Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Laser

IPL, Pico, Q-Switch ต่างกันอย่างไร เลเซอร์แบบไหนเหมาะกับผิวคุณ?

Byadmin พฤศจิกายน 10, 2025พฤศจิกายน 10, 2025
By นายแพทย์พนิต อุนรัตน์ Updated on พฤศจิกายน 10, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
IPL, Pico, Q-Switch ต่างกันอย่างไร? เลเซอร์แบบไหนเหมาะกับปัญหาผิวเรา

Table of Contents

Toggle
  • เปรียบเทียบความแตกต่างหลักระหว่าง IPL, Pico และ Q-Switch Laser
    • เทคโนโลยี IPL (Intense Pulsed Light)
    • เทคโนโลยี Q-Switched Laser
    • เทคโนโลยี Picosecond Laser
  • เลเซอร์แต่ละชนิดเหมาะกับใครและแก้ปัญหาผิวอะไรได้บ้าง
    • ปัญหาผิวที่เหมาะกับการรักษาด้วย IPL
    • ปัญหาผิวที่เหมาะกับการรักษาด้วย Q-Switch
    • ปัญหาผิวที่เหมาะกับการรักษาด้วย Pico Laser
  • เจาะลึกการทำงาน: ความยาวคลื่น พลังงาน และผลต่อเม็ดสี
    • กลไกการใช้พลังงานแสงของ IPL
    • กลไกการใช้พลังงานเลเซอร์ในหน่วยนาโนวินาที (Q-Switch)
    • กลไกการใช้พลังงานเลเซอร์ในหน่วยพิโควินาที (Pico)
  • ผลลัพธ์ที่คาดหวัง จำนวนครั้ง และการพักฟื้น
    • การเปรียบเทียบผลลัพธ์และระยะเวลาเห็นผล
    • จำนวนครั้งในการรักษาโดยเฉลี่ย
    • ระยะเวลาพักฟื้นและการดูแลตัวเองหลังทำ
  • ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกเลเซอร์ที่เหมาะสม
    • การประเมินสภาพผิวและสีผิวโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
    • มาตรฐานของเครื่องมือและประสบการณ์ของผู้ให้บริการ
    • งบประมาณและกรอบราคาการรักษาโดยประมาณ
  • ความเสี่ยง ผลข้างเคียง และข้อควรระวังของแต่ละเทคโนโลยี
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเลเซอร์ IPL, Pico และ Q-Switch
    • เลเซอร์ IPL กับ Pico อันไหนเจ็บกว่ากัน?
    • ทำ Pico Laser แล้วหน้าจะบางลงจริงไหม?
    • รักษารอยสิวด้วย IPL ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
    • Q-Switch Laser มีข้อเสียอะไรที่ควรทราบหรือไม่?
    • หลังทำเลเซอร์กลุ่มนี้ต้องหลีกเลี่ยงอะไรเป็นพิเศษ?
    • สามารถทำ IPL และ Pico Laser ในคราวเดียวกันได้หรือไม่?
  • References:

เปรียบเทียบความแตกต่างหลักระหว่าง IPL, Pico และ Q-Switch Laser

เทคโนโลยี IPL (Intense Pulsed Light)

เทคโนโลยี IPL (Intense Pulsed Light) คือการใช้พลังงานแสงความเข้มสูงที่มีหลายช่วงคลื่น (polychromatic) ซึ่งไม่ใช่เลเซอร์แท้ แต่เป็นการใช้หลอดไฟแฟลช (flashlamp) ปล่อยลำแสงในสเปกตรัมกว้าง (400–1200 นาโนเมตร) ผ่านตัวกรองเพื่อเลือกช่วงคลื่นที่ต้องการ

หลักการทำงานของ IPL คือการเปลี่ยนพลังงานแสงให้เป็นความร้อน (photothermal effect) เมื่อแสงถูกดูดซับโดยเป้าหมายในผิวหนัง เช่น เม็ดสีเมลานิน (ในจุดด่างดำ) หรือฮีโมโกลบิน (ในเส้นเลือด) ความร้อนที่เกิดขึ้นจะทำลายเซลล์เม็ดสีหรือเส้นเลือดที่ผิดปกติอย่างจำเพาะเจาะจง ด้วยความที่ IPL มีหลายช่วงคลื่น จึงสามารถรักษาปัญหาผิวหลายอย่างได้พร้อมกัน เช่น รอยแดง เส้นเลือดฝอย จุดด่างดำตื้นๆ และยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูผิวโดยรวม

เทคโนโลยี Q-Switched Laser

Q-Switched Laser คือเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ปล่อยพลังงานแสงความเข้มข้นสูงในช่วงเวลาที่สั้นมากระดับนาโนวินาที (nanosecond) เพื่อรักษาความผิดปกติของเม็ดสีโดยเฉพาะ

หลักการทำงานคือการทำให้เม็ดสีเป้าหมาย (เช่น เมลานินในฝ้า กระ หรือหมึกสัก) ดูดซับพลังงานเลเซอร์อย่างรวดเร็วจนเกิดแรงสั่นสะเทือนและแตกตัวออกเป็นอนุภาคเล็กๆ (Photoacoustic effect) จากนั้นเม็ดเลือดขาวในร่างกายจะเข้ามาเก็บกินและกำจัดอนุภาคเม็ดสีที่แตกตัวเหล่านี้ออกไปตามกลไกธรรมชาติ

เทคโนโลยีนี้จึงนิยมใช้ในการรักษาปัญหาต่างๆ ดังนี้

  • ลบรอยสัก (โดยเฉพาะสีเข้ม เช่น สีดำและน้ำเงิน)
  • รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ และปานโอตะ (Nevus of Ota)
  • ปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ หรือที่เรียกว่า “Laser Toning”

เทคโนโลยี Picosecond Laser

Picosecond Laser คือเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ปล่อยพลังงานในช่วงเวลาสั้นระดับพิโควินาที (picosecond) ซึ่งสั้นกว่าเลเซอร์ Q-Switched ถึง 100 เท่า ทำให้เม็ดสีแตกตัวเป็นอนุภาคเล็กละเอียดโดยเกิดความร้อนน้อยมาก

หลักการทำงานของ Picosecond Laser คือการใช้พลังงานสูงในระยะเวลาที่สั้นมากเพื่อสร้างแรงกระแทกเชิงกล (Photoacoustic effect) ทำให้เม็ดสีแตกกระจายออกเป็นอนุภาคที่เล็กกว่าเลเซอร์รุ่นก่อนๆ ร่างกายจึงกำจัดออกไปได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การที่เลเซอร์สร้างความร้อนสะสมบนผิวหนังน้อย ช่วยลดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง ทำให้มีความปลอดภัยสูง ลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง เช่น รอยดำหลังทำเลเซอร์ (PIH) และใช้เวลาพักฟื้นน้อย

นอกจากนี้ Picosecond Laser หลายรุ่นยังมีหัวยิงแบบ Fractional ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ในชั้นหนังแท้โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน ทำให้เทคโนโลยีนี้มีความสามารถหลากหลายในการรักษาปัญหาผิวต่างๆ ได้แก่

  • การลบรอยสัก: มีประสิทธิภาพสูงโดยเฉพาะรอยสักหลายสีหรือรอยสักที่ดื้อต่อการรักษาด้วยเลเซอร์แบบเดิม
  • การรักษาปัญหาเม็ดสี: เหมาะสำหรับฝ้า กระลึก ปานโอตะ (Nevus of Ota) และรอยดำต่างๆ
  • การฟื้นฟูผิว: ช่วยรักษาหลุมสิว ริ้วรอย และกระชับรูขุมขนให้เล็กลง

เลเซอร์แต่ละชนิดเหมาะกับใครและแก้ปัญหาผิวอะไรได้บ้าง

ปัญหาผิวที่เหมาะกับการรักษาด้วย IPL

IPL เหมาะที่สุดสำหรับการรักษาปัญหาผิวแบบตื้นๆ และกระจายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะรอยแดงต่างๆ และปัญหาเม็ดสีที่อยู่บนผิวชั้นนอก

ปัญหาผิวที่เหมาะกับการรักษาด้วย IPL ได้แก่:

  • รอยแดงและปัญหาเส้นเลือด: เหมาะอย่างยิ่งสำหรับรักษารอยแดงทั่วใบหน้าจากโรคโรซาเชีย (rosacea) เส้นเลือดฝอยแตก และอาการหน้าแดง
  • ปัญหาเม็ดสีที่เกิดจากแสงแดด: มีประสิทธิภาพในการลดเลือนจุดด่างดำ กระ และฝ้าแดด (solar lentigines) ที่อยู่บนผิวชั้นตื้น
  • ฟื้นฟูสภาพผิวโดยรวม (Photorejuvenation): ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดความหมองคล้ำ และกระตุ้นคอลลาเจนเล็กน้อยเพื่อปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น
  • การกำจัดขนและรักษาสิว: สามารถใช้กำจัดขนและช่วยลดการอักเสบของสิวได้

ปัญหาผิวที่เหมาะกับการรักษาด้วย Q-Switch

Q-Switch เหมาะสำหรับการรักษารอยโรคเม็ดสีที่อยู่เฉพาะจุดและปัญหาเม็ดสีในผิวชั้นหนังแท้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการกำจัดเม็ดสีที่รวมตัวกันอย่างเข้มข้น

ปัญหาผิวที่เหมาะกับการรักษาด้วย Q-Switch ได้แก่:

  • การลบรอยสัก: โดยเฉพาะรอยสักสีเข้ม เช่น สีดำ น้ำเงิน และน้ำตาลเข้ม
  • ปานโอตะ (Nevus of Ota) และปานโฮริ (Hori’s nevus): ซึ่งเป็นปานสีฟ้าอมเทาในผิวชั้นหนังแท้
  • กระและกระแดด: สามารถกำจัดรอยกระและจุดด่างดำจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เลเซอร์โทนนิ่ง (Laser Toning): ใช้พลังงานต่ำเพื่อค่อยๆ ลดความเข้มของฝ้า
  • รอยโรคเม็ดสีอื่นๆ: เช่น ปานอิโตะ (Nevus of Ito) และปานสีกาแฟใส่นม (café-au-lait macules)

ปัญหาผิวที่เหมาะกับการรักษาด้วย Pico Laser

Pico Laser เหมาะสำหรับการรักษารอยสักที่ลบยาก, ปัญหาเม็ดสีที่ดื้อต่อการรักษา (เช่น ฝ้า กระลึก และรอยดำ), หลุมสิว และการฟื้นฟูสภาพผิวโดยรวม เทคโนโลยีนี้ใช้พลังงานสูงในระยะเวลาสั้นมากเพื่อแตกเม็ดสีให้ละเอียดโดยสร้างความร้อนน้อยกว่าเลเซอร์รุ่นเก่า ทำให้มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัย

ปัญหาผิวที่เหมาะกับการรักษาด้วย Pico Laser ได้แก่:

  • การลบรอยสัก: ถือเป็นมาตรฐานใหม่ในการลบรอยสัก โดยเฉพาะรอยสักหลายสีหรือรอยสักที่เคยรักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล สามารถลบออกได้ดีกว่าและใช้จำนวนครั้งน้อยกว่า
  • ปัญหาเม็ดสี: มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาฝ้า, รอยดำหลังการอักเสบ (PIH), กระแดด และปานโอตะ (Nevus of Ota) เนื่องจากเลเซอร์จะแตกเม็ดสีให้ละเอียดโดยใช้ความร้อนน้อย จึงลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
  • หลุมสิวและฟื้นฟูผิว: สามารถใช้หัวเลเซอร์แบบพิเศษ (Fractional handpiece) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้น ริ้วรอยลดลง และรูขุมขนกระชับขึ้น โดยมีระยะเวลาพักฟื้นสั้น

เจาะลึกการทำงาน: ความยาวคลื่น พลังงาน และผลต่อเม็ดสี

กลไกการใช้พลังงานแสงของ IPL

IPL ใช้หลักการ Photothermal Effect หรือ Selective Photothermolysis โดยการปล่อยพลังงานแสงที่มีช่วงคลื่นกว้าง (Polychromatic Light) เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนเมื่อถูกดูดซับโดยเซลล์เป้าหมาย

พลังงานแสงจาก IPL จะถูกดูดซับโดยเซลล์เป้าหมาย (Chromophores) ที่แตกต่างกันในผิวหนัง เช่น เม็ดสีเมลานิน (ในจุดด่างดำ) และฮีโมโกลบิน (ในเส้นเลือดฝอย) จากนั้นพลังงานแสงจะเปลี่ยนเป็นความร้อนเพื่อทำลายเซลล์เป้าหมายเหล่านั้นอย่างจำเพาะเจาะจง โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง นอกจากนี้ IPL ยังมีกลไก Photochemical ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดสารที่ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวได้

กลไกการใช้พลังงานเลเซอร์ในหน่วยนาโนวินาที (Q-Switch)

เลเซอร์ Q-Switched ทำงานโดยใช้หลักการ Photoacoustic (Photomechanical) Effect ซึ่งเป็นการปล่อยพลังงานเลเซอร์ความเข้มข้นสูงในช่วงเวลาสั้นระดับนาโนวินาที (nanosecond) ทำให้เม็ดสีแตกตัวเป็นอนุภาคเล็กๆ

เมื่อเม็ดสี (เช่น เมลานินหรือหมึกรอยสัก) ดูดซับพลังงานเลเซอร์เข้าไป จะเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วจากความร้อน ทำให้เกิดคลื่นกระแทก (Acoustic shock waves) ที่มีพลังมากพอที่จะสลายเม็ดสีให้แตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นร่างกายจะกำจัดเศษเม็ดสีเหล่านี้ออกไปตามกลไกธรรมชาติ แม้จะมีความร้อนเกิดขึ้นบ้าง แต่กลไกหลักในการกำจัดเม็ดสีคือการใช้แรงกระแทกเชิงกลนี้เอง

กลไกการใช้พลังงานเลเซอร์ในหน่วยพิโควินาที (Pico)

เลเซอร์พิโควินาที (Picosecond Laser) ทำงานโดยอาศัย กลไกหลักที่เรียกว่า Photoacoustic หรือ Photomechanical Effect ซึ่งเป็นการปล่อยพลังงานแสงในช่วงเวลาที่สั้นมากระดับพิโควินาที (1 ต่อล้านล้านวินาที) เพื่อสร้างแรงกระแทกเชิงกล ทำให้เม็ดสีแตกตัวเป็นอนุภาคขนาดเล็กละเอียด

หลักการทำงานคือ พลังงานเลเซอร์จะถูกดูดซับโดยเม็ดสี (เช่น เม็ดสีเมลานินหรือหมึกรอยสัก) อย่างรวดเร็วจนเกิดการขยายตัวอย่างฉับพลัน ทำให้เกิดคลื่นกระแทก (Acoustic shock waves) ที่จะสั่นสะเทือนและทำให้เม็ดสีแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กๆ เหมือนฝุ่นผง ซึ่งเล็กกว่าการใช้เลเซอร์แบบ Q-Switched (Nanosecond) ทำให้ร่างกายสามารถกำจัดออกไปได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากกว่า

เนื่องจากระยะเวลาการปล่อยพลังงานสั้นมาก ความร้อนจึงแทบไม่กระจายไปยังเนื้อเยื่อรอบข้าง ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยดำหลังทำเลเซอร์ (PIH) และปลอดภัยกว่าสำหรับคนที่มีสีผิวเข้ม

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง จำนวนครั้ง และการพักฟื้น

การเปรียบเทียบผลลัพธ์และระยะเวลาเห็นผล

โดยทั่วไป เลเซอร์ Picosecond มักให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่าและใช้จำนวนครั้งในการรักษาน้อยกว่า เมื่อเทียบกับเลเซอร์ Q-Switched ที่ให้ผลลัพธ์แตกต่างกันไปตามความลึกของรอยโรค และ IPL ที่ให้ผลแบบค่อยเป็นค่อยไป

  • IPL: ผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้น โดยจะเริ่มเห็นผิวที่สว่างและสม่ำเสมอขึ้นประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังทำครั้งแรก และต้องทำต่อเนื่องเป็นคอร์ส 3-5 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • Q-Switched Laser: สำหรับรอยโรคตื้นๆ เช่น กระแดด อาจเห็นผลชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรก แต่สำหรับรอยโรคที่อยู่ลึก เช่น ปานโอตะ หรือการลบรอยสัก จะต้องทำหลายครั้ง (4-20 ครั้ง) และใช้เวลานานหลายเดือนถึงเป็นปี
  • Picosecond Laser: ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว สำหรับกระหรือฝ้าแดดอาจเห็นผลดีขึ้นถึง 50% ตั้งแต่ครั้งแรก และใช้จำนวนครั้งในการลบรอยสักน้อยกว่า Q-Switched อย่างมีนัยสำคัญ (ประมาณ 4-8 ครั้ง) ส่วนการรักษารอยแผลเป็นจากสิวจะเห็นผลดีขึ้นเรื่อยๆ หลังทำไป 2-3 ครั้ง

จำนวนครั้งในการรักษาโดยเฉลี่ย

จำนวนครั้งในการรักษาโดยเฉลี่ยจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของเทคโนโลยีที่ใช้และปัญหาผิวที่ต้องการรักษา

โดยทั่วไปแล้ว จำนวนครั้งที่แนะนำสำหรับแต่ละประเภทมีดังนี้:

  • IPL (Intense Pulsed Light)
  • รอยดำตื้นๆ จากแสงแดด: 1-2 ครั้ง
  • รอยแดง/โรคโรซาเชีย: 3-4 ครั้ง
  • รอยสิว (PIH): 3-6 ครั้ง
  • กำจัดขน: 6-8 ครั้ง
  • Q-Switched Laser
  • กระ/ฝ้าแดด: 1-2 ครั้ง
  • ฝ้า/รอยดำ: 5-10 ครั้ง (แบบพลังงานต่ำ)
  • ปานโอตะ (เม็ดสีลึก): 6-10 ครั้ง
  • ลบรอยสัก: 5-15 ครั้ง
  • Picosecond Laser
  • กระ/ฝ้าแดด: 1-2 ครั้ง
  • ลบรอยสัก: 4-8 ครั้ง
  • หลุมสิว: 3 ครั้ง
  • ปานโอตะ: 4-6 ครั้ง

ระยะเวลาพักฟื้นและการดูแลตัวเองหลังทำ

ระยะเวลาพักฟื้นจะแตกต่างกันไป โดย IPL มีระยะพักฟื้นน้อยที่สุด ตามมาด้วย Picosecond Laser และ Q-Switched Laser ที่มีระยะพักฟื้นนานที่สุด ซึ่งการดูแลตัวเองหลังทำจะเน้นที่การหลีกเลี่ยงแสงแดดและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว

รายละเอียดการพักฟื้นของแต่ละเทคโนโลยีมีดังนี้:

  • IPL: โดยทั่วไปจะมีอาการแดงเล็กน้อยและรู้สึกอุ่นๆ คล้ายโดนแดดเพียงไม่กี่ชั่วโมงถึง 1-2 วัน สำหรับจุดด่างดำจะเข้มขึ้นคล้าย “สะเก็ดกาแฟ” แล้วค่อยๆ หลุดลอกออกไปภายใน 3-7 วัน สามารถแต่งหน้าได้ในวันถัดไป
  • Picosecond Laser: ถือว่ามีระยะพักฟื้นน้อยมาก โดยจะมีอาการแดงและบวมเล็กน้อยซึ่งจะหายไปภายใน 24-48 ชั่วโมง บางครั้งอาจมีสะเก็ดเล็กๆ ขนาดเท่าปลายเข็มซึ่งจะหลุดออกในเวลาประมาณ 3 วัน
  • Q-Switched Laser: หลังทำทันทีผิวบริเวณที่ยิงเลเซอร์อาจมีลักษณะเป็นฝ้าขาว (Frosting) และอาจเกิดสะเก็ดหรือรอยช้ำได้ โดยสะเก็ดจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ในการฟื้นตัวและหลุดออกไป

สำหรับการดูแลตัวเองหลังการรักษาทุกประเภท สิ่งสำคัญที่สุดคือการ หลีกเลี่ยงแสงแดดและทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง อย่างสม่ำเสมอ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและมอยส์เจอไรเซอร์ที่อ่อนโยน งดการขัดหรือถูผิวแรงๆ และหลีกเลี่ยงความร้อน เช่น ซาวน่า หรือการออกกำลังกายหนักๆ เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง

ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกเลเซอร์ที่เหมาะสม

การประเมินสภาพผิวและสีผิวโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การประเมินสภาพผิวและสีผิวโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เป็นขั้นตอนสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละราย แพทย์จะทำการวินิจฉัยปัญหาผิวที่แท้จริง (เช่น เป็นเม็ดสี หลอดเลือด หรือปัญหาด้านผิวสัมผัส) และประเมินประเภทสีผิวตามหลัก Fitzpatrick Skin Type เพื่อเลือกเครื่องมือและการตั้งค่าพลังงานที่เหมาะสมที่สุด

การประเมินนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการรักษาจะมีประสิทธิภาพสูงสุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง เช่น ภาวะรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) โดยเฉพาะในผู้ที่มีสีผิวเข้ม ตัวอย่างเช่น:

  • ผู้ที่มีผิวขาว และมีปัญหาฝ้ากระจากแดด อาจเหมาะกับ IPL
  • ผู้ที่มีผิวคล้ำ และมีปัญหาฝ้าลึก อาจปลอดภัยกว่าเมื่อใช้ Picosecond laser ที่ความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร

มาตรฐานของเครื่องมือและประสบการณ์ของผู้ให้บริการ

คุณภาพของเครื่องมือที่ผ่านการรับรองและประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการรักษาด้วยเลเซอร์และ IPL

ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณามีดังนี้:

  • มาตรฐานของเครื่องมือ: ควรเลือกคลินิกที่ใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ของไทย หรือมาตรฐานสากล เช่น FDA ของสหรัฐอเมริกา อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานจะมีการปล่อยพลังงานที่สม่ำเสมอและมีระบบความปลอดภัยในตัว ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง เช่น ผิวไหม้
  • ประสบการณ์ของผู้ให้บริการ: ความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ เช่น แพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรม เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ผู้ที่มีประสบการณ์จะสามารถประเมินสภาพผิวและเลือกชนิดของเลเซอร์ รวมถึงตั้งค่าพลังงานได้อย่างเหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง

งบประมาณและกรอบราคาการรักษาโดยประมาณ

โดยทั่วไปแล้ว IPL เป็นตัวเลือกที่ประหยัดที่สุด รองลงมาคือ Q-Switched Laser และ Picosecond Laser เป็นเทคโนโลยีที่มีราคาสูงที่สุด โดยราคาต่อครั้งในประเทศไทยโดยประมาณมีดังนี้

  • IPL: ประมาณ 1,500 – 3,000 บาทต่อครั้ง
  • Q-Switched Laser: ประมาณ 1,000 – 5,000 บาทต่อครั้ง
  • Picosecond Laser: ประมาณ 3,000 – 15,000 บาทต่อครั้ง

ราคาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับคลินิก คุณภาพของเครื่องมือ พื้นที่ที่ทำการรักษา และโปรโมชั่นหรือแพ็กเกจการรักษา

ความเสี่ยง ผลข้างเคียง และข้อควรระวังของแต่ละเทคโนโลยี

ความเสี่ยงหลักของทั้งสามเทคโนโลยีคือผลข้างเคียงชั่วคราว เช่น รอยแดง อาการบวม และความรู้สึกแสบร้อน แต่ก็มีความเสี่ยงที่รุนแรงกว่า เช่น แผลไหม้ การเปลี่ยนแปลงของเม็ดสี (รอยดำหรือรอยด่างขาว) และแผลเป็น ซึ่งความเสี่ยงจะแตกต่างกันไปตามชนิดของเทคโนโลยีและสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ผลข้างเคียงและความเสี่ยงของแต่ละเทคโนโลยีมีดังนี้

  • IPL (Intense Pulsed Light)
  • ความเสี่ยงหลัก: แผลไหม้พุพองและรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวคล้ำ เนื่องจาก IPL ใช้ช่วงคลื่นแสงกว้างที่เมลานินในผิวชั้นบนดูดซับได้ดี
  • ผลข้างเคียงที่พบบ่อย: อาการบวมแดงและจ้ำเลือด (Purpura) ซึ่งเป็นอาการชั่วคราว
  • ข้อควรระวัง: เหมาะสำหรับผู้ที่มีสีผิวขาวถึงปานกลาง และต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันดวงตาเสมอ
  • Q-Switched Laser
  • ความเสี่ยงหลัก: เกิดรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) ได้ง่าย โดยเฉพาะในคนเอเชียและผู้มีผิวคล้ำ นอกจากนี้ยังอาจเกิดรอยด่างขาวหรือแผลเป็นหากใช้พลังงานสูงเกินไป
  • ผลข้างเคียงที่พบบ่อย: อาจเกิดแผลพุพองและสะเก็ดหลังการรักษา
  • ข้อควรระวัง: อาจกระตุ้นให้เกิดเริม (Cold Sores) หากทำบริเวณรอบปาก และอาจทำให้สีรอยสักเครื่องสำอางบางชนิดเข้มขึ้นได้
  • Picosecond Laser
  • ความเสี่ยงหลัก: มีความเสี่ยงคล้ายกับ Q-Switched แต่พบน้อยและรุนแรงน้อยกว่า เนื่องจากสร้างความร้อนสะสมในผิวน้อยกว่า ทำให้โอกาสเกิด PIH ต่ำลง
  • ผลข้างเคียงที่พบบ่อย: รอยแดงและอาการบวมเล็กน้อย ซึ่งมักจะหายไปภายใน 1-2 วัน
  • ข้อควรระวัง: ถือเป็นเลเซอร์ที่ค่อนข้างปลอดภัยสำหรับผิวคล้ำ แต่ยังคงต้องใช้ความระมัดระวัง

ข้อห้ามและข้อควรระวังทั่วไปสำหรับทุกเทคโนโลยี

  • ห้ามทำในบริเวณที่มีการติดเชื้อบนผิวหนัง
  • ควรหลีกเลี่ยงในสตรีมีครรภ์
  • ผู้ที่รับประทานยาที่ไวต่อแสง (เช่น Isotretinoin) ควรปรึกษาแพทย์
  • ต้องงดการอาบแดดหรือให้ผิวสัมผัสแดดจัดเป็นเวลาอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ก่อนการรักษา เพื่อลดความเสี่ยงของแผลไหม้และรอยดำ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเลเซอร์ IPL, Pico และ Q-Switch

เลเซอร์ IPL กับ Pico อันไหนเจ็บกว่ากัน?

โดยทั่วไปแล้ว ความเจ็บระหว่างการทำ IPL และ Pico เลเซอร์นั้น อยู่ในระดับใกล้เคียงกันและไม่รุนแรง โดยทั้งสองอย่างมักถูกเปรียบเทียบว่ารู้สึกเหมือน “หนังยางดีด” บนผิวหนัง

บางคนอาจรู้สึกว่า Pico เลเซอร์สบายกว่าเล็กน้อยเนื่องจากสร้างความร้อนสะสมบนผิวน้อยกว่า IPL การรักษาทั้งสองชนิดมักไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา และความรู้สึกเจ็บจะเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะที่ยิงพลังงานเท่านั้น ดังนั้นความเจ็บจึงไม่ใช่ปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือกระหว่างสองเทคโนโลยีนี้

ทำ Pico Laser แล้วหน้าจะบางลงจริงไหม?

ไม่จริง การทำ Pico Laser ไม่ได้ทำให้ผิวบางลง แต่กลับช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวมีความหนาแน่นและแข็งแรงขึ้นในระยะยาว

Pico Laser เป็นเลเซอร์ชนิดที่ไม่ทำลายผิวชั้นบน (non-ablative) แต่จะส่งพลังงานลงไปใต้ผิวเพื่อกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมตามธรรมชาติ ความเชื่อที่ว่าเลเซอร์ทำให้ผิวบางอาจเกิดจากความรู้สึกไวต่อแสงแดดหรือผิวแห้งลงชั่วคราวหลังการรักษา ซึ่งเป็นเพียงผลข้างเคียงระยะสั้นเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำ Pico Laser จะช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้ดีขึ้น

รักษารอยสิวด้วย IPL ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

โดยทั่วไปแล้ว การรักษารอยสิวด้วย IPL จะเริ่มเห็นผลการรักษาที่ชัดเจนหลังทำไปแล้วประมาณ 2-3 ครั้ง แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและรอยสิวจางลงอย่างมีนัยสำคัญ แพทย์มักแนะนำให้ทำต่อเนื่องเป็นคอร์สประมาณ 3-6 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างในแต่ละครั้งประมาณ 2-4 สัปดาห์

Q-Switch Laser มีข้อเสียอะไรที่ควรทราบหรือไม่?

ข้อเสียหลักของ Q-Switch Laser คือต้องทำหลายครั้งกว่าจะเห็นผล มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดผลข้างเคียงเช่นรอยดำหลังทำ (PIH) และมีประสิทธิภาพน้อยกว่าในการลบรอยสักบางสี เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีที่ใหม่กว่าอย่าง Picosecond laser

ข้อจำกัดอื่นๆ ที่ควรทราบมีดังนี้:

  • ต้องทำหลายครั้ง: การกำจัดเม็ดสีหรือลบรอยสักต้องใช้จำนวนครั้งในการรักษามากกว่า ทำให้ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
  • ความเสี่ยงสูงต่อผลข้างเคียง: พลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดรอยดำหลังทำ (PIH) โดยเฉพาะในคนผิวคล้ำ รวมถึงอาจเกิดรอยด่างขาว ตุ่มน้ำพอง หรือสะเก็ดได้
  • ประสิทธิภาพจำกัดในการลบรอยสัก: ไม่สามารถกำจัดรอยสักบางสีได้ดีนัก เช่น สีฟ้าอ่อน สีเขียว หรือสีเหลือง
  • ความสามารถในการใช้งานไม่หลากหลาย: เน้นการรักษาเม็ดสีเป็นหลัก ไม่สามารถใช้กระตุ้นคอลลาเจนเพื่อรักษาหลุมสิวหรือฟื้นฟูผิวได้ดีเท่าเลเซอร์ชนิดอื่น

หลังทำเลเซอร์กลุ่มนี้ต้องหลีกเลี่ยงอะไรเป็นพิเศษ?

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องหลีกเลี่ยงหลังทำเลเซอร์คือแสงแดด และควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากผิวจะไวต่อแสงมากขึ้นและเสี่ยงต่อการเกิดรอยดำได้ง่าย

นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงสิ่งต่อไปนี้:

  • ความร้อนสูง: งดการอาบน้ำร้อน ซาวน่า หรือออกกำลังกายอย่างหนักที่ทำให้เหงื่อออกมากเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง
  • การระคายเคือง: งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น เรตินอล หรือกรดผลัดเซลล์ผิว (AHA/BHA) ประมาณ 1 สัปดาห์
  • การสัมผัสรุนแรง: ห้ามแกะ เกา หรือขัดถูบริเวณที่ทำเลเซอร์ เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็น

สามารถทำ IPL และ Pico Laser ในคราวเดียวกันได้หรือไม่?

ได้ สามารถทำ IPL และ Pico Laser ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย ในการรักษาครั้งเดียวกัน เพื่อจัดการปัญหาผิวที่หลากหลายได้อย่างครอบคลุม

การรักษาสองอย่างนี้ช่วยเสริมประสิทธิภาพซึ่งกันและกัน โดยทั่วไปแพทย์จะทำ IPL ก่อนเพื่อจัดการกับปัญหารอยแดงและเม็ดสีในผิวชั้นตื้น จากนั้นจึงตามด้วย Pico Laser เพื่อจัดการเม็ดสีที่อยู่ลึกกว่าและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน การทำทรีตเมนต์แบบผสมผสานนี้ช่วยให้แก้ปัญหาผิวได้หลายอย่างพร้อมกัน เช่น รอยแดง รอยดำ และปรับสภาพผิวไปในคราวเดียว โดยไม่เพิ่มระยะเวลาพักฟื้นอย่างมีนัยสำคัญ

References:

  1. National Center for Biotechnology Information (NCBI). (n.d.). Laser Physics. StatPearls – NCBI Bookshelf. ncbi.nlm.nih.gov
  2. National Library of Medicine (NLM). (2025). Picosecond Lasers in Dermatology: Applications and Efficacy. PMC Articles. pmc.ncbi.nlm.nih.gov
  3. Various Authors. (2025). Photomechanical Effects of Picosecond Laser Technology in Skin Treatment. Applied Sciences (MDPI). mdpi.com
  4. DermNet NZ. (n.d.). Picosecond Laser Information and Treatment Guide. DermNet New Zealand Trust. dermnetnz.org
  5. U.S. National Library of Medicine. (n.d.). IPL Efficacy in Rosacea Treatment Across Skin Types. PubMed. pubmed.ncbi.nlm.nih.gov

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
เลเซอร์แผลเป็นราคาเท่าไหร่? เทียบราคา Pico, CO2, IPL อัปเดต 2568

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube