Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Skincare

ผิวหน้าบาง ฟื้นฟูได้ไหม? รวมวิธีแก้และดูแลให้ผิวกลับมาแข็งแรง

Byadmin พฤศจิกายน 19, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on พฤศจิกายน 19, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
ผิวหน้าบาง ฟื้นฟูได้ไหม? รวมวิธีแก้และดูแลให้ผิวกลับมาแข็งแรง

ผิวหน้าบาง คือภาวะที่เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลงจนเกิดรอยแดงและเห็นเส้นเลือดฝอยได้ง่าย ซึ่งสามารถฟื้นฟูให้แข็งแรงขึ้นได้ด้วยการใช้สกินแคร์ที่เน้นเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวอย่างสม่ำเสมอและปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน

Table of Contents

Toggle
  • เช็กสัญญาณผิวหน้าบาง: ลักษณะและอาการที่พบบ่อย
  • 5 สาเหตุหลักที่ทำให้ผิวหน้าบางและไวต่อการระคายเคือง
  • วิธีฟื้นฟูและสร้างเกราะป้องกันผิวหน้าบางให้แข็งแรง
    • การดูแลผิวหน้าบางด้วยสกินแคร์ที่บ้าน
    • ส่วนผสมในสกินแคร์ที่ควรใช้และควรหลีกเลี่ยง
    • การรักษาผิวหน้าบางด้วยหัตถการทางการแพทย์
  • ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกวิธีรักษาผิวหน้าบาง
    • ระยะเวลาเห็นผลและการดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง
    • ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
    • การเลือกคลินิกและผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะสม
  • ความเข้าใจผิดและข้อห้ามในการดูแลผิวหน้าบาง
    • ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผิวบาง
    • ข้อห้ามและพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาผิวหน้าบาง (FAQ)
    • ผิวหน้าบางอันตรายไหม?
    • ผิวบางสามารถกลับมาหนาเหมือนเดิมได้หรือไม่?
    • ทำไมผิวหน้าบางจึงมองเห็นเส้นเลือดฝอยชัด?
    • ครีมสำหรับผิวหน้าบางควรมีลักษณะและเนื้อสัมผัสอย่างไร?
    • การผลัดเซลล์ผิวบ่อยๆ ทำให้หน้าบางจริงไหม?
  • References:

เช็กสัญญาณผิวหน้าบาง: ลักษณะและอาการที่พบบ่อย

สัญญาณของผิวหน้าบางที่พบบ่อย ได้แก่ ผิวแดงง่าย เห็นเส้นเลือดฝอยชัดเจน ผิวแห้งและแพ้ง่าย และเกิดรอยช้ำหรือบาดแผลได้ง่าย

ลักษณะและอาการที่สำคัญของผิวหน้าบางมีดังนี้:

  • แดงและเห็นเส้นเลือดฝอย (Telangiectasia): ผิวจะแดงง่ายเนื่องจากชั้นผิวหนังกำพร้าบางลง และจะเห็นเส้นเลือดฝอยเล็กๆ หรือที่เรียกว่า “spider veins” บริเวณแก้มและจมูกได้ชัดเจนขึ้น
  • แห้งและแพ้ง่าย: เกราะป้องกันผิวที่อ่อนแอทำให้ไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีพอ ส่งผลให้ผิวแห้งและไวต่อสิ่งกระตุ้น มักมีอาการคันหรือแสบร้อน
  • เกิดแผลและฟื้นตัวช้า: แม้แต่รอยขีดข่วนเล็กน้อยก็อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ง่าย และกระบวนการสมานแผลจะช้ากว่าผิวปกติ

5 สาเหตุหลักที่ทำให้ผิวหน้าบางและไวต่อการระคายเคือง

5 สาเหตุหลักที่ทำให้ผิวหน้าบางคือ อายุที่เพิ่มขึ้น การสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน การใช้สเตียรอยด์ พันธุกรรม และปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์

  • อายุที่เพิ่มขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะสูญเสียคอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูรอนิกตามธรรมชาติ ทำให้ผิวบางลง แห้ง และยืดหยุ่นน้อยลง
  • การสัมผัสแสงแดดเรื้อรัง: รังสียูวี (UV) จากแสงแดดจะทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ซึ่งเป็นกระบวนการที่เรียกว่า Photoaging ทำให้ผิวบางและเกิดริ้วรอยก่อนวัย
  • การใช้ยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน: การใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดทาหรือชนิดรับประทานเป็นเวลานาน สามารถยับยั้งการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวฝ่อและบางลงได้
  • พันธุกรรม: บางคนอาจมีสภาพผิวที่บางกว่าปกติมาโดยกำเนิด หรืออาจมีโรคทางพันธุกรรมบางอย่างที่ส่งผลให้ผิวบางและบอบบางเป็นพิเศษ
  • ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์: การสูบบุหรี่ การขาดสารอาหาร การดื่มน้ำไม่เพียงพอ และการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม ล้วนส่งผลให้โครงสร้างผิวอ่อนแอและบางลงได้

วิธีฟื้นฟูและสร้างเกราะป้องกันผิวหน้าบางให้แข็งแรง

การฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวหน้าบางให้แข็งแรงทำได้โดย การใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนเป็นประจำ เลือกส่วนผสมที่ช่วยเสริมสร้างผิว และหลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

กิจวัตรการดูแลผิวพื้นฐานที่แนะนำคือการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน ทามอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้นหลังล้างหน้าทันที และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน

ส่วนผสมที่ควรใช้เพื่อเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว:

  • เซราไมด์ (Ceramides): เสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงและกักเก็บความชุ่มชื้น
  • ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide): กระตุ้นการสร้างเซราไมด์ ลดการอักเสบและรอยแดง
  • กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid): ดึงน้ำเข้าสู่ผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและอิ่มฟู
  • เปปไทด์ (Peptides): ส่งสัญญาณให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหนาและแข็งแรงขึ้น
  • สารสกัดจากใบบัวบก (Centella Asiatica): ปลอบประโลมผิว ลดรอยแดง และช่วยสมานแผล

ส่วนผสมและพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง:

  • แอลกอฮอล์ น้ำหอม และสารซัลเฟตที่รุนแรง (เช่น SLS)
  • การสครับผิวที่รุนแรงหรือใช้กรดผลัดเซลล์ผิวที่มีความเข้มข้นสูง
  • การล้างหน้าด้วยน้ำร้อนจัดหรือล้างบ่อยเกินไป

การดูแลผิวหน้าบางด้วยสกินแคร์ที่บ้าน

การดูแลผิวหน้าบางที่บ้านควรเน้นกิจวัตรที่อ่อนโยน 3 ขั้นตอน คือ ทำความสะอาด เติมความชุ่มชื้น และป้องกันแสงแดด โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวและหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

กิจวัตรพื้นฐานที่แนะนำคือการทำความสะอาดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ตามด้วยการทามอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้นขณะที่ผิวยังหมาดๆ เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น และปิดท้ายด้วยการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน

ส่วนผสมที่ควรใช้เพื่อเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว:

  • ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide): ช่วยกระตุ้นการสร้างเซราไมด์ (Ceramides) ทำให้เกราะป้องกันผิวแข็งแรงขึ้น ลดการอักเสบและรอยแดง
  • กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid): ดึงน้ำเข้าสู่ผิว ให้ความชุ่มชื้นสูง ทำให้ผิวอิ่มฟูและยืดหยุ่น
  • เปปไทด์ (Peptides): ส่งสัญญาณให้ผิวสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ช่วยให้ผิวชั้นหนังแท้หนาและแข็งแรงขึ้น
  • สารสกัดจากใบบัวบก (Centella Asiatica): มีคุณสมบัติปลอบประโลมผิว ลดรอยแดง และช่วยซ่อมแซมเกราะป้องกันผิว

ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยง:

  • แอลกอฮอล์และน้ำหอม
  • สารทำความสะอาดที่รุนแรง เช่น ซัลเฟต (Sulfates)
  • ผลิตภัณฑ์ขัดผิวที่รุนแรง ทั้งแบบกายภาพ (เช่น สครับที่มีเม็ดหยาบ) และแบบเคมี (เช่น กรดความเข้มข้นสูง)

ส่วนผสมในสกินแคร์ที่ควรใช้และควรหลีกเลี่ยง

สำหรับผิวบาง ควรใช้ส่วนผสมที่ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว เช่น ไนอะซินาไมด์ กรดไฮยาลูรอนิก และเปปไทด์ ขณะเดียวกันควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม และสารผลัดเซลล์ผิวที่รุนแรง

ส่วนผสมที่ควรใช้

  • ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide): ช่วยเพิ่มการผลิตเซราไมด์ ทำให้เกราะป้องกันผิวแข็งแรงขึ้น ลดการอักเสบและรอยแดง
  • กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid): ทำหน้าที่ดึงน้ำเข้าสู่ผิว ให้ความชุ่มชื้นสูง ช่วยให้ผิวอิ่มฟูและยืดหยุ่น
  • เปปไทด์ (Peptides): ส่งสัญญาณให้เซลล์ผิวผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถช่วยให้ชั้นผิวหนาและแข็งแรงขึ้นเมื่อใช้ต่อเนื่อง
  • ใบบัวบก (Centella Asiatica/Cica): มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิว ลดรอยแดง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเร่งการซ่อมแซมเกราะป้องกันผิว

ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยง

  • แอลกอฮอล์และน้ำหอม (Alcohol and Fragrances): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยของการระคายเคือง อาการแพ้ และรอยแดง
  • สารซัลเฟตที่รุนแรง (Harsh Sulfates): เช่น โซเดียมลอริลซัลเฟต (SLS) ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด สามารถทำลายเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติได้
  • สารผลัดเซลล์ผิวที่รุนแรง (Aggressive Exfoliants): สครับที่มีเม็ดหยาบหรือกรดเคมีที่มีความเข้มข้นสูงจะยิ่งทำให้ผิวชั้นนอกบางลงและกระตุ้นให้เกิดการระคายเคือง

การรักษาผิวหน้าบางด้วยหัตถการทางการแพทย์

การรักษาผิวหน้าบางด้วยหัตถการทางการแพทย์มีหลายวิธี เช่น การใช้ยาในกลุ่มเรตินอยด์, การทำไมโครนีดลิง (Microneedling), การใช้เลเซอร์ และการฉีดสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Biostimulatory fillers) ซึ่งแต่ละวิธีจะช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมและสร้างคอลลาเจนเพื่อเพิ่มความหนาและความแข็งแรงให้แก่ผิว

  • ยาในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids): เป็นยาทาตามใบสั่งแพทย์ที่ช่วยเพิ่มความหนาของชั้นหนังกำพร้าและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
  • ไมโครนีดลิง (Microneedling): เป็นการใช้เข็มขนาดเล็กมากสร้างบาดแผลเล็กๆ บนผิวหนัง เพื่อกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมตามธรรมชาติของร่างกาย ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ส่งผลให้ผิวหนาและแข็งแรงขึ้น
  • เลเซอร์ (Laser Treatments): มี 2 ประเภทหลักที่ใช้รักษาผิวบาง คือ
  • Non-ablative fractional lasers: ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวแน่นและหนาขึ้น
  • Vascular lasers: เช่น Vbeam หรือ Excel V ใช้เพื่อลดรอยแดงและเส้นเลือดฝอยที่มองเห็นได้ชัดเจน
  • สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Biostimulatory Fillers): เช่น Sculptra (PLLA) และ Radiesse (CaHA) เป็นสารที่ฉีดเข้าไปใต้ผิวเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่เอง ทำให้ผิวหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและเห็นผลในระยะยาว

ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกวิธีรักษาผิวหน้าบาง

ระยะเวลาเห็นผลและการดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง

การเห็นผลลัพธ์จากการรักษาผิวหน้าบางต้องใช้เวลาหลายเดือนและจำเป็นต้องมีแผนการดูแลระยะยาวที่สม่ำเสมอ เนื่องจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่นั้นเป็นไปอย่างช้าๆ

โดยทั่วไป การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดจะเริ่มปรากฏหลังจากการรักษาประมาณ 3-6 เดือน และผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ การดูแลอย่างต่อเนื่อง เช่น การป้องกันแสงแดด การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาสภาพผิวให้แข็งแรงและคงผลลัพธ์ไว้

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

ผลข้างเคียงส่วนใหญ่มักเป็นเพียงชั่วคราวและไม่รุนแรง เช่น อาการแดง บวม หรือลอก แต่ก็มีความเสี่ยงที่รุนแรงกว่าซึ่งพบได้น้อยมากเมื่อทำโดยผู้เชี่ยวชาญ

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงจะแตกต่างกันไปตามวิธีการรักษา ดังนี้

  • กลุ่มยา Retinoids: อาจเกิดอาการระคายเคืองในช่วงสัปดาห์แรกๆ เช่น ผิวแดง ลอก หรือแสบ ซึ่งสามารถจัดการได้ด้วยการใช้มอยส์เจอไรเซอร์และปรับความถี่ในการทา
  • Microneedling และเลเซอร์: โดยทั่วไปจะทำให้เกิดรอยแดง อาการบวม หรือรอยช้ำเล็กน้อยเป็นเวลา 2-3 วัน หากไม่ดูแลผิวหลังทำ (เช่น การหลีกเลี่ยงแสงแดด) อาจเกิดรอยดำตามมาได้ แต่พบได้ไม่บ่อย ส่วนการติดเชื้อหรือแผลเป็นนั้นพบได้น้อยมาก
  • ฟิลเลอร์กระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulatory fillers): อาจทำให้เกิดก้อนหรือตุ่มเล็กๆ ใต้ผิวหนังได้ในบางครั้ง และมีความเสี่ยงที่จะเกิดรอยช้ำจากการฉีด ส่วนภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น การอุดตันของเส้นเลือดนั้นพบได้ยากมาก

การเลือกคลินิกและผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะสม

ควรเลือกแพทย์ผิวหนังหรือศัลยแพทย์ตกแต่งที่ได้รับการรับรองจากแพทยสภา (board-certified) และคลินิกที่มีชื่อเสียงซึ่งได้มาตรฐานทางการแพทย์ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมในการเลือกมีดังนี้:

  • ตรวจสอบคุณวุฒิและประสบการณ์: สอบถามเกี่ยวกับใบประกอบวิชาชีพของแพทย์ ความถี่ในการทำหัตถการ และขอดูภาพถ่ายก่อนและหลังการรักษาของผู้ป่วยรายอื่น
  • สภาพแวดล้อมของคลินิก: การรักษาควรทำในสถานพยาบาลที่สะอาดและปลอดเชื้อ ไม่ใช่ในสปาทั่วไป และต้องมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลหรือกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการรักษาด้วยเลเซอร์
  • ความพร้อมในการจัดการภาวะแทรกซ้อน: คลินิกที่ดีควรมีขั้นตอนที่ชัดเจนในการรับมือกับผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

ความเข้าใจผิดและข้อห้ามในการดูแลผิวหน้าบาง

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือการเชื่อใน “วิธีรักษามหัศจรรย์” ที่จะทำให้ผิวกลับมาหนาเหมือนเดิมได้สมบูรณ์ ส่วนข้อห้ามหลักคือการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่รุนแรงต่อผิว ซึ่งจะทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลง

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผิวบาง

  • ไม่มีวิธีรักษามหัศจรรย์: เป้าหมายของการดูแลคือการฟื้นฟูสภาพผิวให้ดีขึ้นและป้องกันไม่ให้บางลงกว่าเดิม ไม่ใช่การทำให้ผิวกลับไป “สมบูรณ์แบบ” เหมือนในวัยเยาว์
  • ผิวไม่สามารถกลับมาหนาเท่าเดิมได้ 100%: แม้ว่าการรักษาจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและทำให้ผิวหนาขึ้นได้จริง แต่ก็ไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับไปมีความหนาเท่าเดิมได้อย่างสมบูรณ์
  • ระวังผลิตภัณฑ์ที่อวดอ้างเกินจริง: ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ แทนที่จะเชื่อคำโฆษณาของ “เซรั่มมหัศจรรย์” หรือสูตร DIY ที่ไม่น่าเชื่อถือ

ข้อห้ามและพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง

  • การขัดถูรุนแรง: ห้ามใช้สครับที่หยาบ การล้างหน้าบ่อยเกินไป หรือใช้น้ำร้อน เพราะจะทำลายน้ำมันตามธรรมชาติของผิว
  • การแกะเกาผิว: ผิวบางฉีกขาดได้ง่าย การแกะหรือเกาอาจทำให้เกิดแผลและรอยแดงได้
  • การใช้สเตียรอยด์โดยไม่ปรึกษาแพทย์: การใช้ยาทากลุ่มสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นเวลานานเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวบางลง
  • การเผชิญแสงแดดโดยไม่ป้องกัน: ควรหลีกเลี่ยงการอาบแดดหรือเข้าเครื่องอบผิวแทน เพราะรังสียูวีจะเร่งให้ผิวบางและทำลายผิวมากขึ้น
  • การทำทรีตเมนต์ที่รุนแรง: ควรหลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์ที่รุนแรง เช่น การลอกผิวด้วยสารเคมีที่มีความเข้มข้นสูง โดยไม่ได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาผิวหน้าบาง (FAQ)

ผิวหน้าบางอันตรายไหม?

โดยทั่วไปแล้ว ผิวหน้าบางไม่ถือว่าเป็นภาวะที่อันตราย แต่เป็นปัญหาด้านความงามและการใช้งานเป็นหลัก

ภาวะนี้ไม่ได้บ่งชี้ถึงโรคร้ายแรง แต่ทำให้ผิวฉีกขาดหรือเกิดรอยช้ำได้ง่าย ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม หากผิวบางลงอย่างรวดเร็วหรือเกิดขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจเป็นไปได้

ผิวบางสามารถกลับมาหนาเหมือนเดิมได้หรือไม่?

ผิวที่บางลงแล้วไม่สามารถกลับมาหนาเท่าเดิมได้อย่างสมบูรณ์ แต่สามารถฟื้นฟูให้แข็งแรงและหนาขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ

การรักษา เช่น การใช้เรตินอยด์หรือเลเซอร์ สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่และเพิ่มความชุ่มชื้น ซึ่งช่วยเพิ่มความหนาของผิวหนังได้จริง อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้คือการฟื้นฟูเพียงบางส่วน ไม่ใช่การย้อนกลับไปสู่สภาพเดิมทั้งหมด ตัวอย่างเช่น หากผิวบางลง 30% จากอายุที่มากขึ้น การรักษาที่ดีที่สุดอาจช่วยให้ผิวหนาขึ้น 10-15% แต่ไม่สามารถทำให้กลับไปหนาเท่าเดิมได้ เป้าหมายที่เป็นจริงคือการทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นและดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ทำไมผิวหน้าบางจึงมองเห็นเส้นเลือดฝอยชัด?

ผิวหน้าบางมองเห็นเส้นเลือดฝอยได้ชัดเจนเนื่องจากชั้นผิวหนังที่บางลงและการสูญเสียคอลลาเจนที่ช่วยพยุงเส้นเลือด ซึ่งเกิดจาก 2 ปัจจัยหลักคือ

  • ผิวหนังชั้นนอกบางลง: เมื่อผิวหนังชั้นกำพร้า (Epidermis) บางลง จะทำให้เส้นเลือดที่อยู่ด้านล่างขยับเข้ามาใกล้พื้นผิวมากขึ้น จึงมองเห็นได้ง่าย
  • ขาดโครงสร้างพยุงเส้นเลือด: การสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นหนังแท้ (Dermis) ทำให้โครงสร้างที่คอยพยุงเส้นเลือดฝอยอ่อนแอลง ส่งผลให้เส้นเลือดขยายตัวและปรากฏเป็นรอยแดงหรือเส้นเลือดฝอยได้ชัดเจนขึ้น

ครีมสำหรับผิวหน้าบางควรมีลักษณะและเนื้อสัมผัสอย่างไร?

ครีมสำหรับผิวหน้าบางควรมี เนื้อสัมผัสเข้มข้นที่ช่วยเคลือบและกักเก็บความชุ่มชื้น (occlusive and emollient) อ่อนโยน และปราศจากสารก่อการระคายเคือง ครีมลักษณะนี้จะช่วยปกป้องผิวโดยการเลียนแบบและสนับสนุนเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ

คุณสมบัติที่สำคัญของครีมสำหรับผิวบาง ได้แก่:

  • ส่วนผสม: ควรมีส่วนผสมที่ช่วยเคลือบผิวเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น (occlusive) และทำให้ผิวนุ่ม (emollient) เช่น ปิโตรลาทัม (petrolatum) ไดเมทิโคน (dimethicone) กรดไขมัน และคอเลสเตอรอล
  • สูตรอ่อนโยน: ต้องปราศจากสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น น้ำหอมและสี
  • ผ่านการทดสอบ: ควรผ่านการทดสอบสำหรับผิวแพ้ง่าย (tested for sensitive skin)

การผลัดเซลล์ผิวบ่อยๆ ทำให้หน้าบางจริงไหม?

จริง การผลัดเซลล์ผิวที่รุนแรงหรือบ่อยเกินไปสามารถทำให้ผิวชั้นนอกบางลงได้ เนื่องจากเป็นการทำลายเกราะป้องกันความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิว ส่งผลให้ผิวไวต่อการระคายเคือง แห้ง และแสบแดงได้ง่ายขึ้น แพทย์ผิวหนังจึงแนะนำให้จำกัดความถี่ในการผลัดเซลล์ผิวและใช้วิธีที่อ่อนโยน

References:

  1. PubMed Central, 2025, pmc.ncbi.nlm.nih.gov
  2. National Institutes of Health, 2025, nih.gov
  3. Cleveland Clinic, 2025, clevelandclinic.org
  4. Frontiers in Medicine, 2025, frontiersin.org
  5. Cleveland Clinic, 2025, health.clevelandclinic.org
  6. Mayo Clinic, 2025, mayoclinic.org
  7. Cleveland Clinic, 2025, my.clevelandclinic.org
  8. MDPI, 2025, mdpi.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
เซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) คืออะไร สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา
NextContinue
มาร์คหน้าทุกวันดีไหม? ไขข้อข้องใจพร้อมวิธีใช้มาส์กที่ถูกต้อง

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube