Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Acne

สิวจาก PM 2.5: วิธีป้องกัน ดูแล และรักษา

Byadmin สิงหาคม 2, 2025กันยายน 28, 2025
By นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน Updated on กันยายน 28, 2025
✦ Medically reviewed by  แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร

Table of Contents

Toggle
  • สิวจาก PM 2.5 คืออะไร และมีลักษณะอาการอย่างไร?
    • ลักษณะของสิวจาก PM 2.5
    • ตำแหน่งที่เกิดสิว
    • ลักษณะอาการ
    • กลไกการเกิด
    • ความแตกต่างระหว่างสิวจาก PM 2.5 กับสิวฮอร์โมนและสิวอุดตัน
    • อาการแพ้ฝุ่น PM 2.5 เป็นอย่างไรบ้าง?
  • จะแยกสิวจาก PM 2.5 จากสิวประเภทอื่นได้อย่างไร?
    • วิธีสังเกตและแยกแยะ
    • 1. ตำแหน่งที่เกิดสิว
    • 2. ความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
    • 3. ลักษณะการอักเสบ
    • คำถามสำหรับการวินิจฉัย
    • ถามตัวเอง
    • สัญญาณเตือนสำคัญ
    • การยืนยันจากแพทย์
    • 5 สัญญาณเตือนว่าสิวของคุณอาจเกิดจากฝุ่น PM 2.5
    • ตำแหน่งไหนที่มักเกิดสิวจาก PM 2.5
  • ปัจจัยอื่นนอกจาก PM 2.5 ที่อาจกระตุ้นให้เกิดสิวมีอะไรบ้าง?
    • ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นสิว
    • 1. ความเครียด (Stress)
    • 2. การนอนไม่เพียงพอ
    • 3. อาหารและเครื่องดื่ม
    • 4. รังสี UV
    • 5. ปัจจัยฮอร์โมน
    • ผลกระทบร่วม
  • จะดูแลผิวและจัดการสิวจาก PM 2.5 เบื้องต้นได้อย่างไร?
    • ขั้นตอนการดูแลผิวพื้นฐาน
    • 1. ทำความสะอาดผิว
    • 2. บำรุงและเสริมการป้องกัน
    • 3. การผลัดเซลล์ผิวอ่อนโยน
    • การป้องกันเบื้องต้น
    • การปกป้องจากภายนอก
    • ปรับปรุงอากาศในบ้าน
    • สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
    • เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
    • ขั้นตอนการทำความสะอาดผิวที่ถูกต้องเมื่อเผชิญฝุ่น
  • มีวิธีป้องกันสิวจาก PM 2.5 ในระยะยาวอย่างไร?
    • ปรับปรุงคุณภาพอากาศ
    • ในบ้านและที่ทำงาน
    • การจัดการกิจกรรมกลางแจ้ง
    • การปกป้องผิวหน้า
    • ป้องกันทางกายภาพ
    • การดูแลผิวประจำวัน
    • การดูแลสุขภาพโดยรวม
    • อาหารต้านอนุมูลอิสระ
    • การจัการความเครียด
    • แผนการป้องกันแบบบูรณาการ
    • ตารางรายวัน
    • การติดตามผล
    • เมื่อไหร่ควรปรับกลยุทธ์
    • การสวมหน้ากากอนามัยช่วยป้องกันสิวจาก PM 2.5 ได้จริงหรือ?
  • ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อะไรเพื่อช่วยรักษาสิวจาก PM 2.5?
    • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
    • ผลิตภัณฑ์บำรุงและป้องกัน
    • ผลิตภัณฑ์ขจัดเซลล์ผิวเก่า
    • ส่วนผสมในสกินแคร์ที่ควรมองหาเพื่อจัดการสิวจาก PM 2.5
    • ผลิตภัณฑ์ที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อเป็นสิวจาก PM 2.5
  • เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาสิวจาก PM 2.5?
    • สัญญาณเตือนที่ควรพบแพทย์
    • 1. สิวรุนแรงและอันตราย
    • 2. ไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไป
    • 3. สิวปรากฏในตำแหน่งผิดปกติ
    • 4. อาการแทรกซ้อน
    • 5. ผลกระทบทางจิตใจ
    • ประโยชน์ของการพบแพทย์

สิวจาก PM 2.5 คืออะไร และมีลักษณะอาการอย่างไร?

สิวจาก pm 2.5 และใบหน้าเป็นสิวอักเสบ ผื่น

สิวจาก PM 2.5 คือสิวที่เกิดจากอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กที่ทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดการอักเสบ จากการที่ฝุ่นขนาดเล็กเหล่านี้ตกค้างบนผิวหน้าและเข้าไปอุดตันรูขุมขน

ลักษณะของสิวจาก PM 2.5

สิวจาก PM 2.5 มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากสิวประเภทอื่น:

ตำแหน่งที่เกิดสิว

  • บริเวณแก้ม หน้าผาก และจมูก เป็นหลัก
  • อาจมีที่คอในบางกรณี
  • เป็นบริเวณที่สัมผัสกับอากาศปนเปื้อนโดยตรง

ลักษณะอาการ

  • มีการอักเสบและแดงมากกว่าสิวประเภทอื่น
  • รูขุมขนอุดตันจากฝุ่นที่ตกค้าง
  • ผิวหน้ารู้สึกระคายเคืองและสกปรก
  • สิวมักเพิ่มขึ้นในวันที่อากาศปนเปื้อน

กลไกการเกิด

PM 2.5 ทำให้เกิดสิวผ่านกระบวนการ:

  1. ฝุ่นขนาดเล็กเข้าไปอุดตันรูขุมขน
  2. เกิดการออกซิเดชันของไขมันในผิว
  3. เกิดการอักเสบจากสารพิษในฝุ่น
  4. ผิวหน้าเสื่อมสภาพและเกิดสิวตามมา

สิวจาก PM 2.5 จึงแตกต่างจากสิวฮอร์โมนหรือสิวอุดตันทั่วไป เพราะมีสาเหตุมาจากภายนอกและมีการอักเสบที่รุนแรงกว่า

ความแตกต่างระหว่างสิวจาก PM 2.5 กับสิวฮอร์โมนและสิวอุดตัน

สิวจาก PM 2.5 แตกต่างจากสิวประเภทอื่นด้วยสาเหตุ ตำแหน่ง และลักษณะการอักเสบ ที่มีความเฉพาะเจาะจงตามแต่ละประเภท

ตารางเปรียบเทียบ

ประเภทสิว สาเหตุ ตำแหน่งที่เกิด ลักษณะเฉพาะ
สิวจาก PM 2.5 ฝุ่นละอองจากภายนอก แก้ม, หน้าผาก, จมูก อักเสบรุนแรง, ระคายเคือง
สิวฮอร์โมน ฮอร์โมนภายใน ใต้คาง, ขากรรไกร สิวลึก, ตามรอบเดือน
สิวอุดตัน ไขมันและเซลล์ตาย ทั่วหน้า หัวดำ, หัวขาว, ไม่อักเสบ

ความแตกต่างสำคัญ

สิวจาก PM 2.5

  • สาเหตุจากภายนอก: ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ตกค้างบนผิว
  • เพิ่มขึ้นตามคุณภาพอากาศ: สิวมากขึ้นในวันที่อากาศปนเปื้อน
  • มีการอักเสบสูง: เนื่องจากสารพิษในฝุ่นกระตุ้นการอักเสบ

สิวฮอร์โมน

  • สาเหตุจากภายใน: การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในร่างกาย
  • เป็นรอบ: มักเกิดช่วงก่อนมีประจำเดือน
  • สิวลึกและแข็ง: อาจกลายเป็นซิสต์ใต้ผิวหนัง

สิวอุดตัน

  • สาเหตุจากไขมัน: ไขมันส่วนเกินและเซลล์ผิวตายอุดตัน
  • ไม่อักเสบ: ส่วนใหญ่เป็นหัวดำหัวขาวที่ไม่แดง
  • กระจายทั่วหน้า: ไม่จำกัดบริเวณเฉพาะ

จุดสังเกต

คนที่อาศัยในเมืองใหญ่มักพบว่า ผิวรู้สึกสกปรกและมีสิวเพิ่มขึ้นในวันที่อากาศแย่ ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่าสิวอาจมาจาก PM 2.5

อาการแพ้ฝุ่น PM 2.5 เป็นอย่างไรบ้าง?

อาการแพ้ฝุ่น PM 2.5 ที่ผิวหนังมีทั้งสิว ผิวแห้ง แดง คัน และระคายเคือง เนื่องจากฝุ่นละอองขนาดเล็กทำลายสิ่งปกป้องผิวหนังตามธรรมชาติ

อาการที่เกิดกับผิวหนัง

อาการหลัก

  1. สิวอักเสบ: สิวแดง บวม ที่บริเวณแก้ม หน้าผาก และจมูก
  2. ผิวแห้งและระคายเคือง: ผิวรู้สึกตึงและไม่สบาย
  3. ผิวแดงและคัน: เกิดการอักเสบจากสารพิษในฝุ่น
  4. รูขุมขนอุดตัน: ฝุ่นเข้าไปสะสมทำให้รูขุมขนอุดตัน

อาการแทรกซ้อน

  • โรคผิวหนังอื่นแย่ลง: เช่น โรคกรรม (eczema) มีอาการรุนแรงขึ้น
  • ผิวเสื่อมเร็ว: เกิดริ้วรอยและจุดด่างดำเร็วขึ้น
  • จุดด่างดำเพิ่มขึ้น: การศึกษาพบว่าเพิ่มขึ้น 20%

กลไกการเกิดอาการ

กระบวนการทำลายผิว

  1. ฝุ่น PM 2.5 ทำลายชั้นป้องกันผิว ทำให้เกิดรอยแตกเล็กๆ
  2. สร้างอนุมูลอิสระ ที่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน
  3. กระตุ้นการอักเสบ ทำให้ผิวแดงและบวม
  4. ลดประสิทธิภาพการซ่อมแซมผิว ทำให้ผิวฟื้นตัวช้า

ข้อมูลจากการศึกษา

  • PM 2.5 เพิ่มขึ้น 10 µg/m³ = โรคกรรมเพิ่มขึ้น 7.7%
  • ผู้ที่อาศัยในเมืองที่มีหมอกควันมักรายงานว่า ผิวรู้สึกสกปรกและมีสิวมากขึ้นในวันที่อากาศแย่

ผลกระทบระยะยาว

หากไม่ได้รับการดูแล อาการแพ้ฝุ่น PM 2.5 อาจพัฒนาเป็น:

  • รอยแผลเป็นจากสิว
  • จุดด่างดำถาวร
  • ผิวเหี่ยวย่นก่อนวัย
  • ผิวมีความไวเพิ่มขึ้น

จะแยกสิวจาก PM 2.5 จากสิวประเภทอื่นได้อย่างไร?

จะแยกสิวจาก PM 2.5 ได้จากการสังเกตตำแหน่ง ความสัมพันธ์กับสภาพอากาศ และลักษณะการอักเสบ ที่แตกต่างจากสิวประเภทอื่นอย่างชัดเจน

วิธีสังเกตและแยกแยะ

1. ตำแหน่งที่เกิดสิว

สิวจาก PM 2.5:

  • บริเวณแก้ม หน้าผาก และจมูกเป็นหลัก
  • บางครั้งที่คอ
  • พื้นที่ที่สัมผัสอากาศโดยตรง

สิวฮอร์โมน:

  • ใต้คาง และขากรรไกร
  • ตามแนวโครงหน้า

สิวอุดตัน:

  • กระจายทั่วหน้า
  • ไม่จำกัดบริเวณเฉพาะ

2. ความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม

สิวจาก PM 2.5:

  • เพิ่มขึ้นในวันที่อากาศแย่
  • มากขึ้นหลังเดินทางในเมือง
  • ผิวรู้สึกสกปรกและระคายเคือง

3. ลักษณะการอักเสบ

สิวจาก PM 2.5:

  • อักเสบและแดงมาก
  • มีการระคายเคืองผิวหน้า
  • ผิวรู้สึกตึงและไม่สบาย

สิวฮอร์โมน:

  • สิวลึกและแข็ง
  • อาจกลายเป็นซิสต์
  • เป็นตามรอบเดือน

สิวอุดตัน:

  • ไม่อักเสบ
  • เป็นหัวดำหัวขาวเป็นหลัก

คำถามสำหรับการวินิจฉัย

ถามตัวเอง

  1. สิวเกิดบริเวณไหนเป็นหลัก?
  2. สิวมีมากขึ้นในวันที่อากาศแย่หรือไม่?
  3. ผิวรู้สึกสกปรกหลังออกไปข้างนอกหรือไม่?
  4. สิวมีอาการอักเสบมากแค่ไหน?
  5. อาศัยในเมืองที่มีปัญหาหมอกควันหรือไม่?

สัญญาณเตือนสำคัญ

หากคุณอาศัยในเมืองใหญ่และพบว่าสิวเพิ่มขึ้นในวันที่คุณภาพอากาศแย่ พร้อมกับผิวรู้สึกระคายเคืองที่บริเวณแก้มและหน้าผาก แสดงว่าสิวของคุณน่าจะมาจาก PM 2.5

การยืนยันจากแพทย์

แพทย์ผิวหนังสามารถช่วยวินิจฉัยได้โดย:

  • ถามประวัติการสัมผัสมลพิษ
  • สังเกตรูปแบบการเกิดสิว
  • ประเมินการตอบสนองต่อการรักษา

5 สัญญาณเตือนว่าสิวของคุณอาจเกิดจากฝุ่น PM 2.5

สัญญาณเตือนหลักที่บอกว่าสิวอาจมาจากฝุ่น PM 2.5 คือ สิวเกิดบริเวณแก้มและหน้าผาก มีอาการแย่ลงในวันที่อากาศปนเปื้อน และผิวรู้สึกระคายเคืองมาก

5 สัญญาณเตือนสำคัญ

1. ตำแหน่งการเกิดสิวเฉพาะเจาะจง

  • สิวเกิดที่แก้ม หน้าผาก และจมูกเป็นหลัก
  • บริเวณที่สัมผัสอากาศโดยตรงมากที่สุด
  • ไม่ค่อยเกิดที่ใต้คางหรือขากรรไกรเหมือนสิวฮอร์โมน

2. ความสัมพันธ์กับคุณภาพอากาศ

  • สิวเพิ่มขึ้นในวันที่อากาศแย่
  • มีอาการรุนแรงขึ้นช่วงหมอกควันหนา
  • ผิวรู้สึกแย่ลงหลังเดินทางในเมือง

3. อาการอักเสบที่รุนแรง

  • สิวแดงและอักเสบมากกว่าปกติ
  • ผิวมีการระคายเคืองและแสบร้อน
  • รู้สึกว่าผิวหน้า “ไม่สบาย” ตลอดเวลา

4. ผิวรู้สึกสกปรกและเหนียวหนืด

  • ผิวรู้สึกมีสิ่งสกปรกเกาะอยู่
  • หลังล้างหน้าแล้วยังรู้สึกไม่สะอาด
  • ผิวมีความมันเพิ่มขึ้น

5. สิวดื้อต่อการรักษาปกติ

  • ผลิตภัณฑ์รักษาสิวทั่วไปไม่ค่อยได้ผล
  • สิวกลับมาเกิดใหม่เรื่อยๆ
  • ต้องใช้เวลานานกว่าปกติในการรักษา

เช็กตัวเองด้วยคำถามง่ายๆ

✅ คำถามสำคัญ

  1. คุณอาศัยในเมืองใหญ่หรือพื้นที่ที่มีหมอกควันหรือไม่?
  2. สิวของคุณเกิดที่แก้มและหน้าผากเป็นหลักหรือไม่?
  3. สิวมีมากขึ้นในวันที่อากาศแย่หรือไม่?
  4. ผิวรู้สึกระคายเคืองและแสบร้อนบ่อยๆ หรือไม่?
  5. สิวดื้อต่อการรักษาด้วยผลิตภัณฑ์ทั่วไปหรือไม่?

🚨 ถ้าตอบ “ใช่” 3 ข้อขึ้นไป

มีความเป็นไปได้สูงว่าสิวของคุณเกิดจากฝุ่น PM 2.5

ทำไมต้องรู้?

การระบุให้ได้ว่าสิวมาจาก PM 2.5 จะช่วยให้:

  • เลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม
  • ป้องกันการเกิดซ้ำได้ดีขึ้น
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ตรงจุดมากขึ้น
  • วางแผนการดูแลผิวระยะยาวได้

ตำแหน่งไหนที่มักเกิดสิวจาก PM 2.5

ใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณแก้ม หน้าผาก และจมูก เป็นตำแหน่งที่มักเกิดสิวจาก PM 2.5 มากที่สุด เนื่องจากเป็นบริเวณที่สัมผัสกับอากาศเป็นประจำ

บริเวณที่มักเกิดสิวจาก PM 2.5

  • แก้ม – เป็นบริเวณที่เสี่ยงมากที่สุด เพราะพื้นผิวกว้างและรับอนุภาคฝุ่นโดยตรง
  • หน้าผาก – บริเวณที่โล่งและสัมผัสกับอากาศเป็นประจำ
  • จมูก – จุดที่นูนออกมา ทำให้สะสมฝุ่นได้ง่าย
  • บริเวณคอ – ในบางกรณีที่มีการสัมผัสฝุ่นมาก

ทำไมตำแหน่งเหล่านี้ถึงเสี่ยงมากกว่า

สาเหตุที่สิวจาก PM 2.5 มักเกิดในบริเวณเหล่านี้เพราะ:

  1. การสัมผัสโดยตรง – พื้นผิวใบหน้าสัมผัสกับอากาศที่มีฝุ่น PM 2.5 ตลอดเวลา
  2. การสะสมอนุภาค – ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกจากการจราจรสะสมบนผิวหนัง
  3. การอักเสบ – อนุภาคฝุ่นกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและอุดตันของรูขุมขน

คนที่อาศัยในเมืองใหญ่มักสังเกตเห็นว่าผิวหน้ารู้สึกระคายเคืองและเกิดสิวมากขึ้นในวันที่อากาศแย่ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของการเชื่อมโยงระหว่างมลพิษทางอากาศกับการเกิดสิว

ปัจจัยอื่นนอกจาก PM 2.5 ที่อาจกระตุ้นให้เกิดสิวมีอะไรบ้าง?

ปัจจัยที่อาจกระตุ้นให้เกิดสิวนอกจาก PM 2.5 ได้แก่ ความเครียด การนอนไม่เพียงพอ อาหารที่มีน้ำตาลสูงและนม รังสี UV และฮอร์โมน ซึ่งล้วนส่งผลต่อสมดุลของผิวหนัง

ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นสิว

1. ความเครียด (Stress)

  • เพิ่มระดับ cortisol ทำให้เกิดการอักเสบ
  • ลดประสิทธิภาพการซ่อมแซมผิวหนัง
  • ทำให้ผิวตอบสนองต่อมลพิษได้ง่ายขึ้น

2. การนอนไม่เพียงพอ

  • ขัดขวางกระบวนการฟื้นฟูผิวหนังตามธรรมชาติ
  • เพิ่มระดับ cortisol ในร่างกาย
  • ทำให้ผิวแพ้การอักเสบจาก PM 2.5 ได้ง่ายขึ้น

3. อาหารและเครื่องดื่ม

  • อาหารน้ำตาลสูง – กระตุ้น insulin และ IGF-1 ส่งผลให้เพิ่มการผลิตน้ำมัน
  • ผลิตภัณฑ์นม – อาจเพิ่มการอักเสบและการผลิตน้ำมัน
  • อาหารที่ขาดสารต้านอนุมูลอิสระ – ทำให้ผิวต้านทานความเสียหายได้น้อยลง

4. รังสี UV

  • ทำปฏิกิริยากับสารมลพิษสร้างอนุมูลอิสระ
  • ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน
  • เพิ่มการอักเสบร่วมกับ PM 2.5

5. ปัจจัยฮอร์โมน

  • การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนประจำเดือน – กระตุ้นการผลิตน้ำมัน
  • ฮอร์โมนแอนโดรเจน – เพิ่มขนาดต่อมน้ำมัน
  • ความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อ

ผลกระทบร่วม

เมื่อปัจจัยเหล่านี้มารวมกับ PM 2.5 จะทำให้:

  • ผิวหนังอ่อนแอและแพ้ระคายเคืองง่าย
  • การอักเสบรุนแรงขึ้น
  • การอุดตันของรูขุมขนมากขึ้น
  • การฟื้นฟูผิวช้าลง

การจัดการทั้ง PM 2.5 และปัจจัยเสริมเหล่านี้พร้อมกันจะช่วยลดการเกิดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการแก้ไขเพียงปัจจัยเดียว

จะดูแลผิวและจัดการสิวจาก PM 2.5 เบื้องต้นได้อย่างไร?

การดูแลผิวและจัดการสิวจาก PM 2.5 เบื้องต้นทำได้โดย ทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี ใช้ครีมบำรุงที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันการสัมผัสกับมลพิษ เพื่อลดการสะสมของอนุภาคฝุ่นและการอักเสบ

ขั้นตอนการดูแลผิวพื้นฐาน

1. ทำความสะอาดผิว

  • ล้างหน้าทุกคืน เพื่อขจัดฝุ่น PM 2.5 ที่สะสมตลอดวัน
  • ใช้ โฟมล้างหน้าอ่อนโยน pH สมดุล ไม่มีซัลเฟต
  • หลีกเลี่ยงการขัดถูหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์สูง
  • สำหรับผิวมัน: อาจล้างหน้า 2 ครั้งต่อวัน (เช้า-เย็น)

2. บำรุงและเสริมการป้องกัน

  • ทาครีมบำรุง ทันทีหลังล้างหน้าเพื่อเสริมสร้าง skin barrier
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่มี ceramides, niacinamide (vitamin B3) หรือ green tea extract
  • ใช้ เซรั่มสารต้านอนุมูลอิสระ ก่อนทาครีม
  • ทา ครีมกันแดด SPF 30+ ทุกวัน (mineral sunscreen ดีที่สุด)

3. การผลัดเซลล์ผิวอ่อนโยน

  • ใช้ chemical exfoliant (salicylic acid หรือ AHA) สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการขัดถูด้วยสครับหยาบ
  • ช่วยขจัดฝุ่น PM 2.5 ที่อุดตันในรูขุมขน

การป้องกันเบื้องต้น

การปกป้องจากภายนอก

  • สวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่ในที่มีมลพิษสูง
  • ตรวจสอบดัชนีคุณภาพอากาศ ก่อนออกนอกบ้าน
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง ในช่วงมลพิษสูง (เช้า-เย็น)

ปรับปรุงอากาศในบ้าน

  • ใช้ เครื่องฟอกอากาศ HEPA filter
  • เปลี่ยนไส้กรองแอร์ เป็นประจำ
  • เปิดหน้าต่างเมื่อมลพิษต่ำ

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

  • สครับหยาบและการขัดถูรุนแรง
  • โทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์เข้มข้น
  • ครีมเนื้อหนักที่อุดตันรูขุมขน
  • การล้างหน้าบ่อยเกินไป

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

หากมีอาการดังนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง:

  • สิวอักเสบรุนแรงหรือมีหนอง
  • ดูแลตามวิธีข้างต้นแล้วหลายสัปดาห์แต่ไม่ดีขึ้น
  • ส่งผลต่อจิตใจและการใช้ชีวิตประจำวัน
  • เกิดแผลเป็นหรือรอยดำ

การดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอและหลีกเลี่ยงมลพิษเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการสิวจาก PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขั้นตอนการทำความสะอาดผิวที่ถูกต้องเมื่อเผชิญฝุ่น

ขั้นตอนการทำความสะอาดผิวที่ถูกต้องเมื่อเผชิญฝุ่น PM 2.5 คือ ล้างหน้าทุกคืนด้วยโฟมล้างหน้าอ่อนโยนไม่มีซัลเฟต และทาครีมบำรุงทันทีหลังล้างหน้า เพื่อขจัดอนุภาคฝุ่นและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว

ขั้นตอนพื้นฐาน (ทุกคืน)

1. เตรียมความพร้อม

  • ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสใบหน้า
  • เปียกใบหน้าด้วยน้ำอุ่น (ไม่ร้อนจัด)

2. ทำความสะอาด

  • ใช้ โฟมล้างหน้าอ่อนโยน pH สมดุล ไม่มีซัลเฟต
  • นวดเบาๆ เป็นวงกลมประมาณ 30-60 วินาที
  • ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ให้หมดจด
  • หลีกเลี่ยง: สครับหยาบ, การขัดถู, สบู่แข็ง

3. เช็ดและบำรุง

  • ตบเบาๆ ด้วยผ้าเช็ดหน้าสะอาด (ไม่ถู)
  • ทาครีมบำรุงทันทีขณะผิวยังชื้น เพื่ออุ้มน้ำ
  • เลือกครีมที่มี ceramides หรือ niacinamide

ขั้นตอนเพิ่มเติมสำหรับผิวมันหรือสัมผัสฝุ่นมาก

Double Cleansing (ทำความสะอาด 2 ขั้นตอน)

  1. ขั้นที่ 1: ใช้คลีนซิ่งออยล์หรือมิเซลลาร์วอเตอร์ ขจัดครีมกันแดดและสิ่งสกปรก
  2. ขั้นที่ 2: ใช้โฟมล้างหน้าตามปกติ

เสริมการผลัดเซลล์ (สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง)

  • ใช้ chemical exfoliant (salicylic acid หรือ AHA)
  • ทดแทนขั้นตอนโฟมล้างหน้าในคืนที่ใช้

จังหวะเวลาที่สำคัญ

ล้างหน้าทันทีหลังสัมผัสฝุ่นมาก

  • หลังเดินทางในช่วงรถติด
  • หลังอยู่กลางแจ้งนานในวันมลพิษสูง
  • ไม่ปล่อยให้ฝุ่นค้างคืนบนผิว

ความถี่

  • ผิวปกติ: ล้างหน้าคืนละครั้ง
  • ผิวมัน/สัมผัสฝุ่นมาก: อาจล้าง 2 ครั้ง (เช้า-เย็น)
  • หลีกเลี่ยงการล้างบ่อยเกินไป (ทำผิวแห้ง เสียเกราะป้องกัน)

สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง

  • สครับเม็ด/ฟองน้ำหยาบ – ทำลายเกราะป้องกันผิว
  • โทนเนอร์แอลกอฮอล์เข้มข้น – ทำผิวแห้งจัด
  • ล้างหน้าด้วยน้ำร้อน – ลดความชุ่มชื้น
  • ไม่ทาครีมบำรุงหลังล้างหน้า – ปล่อยให้ผิวขาดความชุ่มชื้น

การทำความสะอาดอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอเป็นขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดในการป้องกันและจัดการสิวจาก PM 2.5

มีวิธีป้องกันสิวจาก PM 2.5 ในระยะยาวอย่างไร?

การป้องกันสิวจาก PM 2.5 ในระยะยาวทำได้โดย ปรับปรุงคุณภาพอากาศในบ้าน ปกป้องผิวด้วยหน้ากากและครีมกันแดด จัดการสิ่งแวดล้อมและไลフ์สไตล์ และรับประทานอาหารต้านอนุมูลอิสระ เป็นแผนการป้องกันแบบองค์รวม

ปรับปรุงคุณภาพอากาศ

ในบ้านและที่ทำงาน

  • ใช้เครื่องฟอกอากาศ HEPA filter ขจัด PM 2.5 และมลพิษอื่นๆ
  • เปลี่ยนไส้กรองระบบปรับอากาศ เป็นประจำ
  • หลีกเลี่ยงแหล่งมลพิษในร่ม เช่น บุหรี่ เทียนไข น้ำมันหอมระเหย
  • เปิดหน้าต่างเมื่อคุณภาพอากาศดี เพื่อระบายอากาศ

การจัดการกิจกรรมกลางแจ้ง

  • ตรวจสอบดัชนีคุณภาพอากาศ ก่อนออกจากบ้าน
  • หลีกเลี่ยงเวลาเสี่ยงสูง (เช้า-เย็น ช่วงรถติด)
  • อยู่ในร่มเมื่อมีการแจ้งเตือนมลพิษ

การปกป้องผิวหน้า

ป้องกันทางกายภาพ

  • สวมหน้ากากอนามัย เมื่อออกจากบ้าน (ไม่ถอดบ่อย)
  • ทาครีมกันแดด SPF 30+ ทุกวัน โดยเฉพาะ mineral sunscreen
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น vitamin C, niacinamide

การดูแลผิวประจำวัน

  • ล้างหน้าทุกคืน ด้วยโฟมอ่อนโยน
  • ใช้ครีมบำรุงที่มี ceramides เสริมสร้าง skin barrier
  • ผลัดเซลล์ผิวอ่อนโยน สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง

การดูแลสุขภาพโดยรวม

อาหารต้านอนุมูลอิสระ

  • ผลไม้และผัก ที่มีสีเข้ม (เบอร์รี่ ผักใบเขียว)
  • ถั่วและเมล็ดพืช ที่มี omega-3
  • ลดอาหารน้ำตาลสูงและนม ที่อาจกระตุ้นการอักเสบ

การจัการความเครียด

  • นอนหลับเพียงพอ 7-8 ชั่วโมง
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ (ในร่มเมื่อมลพิษสูง)
  • ฝึกสมาธิหรือโยคะ ลดการหลั่ง cortisol

แผนการป้องกันแบบบูรณาการ

ตารางรายวัน

  • เช้า: ตรวจสอบดัชนีมลพิษ → ทาครีมกันแดด → สวมหน้ากาก
  • เย็น: ล้างหน้าทันทีเมื่อกลับบ้าน → ทาครีมบำรุง
  • ก่อนนอน: ใช้เครื่องฟอกอากาศ → ล้างหน้าอีกครั้ง

การติดตามผล

  • บันทึกคุณภาพอากาศ และอาการผิวหนัง
  • ถ่ายรูปผิวเป็นประจำ เพื่อติดตามผล
  • ปรับแผนตามฤดูกาล (ช่วงฝุ่นควันต้องเข้มข้นกว่า)

เมื่อไหร่ควรปรับกลยุทธ์

  • หากมีอาการแย่ลงอย่างต่อเนื่อง ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
  • เมื่อย้ายไปอยู่พื้นที่มลพิษแตกต่าง ปรับระดับการป้องกัน
  • ช่วงฤดูมลพิษสูง เพิ่มความถี่ในการดูแลผิว

การป้องกันสิวจาก PM 2.5 ในระยะยาวต้องอาศัยการดูแลที่ครอบคลุม ตั้งแต่การควบคุมสิ่งแวดล้อม การปกป้องผิวหน้า และการดูแลสุขภาพโดยรวม ซึ่งเมื่อทำอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดผลกระทบจากมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การสวมหน้ากากอนามัยช่วยป้องกันสิวจาก PM 2.5 ได้จริงหรือ?

ใช่ หน้ากากอนามัยช่วยป้องกันสิวจาก PM 2.5 ได้จริง เนื่องจากหน้ากากช่วยปิดกั้นอนุภาคของมลพิษไม่ให้เข้าไปสะสมบนผิวหน้า

แพทย์โรคผิวหนังระบุว่าหน้ากากอนามัยไม่เพียงแต่ปกป้องปอดเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันอนุภาคมลพิษไม่ให้เจาะเข้าไปในผิวหน้าได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม การสวมหน้ากากจะมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดเมื่อ:

ข้อแนะนำในการสวมหน้ากาก

  • สวมตลอดเวลาที่อยู่กลางแจ้ง ในสภาพอากาศที่มีหมอกควัน
  • หลีกเลี่ยงการถอดใส่บ่อย เพราะการถอดใส่จะทำให้อนุภาคมลพิษสะสมบนผิวได้
  • ใช้ควบคู่กับการป้องกันอื่น เช่น การปรับปรุงคุณภาพอากาศในอาคาร การใช้เครื่องฟอกอากาศ HEPA และการทาครีมกันแดด

การรวมกลยุทธ์เหล่านี้เข้าด้วยกัน (หน้ากาก, อากาศสะอาดในอาคาร, การป้องกันแสงแดด, และการเลือกเวลาออกกลางแจ้งอย่างชาญฉลาด) จะช่วยสร้างแผนป้องกันปัญหาผิวหนังจาก PM2.5 ในระยะยาวได้อย่างครอบคลุม

ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อะไรเพื่อช่วยรักษาสิวจาก PM 2.5?

ผลิตภัณฑ์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ, ส่วนผสมที่ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว, และสารขจัดเซลล์ผิวเก่าเบาๆ เป็นสิ่งที่ควรมองหาเพื่อจัดการสิวจาก PM 2.5

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด

  • เจลล้างหน้าอ่อนโยน ที่ปราศจากซัลเฟต pH สมดุล ไม่มีน้ำหอมหรือสีเทียม
  • หลีกเลี่ยงสบู่รุนแรง หรือสครับขัดผิว ที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง

ผลิตภัณฑ์บำรุงและป้องกัน

  • ครีมบำรุงที่มี Ceramides ช่วยทดแทนส่วนประกอบเกราะป้องกันผิวธรรมชาติ
  • เซรั่มหรือโลชั่นที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ใช้หลังล้างหน้า (ก่อนทาครีมบำรุง)
  • ครีมกันแดด SPF 30 หขึ้นไป แบบกว้างสเปกตรัม โดยเฉพาะครีมกันแดดแร่ธาตุ (ที่มี zinc oxide หรือ titanium dioxide)

ผลิตภัณฑ์ขจัดเซลล์ผิวเก่า

  • Chemical exfoliant เช่น Salicylic acid (BHA) หรือ Glycolic/Lactic acid (AHA) ใช้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงสครับขัดผิว เนื่องจากอ่อนโยนกว่าและมีประสิทธิภาพดี

การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยสร้างกลุ่มอาวุธที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ

ส่วนผสมในสกินแคร์ที่ควรมองหาเพื่อจัดการสิวจาก PM 2.5

ส่วนผสมหลักที่ควรมองหาคือ Ceramides, Niacinamide, Green tea extract, และ Chemical exfoliants (BHA/AHA) เพื่อช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวและต่อสู้กับอนุมูลอิสระ

ส่วนผสมสำคัญ

1. Ceramides

  • ช่วยทดแทนส่วนประกอบเกราะป้องกันผิวธรรมชาติ ที่อาจถูกทำลายจากอนุมูลอิสระของมลพิษ
  • เพิ่มความต้านทานของผิวต่อสารระคายเคือง

2. Niacinamide (Vitamin B3)

  • เสริมสร้างเอนไซม์ซ่อมแซมผิว และมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ
  • ช่วยเสริมสร้างผิวให้แข็งแรงต่อมลพิษและลดอาการแดง

3. Green Tea Extract

  • อุดมไปด้วย polyphenols ที่ช่วยลดอนุมูลอิสระจากมลพิษได้

4. Chemical Exfoliants

  • Salicylic acid (BHA) หรือ Glycolic/Lactic acid (AHA)
  • ช่วยละลายเซลล์ผิวเก่าและทำความสะอาดรูขุมขนลึกจากอนุภาคมลพิษ
  • กระตุ้นการหมุนเวียนเซลล์และป้องกัน PM2.5 สะสมบนผิว

การใช้งาน

  • ใช้เซรั่มหรือโลชั่นที่มีสารต้านอนุมูลอิสระหลังล้างหน้า (ก่อนทาครีมบำรุง)
  • ใช้ chemical exfoliant 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
  • ทาครีมกันแดดทุกวันเป็นขั้นตอนสุดท้าย

ส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยสร้างระบบป้องกันมลพิษที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ

ผลิตภัณฑ์ที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อเป็นสิวจาก PM 2.5

ผลิตภัณฑ์ที่ควรหลีกเลี่ยงคือ สครับขัดผิวหยาบ, โทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์สูง, และครีมหนักที่อุดตันรูขุมขน เนื่องจากจะทำให้ผิวอ่อนแอและเพิ่มการระคายเคือง

ผลิตภัณฑ์ที่ต้องหลีกเลี่ยง

1. สครับขัดผิวหยาบ (Coarse Scrubs)

  • ทำให้เกิดการระคายเคือง, แดง, และเพิ่มการเจาะเข้าของมลพิษ
  • แม้จะรู้สึกสะอาดหลังขัด แต่มักทำอันตรายมากกว่าประโยชน์
  • โดยเฉพาะกับผิวที่เป็นสิวหรือเครียดจากมลพิษ

2. โทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์สูง

  • ทำให้ผิวแห้งมากและบกพร่อง
  • ผิวที่ถูกปอกออกอาจผลิตน้ำมันมากเกินไปเพื่อชดเชย ทำให้สิวแย่ลง
  • ควรเลือกโทนเนอร์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นหรือปรับสมดุล pH แทน

3. ครีมหนักที่อุดตันรูขุมขน

  • สร้างฟิล์มที่กักเก็บสิ่งสกปรกและมลพิษในรูขุมขน
  • หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อุดตันรูขุมขน (เช่น mineral oil หนาๆ หรือ lanolin)
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีฉลาก “non-comedogenic”

4. การขัดผิวมากเกินไป (Over-exfoliating)

  • ทำลายความสมบูรณ์ของผิว
  • ทำให้ผิวอ่อนแอต่อมลพิษ

ข้อสรุป

หลีกเลี่ยง: สครับหยาบ, การขัดผิวมากเกินไป, สกินแคร์ที่มีแอลกอฮอล์สูง, และครีมหนักเกินไป ในกิจวัตรประจำวัน เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของผิวในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ

ทำไมสครับขัดผิวจึงไม่เหมาะกับผิวที่เป็นสิวจาก PM 2.5?

สครับขัดผิวทำให้เกิดการระคายเคือง, แดง, และเพิ่มการเจาะเข้าของมลพิษ ทำให้ผิวที่เป็นสิวหรือเครียดจากมลพิษแย่ลงมากกว่าดีขึ้น

เหตุผลที่สครับขัดผิวไม่เหมาะสม
1. ทำลายเกราะป้องกันผิว
  • สครับหยาบทำให้ผิวบอบบาง และเพิ่มการซึมผ่านของมลพิษ
  • ผิวที่ถูกขัดจะมีรอยขีดข่วนเล็กๆ ที่มองไม่เห็น ทำให้มลพิษเข้าไปได้ง่ายขึ้น
2. เพิ่มการอักเสบ
  • การขัดทำให้เกิดการระคายเคืองและแดงมากขึ้น
  • ผิวที่เป็นสิวจาก PM 2.5 มีการอักเสบอยู่แล้ว การขัดจะทำให้รุนแรงขึ้น
3. ผลตรงข้ามกับความรู้สึก
  • แม้จะรู้สึกสะอาดหลังขัด แต่จริงๆ แล้วทำอันตรายมากกว่าประโยชน์
  • โดยเฉพาะกับผิวที่เป็นสิวหรือเครียดจากมลพิษ
ทางเลือกที่ดีกว่า
Chemical Exfoliants
  • ใช้ Salicylic acid (BHA) หรือ Glycolic/Lactic acid (AHA) แทน
  • มีประสิทธิภาพดีแต่อ่อนโยนกว่าสครับ
  • ช่วยละลายเซลล์ผิวเก่าและทำความสะอาดรูขุมขนลึกจากอนุภาคมลพิษ
เคล็ดลับการใช้
  • ใช้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
  • กระตุ้นการหมุนเวียนเซลล์และป้องกัน PM2.5 สะสมบนผิว
  • ปลอดภัยและเหมาะสมกับผิวที่ต้องเผชิญมลพิษ

การเลือกใช้ chemical exfoliants แทนสครับขัดผิวจะช่วยดูแลผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทำลายเกราะป้องกันของผิว

ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ส่งผลเสียต่อผิวแพ้ฝุ่นอย่างไร?

ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ความเข้มข้นสูงจะลอกน้ำมันธรรมชาติออกไปและทำให้ผิวแห้งอย่างรุนแรง ส่งผลให้ผิวขาดน้ำและมีความบกพร่อง

ผลกระทบของแอลกอฮอล์ต่อผิวที่แพ้ฝุ่น
1. ทำลายเกราะป้องกันผิว
  • ผิวที่ขาดน้ำและบกพร่อง จะไม่สามารถป้องกันมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ทำให้มลพิษและฝุ่น PM 2.5 เจาะเข้าไปในผิวได้ง่ายขึ้น
2. สร้างปฏิกิริยาตรงข้าม
  • ผิวที่ถูกปอกจะผลิตน้ำมันมากเกินไปเพื่อชดเชย
  • อาจทำให้สิวแย่ลงแทนที่จะดีขึ้น
3. เพิ่มความอ่อนไหวต่อมลพิษ
  • ผิวที่ขาดความชุ่มชื้นจะแสดงอาการระคายเคืองมากขึ้น
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อการอักเสบจากฝุ่นและมลพิษ
ทางเลือกที่ดีกว่า

แทนที่จะใช้โทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์สูง ควรเลือกใช้:

  • โทนเนอร์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้น หรือ
  • โทนเนอร์ที่ปรับสมดุล pH แทน

การหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์สูงจะช่วยรักษาความสมบูรณ์ของเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวสามารถต้านทานมลพิษได้ดีขึ้น

เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาสิวจาก PM 2.5?

ควรพบแพทย์เมื่อสิวรุนแรง, ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยตนเอง, หรือส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นและรอยดำถาวร

สัญญาณเตือนที่ควรพบแพทย์

1. สิวรุนแรงและอันตราย

  • สิวที่อักเสบรุนแรง สามารถทำให้เกิดความเสียหายถาวรต่อผิว (แผลเป็น, รอยดำ)
  • การแทรกแซงทางการแพทย์ตั้งแต่เนื่นๆ สามารถป้องกันความเสียหายนี้ได้

2. ไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไป

  • ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่ซื้อได้ทั่วไป และสกินแคร์อ่อนโยนอย่างต่อเนื่องหลายสัปดาห์
  • แต่ยังคงมีสิวเป็นหรือมีอาการแดงต่อเนื่อง

3. สิวปรากฏในตำแหน่งผิดปกติ

  • สิวขึ้นในบริเวณ รักแร้, ขาหนีบ, หรือด้านหลังแขน
  • อาจไม่ใช่สิวธรรมดาแต่เป็นอาการอื่น (เช่น folliculitis หรือ hidradenitis)

4. อาการแทรกซ้อน

  • มีอาการแดงรุนแรง, บวม, หรือเป็นขุย
  • อาจเป็นสัญญาณของการอักเสบหรือติดเชื้อที่รุนแรงกว่าสิวทั่วไป

5. ผลกระทบทางจิตใจ

  • หากผิวหนังที่เป็นปัญหา (ไม่ว่าจะเป็นสิวหรือผิวแพ้มลพิษ) ทำให้เกิดความเครียด, ซึมเศร้า, หรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมทางสังคม
  • แพทย์ผิวหนังสามารถให้การรักษาเข้มข้นเพื่อควบคุมอาการได้

ประโยชน์ของการพบแพทย์

แพทย์ผิวหนังมีเครื่องมือรักษาที่เหนือกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป ได้แก่ retinoids, ยาปฏิชีวนะ และการวินิจฉัยที่แม่นยำ ซึ่งจะป้องกันภาวะแทรกซ้อนและปรับปรุงสุขภาพผิวอย่างมีประสิทธิภาพ

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
สิวที่คอ: สาเหตุ วิธีรักษา และการป้องกันที่ถูกวิธี
NextContinue
สิวที่หู: สาเหตุ วิธีรักษา และเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับสิวในหู

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube