Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Acne

ฉีดอะไรลดรอยสิว? เปิดราคาทุกหัตถการยอดนิยมที่เห็นผลจริง

Byadmin ตุลาคม 17, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on ตุลาคม 17, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
ฉีดอะไรลดรอยสิว? เปิดราคาทุกหัตถการยอดนิยมที่เห็นผลจริง

Table of Contents

Toggle
  • รอยสิวแบบไหนเหมาะกับการฉีด? การประเมินเบื้องต้น
    • รอยแดงจากสิว (Post-Inflammatory Erythema)
    • รอยดำจากสิว (Post-Inflammatory Hyperpigmentation)
    • หลุมสิวตื้น: ข้อจำกัดของการฉีดลดรอย
  • เปรียบเทียบ 4 หัตถการฉีดลดรอยสิวยอดนิยม
    • เมโสหน้าใส (Mesotherapy) เพื่อลดเม็ดสี
    • มาเด้คอลลาเจน (Made Collagen) ฟื้นฟูเซลล์ผิว
    • รีจูรัน (Rejuran) ซ่อมแซมผิวระดับ DNA
    • วิตามินผิวสูตรเข้มข้น (Aura Bright)
    • เกณฑ์การเลือกหัตถการที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ
  • ค่าใช้จ่ายและระยะเวลา: ฉีดลดรอยสิวกี่ครั้งเห็นผล?
    • ราคาต่อครั้งและโปรแกรมการรักษาโดยประมาณ
    • จำนวนครั้งที่แนะนำเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดลดรอยสิว
    • รอยสิวแบบไหนที่เหมาะกับการฉีดมากที่สุด?
    • ฉีดลดรอยสิวกี่ครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน?
    • หลังฉีดลดรอยสิวต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษอย่างไร?
    • การฉีดลดรอยสิวมีผลข้างเคียงอันตรายหรือไม่?
    • สามารถทำเลเซอร์รักษารอยสิวร่วมกับการฉีดได้ไหม?
  • References

รอยสิวแบบไหนเหมาะกับการฉีด? การประเมินเบื้องต้น

รอยแดงจากสิว (Post-Inflammatory Erythema)

รอยแดงจากสิว (Post-Inflammatory Erythema หรือ PIE) คือรอยแดงหรือรอยชมพูเรียบๆ ที่เกิดจากเส้นเลือดฝอยขยายตัวและได้รับความเสียหาย ซึ่งยังคงอยู่หลังจากสิวอักเสบหายแล้ว

รอยแดงเหล่านี้เกิดจากการมีเนื้อเยื่อที่อุดมด้วยฮีโมโกลบินเพิ่มขึ้นหลังการอักเสบ ปัจจัยที่ทำให้อาการแย่ลงและยาวนานขึ้น ได้แก่ ความรุนแรงของสิวอักเสบ การโดนแสงแดด และการแกะหรือบีบสิว ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษา รอยแดงบางชนิดอาจคงอยู่นานหลายปี

รอยดำจากสิว (Post-Inflammatory Hyperpigmentation)

รอยดำจากสิว (Post-Inflammatory Hyperpigmentation หรือ PIH) คือรอยสีน้ำตาล สีแทน หรือสีเทาที่เกิดขึ้นบริเวณที่เคยเป็นสิว ซึ่งเกิดจากการอักเสบไปกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสี (melanocytes) ให้ผลิตเมลานินออกมามากเกินไป

รอยชนิดนี้พบได้บ่อยในผู้ที่มีสีผิวเข้ม และแตกต่างจากฝ้า (melasma) ตรงที่รอยดำจากสิวจะมีรูปร่างไม่แน่นอนและเกิดตรงตำแหน่งที่เคยมีสิวอักเสบเท่านั้น ระยะเวลาในการจางลงขึ้นอยู่กับความลึกของเม็ดสี โดยอาจใช้เวลาตั้งแต่ 3-6 เดือนไปจนถึง 1-2 ปีในกรณีที่รุนแรง

หลุมสิวตื้น: ข้อจำกัดของการฉีดลดรอย

การฉีดสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์มีประโยชน์น้อยสำหรับหลุมสิวที่ตื้นมาก ละเอียด หรือมีขอบแผลเป็นที่คมชัด เนื่องจากมีช่องว่างใต้ผิวหนังน้อยเกินไปที่จะเติมเต็ม และสารเติมเต็มอาจไม่สามารถเกาะอยู่ในหลุมสิวเล็กๆ ได้ดี

สำหรับหลุมสิวประเภทนี้ การรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น การทำเลเซอร์ (laser resurfacing) หรือการผ่าตัดเลาะพังผืด (subcision) มักให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า และบ่อยครั้งที่แพทย์จะใช้การรักษาแบบผสมผสานเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เปรียบเทียบ 4 หัตถการฉีดลดรอยสิวยอดนิยม

เมโสหน้าใส (Mesotherapy) เพื่อลดเม็ดสี

เมโสหน้าใส (Mesotherapy) คือ การฉีดสารออกฤทธิ์ต่างๆ เช่น วิตามินและกรดทรานซามิกเข้าสู่ชั้นผิวหนังโดยตรง เพื่อสลายเม็ดสีส่วนเกินและปรับปรุงสีผิว

การฉีดตัวยาเข้าสู่ผิวชั้นกลาง (Dermis) โดยตรงทำให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้อย่างเข้มข้น โดยไม่ต้องผ่านเกราะป้องกันผิวชั้นนอก ส่วนผสมสำคัญที่มักใช้ ได้แก่ กรดทรานซามิก (Tranexamic Acid) ที่ช่วยลดรอยดำ, วิตามินซี และกลูตาไธโอน (Glutathione) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น การรักษานี้มีประสิทธิภาพสำหรับรอยดำ (PIH) และยังสามารถช่วยเร่งการจางลงของรอยแดง (PIE) ได้ โดยทั่วไปต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง โดยจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดหลังการทำครั้งที่ 4 หรือ 5

มาเด้คอลลาเจน (Made Collagen) ฟื้นฟูเซลล์ผิว

มาเด้คอลลาเจนคือการฉีดทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิวตามหลักโฮมีโอพาธีย์ (homeopathic) ที่ช่วยดีท็อกซ์ผิว ลดการอักเสบ และกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์เพื่อปรับสมดุลทางสรีรวิทยาของผิว การรักษานี้มุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมในชั้นผิวที่แข็งแรงเพื่อให้ผิวสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น

หลักการทำงานของมาเด้คอลลาเจนประกอบด้วย:

  • Metabolic Activation: ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดและการเผาผลาญของเซลล์ ทำให้เซลล์ผิวผลัดเปลี่ยนและฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
  • Nutrient & Cell Therapy: ส่งสารอาหารที่จำเป็น เช่น วิตามินและกรดอะมิโน ไปยังเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (fibroblasts) เพื่อเป็นสารตั้งต้นในการสร้างคอลลาเจน
  • Immune Restructuring: ปรับการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันในผิว ช่วยลดการอักเสบเรื้อรังที่มักพบในผิวที่เป็นสิวง่าย

การรักษาจะใช้เทคนิคการฉีด 16 จุดทั่วใบหน้า ซึ่งช่วยลดรอยช้ำและกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำเหลืองได้ดี มาเด้คอลลาเจนจึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เป็นสิว และมีรอยแผลเป็นตื้นๆ ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยน

รีจูรัน (Rejuran) ซ่อมแซมผิวระดับ DNA

รีจูรัน (Rejuran) ทำงานในระดับเซลล์โดยใช้สารสกัดจาก DNA แซลมอน (Polynucleotides หรือ PDRN) เข้าไปกระตุ้น “salvage pathway” ซึ่งเป็นกระบวนการซ่อมแซมและสร้าง DNA ของเซลล์ผิวขึ้นมาใหม่โดยตรง สาร PDRN จะเข้าไปจับกับตัวรับบนเซลล์ผิว (adenosine A2A receptors) เพื่อกระตุ้นการซ่อมแซม DNA ที่เสียหายและเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (fibroblasts) ให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ จึงช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น ผิวแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้น

วิตามินผิวสูตรเข้มข้น (Aura Bright)

วิตามินผิวสูตรเข้มข้น (Aura Bright) คือการฉีดส่วนผสมที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เช่น วิตามินซี กลูตาไธโอน และกรดทรานซามิกในปริมาณสูง เพื่อจัดการกับรอยดำสิว (PIH) และความหมองคล้ำโดยรวม

ส่วนผสมเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อยับยั้งการสร้างเม็ดสี ต่อต้านอนุมูลอิสระ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ การรักษาจะช่วยให้ผิวดูสว่างขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกๆ แต่สำหรับรอยดำที่ฝังแน่น แนะนำให้ฉีดทุกสัปดาห์เป็นเวลาประมาณหนึ่งเดือน จากนั้นอาจฉีดเพื่อคงสภาพทุก 2-4 สัปดาห์

เกณฑ์การเลือกหัตถการที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ

เกณฑ์การเลือกหัตถการที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับลักษณะของรอยสิวเป็นหลัก โดยแพทย์จะประเมินว่าเป็นปัญหาสีผิว (รอยดำ รอยแดง) หรือปัญหาด้านโครงสร้าง (หลุมสิว)

  • ปัญหาสีผิว (รอยดำ PIH): เหมาะกับการฉีดเมโสเทอราปีหรือสูตรเน้นความกระจ่างใส เช่น Aura Bright ที่มีส่วนผสมของ Tranexamic acid และ Glutathione เพื่อลดการสร้างเม็ดสีโดยตรง
  • ปัญหาหลุมสิว (Atrophic Scars): เหมาะกับการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน เช่น Rejuran เพื่อกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่และทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น
  • หลุมสิวรุนแรง: การฉีดเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ และมักจะต้องใช้วิธีการรักษาแบบผสมผสาน เช่น การทำเลเซอร์ การตัดพังผืด (Subcision) ร่วมกับการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนหรือฟิลเลอร์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ค่าใช้จ่ายและระยะเวลา: ฉีดลดรอยสิวกี่ครั้งเห็นผล?

โดยทั่วไปต้องฉีดต่อเนื่อง 3-5 ครั้งจึงจะเห็นผลชัดเจน โดยมักจะเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงได้หลังการฉีดครั้งที่ 2-3 เป็นต้นไป

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับจำนวนครั้ง ค่าใช้จ่าย และระยะเวลา มีดังนี้

จำนวนครั้งและความถี่: คอร์สการรักษามาตรฐานคือ 3-5 ครั้ง แต่ความถี่จะแตกต่างกันไปตามประเภทของยา เช่น

  • Mesotherapy / MADE Collagen: มักจะฉีดทุก 1-2 สัปดาห์ในช่วงแรก
  • Rejuran: มักจะฉีดห่างกันครั้งละ 4 สัปดาห์ (เดือนละครั้ง)
  • ระยะเวลาเห็นผล: ผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช่น ผิวที่ดูกระจ่างใสขึ้น อาจเห็นได้ตั้งแต่ครั้งที่ 1-2 แต่การฟื้นฟูหลุมสิวที่ต้องอาศัยการสร้างคอลลาเจนจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 3-6 เดือนหลังฉีดครบคอร์ส
  • ค่าใช้จ่ายโดยประมาณในไทย: ราคาจะแตกต่างกันมากขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่ใช้
  • Mesotherapy / MADE Collagen: ประมาณ 2,500 – 3,000 บาทต่อครั้ง
  • Rejuran: ประมาณ 8,000 – 12,000 บาทต่อครั้ง
  • การซื้อเป็นแพ็กเกจมักจะได้ราคาต่อครั้งที่ถูกลง โดยคอร์สการรักษาทั้งหมดอาจมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 10,000 บาท ไปจนถึง 40,000-50,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของยาและจำนวนครั้งที่ทำ

ราคาต่อครั้งและโปรแกรมการรักษาโดยประมาณ

ราคาต่อครั้งสำหรับการฉีดรอยสิวมีตั้งแต่ประมาณ 2,500 บาทสำหรับการทำเมโสเทอราปี ไปจนถึง 8,000–12,000 บาทสำหรับการฉีดกลุ่ม Regenerative เช่น Rejuran โดยคลินิกส่วนใหญ่มักมีโปรแกรมการรักษาแบบแพ็กเกจซึ่งช่วยให้ราคาต่อครั้งถูกลง

ราคาโดยประมาณต่อครั้งสำหรับแต่ละประเภท:

  • เมโสเทอราปี (Mesotherapy): เริ่มต้นประมาณ 2,500 บาทต่อครั้ง
  • มาเด้ คอลลาเจน (MADE Collagen): ราคาประมาณ 2,500–3,000 บาทต่อครั้ง
  • รีจูรัน (Rejuran): ราคาเฉลี่ย 8,000–12,000 บาทต่อครั้ง

สำหรับโปรแกรมการรักษาแบบแพ็กเกจ มักจะอยู่ที่ 5 ครั้งขึ้นไป เช่น มาเด้ คอลลาเจน 5 ครั้ง ราคา 9,900 บาท หรือเมโสหน้าใส 5 ครั้ง ราคาประมาณ 8,000–12,000 บาท ทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับคอร์สการรักษาทั้งหมดอาจอยู่ระหว่าง 10,000 บาท ถึง 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของยาที่ใช้

จำนวนครั้งที่แนะนำเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน

โดยทั่วไปแนะนำให้ทำต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่จำนวนครั้งจะแตกต่างกันไปตามประเภทของการฉีดและสภาพผิวของแต่ละบุคคล

  • Rejuran: แนะนำ 3-4 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์
  • เมโสหน้าใส (Mesotherapy) หรือ MADE Collagen: แนะนำ 4-5 ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง 1-2 สัปดาห์
  • ความรุนแรงของปัญหา: กรณีรอยสิวหรือหลุมสิวตื้นๆ อาจต้องการ 3 ครั้ง ในขณะที่ปัญหาระดับปานกลางอาจต้องการ 5 ครั้งขึ้นไป

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดลดรอยสิว

รอยสิวแบบไหนที่เหมาะกับการฉีดมากที่สุด?

รอยสิวที่เหมาะกับการฉีดมากที่สุดคือรอยดำ รอยแดง และหลุมสิวชนิดตื้น เช่น หลุมสิวแบบแอ่ง (rolling scars) และหลุมสิวแบบกล่อง (boxcar scars)

การฉีดจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกับรอยสิวประเภทต่างๆ ดังนี้

  • รอยดำ (PIH) และรอยแดง (PIE): ตอบสนองได้ดีต่อการฉีดเมโสเทอราปีหรือกลุ่มวิตามินผิวที่ช่วยลดเม็ดสีและเส้นเลือดฝอยโดยตรง
  • หลุมสิวแบบแอ่ง (Rolling scars): เป็นหลุมสิวลักษณะตื้น ขอบไม่ชัด เหมาะกับการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน (Rejuran) หรือฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
  • หลุมสิวแบบกล่อง (Boxcar scars): หลุมสิวที่มีขอบเขตชัดเจนแต่ไม่ลึกมาก สามารถใช้การฉีดเพื่อกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ได้

ในทางกลับกัน การฉีดมักไม่เหมาะกับหลุมสิวชนิดปากแคบและลึก (icepick scars) หรือรอยแผลเป็นนูน (hypertrophic/keloid scars) ซึ่งต้องใช้วิธีการรักษาแบบอื่นแทน

ฉีดลดรอยสิวกี่ครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน?

โดยทั่วไปแล้ว การฉีดลดรอยสิวจะเริ่มเห็นผลชัดเจนหลังทำต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้ง ขึ้นอยู่กับชนิดของยาที่ฉีดและความรุนแรงของรอยสิว

ผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้นในแต่ละครั้ง และจำนวนครั้งที่แนะนำจะแตกต่างกันไปตามประเภทการรักษา ดังนี้

  • เมโสลดรอย (Mesotherapy/Aura Bright): สำหรับรอยดำและรอยแดง มักต้องทำต่อเนื่อง 4-5 ครั้ง (สัปดาห์ละครั้ง) เพื่อให้รอยจางลงอย่างเห็นได้ชัด
  • รีจูรัน (Rejuran): สำหรับหลุมสิวตื้นๆ และฟื้นฟูผิว แนะนำให้ทำ 3 ครั้ง (เดือนละครั้ง) โดยจะเริ่มเห็นว่าผิวเรียบเนียนขึ้นหลังทำครั้งที่ 2-3 และเห็นผลเต็มที่ในเดือนถัดๆ ไป

หลังฉีดลดรอยสิวต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษอย่างไร?

การดูแลตัวเองหลังฉีดลดรอยสิวที่สำคัญที่สุดคือ การรักษาความสะอาด หลีกเลี่ยงความร้อน แสงแดด และการสัมผัสใบหน้า เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้ดีและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

ข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติมมีดังนี้:

  • การสัมผัส: ไม่ควรสัมผัส นวด หรือถูบริเวณที่ฉีดเป็นเวลาอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง
  • การทำความสะอาด: ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนและซับหน้าเบาๆ ด้วยผ้าสะอาด
  • งดแต่งหน้า: ควรงดแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการติดเชื้อและการระคายเคือง
  • หลีกเลี่ยงความร้อนและแอลกอฮอล์: งดกิจกรรมที่ทำให้หน้าโดนความร้อน เช่น ซาวน่า การออกกำลังกายหนักๆ และงดดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง เพื่อลดอาการบวมแดง
  • ป้องกันแสงแดด: ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากผิวหลังทำหัตถการจะไวต่อแสงและเสี่ยงต่อการเกิดรอยดำได้ง่าย
  • ดูแลผิวด้วยความอ่อนโยน: ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และหลีกเลี่ยงการสครับผิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น เรตินอยด์ ในช่วง 2-3 วันแรก

การฉีดลดรอยสิวมีผลข้างเคียงอันตรายหรือไม่?

โดยทั่วไปแล้ว การฉีดลดรอยสิวไม่ถือว่าเป็นอันตราย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้

ผลข้างเคียงที่พบได้ส่วนใหญ่มักไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองภายในเวลาไม่กี่วัน ได้แก่

  • รอยแดง บวม หรือรอยช้ำเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด
  • ตุ่มนูนเล็กๆ ใต้ผิว ซึ่งจะค่อยๆ ยุบไปเองภายใน 1-2 วัน
  • อาการคันเล็กน้อย

สำหรับความเสี่ยงที่รุนแรง เช่น การติดเชื้อ การแพ้ หรือการเกิดก้อนแข็งนั้นพบได้น้อยมาก และมักเกี่ยวข้องกับการทำหัตถการโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์หรือในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน

สามารถทำเลเซอร์รักษารอยสิวร่วมกับการฉีดได้ไหม?

สามารถทำเลเซอร์รักษารอยสิวร่วมกับการฉีดได้ และการรักษาร่วมกันมักให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการรักษาด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งเพียงอย่างเดียว

แพทย์ผิวหนังมักแนะนำให้ใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อจัดการกับรอยสิวที่แตกต่างกันไป โดยเลเซอร์จะช่วยปรับสภาพผิวชั้นบนให้เรียบเนียน ในขณะที่การฉีดจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวจากภายใน การรักษาสามารถทำได้ทั้งแบบสลับกัน เช่น ทำเลเซอร์ในเดือนหนึ่งและฉีดในเดือนถัดไป หรือทำในครั้งเดียวกันตามลำดับที่แพทย์กำหนดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเร่งผลลัพธ์

References

  1. PubMed Central (PMC) – National Institutes of Health. Various studies on post-inflammatory erythema, hyperpigmentation, and acne scar treatments. https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov
  2. National Center for Biotechnology Information (NCBI). Research on post-inflammatory hyperpigmentation and melanin production. https://ncbi.nlm.nih.gov
  3. Journal of Drugs in Dermatology. Topical Treatments for Melasma and PIH. https://jddonline.com
  4. JMIR Dermatology. A Narrative Review of Atrophic Post-Acne Scar Treatment. https://jmir.org
  5. Aesthetic Medicine Magazine. Use of Dermal Fillers in Atrophic Acne Scarring. https://mag.aestheticmed.co.uk
  6. DermNet New Zealand. Mesotherapy – Side Effects and Clinical Information. https://dermnetnz.org

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
10 วิธีทำให้หน้าใสไร้สิว รวมเทคนิคดูแลตามหลักการแพทย์ 2025
NextContinue
สิวผดที่หน้าผากเกิดจากอะไร? พร้อมวิธีรักษาและป้องกันอย่างถูกวิธี

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube