Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Acne

รักษาสิวอักเสบด้วยตัวเอง วิธีง่ายๆที่เห็นผล ปลอดภัย

Byadmin กันยายน 21, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on กันยายน 21, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน

รักษาสิวอักเสบด้วยตัวเอง

รักษาสิวอักเสบด้วยตัวเองคือการดูแลสิวแดงบวมอย่างปลอดภัยเพื่อลดการอักเสบ ป้องกันแผลเป็น และควบคุมการเกิดซ้ำโดยไม่บีบเค้น คุณหมอสรุปแนวทางเป็น 4 วิธีพื้นฐาน เริ่มจากทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน การใช้ยาทาเบื้องต้น และการประคบอุ่นครั้งละ 5–10 นาทีวันละหลายครั้ง พร้อมแก้ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยอย่างการใช้น้ำเกลือให้ใช้ถูกที่ถูกทาง.

Table of Contents

Toggle
  • เข้าใจลักษณะและสาเหตุของสิวอักเสบ
    • ลักษณะสิวอักเสบที่พบบ่อย: ตุ่มแดง บวม ไม่มีหัว
    • สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการอักเสบใต้ผิวหนัง
  • 4 วิธีพื้นฐานในการดูแลสิวอักเสบด้วยตัวเอง
    • 1. ทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธีเพื่อลดการอักเสบ
    • 2. เลือกใช้ยาทาเฉพาะที่สำหรับสิวอักเสบเบื้องต้น
    • 3. ใช้การประคบอุ่นเพื่อช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้น
    • 4. ปกป้องสิวด้วยแผ่นแปะสิวเพื่อป้องกันเชื้อโรค
  • ปรับมุมมองก่อนเริ่มรักษาสิวอักเสบด้วยตัวเอง
    • สัญญาณเตือน: เมื่อไหร่ควรหยุดรักษาเองและไปพบแพทย์
    • การปรับพฤติกรรมการกินและการนอนเพื่อลดสิว
    • การเลือกสกินแคร์สำหรับผิวเป็นสิวอักเสบโดยเฉพาะ
  • ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยซึ่งทำให้สิวอักเสบแย่ลง
    • ทำไมการบีบ แกะ หรือเจาะสิวเองจึงอันตราย
    • การใช้ผลิตภัณฑ์หลายชนิดพร้อมกันมากเกินไป
    • ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับวิธีรักษาสิวแบบเร่งด่วน
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรักษาสิวอักเสบ
    • สิวอักเสบหายเองได้ไหม?
    • ควรบีบสิวอักเสบหรือไม่?
    • สิวอักเสบใช้เวลากี่วันถึงจะหาย?
    • ใช้อะไรทาเพื่อให้สิวอักเสบยุบเร็วที่สุด?
    • สิวอักเสบแบบไม่มีหัวดูแลต่างกันอย่างไร?
    • น้ำเกลือเช็ดหน้าช่วยรักษาสิวอักเสบได้จริงไหม?
  • References:

เข้าใจลักษณะและสาเหตุของสิวอักเสบ

ลักษณะสิวอักเสบที่พบบ่อย: ตุ่มแดง บวม ไม่มีหัว

สิวลักษณะดังกล่าวคือ สิวอักเสบไม่มีหัว (Blind Pimple) ซึ่งเป็นก้อนบวมแดงอยู่ลึกใต้ผิวหนังและไม่มีหัวหนองให้เห็น สิวชนิดนี้เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่แตกออกลึกในชั้นผิวหนัง ทำให้แบคทีเรียและสิ่งสกปรกกระจายตัวและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบที่รุนแรง จึงรู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัส

การดูแลเบื้องต้นที่แนะนำคือ:

  • ประคบอุ่น: ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบบริเวณสิวครั้งละ 5-10 นาที วันละหลายๆ ครั้ง เพื่อลดอาการบวมและช่วยให้สิวยุบหรือระบายหนองออกได้เอง
  • ใช้แผ่นแปะสิว: แผ่นแปะสิวไฮโดรคอลลอยด์ช่วยป้องกันสิ่งสกปรก ป้องกันการแกะเกา และช่วยดูดซับของเหลวจากสิว
  • ห้ามบีบหรือเค้น: การบีบจะยิ่งทำให้การอักเสบลุกลามและเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็น หากสิวไม่ยุบหรือมีขนาดใหญ่ขึ้น ควรปรึกษาแพทย์

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการอักเสบใต้ผิวหนัง

การอักเสบใต้ผิวหนังเกิดจากการที่ผนังรูขุมขนที่อุดตันแตกออกลึกใต้ผิวหนัง ซึ่งทำให้สิ่งสกปรกและแบคทีเรีย (Cutibacterium acnes) ที่อยู่ภายในกระจายเข้าสู่เนื้อเยื่อโดยรอบ ร่างกายจะมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งแปลกปลอมและกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดอาการบวม แดง และเจ็บปวดบริเวณนั้น

4 วิธีพื้นฐานในการดูแลสิวอักเสบด้วยตัวเอง

1. ทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธีเพื่อลดการอักเสบ

ควรทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน โดยหลีกเลี่ยงการล้างหน้าบ่อยเกินไปหรือใช้สครับที่รุนแรง และซับผิวให้แห้งอย่างเบามือ การดูแลเช่นนี้จะช่วยลดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนโดยไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองหรือผิวแห้งจนเกินไป ซึ่งอาจทำให้อาการอักเสบแย่ลงได้

2. เลือกใช้ยาทาเฉพาะที่สำหรับสิวอักเสบเบื้องต้น

ยาทาเฉพาะที่เบื้องต้นสำหรับสิวอักเสบที่ไม่รุนแรงคือกรดซาลิไซลิกและเรตินอยด์ ซึ่งถือเป็นการรักษาลำดับแรกที่สามารถช่วยลดขนาดสิวและป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อใช้อย่างสม่ำเสมอ

  • กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) ความเข้มข้น 0.5%–2% ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันของรูขุมขน
  • เรตินอยด์ (Retinoids) เช่น อะแดพาลีน (Adapalene) ในรูปแบบเจล 0.1% ช่วยให้การผลัดเซลล์ผิวเป็นปกติและลดการอุดตัน

3. ใช้การประคบอุ่นเพื่อช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้น

การประคบอุ่นสามารถช่วยให้สิวอักเสบยุบเร็วขึ้นได้ โดยเฉพาะกับสิวอักเสบไม่มีหัว (blind pimple) ความร้อนจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต บรรเทาอาการปวด ช่วยให้วัสดุที่อุดตันอ่อนตัวลง และกระตุ้นให้สิวระบายหนองออกมาหรือยุบลงได้เองตามธรรมชาติ ควรประคบด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นครั้งละ 5-10 นาที วันละหลายๆ ครั้ง

4. ปกป้องสิวด้วยแผ่นแปะสิวเพื่อป้องกันเชื้อโรค

การใช้แผ่นแปะสิวเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องสิวอักเสบ โดยช่วยให้บริเวณสิวสะอาด ป้องกันการสัมผัสหรือแกะสิว ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบและทำให้สิวหายเร็วขึ้น พร้อมทั้งลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและการเกิดแผลเป็น แผ่นแปะบางชนิดมีส่วนผสมของยาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในขณะที่แผ่นแปะไฮโดรคอลลอยด์แบบธรรมดาเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย

ปรับมุมมองก่อนเริ่มรักษาสิวอักเสบด้วยตัวเอง

สัญญาณเตือน: เมื่อไหร่ควรหยุดรักษาเองและไปพบแพทย์

ควรไปพบแพทย์เมื่อการรักษาด้วยตัวเองไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 เดือน หรือเมื่อสิวอักเสบเริ่มทิ้งรอยแผลเป็น รอยดำ หรือส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างรุนแรง

ไม่ควรรอจนเกิดแผลเป็นก่อนจึงไปพบแพทย์ หากสิวอักเสบยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง หรือทำให้เกิดความทุกข์ใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

การปรับพฤติกรรมการกินและการนอนเพื่อลดสิว

การปรับพฤติกรรมการกินและการนอนสามารถช่วยลดสิวอักเสบได้ โดยการลดอาหารบางชนิดและนอนหลับให้เพียงพอจะช่วยควบคุมฮอร์โมนความเครียดและลดการอักเสบในร่างกาย

  • การกิน: การลดน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตขัดสีอาจช่วยให้อาการสิวดีขึ้นในบางคน นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่สมดุลซึ่งอุดมไปด้วยผัก โปรตีนไขมันต่ำ และโอเมก้า 3 พร้อมทั้งจำกัดอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง จะช่วยลดการอักเสบได้
  • การนอนหลับ: ควรนอนหลับให้มีคุณภาพ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน เนื่องจากการอดนอนและความเครียดสามารถกระตุ้นให้สิวเห่อได้ การนอนที่เพียงพอจะช่วยควบคุมฮอร์โมนความเครียดและสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดีขึ้น

การเลือกสกินแคร์สำหรับผิวเป็นสิวอักเสบโดยเฉพาะ

การเลือกสกินแคร์สำหรับสิวอักเสบคือ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) และหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่รุนแรงซึ่งอาจทำให้ผิวระคายเคือง

ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อหนักและมันเยิ้ม เช่น โคลด์ครีมหรือรองพื้นที่มีส่วนผสมของน้ำมัน รวมถึงส่วนผสมที่รุนแรงอย่างแอลกอฮอล์หรือเมนทอลซึ่งทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ง่าย ขั้นตอนการดูแลผิวที่แนะนำคือการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน ตามด้วยยารักษาสิว และทามอยส์เจอไรเซอร์เนื้อบางเบาที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันเพื่อป้องกันผิวแห้งและรักษาสมดุลของเกราะป้องกันผิว

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยซึ่งทำให้สิวอักเสบแย่ลง

ทำไมการบีบ แกะ หรือเจาะสิวเองจึงอันตราย

การบีบ แกะ หรือเจาะสิวเองเป็นอันตรายเพราะ จะผลักเชื้อโรคและสิ่งสกปรกลงไปในผิวหนังลึกขึ้น ทำให้อาการอักเสบรุนแรงกว่าเดิม และเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ ซึ่งนำไปสู่การเกิดแผลเป็นและรอยดำได้

การกระทำดังกล่าวส่งผลเสียหลายประการ ได้แก่:

  • ทำให้อักเสบและบวมแดงมากขึ้น: การบีบเค้นจะทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายลึกลงไปในเนื้อเยื่อโดยรอบ ทำให้สิวเม็ดเล็กกลายเป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่หรือซีสต์ที่เจ็บปวดได้
  • เสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่ม: การแกะสิวทำให้เกิดแผลเปิด ซึ่งง่ายต่อการติดเชื้อแบคทีเรียจากภายนอก
  • เกิดแผลเป็นและรอยดำ: การทำลายผิวหนังจากการบีบหรือแกะจะเพิ่มโอกาสในการเกิดแผลเป็นหรือรอยดำที่รักษายากและอยู่ได้นานกว่าตัวสิวเอง
  • ทำให้สิวหายช้าลง: การบีบสิวจะสร้างความเสียหายให้กับผิวหนังและทำให้กระบวนการรักษาของร่างกายยาวนานขึ้น

การใช้ผลิตภัณฑ์หลายชนิดพร้อมกันมากเกินไป

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรงหลายชนิดพร้อมกันมากเกินไป อาจทำให้เกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรง ซึ่งจะทำให้ผิวแห้งและมีแนวโน้มที่จะเกิดสิวได้ง่ายขึ้น ดังนั้นจึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบบเรียบง่าย โดยทำความสะอาดอย่างอ่อนโยนร่วมกับการใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิว 1-2 ชนิดตามคำแนะนำเท่านั้น

ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับวิธีรักษาสิวแบบเร่งด่วน

ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับวิธีรักษาสิวแบบเร่งด่วนคือการบีบสิว การใช้ผลิตภัณฑ์รุนแรงหลายชนิดพร้อมกัน และการใช้ของใช้ในบ้านมารักษาสิว ซึ่งวิธีเหล่านี้มักทำให้อาการแย่ลง

ความเชื่อที่ผิดและข้อเท็จจริงที่ถูกต้องมีดังนี้:

  • การบีบสิว: เป็นความเชื่อที่ผิดว่าการบีบสิวจะช่วยให้หายเร็วขึ้น แต่ความจริงแล้วการบีบจะยิ่งดันเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกลงไปในผิวหนังลึกกว่าเดิม ทำให้อักเสบมากขึ้นและเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็น
  • การใช้ผลิตภัณฑ์รุนแรงหลายชนิดพร้อมกัน: การใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวหลายตัว เช่น กรดต่างๆ หรือยารักษาสิวหลายชนิดในเวลาเดียวกัน จะทำให้ผิวระคายเคือง แห้ง และอ่อนแอลง ซึ่งจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น
  • การคาดหวังผลลัพธ์ในทันที: การรักษาสิวส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ โดยทั่วไปจะเห็นผลอย่างชัดเจนหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง 6-8 สัปดาห์ การเปลี่ยนผลิตภัณฑ์บ่อยๆ เพราะไม่เห็นผลในไม่กี่วันจะทำให้การรักษาไม่ได้ผล
  • การใช้ของในบ้านมารักษาสิว: ความเชื่อที่ว่ายาสีฟัน กระเทียม หรือแอลกอฮอล์ช่วยให้สิวยุบเร็วเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะสารเหล่านี้อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองและทำลายผิวหนัง ทำให้อาการอักเสบแย่ลงกว่าเดิม
  • การใช้น้ำเกลือรักษาสิว: แม้น้ำเกลือจะช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างอ่อนโยน แต่ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนว่าสามารถลดเชื้อแบคทีเรียหรือการอักเสบของสิวได้ดีเท่ากับผลิตภัณฑ์รักษาสิวโดยเฉพาะ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรักษาสิวอักเสบ

สิวอักเสบหายเองได้ไหม?

สิวอักเสบที่ไม่รุนแรง เช่น ตุ่มแดงเล็กๆ หรือตุ่มหนอง สามารถหายเองได้ โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 3-7 วัน

อย่างไรก็ตาม สิวอักเสบในระดับที่รุนแรงขึ้น เช่น สิวหัวช้างหรือซีสต์ มักจะไม่หายไปเองหากไม่ได้รับการรักษา และอาจคงอยู่นานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดรอยแผลเป็นได้ ดังนั้น สิวอักเสบที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาเพื่อช่วยให้หายได้อย่างสมบูรณ์และปลอดภัย

ควรบีบสิวอักเสบหรือไม่?

ไม่ควรบีบสิวอักเสบ เนื่องจากการบีบจะยิ่งดันเชื้อโรคและสิ่งสกปรกลงไปในผิวหนังลึกขึ้น ทำให้อาการอักเสบรุนแรงกว่าเดิม และอาจเปลี่ยนสิวเม็ดเล็กให้กลายเป็นซีสต์ขนาดใหญ่ที่เจ็บปวดได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทิ้งรอยแผลเป็น และจุดด่างดำอีกด้วย

สิวอักเสบใช้เวลากี่วันถึงจะหาย?

สิวอักเสบหนึ่งเม็ดโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 3-7 วันในการยุบตัวลง หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม สิวเป็นภาวะเรื้อรัง การรักษาสิวอักเสบในระดับปานกลางให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอาจต้องใช้เวลา 6-12 สัปดาห์ และอาจใช้เวลาหลายเดือนสำหรับสิวอักเสบรุนแรง การรักษาอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อควบคุมสิวในระยะยาว

ใช้อะไรทาเพื่อให้สิวอักเสบยุบเร็วที่สุด?

สำหรับยาที่หาซื้อได้เอง เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide) และครีมไฮโดรคอร์ติโซน (hydrocortisone) เป็นยาแต้มสิวที่ช่วยให้สิวอักเสบยุบเร็วที่สุด

  • เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ จะเริ่มฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบได้ทันทีที่ใช้ ซึ่งสามารถทำให้สิวยุบลงอย่างเห็นได้ชัดภายใน 1-2 วัน
  • ครีมไฮโดรคอร์ติโซน 1% เป็นสเตียรอยด์ชนิดอ่อนที่ช่วยลดรอยแดงและอาการบวมได้อย่างรวดเร็ว แต่ควรใช้กับสิวเม็ดเดิมเพียง 1-2 วันเท่านั้น

นอกจากนี้ การใช้กรดซาลิไซลิก (salicylic acid) หรือการประคบเย็นด้วยน้ำแข็งก็สามารถช่วยลดอาการบวมได้เช่นกัน แต่สำหรับสิวซีสต์ขนาดใหญ่และเจ็บมาก การฉีดคอร์ติโซนโดยแพทย์จะช่วยให้ยุบเร็วที่สุด

สิวอักเสบแบบไม่มีหัวดูแลต่างกันอย่างไร?

การดูแลสิวอักเสบแบบไม่มีหัวหรือสิวไตที่ได้ผลดีที่สุดคือ การใช้ความร้อนและการปกป้องผิว เพื่อช่วยให้สิวยุบลงหรือระบายหนองออกมาเองตามธรรมชาติ

วิธีการดูแลที่แนะนำมีดังนี้:

  • ประคบอุ่น: ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นประคบบริเวณที่เป็นสิวครั้งละ 5-10 นาที ทำได้หลายครั้งต่อวัน ความร้อนจะช่วยลดอาการปวดและกระตุ้นให้หนองระบายออกมาได้ง่ายขึ้น
  • ใช้แผ่นแปะสิว: แปะแผ่นแปะสิวชนิดไฮโดรคอลลอยด์ทับบริเวณสิว จะช่วยป้องกันสิ่งสกปรก ป้องกันการแกะเกา และช่วยดูดซับของเหลวจากสิว
  • ห้ามบีบ: การพยายามบีบสิวที่ไม่มีหัวจะยิ่งทำให้ผิวหนังบาดเจ็บและอักเสบมากขึ้น หากสิวไม่ยุบลงหรือมีขนาดใหญ่ขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

น้ำเกลือเช็ดหน้าช่วยรักษาสิวอักเสบได้จริงไหม?

การใช้น้ำเกลือเช็ดหน้าเพื่อรักษาสิวอักเสบนั้นมีประโยชน์ ค่อนข้างจำกัดและไม่ใช่วิธีการรักษาที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์

น้ำเกลือปราศจากเชื้อสามารถช่วยทำความสะอาดผิวหน้าและขจัดสิ่งสกปรกบนพื้นผิวได้อย่างอ่อนโยนโดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง แต่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์น้อยมากที่บ่งชี้ว่าน้ำเกลือสามารถลดเชื้อแบคทีเรียหรือการอักเสบของสิวได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น น้ำเกลือจึงเหมาะสำหรับใช้ทำความสะอาดผิวที่บอบบาง แต่ไม่สามารถทดแทนยารักษาสิวโดยเฉพาะได้

References:

  1. Cleveland Clinic. (n.d.). Inflammatory Acne: Symptoms, Types, Causes, Treatment. Cleveland Clinic. clevelandclinic.org
  2. American Academy of Dermatology. (n.d.). 10 skin care habits that can worsen acne. American Academy of Dermatology. aad.org
  3. Cleveland Clinic. (n.d.). 4 Ways to Treat a Blind Pimple. Cleveland Clinic Health Essentials. clevelandclinic.org
  4. Cleveland Clinic. (n.d.). Why You Should Never Put Toothpaste on a Pimple. Cleveland Clinic Health Essentials. clevelandclinic.org
  5. Robinson, M. (n.d.). 7 Ways to Get Rid of Pimples Fast. GoodRx Health. goodrx.com
  6. Curology Team. (n.d.). Can salt water help acne? What the research says. Curology. curology.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
Zinc ช่วยเรื่องสิวอะไรบ้าง? สามารถลดสิวได้จริงไหม
NextContinue
เป็นตุ่มแข็งๆ เหมือนสิว คืออะไร? สาเหตุและการรักษา

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube