ข้อเสีย Pico Laser: ใครบ้างที่ห้ามทำ ข้อควรระวังและกลุ่มเสี่ยง?

ข้อเสียการทํา pico ที่พบได้ทั่วไปคืออาการบวมแดงเล็กน้อยซึ่งจะหายไปใน 24-48 ชั่วโมง แต่ก็มีความเสี่ยงรุนแรงเช่นรอยด่างขาวหรือรอยดำที่อาจเกิดขึ้นได้หากใช้พลังงานที่ไม่เหมาะสมหรือดูแลผิวหลังทำไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการไม่หลีกเลี่ยงแสงแดด
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยหลังทำ Pico Laser: อาการและระยะเวลา
อาการบวมแดงและแสบร้อน: การดูแลเบื้องต้น
อาการบวมแดงและแสบร้อนหลังทำ Pico laser สามารถดูแลเบื้องต้นได้โดยการประคบเย็น เพื่อช่วยลดอาการบวมและความรู้สึกไม่สบายผิว
อาการเหล่านี้เป็นปฏิกิริยาปกติของผิวหนังที่เกิดจากการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นหลังการทำเลเซอร์ โดยทั่วไปจะรู้สึกคล้ายอาการผิวไหม้แดดเล็กน้อย เช่น รู้สึกอุ่นๆ หรือแสบๆ ซึ่งอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงถึงสองสามวัน
ผิวแห้งลอกและตกสะเก็ด: สิ่งที่ควรทำและห้ามทำ
สิ่งที่ควรทำคือ ปล่อยให้ผิวลอกและสะเก็ดหลุดออกไปเองตามธรรมชาติ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดแผลเป็นหรือการติดเชื้อ
- สิ่งที่ควรทำ: ทามอยส์เจอไรเซอร์ที่อ่อนโยนและไม่มีน้ำหอมเพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว
- สิ่งที่ห้ามทำ: ห้ามแกะ เกา หรือขัดผิวบริเวณที่ทำการรักษาโดยเด็ดขาด
สิวเห่อหลังทำเลเซอร์: สาเหตุและวิธีจัดการ
สิวที่เห่อขึ้นหลังทำเลเซอร์มีสาเหตุหลักมาจากการอุดตันของรูขุมขนระหว่างกระบวนการฟื้นฟูผิว และการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่หนักเกินไป ซึ่งไปกักเก็บความร้อนและแบคทีเรียไว้ใต้ผิวหนัง โดยทั่วไปสิวลักษณะนี้จะเป็นตุ่มเล็กๆ ที่ไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์
วิธีจัดการและป้องกันสิวเห่อหลังทำเลเซอร์ มีดังนี้
วิธีจัดการ:
- ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน
- ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic)
- หากสิวขึ้นจำนวนมากหรือเป็นนานผิดปกติ แพทย์อาจพิจารณาสั่งยาปฏิชีวนะแบบรับประทานเพื่อช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นและป้องกันการเกิดแผลเป็น
- วิธีป้องกัน:
- หลีกเลี่ยงการใช้ครีมหรือขี้ผึ้งเนื้อหนักที่อาจอุดตันผิว
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเนื้อเจลหรือโลชั่นบางเบาจนกว่าผิวจะฟื้นตัวเต็มที่
ใครบ้างที่ห้ามทำ Pico Laser? ข้อควรระวังและกลุ่มเสี่ยง
สภาพผิวและโรคประจำตัวที่ควรหลีกเลี่ยง
สภาพผิวและโรคประจำตัวที่ควรหลีกเลี่ยงการทำ Pico Laser ได้แก่ การติดเชื้อที่ผิวหนัง, โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง, ปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง และการมีประวัติเป็นแผลเป็นคีลอยด์
รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับกลุ่มที่ควรระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยง มีดังนี้
- การติดเชื้อที่ผิวหนัง: ไม่ควรทำเลเซอร์ในบริเวณที่มีการติดเชื้อ เช่น แผลเปิด สิวอักเสบรุนแรง หรือเริม
- โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง: ผู้ที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema), โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) หรือโรคโรซาเชีย (Rosacea) ในบริเวณที่จะทำเลเซอร์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะเลเซอร์อาจกระตุ้นให้อาการกำเริบได้
- ประวัติการเกิดแผลเป็นนูน: ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลเป็นคีลอยด์ (Keloid) หรือแผลเป็นนูน (Hypertrophic scar) ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
- ปัญหาสุขภาพและภาวะอื่นๆ:
- ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ที่เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง (เช่น โรค SLE) ที่ไวต่อแสง
- สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร
การใช้ยาและผลิตภัณฑ์ที่ต้องหยุดก่อนทำ
ยาและผลิตภัณฑ์ที่ต้องหยุดใช้ก่อนทำ Pico laser คือยาบางชนิด เช่น Isotretinoin (Accutane) และยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม รวมถึงผลิตภัณฑ์ทาผิวที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์และกรดผลัดเซลล์ผิว เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
ยาและผลิตภัณฑ์ที่ควรหลีกเลี่ยงก่อนการรักษา ได้แก่
- ยาสำหรับรับประทาน:
- Isotretinoin (Accutane): เป็นยาที่ใช้รักษาสิวซึ่งอาจทำให้กระบวนการสมานแผลช้าลง โดยทั่วไปแนะนำให้หยุดยาอย่างน้อย 6-12 เดือนก่อนทำเลเซอร์
- ยาปฏิชีวนะที่ทำให้ผิวไวต่อแสง: เช่น Tetracycline หรือ Doxycycline อาจเพิ่มความเสี่ยงที่ผิวจะไหม้ได้ง่ายขึ้น
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด: อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดรอยช้ำได้ง่ายขึ้น
- ผลิตภัณฑ์สำหรับทา:
- เรตินอยด์ (Retinoids): เช่น Tretinoin และ Retinol ทำให้ผิวไวต่อการระคายเคืองมากขึ้น ควรหยุดใช้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์
- กรดผลัดเซลล์ผิว (AHAs/BHAs): ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้ 2-3 วันก่อนการรักษาเพื่อลดการระคายเคือง
ความเสี่ยงรุนแรง: หน้าพัง จุดด่างขาว เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ความเสี่ยงรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำ Pico Laser คือ การเปลี่ยนแปลงของเม็ดสี (เกิดรอยดำหรือรอยด่างขาว), แผลเป็น และการติดเชื้อ ซึ่งมักเกิดจากการใช้พลังงานที่ไม่เหมาะสมหรือการดูแลผิวที่ไม่ถูกต้อง
- รอยด่างขาว (Hypopigmentation): เป็นภาวะที่เม็ดสีผิวลดลง ทำให้เกิดเป็นจุดหรือรอยสีขาวบนผิวหนัง แม้จะพบได้ไม่บ่อย แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้หากใช้พลังงานเลเซอร์สูงเกินไป หรือทำเลเซอร์ถี่เกินไปจนเซลล์สร้างเม็ดสีหยุดทำงาน ซึ่งรอยด่างขาวบางกรณีอาจคงอยู่ถาวร
- รอยดำหลังการอักเสบ (PIH): เป็นภาวะที่ผิวหนังผลิตเม็ดสีออกมามากเกินไปหลังการอักเสบ ทำให้เกิดรอยคล้ำ มักพบในผู้ที่มีสีผิวเข้มหรือผิวไวต่อการกระตุ้น โดยส่วนใหญ่รอยดำประเภทนี้จะค่อยๆ จางลงได้เอง
- แผลเป็น: เป็นความเสี่ยงที่พบได้น้อยมาก มักเกิดจากการใช้พลังงานเลเซอร์ที่รุนแรงเกินไป หรือการดูแลผิวหลังทำที่ไม่เหมาะสม เช่น การแกะหรือเกาสะเก็ดแผล ซึ่งรบกวนกระบวนการสมานผิว
- การติดเชื้อ: ผิวหลังทำเลเซอร์จะบอบบางและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น หากดูแลความสะอาดไม่ดีพอ อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือกระตุ้นให้เกิดโรคเริม (ในผู้ที่มีเชื้ออยู่แล้ว) ได้
ภาวะเม็ดสีผิดปกติ: รอยด่างขาวหรือรอยดำคล้ำ
ภาวะเม็ดสีผิดปกติทั้งรอยดำคล้ำและรอยด่างขาว เป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการทำ Pico Laser แต่มีความถี่และลักษณะที่แตกต่างกันอย่างมาก
- รอยดำคล้ำ (Post-Inflammatory Hyperpigmentation – PIH): เป็นภาวะที่พบได้บ่อยกว่า โดยเฉพาะในผู้ที่มีสีผิวเข้ม เกิดจากการอักเสบของผิวหลังเลเซอร์ไปกระตุ้นการผลิตเม็ดสีที่มากเกินไป อย่างไรก็ตาม รอยดำคล้ำที่เกิดจาก Pico Laser มักเป็นเพียงชั่วคราวและจะค่อยๆ จางลงเองภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ถึงหลายเดือน และ Pico Laser ถือว่ามีความเสี่ยงในการเกิดภาวะนี้น้อยกว่าเลเซอร์รุ่นเก่า
- รอยด่างขาว (Hypopigmentation): เป็นภาวะที่ผิวสูญเสียเม็ดสี ทำให้เกิดเป็นรอยขาว ซึ่งพบได้น้อยมากเมื่อเทียบกับรอยดำคล้ำ แต่หากเกิดขึ้นอาจเป็นภาวะที่คงอยู่นาน ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นหากใช้พลังงานเลเซอร์ที่สูงเกินไป หรือทำการรักษาถี่เกินไป
แผลเป็นและการติดเชื้อ: สัญญาณเตือนที่ต้องพบแพทย์
สัญญาณเตือนของแผลเป็นและการติดเชื้อหลังทำ Pico laser ที่ควรไปพบแพทย์ ได้แก่ รอยแดงและความแข็งที่คงอยู่นาน, ผิวมีลักษณะเป็นตุ่มหรือหนาขึ้น, รอยแดงที่ลุกลาม, มีหนอง หรืออาการเจ็บปวดที่รุนแรงขึ้น
- สัญญาณของแผลเป็น: สัญญาณการหายของแผลที่ผิดปกติซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดแผลเป็น ได้แก่ รอยแดงและความแข็งที่ยังคงอยู่นานเกินกว่าช่วงเวลาพักฟื้นปกติ, ผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์มีลักษณะเป็นตุ่มหรือหนาขึ้น หรือมีอาการเจ็บปวดเพิ่มขึ้นแทนที่จะดีขึ้น
- สัญญาณของการติดเชื้อ: สัญญาณที่บ่งบอกถึงการติดเชื้อ ได้แก่ รอยแดงที่ลุกลาม, รู้สึกอุ่น, บวม, มีตุ่มหนอง, มีของเหลวสีเหลืองไหลซึม หรือมีไข้ นอกจากนี้ อาการเจ็บปวดที่รุนแรงขึ้นหรือรอยแดงที่ไม่ดีขึ้นตามที่ควรจะเป็น ก็เป็นสัญญาณที่ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
ปัจจัยสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงจากการทำ Pico Laser
มาตรฐานเครื่องเลเซอร์และความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ทำ
มาตรฐานของเครื่องเลเซอร์และความเชี่ยวชาญของผู้ปฏิบัติการเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการลดความเสี่ยงจากการทำ Pico Laser
ปัจจัยสำคัญสองประการที่ช่วยให้การทำเลเซอร์ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ได้แก่
- มาตรฐานเครื่องเลเซอร์: ควรเป็นเครื่องที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) หรือมีเครื่องหมาย CE (ในยุโรป) ซึ่งรับประกันว่าเครื่องได้ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยและความแม่นยำในการปล่อยพลังงานแล้ว
- ความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ: ประสบการณ์และความชำนาญของผู้ให้บริการ เช่น แพทย์ผิวหนังที่ผ่านการรับรอง มีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินสภาพผิวและปรับตั้งค่าพลังงานให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
การเตรียมผิวก่อนทำเพื่อลดผลข้างเคียง
การเตรียมผิวก่อนทำ Pico Laser ที่สำคัญที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด การหยุดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง และการใช้ยาตามที่แพทย์สั่งสำหรับสภาพผิวบางประเภท
เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:
- หลีกเลี่ยงแสงแดด: งดการเผชิญแสงแดดจัดหรือการอาบแดดเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการรักษา เพื่อลดความเสี่ยงของผิวไหม้และรอยดำผิดปกติ
- หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว: งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ (เช่น Retin-A, Retinol) กรด AHA และ BHA ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้น
- แจ้งประวัติการใช้ยา: แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ โดยเฉพาะยาในกลุ่ม Isotretinoin (Accutane) ซึ่งต้องหยุดใช้ล่วงหน้า 6-12 เดือน และยาปฏิชีวนะบางชนิดที่ทำให้ผิวไวต่อแสง
- เตรียมผิวสำหรับผู้ที่มีผิวคล้ำหรือเป็นฝ้า: ในบางกรณี แพทย์อาจสั่งยาไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) ให้ทาล่วงหน้า 2-4 สัปดาห์ เพื่อลดการทำงานของเซลล์เม็ดสีและป้องกันภาวะรอยดำหลังการอักเสบ (PIH)
- ดูแลผิวให้แข็งแรง: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผิวบริเวณที่จะทำการรักษาไม่มีการติดเชื้อ สิวอักเสบรุนแรง หรือแผลเปิด
การดูแลตัวเองหลังทำ: กุญแจสำคัญสู่ผลลัพธ์ที่ดี
การดูแลตัวเองหลังทำ Pico Laser ที่สำคัญที่สุดคือ การรักษาความสะอาดและความชุ่มชื้นของผิว หลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างเคร่งครัด และงดการสัมผัสรุนแรงบนใบหน้า เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้ดีที่สุด
ข้อควรปฏิบัติที่สำคัญมีดังนี้:
- ทำความสะอาดและให้ความชุ่มชื้น: ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน ซับผิวให้แห้ง และทามอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีส่วนผสมรุนแรงเพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นฟู
- หลีกเลี่ยงแสงแดด: เป็นข้อที่สำคัญที่สุด ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30+ ทุกวันเพื่อป้องกันภาวะสีผิวเข้มขึ้นหลังการอักเสบ (PIH)
- หลีกเลี่ยงความร้อนและเหงื่อ: งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนหรือเหงื่อออกมาก เช่น การออกกำลังกายหนัก ซาวน่า หรืออาบน้ำร้อนจัด ในช่วง 2-3 วันแรก เพื่อลดอาการบวมแดง
- ห้ามแกะ เกา หรือถูผิว: ปล่อยให้สะเก็ดหรือผิวที่ลอกหลุดออกเองตามธรรมชาติ การแกะหรือเกาอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและรอยแผลเป็นได้
- งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่รุนแรง: หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์, กรด AHA/BHA, หรือสครับขัดผิวเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดแต่งหน้า: ควรรออย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนเริ่มแต่งหน้า เพื่อป้องกันการระคายเคืองและการอุดตันที่อาจนำไปสู่การติดเชื้อ
ข้อผิดพลาดที่ควรเลี่ยงเพื่อป้องกันผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดหลังทำเลเซอร์คือการปล่อยให้ผิวโดนแดดหรือความร้อนเร็วเกินไป, การใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรง, และการแกะเกาผิวที่กำลังฟื้นฟู เพื่อป้องกันผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ ควรหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดต่อไปนี้
- การโดนแดดเร็วเกินไป: การปล่อยให้ผิวที่เพิ่งทำเลเซอร์โดนแดดอาจทำให้เกิดรอยดำ (hyperpigmentation) ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF30+ ทุกวัน
- การทำให้ผิวร้อนเกินไป: การอาบน้ำร้อนจัด, เข้าซาวน่า, หรือออกกำลังกายหนักในช่วง 2-3 วันแรก อาจทำให้รอยแดงหายช้าลงและเพิ่มความเสี่ยงของรอยดำ
- การแต่งหน้าเร็วเกินไป: การแต่งหน้าภายใน 24-48 ชั่วโมงแรกอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือติดเชื้อได้ ควรรอให้ผิวฟื้นตัวก่อน และเมื่อเริ่มแต่งหน้าควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและแปรงที่สะอาด
- การแกะหรือเกาผิว: การแกะสะเก็ดหรือลอกผิวที่กำลังผลัดเซลล์อาจทำให้เกิดแผลเป็นและการติดเชื้อได้ ควรปล่อยให้ผิวลอกออกเองตามธรรมชาติ
- การใช้สกินแคร์ที่รุนแรง: ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์หรือกรดผลัดเซลล์ผิว (AHA/BHA) เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้ผิวที่บอบบางระคายเคือง
- การปกปิดข้อมูลทางการแพทย์: การไม่แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่ใช้ (เช่น Isotretinoin) หรือภาวะสุขภาพ (เช่น ประวัติการเป็นเริม) อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงได้
- การใช้ครีมที่หนาเกินไป: การทาครีมหรือขี้ผึ้งที่หนาและหนักเกินไปอาจอุดตันรูขุมขนและกักเก็บความร้อน ทำให้การฟื้นตัวช้าลง ควรใช้ในปริมาณที่แพทย์แนะนำเท่านั้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับข้อเสียของ Pico Laser
Pico Laser ทำให้หน้าบางจริงไหม?
Pico Laser ไม่ทำให้ผิวบางลง แต่กลับให้ผลตรงกันข้าม เนื่องจากเป็นเลเซอร์ที่ไม่ทำลายผิวชั้นนอก แต่จะส่งพลังงานลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ในชั้นหนังแท้ ซึ่งกระบวนการนี้จะช่วยให้ผิวมีความหนา แข็งแรง และยืดหยุ่นมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
เป็นสิวอยู่ สามารถทำ Pico Laser ได้หรือไม่?
โดยทั่วไปแล้วไม่แนะนำให้ทำ Pico Laser ในขณะที่เป็นสิวอักเสบหรือสิวหัวหนอง เนื่องจากการทำเลเซอร์ในบริเวณดังกล่าวอาจทำให้อาการอักเสบรุนแรงขึ้นและเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียได้
แพทย์ส่วนใหญ่จะแนะนำให้รักษาสิวอักเสบให้หายดีเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยใช้ Pico Laser เพื่อจัดการกับรอยแผลเป็นหรือรอยดำที่เกิดจากสิวในภายหลัง
ทำ Pico Laser แล้วฝ้าจะเข้มขึ้นจริงหรือ?
การทำ Pico Laser มีโอกาสทำให้ฝ้าเข้มขึ้นได้ในบางกรณี ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่า “paradoxical hyperpigmentation” หรือรอยดำที่เกิดหลังการอักเสบ (Post-Inflammatory Hyperpigmentation: PIH)
ภาวะนี้เกิดจากการที่เลเซอร์กระตุ้นให้ผิวเกิดการอักเสบ ซึ่งไปกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสีให้ผลิตเม็ดสีออกมามากกว่าปกติ แม้ว่า Pico Laser จะมีความเสี่ยงต่ำกว่าเลเซอร์รุ่นเก่าเนื่องจากใช้ความร้อนน้อยกว่า แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่ฝ้าจะเข้มขึ้นชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม รอยดำที่เกิดขึ้นนี้มักเป็นเพียงชั่วคราวและจะค่อยๆ จางลงในเวลาไม่กี่เดือนหากดูแลผิวอย่างถูกวิธี เช่น การทายาลดเม็ดสีและป้องกันแสงแดดอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์
หลังทำ Pico Laser สามารถแต่งหน้าได้ทันทีหรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว ไม่ควรแต่งหน้าทันทีหลังทำ Pico Laser และควรรออย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
เหตุผลคือหลังทำเลเซอร์เกราะป้องกันผิวจะอ่อนแอลงชั่วคราว การแต่งหน้าเร็วเกินไปอาจทำให้เกิดการระคายเคือง นำแบคทีเรียเข้าสู่ผิว หรืออุดตันรูขุมขน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเกิดสิวได้ เมื่อเริ่มกลับมาแต่งหน้า ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและอุปกรณ์ที่สะอาด
References:
- Advanced Aesthetics MD. (n.d.). Pico Laser Side Effects: What You Need to Know. Medical Information Resources. advancedaestheticsmd.com
- IDS Clinic. (n.d.). Pico Laser Downtime & Side Effects: A Comprehensive Guide. Clinical Information. idsclinic.com
- BVS (Virtual Health Library). (n.d.). Complications and Management of Fractional Laser Treatment. Medical Literature Database. fi-admin.bvsalud.org
- National Library of Medicine (NLM). (n.d.). Post-Inflammatory Hyperpigmentation After Picosecond Laser. PMC Articles. pmc.ncbi.nlm.nih.gov
- Belis Laser. (n.d.). Who Should Not Do Pico Laser? Treatment Contraindications. Medical Information. belislaser.com
