Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Acne

หน้ามันแก้ยังไง วิธีจัดการความมัน ปรับพฤติกรรมเช้า‑เย็น

Byadmin กันยายน 17, 2025กันยายน 17, 2025
By นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน Updated on กันยายน 17, 2025
✦ Medically reviewed by  แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร

หน้ามันแก้ยังไง

Table of Contents

Toggle
  • เช็กสาเหตุหลัก: ทำไมผิวของคุณจึงผลิตน้ำมันมากเกินไป
    • ปัจจัยภายใน: พันธุกรรม ฮอร์โมน และความเครียด
    • ปัจจัยภายนอก: สภาพอากาศและการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม
  • วิธีลดหน้ามันในชีวิตประจำวัน: กิจวัตรช่วงเช้าและก่อนนอน
    • กิจวัตรช่วงเช้า (AM)
    • กิจวัตรช่วงก่อนนอน (PM)
    • ขั้นตอนการล้างหน้าที่ถูกต้องสำหรับคนผิวมัน
    • การเลือกใช้โทนเนอร์และมอยเจอร์ไรเซอร์ที่คุมมัน ไม่อุดตัน
    • การเลือกใช้ครีมกันแดด: สูตรที่จำเป็นสำหรับผิวมัน
    • เทคนิคการจัดการความมันระหว่างวันอย่างถูกวิธี
  • การเลือกสกินแคร์และส่วนผสมที่คนหน้ามันควรมองหา
    • ส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมันและกระชับรูขุมขน
    • ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ผิวมันกว่าเดิม
  • จากการดูแลสู่การตัดสินใจ: ปัจจัยสำคัญก่อนเลือกวิธีแก้ปัญหา
    • ผิวมันธรรมดา vs. ผิวมันขาดน้ำ: สังเกตและดูแลต่างกันอย่างไร
    • เมื่อไหร่ที่การดูแลผิวด้วยตนเองอาจไม่เพียงพอ
    • การปรับพฤติกรรมการกินและไลฟ์สไตล์เพื่อลดหน้ามัน
  • ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยซึ่งทำให้หน้ามันยิ่งกว่าเดิม
    • การล้างหน้าบ่อยหรือแรงเกินไป
    • การงดใช้มอยเจอร์ไรเซอร์โดยสิ้นเชิง
    • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เข้มข้น
  • ทางเลือกทางการแพทย์เมื่อต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยั่งยืน
    • ทรีตเมนต์และหัตถการในคลินิกที่ช่วยควบคุมความมัน
    • การปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะสม
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลปัญหาหน้ามัน
    • ทำไมหน้าถึงผลิตน้ำมันเยอะ?
    • คนหน้ามันควรใช้มอยเจอร์ไรเซอร์หรือไม่?
    • การใช้กระดาษซับมันทำให้หน้ามันขึ้นจริงไหม?
    • ล้างหน้าบ่อยๆ ช่วยลดความมันได้หรือไม่?
    • มีวิธีลดหน้ามันแบบถาวรหรือไม่?
    • คนหน้ามันควรเลือกสกินแคร์ประเภทไหน?
  • References:

เช็กสาเหตุหลัก: ทำไมผิวของคุณจึงผลิตน้ำมันมากเกินไป

ปัจจัยภายใน: พันธุกรรม ฮอร์โมน และความเครียด

ปัจจัยภายในที่ทำให้เกิดผิวมัน ได้แก่ พันธุกรรม ฮอร์โมน และความเครียด ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของต่อมไขมัน

  • พันธุกรรม: การมีต่อมไขมันที่ทำงานมากเกินไปหรือมีขนาดใหญ่กว่าปกติมักเป็นลักษณะที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากคนในครอบครัว
  • ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเป็นตัวกระตุ้นหลัก โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgens) ที่เพิ่มขึ้นในช่วงวัยรุ่นจะกระตุ้นการผลิตน้ำมัน สำหรับผู้หญิง ความผันผวนของฮอร์โมนในช่วงรอบเดือนก็สามารถเพิ่มการผลิตซีบัมได้เช่นกัน
  • ความเครียด: ความเครียดเรื้อรังจะเพิ่มระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น และอาจทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น

ปัจจัยภายนอก: สภาพอากาศและการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม

สภาพอากาศและการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสมเป็นปัจจัยภายนอกที่สำคัญซึ่งส่งผลต่อการผลิตน้ำมันบนใบหน้า โดยสภาพอากาศที่ร้อนชื้นจะทำให้เหงื่อผสมกับน้ำมัน ทำให้ผิวดูมันวาวและอุดตันง่ายขึ้น ในขณะที่การดูแลผิวผิดวิธี เช่น การล้างหน้าบ่อยเกินไป หรือการไม่ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ จะกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันออกมาทดแทนมากขึ้น

  • สภาพอากาศ:
  • อากาศร้อนชื้น: ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน การผลิตน้ำมันมักจะเพิ่มขึ้น และเมื่อเหงื่อผสมกับน้ำมันจะยิ่งทำให้หน้าดูมันวาว
  • อากาศแห้งหรือเย็น: แม้ผิวอาจรู้สึกมันน้อยลง แต่ก็สามารถทำให้ผิวขาดน้ำ ซึ่งจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาทดแทน
  • การดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม:
  • การล้างหน้าบ่อยหรือขัดถูรุนแรง: การล้างหน้ามากกว่า 2 ครั้งต่อวัน หรือการสครับผิวแรงๆ จะทำลายเกราะป้องกันผิวและกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น
  • การไม่ใช้มอยส์เจอไรเซอร์: การปล่อยให้ผิวแห้งขาดน้ำจะส่งสัญญาณให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่เสียไป
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรง: การใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวหรือโทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์สูงมากเกินไป สามารถทำลายเกราะป้องกันผิวและนำไปสู่ภาวะหน้ามันจากการระคายเคืองได้

วิธีลดหน้ามันในชีวิตประจำวัน: กิจวัตรช่วงเช้าและก่อนนอน

การดูแลผิวหน้ามันในชีวิตประจำวันประกอบด้วยขั้นตอนการทำความสะอาด การบำรุง และการปกป้องผิวทั้งในตอนเช้าและก่อนนอน เพื่อควบคุมความมันและรักษาสมดุลของผิว

กิจวัตรช่วงเช้า (AM)

  1. ทำความสะอาด: ใช้คลีนเซอร์สูตรโฟมที่อ่อนโยน นวดเบาๆ บนใบหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น จากนั้นซับหน้าให้แห้ง
  2. ทาโทนเนอร์และเซรั่ม: อาจใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ตามด้วยเซรั่มไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) เพื่อช่วยควบคุมการผลิตซีบัม
  3. ทามอยส์เจอไรเซอร์: เลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อบางเบา ปราศจากน้ำมัน (Oil-free) หรือสูตรเจล เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นโดยไม่ทำให้ผิวมันเยิ้ม
  4. ทาครีมกันแดด: ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และระบุว่า “non-comedogenic” (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน) ซึ่งอาจเป็นสูตรเจลหรือสูตรคุมมัน (matte finish)
  5. ระหว่างวัน: ใช้กระดาษซับมันเพื่อดูดซับความมันส่วนเกิน และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ

กิจวัตรช่วงก่อนนอน (PM)

  1. ทำความสะอาด: ล้างหน้าเพื่อขจัดความมัน สิ่งสกปรก และเครื่องสำอางที่สะสมมาตลอดทั้งวัน
  2. ใช้ผลิตภัณฑ์ทรีตเมนต์: ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์ เช่น เรตินอยด์ (Retinoids) เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตัน หรืออาจสลับวันใช้กับผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวกลุ่มกรด AHA/BHA เพื่อลดการระคายเคือง
  3. ทามอยส์เจอไรเซอร์: ทามอยส์เจอไรเซอร์สูตรบางเบาเพื่อป้องกันผิวแห้ง โดยเฉพาะเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ทรีตเมนต์ที่อาจทำให้ผิวแห้งได้
  4. การดูแลเพิ่มเติม: ใช้มาสก์โคลน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อช่วยดูดซับความมัน และควรเปลี่ยนปลอกหมอนเป็นประจำ

ขั้นตอนการล้างหน้าที่ถูกต้องสำหรับคนผิวมัน

ขั้นตอนการล้างหน้าที่ถูกต้องสำหรับคนผิวมันคือ การใช้คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนในรูปแบบโฟม นวดเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ล้างหน้าไม่เกินวันละ 2 ครั้ง (เช้าและเย็น) และหลังเหงื่อออกมาก การขัดถูผิวแรงๆ จะยิ่งกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้น หลังจากล้างหน้าเสร็จแล้ว ควรใช้ผ้าสะอาดซับเบาๆ ให้แห้งแทนการถู

การเลือกใช้โทนเนอร์และมอยเจอร์ไรเซอร์ที่คุมมัน ไม่อุดตัน

ควรเลือกใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์สูงและมอยเจอร์ไรเซอร์สูตรบางเบา ปราศจากน้ำมัน (oil-free) และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) โดยมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อเจลหรือโลชั่นเป็นหลัก

  • โทนเนอร์: เลือกโทนเนอร์ที่ช่วยควบคุมความมันซึ่งอาจมีส่วนผสมของสารสกัดจากพืชที่ช่วยกระชับรูขุมขน (astringent) เช่น วิชฮาเซล (witch hazel) แต่ควรหลีกเลี่ยงสูตรที่มีแอลกอฮอล์ในปริมาณสูง เพราะจะทำให้ผิวแห้งจนเกินไปและกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น
  • มอยเจอร์ไรเซอร์: การไม่ทามอยเจอร์ไรเซอร์เลยเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะเมื่อผิวขาดน้ำจะยิ่งส่งสัญญาณให้ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ควรเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบาในรูปแบบเจลหรือเจลครีมที่ระบุว่า “oil-free” และ “non-comedogenic” โดยมองหาส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นแต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ เช่น กรดไฮยาลูรอนิก (hyaluronic acid) กลีเซอรีน (glycerin) และเซราไมด์ (ceramides)

การเลือกใช้ครีมกันแดด: สูตรที่จำเป็นสำหรับผิวมัน

ครีมกันแดดที่จำเป็นสำหรับผิวมันคือสูตรที่มีเนื้อบางเบา เช่น เนื้อเจลหรือฟลูอิด ซึ่งมักจะมีป้ายกำกับว่า “oil-free” (ปราศจากน้ำมัน), “non-comedogenic” (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน), “dry touch” (แห้งไว) หรือ “matte finish” (ให้ลุคแมตต์)

ครีมกันแดดเหล่านี้มักมีส่วนผสมอย่างซิลิกา เพอร์ไลต์ หรือซิงค์ออกไซด์ (zinc oxide) เพื่อช่วยดูดซับความมันและให้ผิวที่ไม่เงา ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF 30 เป็นอย่างต่ำและไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน นอกจากนี้ ครีมกันแดดแบบแป้งก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับผิวมันเช่นกัน

เทคนิคการจัดการความมันระหว่างวันอย่างถูกวิธี

เทคนิคการจัดการความมันระหว่างวันที่ถูกวิธีคือ การใช้กระดาษซับมันและแป้งฝุ่นโปร่งแสง ควบคู่ไปกับการหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ซึ่งเป็นวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ได้ผลดี

  • กระดาษซับมัน: ใช้เพื่อซับความมันส่วนเกินบนผิวหน้าได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้ช่วยลดการผลิตน้ำมันที่ต้นเหตุ วิธีใช้ที่ถูกต้องคือการกดเบาๆ แล้วยกขึ้นแทนการถู
  • แป้งฝุ่นโปร่งแสง: สามารถใช้ตามหลังกระดาษซับมันเพื่อช่วยให้ผิวดูแมตต์ขึ้น ควรเลือกชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic)
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า: การสัมผัสใบหน้าสามารถนำพาน้ำมันและแบคทีเรียจากมือไปสู่ใบหน้า ซึ่งอาจทำให้อาการสิวแย่ลงได้

การเลือกสกินแคร์และส่วนผสมที่คนหน้ามันควรมองหา

ส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมันและกระชับรูขุมขน

ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide), กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) และเรตินอยด์ (Retinoids) คือส่วนผสมหลักที่ช่วยควบคุมความมันและกระชับรูขุมขน ส่วนผสมเหล่านี้ทำงานแตกต่างกันเพื่อจัดการปัญหาผิวมันและรูขุมขนกว้าง

  • ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide): หรือวิตามินบี 3 ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันบนผิวโดยตรง และเมื่อใช้เป็นประจำจะช่วยให้รูขุมขนดูเล็กลง
  • กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid/BHA): เป็นกรดที่ละลายในไขมัน สามารถซึมเข้าไปในรูขุมขนเพื่อช่วยสลายน้ำมันและสิ่งสกปรกที่อุดตัน ทำให้ผิวมีความมันน้อยลง
  • เรตินอยด์ (Retinoids): ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้รูขุมขนดูเล็กลง และมีผลช่วยลดการผลิตน้ำมันเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง
  • ซิงค์ (Zinc): ส่วนผสมอย่างซิงค์ พีซีเอ (Zinc PCA) สามารถช่วยยับยั้งการผลิตน้ำมันส่วนเกินได้
  • โคลนและชาร์โคล (Clay and Charcoal): ช่วยดูดซับน้ำมันส่วนเกินออกจากรูขุมขน ทำให้ผิวแมตต์ขึ้นชั่วคราว
  • วิชฮาเซล (Witch Hazel): เป็นสารสมานผิว (astringent) จากธรรมชาติที่ช่วยกระชับรูขุมขนได้ชั่วคราว

ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ผิวมันกว่าเดิม

ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผิวมันคือ มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อหนัก น้ำมันที่ก่อให้เกิดการอุดตัน และโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์สูง เนื่องจากส่วนผสมเหล่านี้สามารถทำให้ผิวมันแย่ลงและเกิดการอุดตันได้

ส่วนผสมและผลิตภัณฑ์ที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผิวมัน ได้แก่:

  • มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อหนักและน้ำมันที่อุดตันง่าย: ควรหลีกเลี่ยงครีมเนื้อข้นหนัก รวมถึงน้ำมันบางชนิด เช่น น้ำมันมะพร้าวหรือมิเนอรัลออยล์ เพราะอาจทำให้รูขุมขนอุดตันได้
  • โทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์สูง: ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจทำให้ผิวแห้งจนเกินไป ส่งผลให้ผิวระคายเคืองและผลิตน้ำมันออกมาทดแทนมากขึ้น
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์แรงหลายชนิดพร้อมกัน: การใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวหรือรักษาสิวที่รุนแรงหลายตัวพร้อมกัน อาจทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวระคายเคืองและผลิตน้ำมันออกมามากกว่าเดิม

จากการดูแลสู่การตัดสินใจ: ปัจจัยสำคัญก่อนเลือกวิธีแก้ปัญหา

ผิวมันธรรมดา vs. ผิวมันขาดน้ำ: สังเกตและดูแลต่างกันอย่างไร

ผิวมันขาดน้ำคือสภาพผิวที่ผลิตน้ำมันออกมามากแต่ขาดน้ำในชั้นผิว ในขณะที่ผิวมันธรรมดาจะมีน้ำมันมากแต่ไม่ขาดน้ำ ซึ่งการแยกแยะสภาพผิวทั้งสองประเภทนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมีวิธีการดูแลที่แตกต่างกัน

ตารางเปรียบเทียบระหว่างผิวมันธรรมดาและผิวมันขาดน้ำ:

ลักษณะ ผิวมันธรรมดา (Truly Oily Skin) ผิวมันขาดน้ำ (Dehydrated-Oily Skin)
ความรู้สึก ผิวจะมันเยิ้มแต่ไม่รู้สึกแห้งตึง ผิวจะมันเยิ้มแต่กลับรู้สึกแห้งตึง อาจมีขุย หรือผิวดูหมองคล้ำร่วมด้วย
สาเหตุหลัก ต่อมไขมันมีขนาดใหญ่หรือทำงานมากเกินไป ซึ่งมักเป็นผลจากพันธุกรรมและฮอร์โมน เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) อ่อนแอ ทำให้ผิวสูญเสียน้ำออกไป แม้จะยังผลิตน้ำมันออกมามากก็ตาม
แนวทางการดูแล สามารถเน้นการควบคุมความมันเป็นหลักได้ เช่น ใช้มาส์กโคลน หรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูดซับความมัน ต้องเน้นการซ่อมแซมเกราะป้องกันผิวและเติมน้ำให้ผิว (เช่น ใช้เซราไมด์และไฮยาลูรอนิก แอซิด) ควบคู่ไปกับการควบคุมความมันอย่างอ่อนโยน

เมื่อไหร่ที่การดูแลผิวด้วยตนเองอาจไม่เพียงพอ

การดูแลผิวด้วยตนเองอาจไม่เพียงพอ เมื่อผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ทั่วไปไม่สามารถควบคุมความมันได้ และความมันบนใบหน้ายังคงเป็นปัญหาต่อเนื่อง สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณควรไปพบแพทย์ผิวหนัง ได้แก่

  • ผิวกลับมามันวาวอย่างรวดเร็วภายใน 1-2 ชั่วโมงหลังล้างหน้า
  • เครื่องสำอางหลุดลอกเพราะความมัน
  • เกิดสิวอักเสบหรือสิวหัวดำเป็นประจำ
  • รู้สึกว่าผิวมีความมันและไม่สบายผิวอยู่ตลอดเวลา

นอกจากนี้ หากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ก่อให้เกิดการระคายเคืองมากเกินไป หรือหากความมันบนใบหน้าส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและความมั่นใจ ก็ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง แพทย์สามารถประเมินหาสาเหตุแฝง เช่น ความไม่สมดุลของฮอร์โมน และเสนอการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าได้

การปรับพฤติกรรมการกินและไลฟ์สไตล์เพื่อลดหน้ามัน

การปรับเปลี่ยนการกินและไลฟ์สไตล์สามารถช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ โดยเน้นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวและปรับพฤติกรรมที่ส่งผลต่อการผลิตน้ำมัน

คุณสามารถปรับเปลี่ยนการกินและไลฟ์สไตล์เพื่อควบคุมความมันได้ดังนี้

  • การปรับเปลี่ยนการกิน
  • หลีกเลี่ยง: อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง (เช่น ขนมปังขาว ของหวาน เครื่องดื่มรสหวาน) เนื้อแดง และผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งอาจกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น
  • รับประทาน: อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เช่น ผัก ธัญพืชเต็มเมล็ด และปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 รวมถึงอาหารที่อุดมด้วยสังกะสี วิตามินเอ และวิตามินดี
  • การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์
  • จัดการความเครียด: หากิจกรรมลดความเครียด เช่น โยคะ หรือการทำสมาธิ เพื่อควบคุมฮอร์โมนที่กระตุ้นการผลิตน้ำมัน
  • นอนหลับให้เพียงพอ: ควรนอนหลับ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน เนื่องจากการอดนอนอาจส่งผลต่อระดับไขมันบนผิว
  • ออกกำลังกาย: การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยลดความเครียดได้ แต่ควรล้างหน้าทันทีหลังเหงื่อออกเพื่อป้องกันการอุดตัน
  • รักษาสุขอนามัย: หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ และหมั่นเปลี่ยนปลอกหมอนเพื่อลดการสะสมของน้ำมัน
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำช่วยให้ผิวไม่ขาดน้ำ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวผลิตน้ำมันออกมาทดแทน

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยซึ่งทำให้หน้ามันยิ่งกว่าเดิม

การล้างหน้าบ่อยหรือแรงเกินไป

การล้างหน้าบ่อยหรือแรงเกินไปสามารถกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผิวสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติไปมากเกินไปจนเกิดการระคายเคือง และส่งสัญญาณให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาทดแทนในปริมาณที่มากกว่าเดิม

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้ง (เช้าและเย็น) และหลังจากการออกกำลังกายที่เหงื่อออกมาก โดยควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและนวดเบาๆ ด้วยปลายนิ้วแทนการขัดถูอย่างรุนแรง

การงดใช้มอยเจอร์ไรเซอร์โดยสิ้นเชิง

การงดใช้มอยเจอร์ไรเซอร์โดยสิ้นเชิงเป็นความเข้าใจผิด เนื่องจากจะทำให้ผิวขาดน้ำ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นเพื่อชดเชย

การไม่ทามอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อหวังให้ผิวแห้งลงมักให้ผลตรงกันข้าม เพราะเมื่อผิวขาดความชุ่มชื้น ต่อมไขมันจะทำงานหนักขึ้นเพื่อผลิตน้ำมันมาเคลือบผิว วิธีที่ถูกต้องคือการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์สูตรบางเบาและปราศจากน้ำมัน (oil-free) เพื่อรักษาสมดุลและระดับน้ำในผิว ซึ่งจะช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันในระยะยาวได้ดีกว่า

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เข้มข้น

ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เข้มข้น เนื่องจากอาจทำให้ผิวระคายเคืองและแห้งเกินไป ซึ่งจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นเพื่อชดเชย

แม้ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยให้ผิวรู้สึกแมตต์ได้ชั่วคราว แต่ผลเสียในระยะยาวคืออาจทำให้ผิวแห้ง ลอก และเกิดภาวะหน้ามันแต่ขาดน้ำ (reactive oiliness) ได้ จึงควรเลือกใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมอ่อนโยนหรือมีแอลกอฮอล์ในปริมาณต่ำ และควรทามอยส์เจอไรเซอร์ตามเสมอ

ทางเลือกทางการแพทย์เมื่อต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยั่งยืน

ทรีตเมนต์และหัตถการในคลินิกที่ช่วยควบคุมความมัน

ทรีตเมนต์และหัตถการในคลินิกที่ช่วยควบคุมความมัน ได้แก่ การลอกผิวด้วยสารเคมี, การกรอผิว, เลเซอร์และแสงบำบัด, ยารับประทาน และการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งสามารถให้ผลลัพธ์ที่ทรงพลังและยาวนานกว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั่วไป

ทรีตเมนต์เหล่านี้ทำงานโดยกลไกที่แตกต่างกัน:

  • การลอกผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peels) และการกรอผิว (Microdermabrasion): ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกและดูดซีบัมออกจากรูขุมขน ทำให้ผิวดูมันน้อยลงและสะอาดขึ้น
  • เลเซอร์และแสงบำบัด (Laser and Light Therapies): เช่น เลเซอร์ AviClear และ Photodynamic Therapy (PDT) ซึ่งทำงานโดยการทำลายหรือทำให้ต่อมไขมันหดตัวเพื่อลดการผลิตน้ำมันอย่างมีนัยสำคัญและยาวนาน
  • ยารับประทาน (Oral Medications): ยาไอโซเตรติโนอิน (Isotretinoin) เป็นยาที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด สามารถลดการผลิตซีบัมได้ถึง 90% ส่วนยาฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิดและสไปโรโนแลคโตน (Spironolactone) ช่วยปรับฮอร์โมนที่กระตุ้นการผลิตน้ำมันในผู้หญิง
  • การฉีดโบท็อกซ์แบบไมโครอินเจคชั่น (Botox Microinjections): เป็นการรักษานอกข้อบ่งใช้ที่กำลังได้รับความสนใจ โดยการฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซินในปริมาณน้อยๆ เข้าไปที่ผิวชั้นตื้นเพื่อยับยั้งการผลิตน้ำมันและเหงื่อในบริเวณเฉพาะจุด เช่น หน้าผากหรือจมูก

การปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะสม

ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเมื่อการดูแลผิวด้วยตนเองที่บ้านไม่ได้ผล หรือเมื่อความมันบนใบหน้าส่งผลกระทบต่อจิตใจ โดยแพทย์สามารถประเมินหาสาเหตุที่แท้จริง เช่น ปัญหาฮอร์โมน และเสนอแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ทั่วไป

สัญญาณที่บ่งบอกว่าควรไปพบแพทย์ ได้แก่:

  • ผิวกลับมามันเยิ้มมากภายใน 1-2 ชั่วโมงหลังล้างหน้า
  • เครื่องสำอางไม่ติดทนหรือหลุดลอกเพราะความมัน
  • มีสิวอักเสบหรือสิวหัวดำเกิดขึ้นเป็นประจำ
  • รู้สึกไม่สบายผิวจากความมันตลอดเวลา
  • ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ดูแลผิวด้วยตนเองก่อให้เกิดการระคายเคืองมากเกินไป

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลปัญหาหน้ามัน

ทำไมหน้าถึงผลิตน้ำมันเยอะ?

การที่ใบหน้าผลิตน้ำมันออกมามากเป็นเพราะต่อมไขมัน (sebaceous glands) ที่มีอยู่มากบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณทีโซน มีการทำงานที่ไวเกินไป ซึ่งมักเป็นผลมาจากปัจจัยทางพันธุกรรมและฮอร์โมนเป็นหลัก

ปัจจัยหลักที่ทำให้หน้ามัน ได้แก่

  • พันธุกรรมและฮอร์โมน: ในบางคน ต่อมไขมันถูกกำหนดโดยพันธุกรรมให้มีขนาดใหญ่หรือทำงานมากกว่าปกติ นอกจากนี้ ฮอร์โมนแอนโดรเจนยังเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้การผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมผิวมันจึงมักเริ่มปรากฏในช่วงวัยแรกรุ่น
  • ปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ: ความเครียด, อาหาร และสภาพอากาศ สามารถกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน

ผิวมันถือเป็นลักษณะผิวประเภทหนึ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างถาวร แต่สามารถจัดการอาการได้ และมีข้อดีคือมักจะเกิดริ้วรอยช้ากว่าผิวประเภทอื่น เนื่องจากน้ำมันตามธรรมชาติช่วยให้ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอ

คนหน้ามันควรใช้มอยเจอร์ไรเซอร์หรือไม่?

คนหน้ามันควรใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ เพราะการไม่ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เลยถือเป็นความผิดพลาดที่อาจทำให้ผิวขาดน้ำและกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นเพื่อชดเชย

การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมจะช่วยรักษาสมดุลของผิว ทำให้ผิวผลิตน้ำมันส่วนเกินน้อยลง ควรเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์สูตรบางเบา ปราศจากน้ำมัน (oil-free) หรือเนื้อเจลครีมที่ออกแบบมาสำหรับผิวมันโดยเฉพาะ

การใช้กระดาษซับมันทำให้หน้ามันขึ้นจริงไหม?

ไม่จริง การใช้กระดาษซับมันไม่ได้ทำให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้น แต่เป็นเพียงการดูดซับน้ำมันส่วนเกินที่อยู่บนผิวชั้นนอกเท่านั้น และไม่ได้ส่งสัญญาณกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

ความเชื่อที่ว่าการซับน้ำมันออกจะทำให้ผิวผลิตน้ำมันชดเชยมากขึ้นนั้นไม่เป็นความจริง ในทางกลับกัน แพทย์ผิวหนังแนะนำว่าการซับมันเป็นวิธีที่ปลอดภัยในการจัดการความมันระหว่างวัน

ล้างหน้าบ่อยๆ ช่วยลดความมันได้หรือไม่?

ไม่ การล้างหน้าบ่อยเกินไปอาจกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นเพื่อชดเชยส่วนที่ขาดหายไป

ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแนะนำให้ล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้งในตอนเช้าและตอนเย็น และหลังจากมีเหงื่อออกมากเท่านั้น การล้างหน้าที่บ่อยเกินความจำเป็นจะไปทำลายน้ำมันตามธรรมชาติบนผิว ทำให้ผิวระคายเคืองและส่งสัญญาณให้ผลิตน้ำมันออกมามากกว่าเดิม หากรู้สึกหน้ามันระหว่างวัน ควรใช้กระดาษซับมันแทนการล้างหน้าซ้ำๆ

มีวิธีลดหน้ามันแบบถาวรหรือไม่?

ยังไม่มีวิธีใดที่สามารถลดความมันบนใบหน้าได้อย่างถาวร เนื่องจากผิวมันเป็นลักษณะผิวประเภทหนึ่งที่ถูกกำหนดโดยพันธุกรรมและฮอร์โมน อย่างไรก็ตาม สามารถควบคุมความมันให้อยู่ในระดับปกติและไม่เป็นปัญหาได้

เป้าหมายของการรักษาคือการควบคุมความมันให้อยู่ในระดับที่จัดการได้ แม้แต่การรักษาที่ได้ผลดีที่สุดอย่างยาไอโซเตรติโนอิน (Isotretinoin) ซึ่งสามารถลดการผลิตไขมันได้อย่างมากและทำให้ต่อมไขมันฝ่อลง ก็อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวรเสมอไป โดยผู้ป่วยบางรายอาจกลับมามีภาวะผิวมันอีกครั้งในอนาคต ดังนั้น การดูแลผิวอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาสภาพผิวให้สมดุล

คนหน้ามันควรเลือกสกินแคร์ประเภทไหน?

คนหน้ามันควรเลือกใช้สกินแคร์ที่ ปราศจากน้ำมัน (oil-free) ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) และมีเนื้อสัมผัสบางเบา โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “สำหรับผิวมัน/ผิวผสม” หรือ “ควบคุมความมัน (mattifying)”

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำสำหรับสภาพผิวมันมีดังนี้:

  • คลีนเซอร์: เลือกใช้คลีนเซอร์ในรูปแบบเจลหรือโฟมที่สามารถขจัดความมันส่วนเกินได้โดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง และหลีกเลี่ยงคลีนเซอร์เนื้อครีม
  • มอยส์เจอไรเซอร์: ใช้สูตรเจลหรือโลชั่นที่เป็น water-based เพื่อเติมความชุ่มชื้นโดยไม่เพิ่มความเหนอะหนะ
  • ครีมกันแดด: เลือกสูตรเจลหรือฟลูอิดที่บางเบา มีคุณสมบัติควบคุมความมัน และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน โดยมีค่า SPF 30 ขึ้นไป
  • ผลิตภัณฑ์ทรีตเมนต์: มองหาส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมันและลดการอุดตัน เช่น ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide), BHA (กรดซาลิไซลิก) และเรตินอยด์ (Retinoids)

References:

  1. American Academy of Dermatology. (n.d.). Oily Skin: Overview and Management. AAD. aad.org
  2. National Institutes of Health. (n.d.). Sebum Production and Oily Skin Research. NIH. nih.gov
  3. Healthline. (n.d.). How to Control Oily Skin: Tips and Products. healthline.com
  4. Medical News Today. (n.d.). Oily Skin: Causes and Treatment Options. medicalnewstoday.com
  5. MDPI. (n.d.). Cosmeceuticals for Oily Skin Management. mdpi.com
  6. Frontiers in Medicine. (n.d.). Advances in Sebum Control. frontiersin.org
  7. Journal of Korean Medical Science. (n.d.). Oily Skin Treatment Studies. jkms.org

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
หน้าแห้ง แก้ยังไง คู่มือดูแลผิวและเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์
NextContinue
หลุมสิวรักษาเองได้ไหม: 10 วิธีธรรมชาติที่ทำได้ที่บ้านที่ได้ผล

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube