน 1 สัปดาห์ ส่วนความเสี่ยงรุนแรง เช่น การฉีดเข้าเส้นเลือด เกิดขึ้นได้ยากมากเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • การรักษาร่วม มักใช้ร่วมกับการรักษาอื่น เช่น โบท็อกซ์เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อกราม หรือร้อยไหมเพื่อยกกระชับผิว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใบหน้า V-Shape ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

การร้อยไหมเพื่อยกกระชับใบหน้า

การร้อยไหมคือหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัดเพื่อยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย โดยการสอดไหมละลายที่มีเงี่ยงเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อดึงเนื้อเยื่อขึ้นทันทีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว

  • หลักการทำงาน: ไหมจะทำหน้าที่ 2 อย่าง คือ 1) ยกผิวขึ้นทันทีด้วยกลไกการดึงของเงี่ยงไหม และ 2) กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อรอบเส้นไหม (Neocollagenesis) ในช่วง 2-3 เดือนถัดมา ทำให้ผิวเฟิร์มกระชับขึ้น
  • ผู้ที่เหมาะสม: เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยเฉพาะช่วงอายุ 30 ปลายๆ ถึง 50 ปี
  • ผลลัพธ์และระยะเวลา: เห็นผลยกกระชับได้ทันทีหลังทำ แต่จะเห็นผลชัดเจนที่สุดใน 2-3 เดือน เมื่อคอลลาเจนสร้างตัวเต็มที่ ผลลัพธ์คงอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี
  • การพักฟื้นและผลข้างเคียง: หลังทำอาจมีอาการบวม ช้ำ หรือรู้สึกตึงเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปใน 5-7 วัน ส่วนผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อยคือการติดเชื้อ หรือปลายไหมโผล่ออกมา

เทคโนโลยีพลังงาน เช่น HIFU และ Ulthera

HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) คือเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงเพื่อยกกระชับผิวและปรับกรอบหน้าให้เรียวเป็น V-shape โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยเครื่องจะส่งพลังงานลงไปสร้างจุดความร้อนในชั้นผิวลึกถึงชั้น SMAS เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวค่อยๆ ตึงกระชับขึ้น กรอบหน้าคมชัดขึ้น และความหย่อนคล้อยลดลง

ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นชัดเจนในช่วง 2-3 เดือนหลังทำ และโดยทั่วไปจะคงอยู่ได้ประมาณ 1 ปี การทำ HIFU แทบไม่มีระยะเวลาพักฟื้น แต่อาจมีอาการบวมแดงหรือเจ็บเล็กน้อยซึ่งจะหายไปเอง

  • Ulthera เป็นเครื่อง HIFU แบรนด์แรกที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) และมักให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานจากการทำเพียงครั้งเดียว
  • HIFU ทั่วไป อาจมีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า แต่บางครั้งอาจต้องทำ 2-3 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เทียบเท่ากับ Ulthera

ค่าใช้จ่ายและผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการทำหน้า V-Shape

ปัจจัยกำหนดราคาในการปรับรูปหน้าแต่ละวิธี

ปัจจัยหลักที่กำหนดราคาในการปรับรูปหน้าแต่ละวิธีคือ แบรนด์ของผลิตภัณฑ์/เครื่องมือ, ชื่อเสียงของคลินิกและแพทย์, ขอบเขตการรักษา, และโปรโมชั่น

ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายโดยรวม ดังนี้

  • คุณภาพและแบรนด์ของผลิตภัณฑ์/เครื่องมือ: ผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าและผ่านการรับรองจากอย. ไทย เช่น โบท็อกซ์ Allergan, ฟิลเลอร์ Juvederm หรือเครื่อง Ulthera แท้ จะมีราคาสูงกว่าผลิตภัณฑ์ยี่ห้ออื่นหรือเครื่อง HIFU ทั่วไป
  • ชื่อเสียงของคลินิกและประสบการณ์ของแพทย์: คลินิกหรือโรงพยาบาลชั้นนำที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูงมักมีค่าบริการที่สูงกว่า เพื่อแลกกับความน่าเชื่อถือและมาตรฐานความปลอดภัย
  • ขอบเขตการรักษา: ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณที่ใช้ เช่น จำนวนยูนิตของโบท็อกซ์, จำนวนซีซีของฟิลเลอร์, จำนวนเส้นไหม หรือจำนวนช็อต (lines) ของ HIFU
  • โปรโมชั่นและแพ็กเกจ: คลินิกต่างๆ มักจัดโปรโมชั่นหรือแพ็กเกจการรักษาแบบผสมผสาน ซึ่งอาจทำให้ราคาโดยรวมลดลงได้

ระยะเวลาเห็นผลและความคงทนของผลลัพธ์

ระยะเวลาในการเห็นผลและความคงทนของผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปในแต่ละหัตถการ โดยฟิลเลอร์จะเห็นผลทันที ในขณะที่ HIFU ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นผลเต็มที่

  • โบท็อกซ์ (Botox): จะเริ่มเห็นผลในไม่กี่สัปดาห์ และเห็นผลเต็มที่ในเวลาประมาณ 3 เดือน โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 4-6 เดือน
  • ฟิลเลอร์ (Fillers): เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 12-24 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์
  • ร้อยไหม (Thread Lift): เห็นผลยกกระชับได้ทันทีหลังทำ แต่จะเห็นผลชัดเจนขึ้นในช่วง 1-3 เดือนหลังทำ โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี
  • ไฮฟู/อัลเทอร่า (HIFU/Ultherapy): ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏ โดยจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ 2 เดือน และเห็นผลเต็มที่ในช่วง 3-4 เดือนหลังทำ ซึ่งผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ประมาณ 1 ปี

การดูแลตัวเองและข้อปฏิบัติตัวหลังทำ

การดูแลตัวเองหลังทำหัตถการปรับรูปหน้า V-Shape จะเน้นการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจกระทบต่อผลลัพธ์ในช่วงแรก เช่น การนวดหน้า การออกกำลังกายหนัก และการสัมผัสความร้อน โดยมีข้อปฏิบัติแตกต่างกันไปตามแต่ละหัตถการ

ข้อปฏิบัติหลังทำหัตถการแต่ละประเภท มีดังนี้

  • โบท็อกซ์ (Botox)
  • งดนอนราบหรือก้มหน้านานๆ 4 ชั่วโมงหลังฉีด
  • หลีกเลี่ยงการนวด กด หรือถูบริเวณที่ฉีด 24 ชั่วโมง
  • งดออกกำลังกายหนัก ซาวน่า และเลี่ยงความร้อน 1 วัน
  • งดเคี้ยวอาหารเหนียวหรือแข็ง 1 วัน
  • ฟิลเลอร์ (Filler)
  • หลีกเลี่ยงการกดหรือนวดแรงๆ บริเวณที่ฉีด 2 สัปดาห์
  • งดออกกำลังกายหนักและเลี่ยงความร้อนจัด 2 วัน
  • ดื่มน้ำมากๆ และงดแอลกอฮอล์ 1-2 วัน
  • พยายามนอนหงายในช่วงแรกเพื่อลดการกดทับ
  • ร้อยไหม (Thread Lift)
  • นอนหมอนสูงและพยายามนอนหงาย 5-7 วันแรก
  • งดอ้าปากกว้างๆ หรือแสดงสีหน้าแรงๆ 2 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการนวดหน้าและทำทรีตเมนต์อื่นๆ 2-3 สัปดาห์
  • ทานยาตามที่แพทย์สั่ง และงดแอลกอฮอล์ ของหมักดอง และการออกกำลังกายหนัก 1-2 สัปดาห์
  • HIFU/Ultherapy
  • ทาครีมบำรุงให้ความชุ่มชื้นและครีมกันแดดสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด 1-2 สัปดาห์
  • งดการสครับผิวหรือทำเลเซอร์อื่นๆ ในบริเวณเดียวกัน 2 สัปดาห์
  • สามารถใช้ชีวิตและออกกำลังกายได้ตามปกติ

ความเสี่ยง ผลข้างเคียง และข้อควรระวังที่ต้องทราบ

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงส่วนใหญ่ไม่รุนแรงและเกิดขึ้นชั่วคราว เช่น อาการบวม รอยช้ำ หรือความรู้สึกตึงเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายในไม่กี่วันถึงหนึ่งสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การทำหัตถการแต่ละประเภทมีความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป

  • โบท็อกซ์กราม (Masseter Botox):
  • ผลข้างเคียงทั่วไป: พบได้น้อยมากและไม่รุนแรง
  • ความเสี่ยงที่พบได้น้อย: อาจเกิดการยิ้มไม่สมมาตร หรือเคี้ยวอาหารแข็งลำบากชั่วคราว ซึ่งจะหายไปเองเมื่อโบท็อกซ์หมดฤทธิ์ การฉีดโบท็อกซ์เพื่อปรับรูปหน้าในระยะยาวถือว่าปลอดภัยสูงและไม่มีอันตรายถาวร
  • ฟิลเลอร์ (Fillers):
  • ผลข้างเคียงทั่วไป: อาการบวม แดง หรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายไปใน 1 สัปดาห์
  • ความเสี่ยงรุนแรง (พบได้ยากมาก): ความเสี่ยงที่ร้ายแรงที่สุดคือการฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด (Vascular Occlusion) ซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อตายได้ แต่พบได้ยากมากบริเวณคางและกราม นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงเรื่องการติดเชื้อ
  • ร้อยไหม (Thread Lifts):
  • ผลข้างเคียงทั่วไป: มีอาการบวมและช้ำได้นาน 2-5 วัน รู้สึกตึงหรือเจ็บเล็กน้อยตามแนวไหม และอาจมีรอยบุ๋มหรือผิวไม่เรียบชั่วคราว
  • ความเสี่ยงที่พบได้น้อย: การติดเชื้อ, ปลายไหมโผล่ออกมาจากผิวหนัง, หรือเส้นประสาทได้รับผลกระทบชั่วคราว
  • HIFU/Ultherapy:
  • ผลข้างเคียงทั่วไป: ผิวแดง บวม หรือรู้สึกเสียวแปลบๆ เล็กน้อย ซึ่งมักหายไปในไม่กี่ชั่วโมงถึงสองสามวัน
  • ความเสี่ยงที่พบได้น้อย: เส้นประสาทถูกกระทบชั่วคราว (ทำให้ชาหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง) หรือไขมันบนใบหน้าฝ่อ ซึ่งป้องกันได้โดยการเลือกผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์

ข้อควรระวังที่สำคัญที่สุดคือการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ผ่านการรับรองจากอย. เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงรุนแรง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำหน้า V-Shape

ทำหน้า V-Shape เจ็บไหม?

ความเจ็บของการทำหน้า V-Shape จะแตกต่างกันไปในแต่ละหัตถการ โดยส่วนใหญ่จะใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อลดความรู้สึกไม่สบาย แต่ระดับความเจ็บที่อาจพบได้มีดังนี้

  • โบท็อกซ์กราม: เจ็บน้อยที่สุด รู้สึกเหมือนมดกัดเล็กน้อยตอนฉีด
  • ฟิลเลอร์คาง/กรอบหน้า: เจ็บเล็กน้อย เนื่องจากมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ก่อนทำ
  • ร้อยไหม: อาจรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บมากกว่าฟิลเลอร์ มีความรู้สึกตึงๆ ใต้ผิวหนังหลังทำ ซึ่งสามารถจัดการได้ด้วยยาแก้ปวดทั่วไป
  • HIFU/Ultherapy: มักเป็นหัตถการที่รู้สึกเจ็บที่สุดในระหว่างทำ โดยจะรู้สึกเหมือนมีพลังงานความร้อนส่งลงไปใต้ผิวเป็นจุดๆ แต่ความเจ็บจะหายไปทันทีเมื่อหยุดยิงพลังงาน ซึ่งแพทย์มักให้ยาแก้ปวดก่อนทำเพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบาย

การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามอันตรายหรือไม่?

การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามถือว่ามีความปลอดภัยสูง และเป็นหัตถการที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางเมื่อทำโดยผู้ประกอบวิชาชีพที่มีคุณสมบัติเหมาะสม

โบทูลินั่ม ท็อกซินที่ใช้จะออกฤทธิ์เฉพาะที่บริเวณกล้ามเนื้อที่ฉีดและไม่มีผลกระทบต่อระบบอื่นๆ ของร่างกาย ผลข้างเคียงส่วนใหญ่พบได้น้อยมาก ไม่รุนแรง และเป็นเพียงชั่วคราว เช่น รอยยิ้มไม่สมมาตร หรือเคี้ยวอาหารแข็งๆ ได้ลำบากเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองเมื่อโบท็อกซ์หมดฤทธิ์

จากการศึกษาในระยะยาวไม่พบความเสียหายถาวรต่อกล้ามเนื้อหรือโครงสร้างกระดูกกรามเมื่อใช้ในปริมาณที่เหมาะสมทางเครื่องสำอาง เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ควรเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือและใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ผ่านการรับรองเท่านั้น

ผู้ชายสามารถทำหน้า V-Shape ได้หรือไม่?

ผู้ชายสามารถทำหน้า V-Shape ได้ แต่เป้าหมายและเทคนิคที่ใช้มักจะถูกปรับให้เหมาะสมเพื่อคงความคมคายแบบผู้ชายไว้ แทนที่จะเน้นให้ใบหน้าเรียวแหลมเหมือนผู้หญิง

การปรับรูปหน้าสำหรับผู้ชายมักมีเป้าหมายเพื่อสร้างกรอบหน้าที่คมชัดและดูมีมิติมากขึ้น โดยมีการปรับเทคนิคการรักษาดังนี้:

  • โบท็อกซ์: ช่วยลดความกว้างของกราม แต่จะใช้ในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อไม่ให้ใบหน้าดูแคบหรือหวานจนเกินไป
  • ฟิลเลอร์: มักใช้เพื่อเสริมคางให้ดูกว้างและแข็งแรงขึ้น หรือสร้างแนวกรามที่คมชัด แทนที่จะทำให้คางแหลม
  • ร้อยไหมและ HIFU: สามารถทำได้เช่นกัน แต่อาจต้องปรับเทคนิคหรือระดับพลังงานเนื่องจากผิวของผู้ชายมีความหนามากกว่า

สิ่งสำคัญคือการสื่อสารกับแพทย์อย่างชัดเจนถึงผลลัพธ์ที่ต้องการ เพื่อให้ได้ใบหน้าที่สมส่วนและยังคงเอกลักษณ์ความเป็นชายไว้

วิธีไหนทำให้หน้าเรียว V-Shape ได้ผลถาวร?

การปรับรูปหน้าให้เรียว V-Shape ได้ผลลัพธ์ถาวร ต้องใช้วิธีการผ่าตัดศัลยกรรมเท่านั้น เช่น การผ่าตัดกราม V-line เพื่อปรับโครงสร้างกระดูกอย่างถาวร

วิธีการที่ไม่ใช่การผ่าตัด เช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ร้อยไหม และ HIFU ล้วนให้ผลลัพธ์เพียงชั่วคราว ซึ่งต้องทำซ้ำเป็นระยะเพื่อคงผลลัพธ์ไว้

ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน?

โดยทั่วไปแล้ว การปรับรูปหน้า V-shape แบบไม่ผ่าตัดส่วนใหญ่ จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่ระยะเวลาในการเห็นผลจะแตกต่างกันไปในแต่ละหัตถการ

  • ฟิลเลอร์ (Filler): เห็นผลทันทีหลังทำ 1 ครั้ง
  • ร้อยไหม (Thread Lift): เห็นผลยกกระชับทันทีหลังทำ 1 ครั้ง และจะเห็นผลชัดเจนที่สุดใน 1-3 เดือน
  • โบท็อกซ์ (Botox): ทำ 1 ครั้ง ผลลัพธ์จะเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 2-4 สัปดาห์
  • HIFU/Ultherapy: โดยทั่วไปทำ 1 ครั้ง ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏในช่วง 2-4 เดือนหลังทำ แต่อาจมีการแนะนำให้ทำซ้ำเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

หลังทำหน้า V-Shape ต้องพักฟื้นนานแค่ไหน?

ระยะเวลาพักฟื้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ละหัตถการ โดยโบท็อกซ์และ HIFU แทบไม่ต้องพักฟื้น ในขณะที่ฟิลเลอร์และร้อยไหมอาจต้องใช้เวลาพักฟื้นเล็กน้อย

ระยะเวลาพักฟื้นโดยประมาณสำหรับแต่ละวิธี มีดังนี้

  • โบท็อกซ์กราม: แทบไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
  • ฟิลเลอร์ (คาง/กรอบหน้า): พักฟื้นน้อยมาก อาจมีอาการบวมเล็กน้อย 1-2 วัน
  • ร้อยไหม: ต้องพักฟื้นระยะสั้น โดยจะมีอาการบวมและช้ำประมาณ 2-5 วัน
  • HIFU/Ulthera: ไม่ต้องพักฟื้น อาจมีรอยแดงเล็กน้อย 2-3 ชั่วโมงหลังทำ แต่สามารถกลับไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ

References:

  1. Ferrillo, M. et al. (2023). The Role of Botulinum Toxin for Masseter Muscle Hypertrophy: A Comprehensive Review. Toxins (MDPI). mdpi.com
  2. Ou, Y. et al. (2023). Nonsurgical Chin Augmentation Using Hyaluronic Acid: A Systematic Review. Aesthetic Plast Surg. pubmed.ncbi.nlm.nih.gov
  3. Hong, G. et al. (2025). Pre- and Post-Procedural Considerations and Thread Types for Thread Lifting. Life (MDPI). mdpi.com
  4. Go, B. et al. (2023). Using Injectable Fillers for Chin and Jawline Rejuvenation. World J Otorhinolaryngol Head Neck Surg. pubmed.ncbi.nlm.nih.gov
  5. Cleveland Clinic. (n.d.). Thread Lift: What to Expect, Benefits & Complications. Cleveland Clinic. clevelandclinic.org
  6. Ritz Clinic. (n.d.). Ultherapy vs. HIFU – What’s the Difference? The Ritz Clinic. theritzclinic.com
  7. V Square Clinic. (n.d.). Botox Injection FAQs. V Square Clinic. vsquareclinic.com
  8. R•MEDY MD Aesthetics. (n.d.). How to Choose the Right Clinic for Your Aesthetic Treatments. R•MEDY MD. rmedyaesthetics.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
หลังร้อยไหมห้ามกินอะไร? แล้วกินอะไรได้บ้าง? รวมลิสต์อาหารปลอดภัย
NextContinue
Ultraformer III คืออะไร? ต้องทำกี่ช็อตถึงจะเห็นผล อยู่ได้นานไหม

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube