Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Wellness

วิตามินเค (Vitamin K) ตัวช่วยลดรอยช้ำ รอยแดง หลังทำเลเซอร์

Byadmin พฤศจิกายน 6, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on พฤศจิกายน 6, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
วิตามินเค (Vitamin K) ตัวช่วยลดรอยช้ำ รอยแดง หลังทำเลเซอร์

Table of Contents

Toggle
  • กลไกการทำงานของวิตามินเคในการลดรอยช้ำและรอยแดง
  • รูปแบบวิตามินเคสำหรับผิว: ชนิดทาเฉพาะที่ vs. ชนิดรับประทาน
    • วิตามินเคชนิดทา: ครีมและเซรั่มเพื่อการฟื้นฟูผิวโดยตรง
    • วิตามินเคชนิดรับประทาน: อาหารเสริมและข้อควรพิจารณา
    • การเลือกรูปแบบวิตามินเคที่เหมาะสมกับสภาพผิวและหัตถการ
  • ใครคือผู้ที่เหมาะสมกับการใช้วิตามินเคเพื่อการฟื้นฟูผิว
    • ข้อบ่งชี้: กรณีที่วิตามินเคมีประโยชน์สูงสุดหลังทำทรีตเมนต์
    • การเตรียมตัว: ควรเริ่มใช้วิตามินเคก่อนหรือหลังทำหัตถการ
  • ผลลัพธ์ที่คาดหวังและระยะเวลาในการฟื้นตัวหลังใช้
    • ระยะเวลาเห็นผล: รอยช้ำและรอยแดงจางลงในกี่วัน
    • การดูแลต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูผิวที่ดีที่สุด
  • ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจใช้วิตามินเคเพื่อดูแลผิว
    • การปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความจำเป็นและปริมาณที่เหมาะสม
    • แหล่งวิตามินเคจากธรรมชาติในอาหารประจำวัน
    • การทำงานร่วมกับการดูแลผิวหลังหัตถการอื่นๆ
  • ความเสี่ยง ผลข้างเคียง และข้อห้ามใช้วิตามินเค
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิตามินเคสำหรับผิว
    • วิตามินเคช่วยลดรอยคล้ำใต้ตาได้จริงหรือไม่
    • การใช้วิตามินเคต่อเนื่องในระยะยาวปลอดภัยหรือไม่
    • จำเป็นต้องฉีดวิตามินเคเพื่อลดรอยช้ำหรือไม่
    • รูปแบบทาและแบบรับประทาน แบบไหนให้ผลดีกว่ากัน
    • ภาวะขาดวิตามินเคส่งผลต่อผิวหนังและรอยช้ำอย่างไร
    • อาหารประเภทใดที่มีวิตามินเคสูงเป็นพิเศษ
  • References:

กลไกการทำงานของวิตามินเคในการลดรอยช้ำและรอยแดง

วิตามินเคทำงานโดยช่วยให้เลือดแข็งตัวเร็วขึ้น เร่งการสลายเม็ดสีของรอยช้ำ เสริมความแข็งแรงให้ผนังหลอดเลือดฝอย และลดการอักเสบ ซึ่งกลไกเหล่านี้ช่วยลดรอยช้ำและรอยแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ช่วยให้เลือดแข็งตัว: วิตามินเคเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นโปรตีนที่ทำให้เลือดแข็งตัว (clotting factors) เมื่อหลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังเสียหาย วิตามินเคจะช่วยให้เลือดหยุดไหลเร็วขึ้น จึงจำกัดการเกิดและการขยายตัวของรอยช้ำ
  • เร่งการสลายเม็ดสีของรอยช้ำ: วิตามินเคช่วยเร่งกระบวนการทางเอนไซม์ที่ใช้สลายฮีโมโกลบิน (เม็ดสีในเลือด) ที่รั่วออกมาใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นสาเหตุของสีม่วงคล้ำ ทำให้รอยช้ำจางลงเร็วขึ้น
  • เสริมความแข็งแรงของหลอดเลือดฝอย: วิตามินเคช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของผนังหลอดเลือดฝอย ทำให้เปราะและแตกได้ยากขึ้น จึงลดการรั่วของเลือดใต้ผิวหนัง
  • ลดการอักเสบ: วิตามินเคมีคุณสมบัติต้านการอักเสบเล็กน้อย ซึ่งช่วยปลอบประโลมผิวและลดรอยแดงที่เกิดจากการระคายเคืองหรือหลังการทำหัตถการได้

รูปแบบวิตามินเคสำหรับผิว: ชนิดทาเฉพาะที่ vs. ชนิดรับประทาน

วิตามินเคชนิดทา: ครีมและเซรั่มเพื่อการฟื้นฟูผิวโดยตรง

วิตามินเคชนิดทา เช่น ครีมและเซรั่ม เป็นผลิตภัณฑ์ที่นำส่งวิตามินเคไปยังผิวหนังโดยตรงเพื่อลดรอยฟกช้ำและรอยแดงเฉพาะที่ เนื่องจากวิตามินเคละลายในไขมันจึงสามารถซึมผ่านผิวหนังชั้นนอกเข้าไปทำงานกับหลอดเลือดได้โดยตรง

ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการดูแลผิวหลังทำหัตถการ เช่น หลังการทำเลเซอร์หรือการฉีดฟิลเลอร์ โดยมีผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการทาครีมวิตามินเคช่วยลดความรุนแรงของรอยฟกช้ำได้อย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2-3 วันแรก ข้อดีหลักคือการออกฤทธิ์ที่เข้มข้นเฉพาะบริเวณที่ต้องการ โดยมีการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายน้อยมาก

วิตามินเคชนิดรับประทาน: อาหารเสริมและข้อควรพิจารณา

วิตามินเคชนิดรับประทาน มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการแข็งตัวของเลือดทั่วร่างกายและสุขภาพหลอดเลือดโดยรวม โดยจะถูกดูดซึมผ่านลำไส้เพื่อช่วยให้ตับสามารถผลิตปัจจัยการแข็งตัวของเลือดได้อย่างเพียงพอ ซึ่งเป็นการป้องกันภาวะเลือดออกผิดปกติหรือการเกิดรอยช้ำง่ายทั่วร่างกาย

ข้อควรพิจารณาที่สำคัญมีดังนี้:

  • การทำงาน: เหมาะสำหรับการแก้ไขภาวะขาดวิตามินเคหรือเตรียมความพร้อมก่อนการผ่าตัด เพื่อให้ระบบการแข็งตัวของเลือดเป็นปกติ แต่สำหรับผู้ที่มีระดับวิตามินเคปกติ การรับประทานเสริมอาจไม่ช่วยเร่งการหายของรอยช้ำเฉพาะจุดได้ดีเท่าชนิดทา
  • แหล่งอาหาร: สามารถได้รับวิตามินเคอย่างเพียงพอจากอาหาร เช่น ผักใบเขียว (วิตามิน K1) และอาหารหมักดองอย่างนัตโตะ (วิตามิน K2)
  • ข้อควรระวัง: ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาร์ฟาริน (Warfarin) ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานวิตามินเคเสริม เพราะอาจต้านฤทธิ์ยาและทำให้เกิดลิ่มเลือดที่เป็นอันตรายได้
  • ความปลอดภัย: โดยทั่วไปแล้ววิตามินเคในรูปแบบธรรมชาติ (K1 และ K2) มีความปลอดภัยสูงและมีความเสี่ยงต่อการเกิดพิษต่ำในคนที่มีสุขภาพดี

การเลือกรูปแบบวิตามินเคที่เหมาะสมกับสภาพผิวและหัตถการ

การเลือกใช้วิตามินเคขึ้นอยู่กับเป้าหมายของการใช้งาน โดยวิตามินเคชนิดทาเหมาะสำหรับการดูแลเฉพาะจุดหลังทำหัตถการ ในขณะที่ชนิดรับประทานจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือดโดยรวม

  • วิตามินเคชนิดทา (ครีม/เซรั่ม): เหมาะสำหรับใช้ลดรอยฟกช้ำและรอยแดงเฉพาะที่หลังการทำหัตถการ เช่น เลเซอร์, การฉีดฟิลเลอร์ หรือการผ่าตัด เนื่องจากครีมจะออกฤทธิ์เข้มข้นโดยตรงที่ผิวบริเวณนั้น ช่วยให้รอยช้ำจางลงได้เร็วขึ้น
  • วิตามินเคชนิดรับประทาน (อาหารเสริม): เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะขาดวิตามินเค หรือผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดรอยช้ำได้ง่าย เช่น ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่เตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัด เพื่อช่วยเสริมระบบการแข็งตัวของเลือดทั่วร่างกาย

ใครคือผู้ที่เหมาะสมกับการใช้วิตามินเคเพื่อการฟื้นฟูผิว

ข้อบ่งชี้: กรณีที่วิตามินเคมีประโยชน์สูงสุดหลังทำทรีตเมนต์

วิตามินเคมีประโยชน์อย่างยิ่งในการจัดการกับรอยช้ำและรอยแดงหลังการทำหัตถการ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีต่อไปนี้

  • การทำเลเซอร์หลอดเลือด (Vascular laser)
  • การฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์
  • การทำไมโครนีดลิง (Microneedling)
  • การทำศัลยกรรม เช่น ศัลยกรรมเปลือกตา (Blepharoplasty)

การเตรียมตัว: ควรเริ่มใช้วิตามินเคก่อนหรือหลังทำหัตถการ

การใช้วิตามินเคจะได้ผลดีที่สุดเมื่อเริ่มใช้ หลังทำหัตถการ เพื่อช่วยลดรอยช้ำและรอยแดง

จากผลการศึกษาพบว่า การทาครีมวิตามินเคทันทีหลังการรักษา เช่น หลังทำเลเซอร์หรือฉีดฟิลเลอร์ จะช่วยให้รอยช้ำจางลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงสัปดาห์แรกของการฟื้นฟู แม้ว่าการทาวิตามินเค *ก่อน* ทำหัตถการจะยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าช่วยป้องกันรอยช้ำได้มากนัก แต่ศัลยแพทย์บางรายอาจแนะนำให้ใช้ทั้งก่อนและหลังการผ่าตัดเพื่อช่วยให้รอยช้ำหายเร็วขึ้น

ผลลัพธ์ที่คาดหวังและระยะเวลาในการฟื้นตัวหลังใช้

ระยะเวลาเห็นผล: รอยช้ำและรอยแดงจางลงในกี่วัน

โดยทั่วไป จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดภายใน 48 ชั่วโมง หรือประมาณ 2-3 วัน การใช้วิตามินเคสามารถช่วยลดระยะเวลาของรอยช้ำได้ประมาณ 20-30% ตัวอย่างเช่น รอยช้ำที่ปกติอาจใช้เวลา 7 วันในการหาย อาจจางลงในเวลาประมาณ 5 วัน ส่วนรอยแดงจากการทำหัตถการก็จะจางลงได้เร็วขึ้นภายในเวลาไม่กี่วันเช่นกัน

การดูแลต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูผิวที่ดีที่สุด

การดูแลผิวอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือการใช้วิตามินเคเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดูแลหลังการทำหัตถการแบบองค์รวม ซึ่งประกอบด้วยมาตรการอื่นๆ เพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวของผิว

มาตรการดูแลที่แนะนำให้ทำควบคู่กันไป ได้แก่:

  • การดูแลรอยช้ำเบื้องต้น: ประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรก และยกศีรษะให้สูงเพื่อลดการไหลเวียนของเลือดมายังบริเวณดังกล่าว
  • การหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น: งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาในกลุ่ม NSAIDs ที่อาจทำให้รอยช้ำรุนแรงขึ้น
  • การดูแลผิวทั่วไป: ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน ให้ความชุ่มชื้น และหลีกเลี่ยงแสงแดดในบริเวณที่ทำการรักษา
  • การใช้ผลิตภัณฑ์เสริม: อาจใช้ผลิตภัณฑ์อื่นร่วมด้วย เช่น ครีมอาร์นิกา (Arnica) เพื่อลดการอักเสบและบวม หรือโบรมีเลน (Bromelain) เพื่อช่วยสลายส่วนประกอบของรอยช้ำ

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจใช้วิตามินเคเพื่อดูแลผิว

การปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความจำเป็นและปริมาณที่เหมาะสม

สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้วิตามินเค โดยเฉพาะในรูปแบบอาหารเสริม เนื่องจากแพทย์สามารถประเมินได้ว่าคุณจำเป็นต้องได้รับวิตามินเคเพิ่มเติมหรือไม่ และแนะนำปริมาณที่เหมาะสมให้

การปรึกษาแพทย์มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้ยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (warfarin) เพราะวิตามินเคสามารถต้านฤทธิ์ของยาได้ แม้ว่าครีมวิตามินเคสำหรับทาภายนอกจะมีความปลอดภัยสูงและไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายมากนัก แต่การได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้มั่นใจถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด

แหล่งวิตามินเคจากธรรมชาติในอาหารประจำวัน

แหล่งวิตามินเคจากธรรมชาติที่สำคัญคือผักใบเขียวและอาหารหมักดอง โดยสามารถแบ่งตามชนิดของวิตามินได้ดังนี้

  • วิตามิน K1: พบมากในผักใบเขียว เช่น ปวยเล้ง, คะน้า, บรอกโคลี, และกะหล่ำดาว
  • วิตามิน K2: พบในอาหารหมักดอง เช่น นัตโตะ (ถั่วเหลืองหมัก) และชีสบางชนิด

การทำงานร่วมกับการดูแลผิวหลังหัตถการอื่นๆ

การใช้วิตามินเคควรเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดูแลผิวหลังหัตถการที่ครอบคลุม และจะได้ผลดีที่สุดเมื่อใช้ร่วมกับวิธีอื่น ๆ

วิตามินเคทำงานร่วมกับการดูแลผิวหลังหัตถการในด้านต่าง ๆ ดังนี้:

  • การดูแลรอยช้ำตามมาตรฐาน: ควรใช้ควบคู่ไปกับการประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรก การยกศีรษะให้สูง และการหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์หรือยาในกลุ่ม NSAIDs ซึ่งอาจทำให้รอยช้ำแย่ลง
  • การใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่น: สามารถใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ช่วยลดรอยช้ำ เช่น ครีมอาร์นิกา (Arnica) เพื่อลดอาการบวมและการอักเสบ หรือการรับประทานโบรมีเลน (Bromelain) เพื่อช่วยสลายส่วนประกอบของรอยช้ำ
  • การดูแลผิวขั้นพื้นฐาน: ควรปฏิบัติตามคำแนะนำหลังหัตถการทั่วไป เช่น การทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน การให้ความชุ่มชื้น และการปกป้องผิวจากแสงแดด
  • การดูแลแบบองค์รวม: การดูแลสุขภาพโดยรวม เช่น โภชนาการที่ดี การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการพักผ่อน จะช่วยส่งเสริมกระบวนการฟื้นฟูผิวให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ความเสี่ยง ผลข้างเคียง และข้อห้ามใช้วิตามินเค

โดยทั่วไปแล้ว วิตามินเคมีความปลอดภัยสูง แต่มีความเสี่ยงและข้อห้ามใช้ที่สำคัญ โดยเฉพาะในผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ความเสี่ยงจะแตกต่างกันไปตามรูปแบบการใช้งาน ดังนี้

  • วิตามินเคชนิดทา: ปลอดภัยมากและร่างกายทนต่อยาได้ดี แต่อาจทำให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบจากการแพ้สัมผัส (allergic contact dermatitis) ได้ในบางรายที่พบได้น้อยมาก
  • วิตามินเคชนิดรับประทาน: วิตามินเค 1 และเค 2 จากธรรมชาติมีความเป็นพิษต่ำ แต่ความเสี่ยงหลักคือการทำปฏิกิริยากับยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาร์ฟาริน (Warfarin) ซึ่งวิตามินเคจะไปลดประสิทธิภาพของยา
  • วิตามินเคชนิดฉีด: ใช้ในกรณีฉุกเฉินทางการแพทย์เท่านั้น และมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง จึงไม่เหมาะกับการใช้เพื่อลดรอยฟกช้ำทั่วไป

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิตามินเคสำหรับผิว

วิตามินเคช่วยลดรอยคล้ำใต้ตาได้จริงหรือไม่

วิตามินเคสามารถช่วยลดรอยคล้ำใต้ตาได้ โดยเฉพาะรอยคล้ำที่มีสาเหตุจากหลอดเลือด ซึ่งมีลักษณะเป็นสีม่วงอมฟ้าเกิดจากการที่เลือดคั่งอยู่ใต้ผิวหนังที่บอบบาง

วิตามินเคจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่หลอดเลือดฝอยและสนับสนุนการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดที่รั่วซึมออกมาถูกกำจัดได้ดีขึ้น จึงช่วยลดการมองเห็นของรอยคล้ำได้ มีงานวิจัยทางคลินิกพบว่า การใช้เจลที่มีส่วนผสมของวิตามินเค 2% ร่วมกับเรตินอล วิตามินซี และอี สามารถลดรอยคล้ำใต้ตาได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยทั่วไปต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์จึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

การใช้วิตามินเคต่อเนื่องในระยะยาวปลอดภัยหรือไม่

การใช้วิตามินเคในระยะยาวโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีสุขภาพดี

  • วิตามินเคชนิดทา: มีความปลอดภัยสูงและร่างกายทนต่อยาได้ดี ผลข้างเคียงที่พบได้นั้นหายากมาก ซึ่งส่วนใหญ่คืออาการแพ้ที่ผิวหนังจากการสัมผัส
  • วิตามินเคชนิดรับประทาน: วิตามินเคในรูปแบบธรรมชาติ (K1 และ K2) มีความเสี่ยงต่อการเกิดพิษต่ำมาก เนื่องจากร่างกายสามารถขับส่วนเกินออกไปได้ อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวังที่สำคัญที่สุดคือการทำปฏิกิริยากับยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาร์ฟาริน (Warfarin) ซึ่งจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้

จำเป็นต้องฉีดวิตามินเคเพื่อลดรอยช้ำหรือไม่

ไม่จำเป็นต้องฉีดวิตามินเคเพื่อลดรอยช้ำทั่วไป เนื่องจากการฉีดวิตามินเคสงวนไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินทางการแพทย์ เช่น การรักษาภาวะเลือดออกผิดปกติรุนแรง ไม่ใช่การรักษารอยช้ำทั่วไปหลังทำหัตถการ

สำหรับการลดรอยช้ำที่เกิดจากอุบัติเหตุเล็กน้อยหรือหลังการทำหัตถการทางความงาม การใช้วิตามินเคในรูปแบบครีมทาเฉพาะที่จะมีความปลอดภัยและเหมาะสมกว่า เพราะสามารถออกฤทธิ์ได้ตรงจุดโดยมีความเสี่ยงน้อยกว่าการฉีด

รูปแบบทาและแบบรับประทาน แบบไหนให้ผลดีกว่ากัน

ประสิทธิภาพของวิตามินเคขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งาน โดยรูปแบบทาจะให้ผลดีกว่าสำหรับการลดรอยฟกช้ำและรอยแดงเฉพาะที่ ในขณะที่รูปแบบรับประทานจะเน้นการดูแลสุขภาพหลอดเลือดและการแข็งตัวของเลือดในภาพรวม

  • วิตามินเคชนิดทา (Topical): เหมาะสำหรับการใช้เฉพาะจุด เช่น หลังการทำเลเซอร์หรือฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากสามารถออกฤทธิ์โดยตรงในบริเวณที่มีปัญหา ช่วยให้รอยฟกช้ำและรอยแดงจางลงได้เร็วขึ้น
  • วิตามินเคชนิดรับประทาน (Oral): เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลระบบการแข็งตัวของเลือดทั่วร่างกาย หรือผู้ที่มีภาวะขาดวิตามินเคซึ่งทำให้ฟกช้ำง่าย โดยจะช่วยป้องกันการเกิดเลือดออกผิดปกติในภาพรวม

ภาวะขาดวิตามินเคส่งผลต่อผิวหนังและรอยช้ำอย่างไร

ภาวะขาดวิตามินเคส่งผลให้เกิดรอยช้ำได้ง่ายและเลือดออกนานกว่าปกติ เนื่องจากความสามารถในการแข็งตัวของเลือดลดลง

เมื่อร่างกายขาดวิตามินเค ปัจจัยการแข็งตัวของเลือดจะไม่ถูกกระตุ้น ทำให้หลอดเลือดฝอยมีเลือดออกนานขึ้นและง่ายขึ้นแม้ได้รับการกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อย อาการที่ปรากฏบนผิวหนัง ได้แก่:

  • รอยฟกช้ำ (ecchymoses) ที่เกิดขึ้นบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • จุดเลือดออกเล็กๆ สีแดง (petechiae)
  • แผลที่เลือดออกนานกว่าจะหยุดและสร้างสะเก็ดได้ช้า

ในกรณีที่รุนแรง อาจมีเลือดออกตามไรฟันหรือเลือดกำเดาไหลร่วมด้วย

อาหารประเภทใดที่มีวิตามินเคสูงเป็นพิเศษ

อาหารที่มีวิตามินเคสูงเป็นพิเศษคือผักใบเขียวและอาหารหมักดอง วิตามินเค 1 (ฟิลโลควิโนน) พบได้มากในผักต่างๆ เช่น ผักโขม คะน้า บรอกโคลี และกะหล่ำดาว ส่วนวิตามินเค 2 (เมนาควิโนน) พบในอาหารหมัก เช่น นัตโตะ (ถั่วเหลืองหมัก) และชีสบางชนิด

References:

  1. American Academy of Dermatology (AAD). Post-Procedure Bruising and Healing: Vitamin K in Aftercare. AAD Clinical Guidelines. aad.org
  2. Cleveland Clinic. Vitamin K Benefits and Functions. Cleveland Clinic Health Library. clevelandclinic.org
  3. National Institutes of Health. Vitamin K Information. NIH. nih.gov
  4. NHS. Vitamin K. NHS Health A-Z. nhs.uk
  5. Healthline. Benefits of Vitamin K for Skin. Healthline. healthline.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
วิตามิน B5 (Panthenol) ช่วยรักษาสิว ลดผิวมันได้จริงหรือ?
NextContinue
วิตามินบี 12 เพื่อผิวสวยสุขภาพดี: ประโยชน์และวิธีใช้ที่ถูกต้อง

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube