เข้าใจปัญหาผิวหน้าเป็นสิว รู้วิธีรักษาช่วยคืนใบหน้ากระจ่างใส
เพราะปัญหาหน้าเป็นสิว ไม่เคยเป็นเรื่องเล็กสำหรับใคร! โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย แถมยังมีสภาพผิวที่ไม่สมดุลจากการขาดคอลลาเจนและอีลาสติน โดยเจ้าปัญหาสิวเหล่านี้ยังเป็นเสมือนระเบิดเวลาที่รอทำร้ายผิว ทำให้ใบหน้าของเราเป็นรอยแผลสิวฝังลึก ดูไม่สดใส หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นทำให้เกิดปัญหาหลุมสิวที่ยากจะแก้ไข
หากใครที่กำลังเจอกับปัญหานี้อยู่ เรามี 5 วิธีลดสิวที่จะช่วยทวงคืนผิวหน้าสุขภาพดีมาฝาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการรักษาด้วยเครื่อง Potenza Laser นวัตกรรมเพื่อการกู้สภาพผิวปรับสมดุลที่พร้อมตอบโจทย์การดูแลได้อย่างตรงจุด
รู้ทันปัญหา “หน้าเป็นสิว” ที่เกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ
สิวตัวร้ายเกิดขึ้นได้ในหลากหลายลักษณะ ทั้งแบบเป็นสิวตุ่มไตใต้ชั้นผิว สิวหัวขาว สิวอุดตัน รวมถึงสิวอักเสบ แน่นอนว่า การแก้ปัญหาของคนทั่วไป อาจเลือกวิธีแคะ แกะ เกา บีบ เพื่อกำจัด “หัวสิว” ให้หลุดออกไป โดยหวังว่าจะช่วยคืนความเรียบเนียนให้กับผิว
แต่รู้ไหมว่า การกำจัดสิวด้วยวิธีเหล่านี้ เป็นการทำร้ายผิวเพิ่มเติม เพราะถึงแม้จะเอาหัวสิวออกไปได้ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดรอยแดง รอยดำ รวมถึงหลุมสิวด้วย
ประเภทของสิว
“สิว” เป็นความผิดปกติของผิวหนังที่เกิดบริเวณรูขุมขนและต่อมไขมันในรูขุมขน (Pilosebaceous unit) ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทำให้สิวมีหลายประเภท โดยมีลักษณะและแนวทางการดูแลรักษาที่แตกต่างกันออกไป สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
1. สิวอักเสบ (Inflammatory Acne)
ปัญหาหน้าเป็นสิวอักเสบ (Inflammatory Acne) เกิดจากปฏิกิริยาของผิวหนังต่อสิ่งแปลกปลอมที่มีชื่อว่า C.acnes ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีเอนไซม์ lipase ที่จะเข้าไปย่อยไขมันจนเกิดเป็นกรดไขมัน (Free Faaty Acid) ออกมานอกผิวหนัง กระตุ้นจนทำให้เกิดการอักเสบ ส่งผลให้เกิดเป็นสิวอักเสบได้อีก 3 ชนิด ได้แก่
- สิวตุ่มแดง (Papule)
สิวหัวแดงเป็นสิวอักเสบขนาดไม่เกิน 0.5 ซม. เมื่อสัมผัสใบหน้าจะรู้สึกถึงความนูนเป็นไตใต้ผิวหนัง ไม่มีหัวหรือหนอง ให้ความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเมื่อสัมผัส อาจเกิดได้ทั้งจากการติดเชื้อของแบคทีเรียร่วมกับการอุดตันของรูขุมขน ไปจนถึงการพัฒนาของสิวอุดตันที่ถูกรบกวนจากการกด บีบ หรือแกะ ทำให้กลายเป็นสิวอักเสบได้
วิธีรักษา: ทำความสะอาดผิวหน้าเป็นสิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน เลี่ยงการสัมผัส ไม่กดหรือบีบด้วยตัวเอง - สิวหัวหนอง (Pustule)
เป็นลักษณะตุ่มสิวสีแดง ที่มีจุดสีขาวเหลืองจากหนองอยู่บริเวณตรงกลางของสิว เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย โดยสิวชนิดนี้จะเกิดได้ทั้งจากแบคทีเรียและการอุดตันของรูขุมขน รวมถึงสิวอุดตันที่อักเสบจากการถูกรบกวน หรือสิวติดเชื้อที่คล้ายกับสิวตุ่มแดง เพียงแต่จะแตกต่างตรงที่เป็นการติดเชื้อสักระยะ จนทำให้เกิดการก่อตัวของหนองใต้ผิวหนัง
วิธีรักษา: ทำความสะอาดผิวหน้าเป็นสิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน เลี่ยงการสัมผัส ไม่กดหรือบีบหนองด้วยตนเอง - สิวหัวช้าง หรือสิวตุ่มแดงใหญ่ (Nodule)
เป็นลักษณะสิวตุ่มนูนขนาดใหญ่ เมื่อสังเกตหรือสัมผัสจะพบว่ามีก้อนแข็งอยู่ใต้ชั้นผิว สาเหตุของการเกิดสิวหัวช้างมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ลุกลามไปใต้ชั้นผิวหนังที่ลึกขึ้น จนทำให้กลายเป็นสิวอักเสบรุนแรง และอาจลุกลามจนกลายเป็นสิวขนาดใหญ่ ไม่มีหัวหรือมีหัวหนองที่กินใต้ชั้นผิวลึกเป็นบริเวณวงกว้างได้
วิธีรักษา: ไม่ควรรักษาเองด้วยการกดหรือบีบ เพราะอาจจะกลายเป็นหลุมสิวขนาดใหญ่ หรือเกิดสิวกระจายตัวอักเสบใต้ผิวหนังมากกว่าเดิม แต่ควรรีบไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการรักษาตามวิธีที่เหมาะสม
2. สิวอุดตัน (Non-Inflammatory Acne)
สิวอุดตัน (Non-Inflammatory Acne) เป็นประเภทของสิวที่ไม่อักเสบ มีลักษณะเป็นตุ่มนูนขึ้นมาบนผิวหนัง หรืออยู่ใต้ผิวหนังที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้นอกจากการสัมผัสผิว โดยจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 ชนิด ได้แก่
- สิวอุดตันหัวเปิดหรือสิวหัวดำ (Blackheads)
เป็นสิวหัวดำแข็ง ๆ ที่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ในระยะแรกอาจจะเป็นสิวขาวเหลืองจากสีเคราตินและไขมัน แต่เมื่อสัมผัสอากาศไปชั่วระยะเวลาหนึ่งก็จะทำปฏิกิริยากับออกซิเจน และกลายเป็นสีดำในที่สุด
วิธีรักษา: สามารถหายเองได้ แต่หากต้องการรักษาให้หายไว ๆ สามารถใช้ตัวยารักษาสิวในการละลายหัวสิว เพื่อลดการอุดตัน และทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวร่วมกัน
- สิวอุดตันหัวปิดหรือสิวหัวขาว (Whiteheads)
เป็นลักษณะสิวอุดตันเม็ดเล็กหัวขาวที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก แต่เมื่อสัมผัสจะรู้สึกถึงตุ่มนูนใต้ผิวหนัง ซึ่งเกิดจากการอุดตันภายในรูขุมขนของแบคทีเรีย ซีบัม และเคราติน จนเกิดเป็นถุงซีสต์ หากปล่อยไว้ไม่รักษา ถุงซีสต์เหล่านี้จะใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และดันผนังรูขุมขนให้แตกออกจนเกิดการอักเสบวิธีรักษา: ควรพบแพทย์เพื่อทำการกดสิว หรือเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้สิวหัวขาวพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบ
ปัญหาผิวที่เกิดหลังการเป็นสิว
สำหรับคนที่หน้าเป็นสิว แต่ไม่ได้ทำการรักษาหรือดูแลให้เหมาะสม หนึ่งในปัญหาที่จะตามมาหลังจากที่สิวหาย คงหนีไม่พ้นเรื่องรอยแผลสิว แต่ก่อนจะไปดูประเภทของรอยแผลที่เกิดจากสิว ลองมาทำความเข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดรอยสิวเหล่านี้กันก่อน
รอยแผลจากสิว เกิดขึ้นได้จากอะไร?
รอยแผลจากสิวเกิดขึ้นเมื่อผิวหนังชั้นนอก หรือผิวหนังชั้นกำพร้าได้รับความเสียหาย และส่งผลไปถึงผิวชั้นลึกในชั้นถัดไป ประกอบกับร่างกายมีกระบวนการซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพ จึงทำให้ผิวสร้างเนื้อเยื่อที่มีส่วนประกอบของคอลลาเจนขึ้นมาทดแทน จึงทำให้เกิดเป็นแผลนูน รอยดำ ร่องหลุมสิว โดยจะขึ้นอยู่กับสภาพแผลและผิวหนังของแต่ละบุคคล
ประเภทของรอยแผลสิว
- แผลเป็นชนิดหลุม หรือรอยหลุมสิว (Atrophic scar) เกิดจากการรักษาแผลไม่ถูกวิธี ทำให้เนื้อเยื่อไม่สมานกัน แผลจะมีลักษณะเป็นหลุมที่มองเห็นได้ชัดเจน
- แผลเป็นนูน (Hypertrophic scar) ลักษณะแผลที่ยกนูนจากผิวหนัง เกิดจากการผลิตเนื้อเยื่อภายใต้บาดแผล จึงทำให้เกิดความนูนขึ้นบนผิวบริเวณรอบผิวหนังรอยสิว
- แผลเป็นนูนคีลอยด์ (Keloids) เป็นลักษณะแผลเป็นรอยนูน ที่โตขึ้นและสามารถขยายไปยังผิวหนังบริเวณอื่น ๆ ได้ โดยแรกเริ่มจะมีลักษณะเป็นสีม่วงแดงก่อนจะจางหายไปตามระยะเวลา ซึ่งอาจไม่ได้เป็นแบบเดียวกันในทุกเคส แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้หลังจากเป็นสิวเหมือนกัน
5 วิธีเอาชนะผิวหน้าเป็นสิว หยุดวงจรทิ้งรอยแผลเป็น!
สำหรับคนที่อยากหายจากสิว โดยไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็นในรูปแบบต่าง ๆ นี่คือ 5 วิธีช่วยเอาชนะรอยสิว ทั้งยังจะทำให้ใบหน้าใส เรียบเนียน โดยไม่ทิ้งรอยแผลไว้ให้ไม่สบายใจ ดังนี้
- รักษาสิวโดยใช้ยาทาเฉพาะที่ เป็นวิธีการรักษาพื้นฐาน โดยใช้ยากลุ่มปฏิชีวนะในการฆ่าเชื้อ, Benzoyl Peroxide ช่วยลดการระคายเคือง และ Retinoid หรืออนุพันธ์วิตามิน A ในการกระตุ้นเกิดการผลัดเซลล์ผิวเก่า ลดการอุดตันรูขุมขน และเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว เพื่อจบปัญหาสิวอักเสบและอุดตันได้ครบวงจร
นอกจากนี้ ยาทารักษาสิวยังมีส่วนผสมของยากลุ่มอื่น ๆ ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการรักษาสิวอย่าง Salicylic Acid, Azelaic Acid และ Sulfur โดยการใช้ยาในกลุ่มนี้ จำเป็นต้องมีแพทย์ผิวหนังดูแลอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระคายเคืองที่อาจทำให้ผิวเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้
- รักษาสิวโดยการทานยา เป็นวิธีสำหรับผู้ที่มีใบหน้าเป็นสิวอักเสบ ตั้งแต่ระดับปานกลางถึงระยะรุนแรง ที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการทายาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องใช้ยาทานร่วมด้วย ยกตัวอย่างกลุ่มตัวยาที่แพทย์จะจ่ายในการรักษาสิว ได้แก่
- ยาปฏิชีวนะ เช่น Tetracyclin, Macrolides และ Amoxycilin เป็นต้น เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวอักเสบ
- ยาปรับฮอร์โมน ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน (Oral Contraceptives) และยากลุ่ม Gonadotropin-Releasing Hormone Agonists (GnRH Agonists) เช่น Spironolactone เพื่อลดระดับฮอร์โมน ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการสร้าง Testosterone และ Block Androgen Receptors ที่ทำให้เกิดสิว
- ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามิน A (Lsotretinoin) จ่ายให้ผู้ที่เป็นสิวอาการรุนแรง ร่วมกับอาการดื้อยาปฏิชีวนะ หรือเป็นสิวที่มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดแผลเป็น เพื่อไปกดการทำงานของต่อมไขมันทำให้ผลิตไขมันลดลง ลดปริมาณเชื้อ P. acnes ลดการอักเสบของสิว และยับยั้งการสร้างคอมีโดน (Comedone)
อย่างไรก็ตามวิธีดังกล่าว ควรอยู่ภายใต้การกำกับและดูแลโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น และไม่ควรไปซื้อยารับประทานเองโดยเด็ดขาด เนื่องจากยาแต่ละชนิดจะมีผลข้างเคียงที่แตกต่างกันออกไป เช่น ผิวแห้ง ตาแห้ง ส่งผลต่อการทำงานของตับ กล้ามเนื้อ ไขมันในร่างกาย และที่สำคัญสำหรับคนที่ตั้งครรภ์ แพทย์จะไม่ทำการจ่ายยาบางชนิดให้ เพราะอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้
- รักษาสิวโดยการกดหรือฉีดสิว
อีกหนึ่งวิธียอดนิยมในการรักษาสิวอุดตัน ลดการเกิดหลุมสิวซึ่งเป็นแนวทางการรักษาที่ต้องให้แพทย์ผิวหนังเป็นผู้ดูแล โดยสามารถทำได้ทั้งการกดสิวด้วยวิธีที่ถูกต้อง ปลอดเชื้อ และการฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง เพื่อรักษาสิวอักเสบแบบตุ่ม หัวหนอง และสิวอักเสบหัวช้าง สิวซีสต์ได้อย่างตรงจุด ลดปัญหาการเกิดหลุมสิวลึกและรอยแผลเป็นบนผิวหน้า
- รักษาสิวโดยการทำโปรแกรมทรีตเมนต์
ในปัจจุบันมีโปรแกรมทรีตเมนต์อยู่หลากหลายรายการ ทั้งทรีตเมนต์ผลักตัวยา มาส์กหน้า ทำ Chemical Peeling และการทำหัตถการฉีดเมโส ฉีดมาเด้หน้าใส ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ปัญหาสิวและความเหมาะสมที่แพทย์ผิวหนังจะทำการประเมิน เพื่อเลือกโปรแกรมทรีตเมนต์ที่สามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุด
- รักษาสิวโดยการทำโปรแกรม Potenza Laser
ปิดท้ายด้วยการรักษาสิวกับคอร์ส โพเทนซ่า เลเซอร์ (Potenza Laser) นวัตกรรมกระชับผิวสวย คืนผิวใสที่มีแค่ไม่กี่คลินิกในประเทศไทย ซึ่งที่ Privato Clinic เราเป็นที่แรกในประเทศไทยที่ใช้เครื่อง Potenza Laser และได้รับรางวัล Potenza ระดับเอเชีย ในการใช้ Tips Potenza มากที่สุดของปี 2022 – 2023 พร้อมนำเสนอทางเลือกการรักษาผิวหน้าเป็นสิวด้วยหัว Single Insulated Needle Tips แบบเข็มเดี่ยวที่ใช้รักษาปัญหาสิวโดยเฉพาะ ซึ่งจะทำการปล่อยคลื่นพลังงานความร้อนจากเทคโนโลยี RF ไปช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ต่อมไขมันฝ่อ พร้อมขจัดต้นตอของสิวได้ถึงที่ ควบคู่กับการใช้หัว Insulated Needles Tips ช่วยฟื้นฟูหลุมสิว รักษาได้อย่างตรงจุด!
คำแนะนำเพิ่มเติมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
“Potenza Laser นวัตกรรมความงามที่สามารถใช้รักษาทุกปัญหาผิวในเครื่องเดียว ภายใต้การควบคุมและดูแลโดยแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ ที่ Privato Clinic“
เข้ารับบริการคอร์ส Potenza Laser นวัตกรรมความงามที่สามารถใช้รักษาทุกปัญหาผิวในเครื่องเดียว ภายใต้การควบคุมและดูแลโดยแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ ที่ Privato Clinic ผู้นำด้านนวัตกรรมความงามที่ตั้งใจมอบประสบการณ์ความงามที่ดีที่สุดให้กับทุกคน เข้ารับคำปรึกษาและใช้บริการได้แล้ววันนี้ ที่ Privato Clinic ทั้ง 3 สาขาทั่วกรุงเทพฯ หรือ ติดต่อเราเพื่อปรึกษาปัญหาผิวได้เลย
ข้อมูลอ้างอิง
- Slideshow: Acne Visual Dictionary. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2567 จาก https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/ss/slideshow-acne-dictionary
- Acne: Types, Causes, Treatment & Prevention. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2567 จาก https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/12233-acne
- 5 Types of Acne Scars and How to Treat Them. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2567 จาก https://www.healthline.com/health/skin-disorders/types-of-acne-scars