ลอกสิวเสี้ยน วิธีที่ถูกต้อง ลดความเสี่ยงรูขุมขนกว้าง
ลอกสิวเสี้ยนคือการดึงสิ่งอุดตันออกจากรูขุมขนให้ผิวดูเรียบขึ้น โดยยังไม่แก้สาเหตุเช่นต่อมไขมันทำงานเกินและการผลัดเซลล์ผิดปกติ หมอแนะนำให้ทำความเข้าใจว่าการลอกช่วยได้แค่ไหน ชั่งข้อดี–ข้อเสียและความเสี่ยง และดูแลหลังทำอย่างถูกต้อง โดยควบคุมความถี่ไม่เกินสัปดาห์ละ 1 ครั้งเพื่อลดการระคายเคืองและรูขุมขนดูกว้าง.
สิวเสี้ยนคืออะไร และการลอกช่วยได้จริงหรือ?
สิวเสี้ยนคือสิ่งอุดตันในรูขุมขนที่เกิดจากน้ำมันและเซลล์ผิวหนัง และการลอกสิวเสี้ยนเป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากไม่ได้แก้ไขสาเหตุที่แท้จริง เช่น ต่อมไขมันที่ผลิตน้ำมันมากเกินไป
แม้ว่าการลอกสิวเสี้ยนจะสามารถดึงเอาสิ่งอุดตันและสิ่งสกปรกบนผิวออกมาได้ ทำให้ผิวรู้สึกเรียบเนียนและรูขุมขนดูเล็กลงชั่วคราว แต่รูขุมขนที่ “ว่างเปล่า” ก็สามารถกลับมาเต็มไปด้วยไขมันและก่อตัวเป็นสิวเสี้ยนใหม่ได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ ดังนั้น การลอกสิวเสี้ยนจึงเป็นเพียงเครื่องมือด้านความงามเพื่อจัดการกับอาการที่มองเห็น แต่ไม่ใช่วิธีการรักษาให้หายขาด
ทำความเข้าใจกลไกการเกิดสิวเสี้ยนที่จมูกและคาง
สิวเสี้ยนที่จมูกและคางเกิดจาก บริเวณดังกล่าวมีความหนาแน่นของต่อมไขมัน (sebaceous glands) สูง ซึ่งทำให้มีการผลิตน้ำมันออกมามากกว่าบริเวณอื่น เมื่อน้ำมันส่วนเกินนี้รวมตัวกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จะเกิดการอุดตันในรูขุมขน สาเหตุพื้นฐานที่ทำให้เกิดสิวเสี้ยนคือต่อมไขมันที่ทำงานมากเกินไปและการผลัดเซลล์ผิวที่ผิดปกติ
การลอกสิวเสี้ยนเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุหรือไม่
ใช่ การลอกสิวเสี้ยนเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เนื่องจากเป็นการกำจัดเฉพาะสิ่งที่มองเห็นได้ แต่ไม่ได้แก้ไขสาเหตุที่แท้จริง เช่น ต่อมไขมันที่ผลิตน้ำมันมากเกินไป หรือการผลัดเซลล์ผิวที่ผิดปกติ หลังจากลอกสิวเสี้ยนออกไปแล้ว รูขุมขนที่ว่างเปล่าสามารถกลับมาเต็มไปด้วยไขมันและก่อตัวเป็นสิวเสี้ยนใหม่ได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์
ข้อดี-ข้อเสียของการลอกสิวเสี้ยน: สิ่งที่ต้องรู้ก่อนทำ
ข้อดี: ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและมองเห็นได้ทันที
ข้อดีหลักของการลอกสิวเสี้ยนคือ ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและมองเห็นได้ทันที เนื่องจากสามารถดึงเอาไขมันที่อุดตันในรูขุมขนออกมาให้เห็นบนแผ่นลอกได้ทันที ทำให้เกิดความรู้สึกว่ารูขุมขนสะอาด นอกจากนี้ ผิวอาจรู้สึกเรียบเนียนขึ้นและรูขุมขนดูเล็กลงชั่วคราวหลังการใช้งาน
ข้อเสียและความเสี่ยง: การระคายเคืองและปัญหารูขุมขน
ข้อเสียหลักของการลอกสิวเสี้ยนคืออาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง อักเสบ และอาจทำให้รูขุมขนดูกว้างขึ้น การดึงแผ่นลอกออกอย่างรุนแรงอาจทำให้ผิวหนังและผนังรูขุมขนฉีกขาดจนเกิดรอยแดงหรืออักเสบได้ นอกจากนี้ การใช้บ่อยเกินไปหรือผิดวิธีอาจทำให้รูขุมขนที่ถูกทำร้ายดูใหญ่และเห็นได้ชัดเจนขึ้น และผิวที่ระคายเคืองอาจผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ซึ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาเดิมได้
ขั้นตอนการลอกสิวเสี้ยนที่ถูกต้องและปลอดภัย 5 ขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 1: การเตรียมผิวก่อนลอกสิว
ขั้นตอนแรกในการเตรียมผิวคือการทำความสะอาดใบหน้าและใช้ความร้อนเพื่อช่วยเปิดรูขุมขน ซึ่งจะช่วยให้ไขมันที่อุดตันนิ่มลงและลอกออกได้ง่ายขึ้น
- ทำความสะอาด: ล้างหน้าให้สะอาดและซับผิวให้แห้งเบาๆ เพื่อขจัดความมันและสิ่งสกปรก
- เปิดรูขุมขน: ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นประคบบริเวณที่จะลอกสิวไว้สักครู่ เพื่อช่วยให้รูขุมขนเปิดและไขมันนิ่มลง
- ข้อควรระวัง: ไม่ควรใช้แผ่นลอกสิวบนผิวที่มีแผลเปิด สิวอักเสบ หรือผิวไหม้แดด
ขั้นตอนที่ 2: การใช้ผลิตภัณฑ์ลอกสิวอย่างถูกวิธี
ขั้นตอนที่สองคือการแปะแผ่นลอกสิวหรือทามาสก์ลอกสิว โดยต้องทิ้งไว้ตามระยะเวลาที่ผลิตภัณฑ์กำหนดเท่านั้น
- สำหรับแผ่นลอกสิว: ทำให้ผิวบริเวณนั้นเปียกน้ำตามคำแนะนำเพื่อให้แผ่นยึดเกาะได้ดี
- สำหรับมาสก์ลอกสิว: ทาเป็นชั้นสม่ำเสมอในบริเวณที่มีสิวเสี้ยน โดยหลีกเลี่ยงผิวที่บอบบาง เช่น รอบดวงตา
- ระยะเวลา: ทิ้งไว้ตามเวลาที่แนะนำ (โดยทั่วไป 5-10 นาทีสำหรับแผ่นลอกสิว) จนกว่าผลิตภัณฑ์จะแห้งพอที่จะยึดติดกับสิวเสี้ยน การทิ้งไว้นานเกินไปจะทำให้การลอกออกรุนแรงขึ้นและเสี่ยงต่อการทำร้ายผิว
ขั้นตอนที่ 3: เทคนิคการดึงแผ่นลอกเพื่อลดการบาดเจ็บ
ค่อยๆ ดึงแผ่นลอกออกอย่างช้าๆ และสม่ำเสมอ เพื่อลดการบาดเจ็บของผิวหนัง ไม่ควรกระชากหรือดึงออกอย่างรวดเร็ว หลังจากดึงแผ่นลอกออกแล้ว ไม่ควรใช้แผ่นลอกซ้ำในทันที หากมีคราบกาวติดอยู่ ให้ใช้สำลีชุบน้ำเช็ดออกเบาๆ แทนการขูดออก
ขั้นตอนที่ 4: การดูแลและปลอบประโลมผิวหลังการลอก
ขั้นตอนที่ 4 คือการทาผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นที่บางเบาและไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) เพื่อเติมน้ำให้เกราะป้องกันผิวและป้องกันไม่ให้ผิวผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป
หลังลอกแผ่นลอกสิวเสี้ยนออกแล้ว ควรดูแลผิวตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- เช็ดคราบกาวที่อาจหลงเหลืออยู่ออกเบาๆ ด้วยสำลีชุบน้ำ
- ทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อคืนความชุ่มชื้นให้ผิว เนื่องจากผิวอาจสูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติไป
- อาจใช้โทนเนอร์ เช่น วิชฮาเซล (witch hazel) เพื่อช่วยกระชับรูขุมขน หรือใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวอย่างอ่อนโยนเพื่อช่วยให้รูขุมขนสะอาด (ขั้นตอนนี้ไม่จำเป็น)
- หากต้องออกไปข้างนอก ควรทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวที่บอบบางลงหลังการลอก
ขั้นตอนที่ 5: ความถี่ที่เหมาะสมในการลอกสิวเสี้ยน
ขั้นตอนที่ 5 คือการกำหนดความถี่ในการใช้ โดยทั่วไปแนะนำให้ลอกสิวเสี้ยนไม่เกินสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง เนื่องจากการใช้บ่อยเกินไปจะทำให้ผิวระคายเคืองและอ่อนแอลง ควรทำเป็นครั้งคราวเพื่อทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ไม่ใช่การดูแลประจำวัน
เปรียบเทียบวิธีลอกสิวเสี้ยนยอดนิยม: แผ่นแปะ โคลน และสูตรธรรมชาติ
แผ่นลอกสิวเสี้ยนสำเร็จรูป
แผ่นลอกสิวเสี้ยนสำเร็จรูปคือแผ่นแปะที่ตัดสำเร็จรูปสำหรับจมูกหรือใบหน้าซึ่งมีกาวแห้งติดอยู่ โดยต้องทำให้เปียกก่อนแปะลงบนผิวเพื่อดึงสิ่งที่อุดตันในรูขุมขนออกมาเมื่อลอกออก
แผ่นลอกสิวเสี้ยนเป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการกำจัดสิวเสี้ยน โดยมีข้อดีและข้อเสียดังนี้
- ข้อดี: เห็นผลลัพธ์ได้ทันที ราคาไม่แพงต่อการใช้ และออกแบบมาให้พอดีกับบริเวณที่ใช้ เช่น จมูก
- ข้อเสีย: สามารถกำจัดได้แค่สิวเสี้ยนและสิ่งสกปรกที่อยู่ตื้นๆ ไม่สามารถดึงสิวเสี้ยนที่อุดตันลึกออกมาได้ และกาวอาจทำให้ผิวระคายเคืองหากใช้ไม่ถูกวิธี
วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีผิวค่อนข้างแข็งแรงและผิวมันที่ต้องการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายมาก
มาสก์โคลนแบบลอกออก
มาสก์โคลนแบบลอกออกคือมาสก์ที่สามารถทาได้ทั่วบริเวณกว้าง ซึ่งมักมีส่วนผสมอย่างถ่านหรือโคลนที่ช่วยดูดซับความมัน เมื่อแห้งแล้วจะลอกออกเพื่อดึงสิ่งอุดตันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากรูขุมขน
มาสก์ชนิดนี้ทำงานโดยใช้หลักการยึดเกาะเพื่อดึงสิ่งสกปรกออกจากผิว มีข้อดีคือสามารถใช้ได้ทั่วทั้งทีโซน (หน้าผาก จมูก และแก้ม) แต่ก็มีข้อเสียคืออาจเลอะเทอะและใช้เวลาแห้งนานกว่า อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการระคายเคืองได้เช่นกัน โดยจะดึงได้แค่สิ่งสกปรกบนผิวชั้นบนและขนอ่อนเป็นหลัก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวเสี้ยนในบริเวณกว้างและผิวทนต่อความแห้งได้ แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งหรือแพ้ง่าย
วิธีธรรมชาติ เช่น การใช้ไข่ขาว
วิธีธรรมชาติอย่างการใช้ไข่ขาวมาร์คหน้าไม่ได้รับการแนะนำโดยแพทย์ผิวหนัง เนื่องจากไม่มีหลักฐานว่าสามารถกำจัดสิวเสี้ยนที่อยู่ลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีนี้มักจะกำจัดได้เพียงสะเก็ดผิวและขนอ่อนบนผิวชั้นนอกเท่านั้น แม้ว่าไข่ขาวจะมีคุณสมบัติสมานผิวเล็กน้อยซึ่งอาจช่วยให้รูขุมขนดูกระชับขึ้นชั่วคราว แต่โดยทั่วไปแล้วไม่ถือว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ได้ผลจริงในการรักษาสิวเสี้ยน และยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการระคายเคืองหรือการติดเชื้อได้
เกณฑ์การเลือกวิธีที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ
เกณฑ์การเลือกวิธีที่เหมาะกับสภาพผิวคือการพิจารณาจากประเภทของผิว ความรุนแรงและบริเวณที่เป็นสิวหัวดำ และความเสี่ยงต่อการระคายเคือง โดยทั่วไปแล้วควรเลือกวิธีที่ผิวของคุณทนต่อได้และใช้ควบคู่ไปกับการดูแลผิวเพื่อป้องกันการเกิดสิวหัวดำในระยะยาว
- ผิวแข็งแรงและมัน: สามารถทนต่อการใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนหรือมาสก์ลอกสิวเสี้ยนเป็นครั้งคราวได้ดีกว่า
- ผิวแพ้ง่ายหรือผิวแห้ง: ควรเลือกวิธีที่อ่อนโยนกว่า เช่น การทำความสะอาดด้วยออยล์ (Oil Cleansing) หรือใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวเคมีอย่างกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid)
- สิวหัวดำกระจายเป็นวงกว้าง: มาสก์ลอกสิวเสี้ยนอาจเหมาะสมกว่าแผ่นลอกเฉพาะจุด
- สิวหัวดำที่ฝังลึกหรือดื้อ: อาจต้องใช้เรตินอยด์ (Retinoids) หรือการกดสิวโดยผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากวิธีลอกที่บ้านอาจไม่ได้ผล
จากวิธีลอกสู่การตัดสินใจ: ปัจจัยที่ควรพิจารณา
สภาพผิวและความรุนแรงของสิวเสี้ยน
การเลือกวิธีรักษาสิวเสี้ยนขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความรุนแรงของสิวเสี้ยนเป็นอย่างมาก โดยแต่ละสภาพผิวและความรุนแรงจะเหมาะกับวิธีดูแลที่แตกต่างกันไป
สภาพผิว:
- ผิวธรรมดาถึงผิวมัน: ผู้ที่มีผิวค่อนข้างแข็งแรงและมัน สามารถใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนหรือมาสก์ลอกหน้าได้เป็นครั้งคราว
- ผิวแห้งหรือแพ้ง่าย: ควรหลีกเลี่ยงการลอกที่รุนแรง และเลือกใช้วิธีที่อ่อนโยนกว่า เช่น การทำความสะอาดด้วยออยล์ (oil cleansing) หรือใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว
- ความรุนแรงของสิวเสี้ยน:
- สิวเสี้ยนตื้นๆ: วิธีการลอกสิวเสี้ยนที่บ้านสามารถกำจัดสิ่งอุดตันที่อยู่บนผิวชั้นบนได้ดี
- สิวเสี้ยนอุดตันลึกหรือมีจำนวนมาก: การลอกสิวเสี้ยนด้วยตัวเองอาจไม่ได้ผล และอาจจำเป็นต้องใช้เรตินอยด์หรือเข้ารับการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ เช่น การกดสิว หรือการทำเคมีคอลพีลลิ่ง
ความคาดหวังต่อผลลัพธ์ในระยะยาว
การลอกสิวเสี้ยน ให้ผลลัพธ์เพียงชั่วคราวและไม่ใช่การแก้ปัญหาระยะยาว เนื่องจากเป็นเพียงการกำจัดสิ่งที่อุดตันที่มองเห็นได้ แต่ไม่ได้แก้ไขสาเหตุที่แท้จริง เช่น การผลิตน้ำมันที่มากเกินไป ด้วยเหตุนี้ รูขุมขนจึงสามารถกลับมาอุดตันและก่อตัวเป็นสิวเสี้ยนใหม่ได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์
หากต้องการผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ควรใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ช่วยป้องกันการอุดตัน เช่น กรดซาลิไซลิกหรือเรตินอยด์ ควบคู่กันไป
การดูแลผิวควบคู่เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ
การป้องกันสิวหัวดำเกิดซ้ำที่ดีที่สุดคือ การดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เช่น การใช้สารผลัดเซลล์ผิวและเรตินอยด์ ควบคู่ไปกับการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยนเป็นประจำ
แนวทางการดูแลผิวเพื่อป้องกันสิวหัวดำมีดังนี้:
- ใช้สารผลัดเซลล์ผิว (Chemical Exfoliants): กรดซาลิไซลิก (BHA) สามารถซึมเข้าสู่รูขุมขนเพื่อช่วยทำความสะอาดและป้องกันการอุดตัน ส่วนกรดอัลฟ่าไฮดรอกซี (AHA) จะช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก
- ใช้เรตินอยด์ (Retinoids): ผลิตภัณฑ์กลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ เช่น อะแดพาลีน (Adapalene) ช่วยปรับวงจรการผลัดเซลล์ผิวให้เป็นปกติ ทำให้สิวหัวดำลดลงในระยะยาว
- ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ: ล้างหน้าเบาๆ ทุกวันและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic) เพื่อไม่ให้รูขุมขนอุดตันง่ายขึ้น
- ใช้ส่วนผสมอื่นๆ: ส่วนผสมอย่างไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) สามารถช่วยลดการผลิตน้ำมัน และกรดอะซีลาอิก (Azelaic acid) ก็เป็นอีกทางเลือกที่อ่อนโยนในการช่วยลดการอุดตัน
ความเข้าใจผิดและข้อควรระวังในการกำจัดสิวเสี้ยน
ความเชื่อที่ว่าการลอกสิวทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นถาวร
ความเชื่อที่ว่าการลอกสิวทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นถาวรนั้น โดยส่วนใหญ่แล้วไม่เป็นความจริง แผ่นลอกสิวเสี้ยนไม่ได้ยืดรูขุมขนให้กว้างขึ้นอย่างถาวรได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากรูขุมขนไม่มีกล้ามเนื้อที่จะยืดออกไปได้ อย่างไรก็ตาม การใช้งานที่ไม่ถูกวิธี เช่น การดึงแรงเกินไปหรือใช้บ่อยเกินไป อาจทำให้ผิวระคายเคืองและส่งผลให้รูขุมขนดูใหญ่ขึ้นได้ชั่วคราว
ข้อห้าม: สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อต้องการกำจัดสิวเสี้ยน
ข้อห้ามสำคัญในการกำจัดสิวเสี้ยนคือ การใช้ผลิตภัณฑ์ลอกสิวเสี้ยนบนผิวที่ระคายเคืองหรือเป็นแผล, การใช้งานบ่อยเกินไป, และการดึงแผ่นลอกออกอย่างรุนแรง การกระทำเหล่านี้อาจทำให้ผิวหนังเสียหายและทำให้อาการแย่ลงได้
ข้อควรระวังและสิ่งที่ไม่ควรทำเพิ่มเติมมีดังนี้:
- ห้ามใช้กับผิวที่มีปัญหา: ไม่ควรใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนบนผิวที่กำลังอักเสบ, เป็นสิวมีหัว, ผิวไหม้แดด, หรือมีแผลเปิด
- ห้ามใช้งานบ่อยเกินไป: การใช้แผ่นลอกทุกวันหรือหลายครั้งต่อสัปดาห์จะทำให้ผิวระคายเคืองและอาจผลิตน้ำมันมากขึ้น ควรใช้ไม่เกินสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- ห้ามทิ้งผลิตภัณฑ์ไว้นานเกินกำหนด: การทิ้งแผ่นลอกหรือมาสก์ไว้นานกว่าเวลาที่แนะนำจะทำให้การลอกออกรุนแรงขึ้นและเสี่ยงต่อการทำร้ายผิว
- ห้ามดึงหรือกระชากแผ่นลอก: ควรลอกออกอย่างช้าๆ และสม่ำเสมอเพื่อลดการบาดเจ็บของผิว
- ห้ามใช้แผ่นลอกซ้ำในครั้งเดียว: การใช้แผ่นลอกเพียงครั้งเดียวต่อการทำหนึ่งครั้งก็เพียงพอแล้ว การทำซ้ำจะยิ่งสร้างความระคายเคือง
- ห้ามบีบสิวเสี้ยนด้วยเล็บ: เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและรอยแผลเป็นได้
- หลีกเลี่ยงวิธี DIY ที่ไม่ได้รับการรับรอง: เช่น การใช้ไข่ขาวหรือกาว ซึ่งไม่มีหลักฐานว่าได้ผลจริงและอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้
ทางเลือกอื่นในการรักษาสิวเสี้ยน และเมื่อไหร่ควรพบแพทย์
การใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมช่วยผลัดเซลล์ผิว
การใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมช่วยผลัดเซลล์ผิวเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการจัดการสิวหัวดำ เนื่องจากเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุแทนการกำจัดออกเพียงชั่วคราว โดยส่วนผสมที่แนะนำมีดังนี้
- กรดซาลิไซลิก (BHA) ซึมเข้าสู่รูขุมขนเพื่อช่วยขจัดสิ่งอุดตัน
- กรดอัลฟ่าไฮดรอกซี (AHA) เช่น กรดไกลโคลิก ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ทำให้ปากรูขุมขนสะอาด
- เรตินอยด์ (Retinoids) ช่วยปรับการผลัดเซลล์ผิวให้เป็นปกติและป้องกันการเกิดสิวหัวดำ
- กรดอะซีลาอิก (Azelaic acid) เป็นทางเลือกที่อ่อนโยน ช่วยลดการอุดตันและมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ
หัตถการในคลินิก: การกดสิวและทรีตเมนต์อื่นๆ
หัตถการในคลินิกสำหรับรักษาสิวหัวดำมีหลายวิธี เช่น การกดสิวโดยผู้เชี่ยวชาญ, การกรอผิว (microdermabrasion), การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (chemical peels), เลเซอร์, HydraFacial/Aqua peeling และ Agnes RF ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพกว่าการดูแลด้วยตนเอง โดยเฉพาะสำหรับสิวหัวดำที่อยู่ลึกหรือรักษายาก
- การกดสิว: ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เครื่องมือที่ผ่านการฆ่าเชื้อเพื่อกดสิวหัวดำออกอย่างหมดจด โดยไม่ทำให้ผิวบอบช้ำ
- Microdermabrasion: เป็นการ “กรอ” ผิวชั้นบนออกเพื่อช่วยให้สิวที่อุดตันหลุดออกไป
- Chemical Peels: แพทย์ผิวหนังจะใช้กรดความเข้มข้นสูงเพื่อลอกผิวชั้นนอกออก ช่วยกำจัดสิ่งสกปรกในรูขุมขน
- เลเซอร์และแสงบำบัด: เป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยรักษาสิวหัวดำ เช่น การทำเลเซอร์เพื่อช่วยให้ต่อมไขมันหดตัว
- HydraFacial/Aqua peeling: ใช้เครื่องดูดสุญญากาศร่วมกับสารละลายที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเพื่อทำความสะอาดรูขุมขน
- Agnes RF: เป็นการใช้คลื่นวิทยุผ่านเข็มขนาดเล็กเพื่อทำลายต่อมไขมันที่ทำงานผิดปกติ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิวหัวดำเรื้อรัง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลอกสิวเสี้ยน
ลอกสิวเสี้ยนบ่อยแค่ไหนถึงจะดี?
โดยทั่วไปแล้ว ไม่ควรลอกสิวเสี้ยนบ่อยเกินสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เนื่องจากการใช้บ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวระคายเคืองและอาจทำให้รูขุมขนดูกว้างขึ้นได้ในระยะยาว
ใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนแล้วรูขุมขนกว้างขึ้นจริงไหม?
โดยส่วนใหญ่แล้ว ไม่ได้ทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นอย่างถาวร แต่การใช้ที่ไม่ถูกวิธีอาจทำให้รูขุมขนดูกว้างขึ้นได้ชั่วคราว
การใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนบ่อยเกินไป หรือดึงออกแรงและเร็วเกินไป อาจทำให้ผิวระคายเคือง เกิดการฉีกขาดเล็กน้อย หรือกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้รูขุมขนดูใหญ่และเห็นได้ชัดขึ้นได้
หลังลอกสิวเสี้ยนควรดูแลผิวอย่างไร?
การดูแลผิวหลังลอกสิวเสี้ยนคือการปลอบประโลม เติมความชุ่มชื้น และปกป้องผิว ซึ่งสามารถทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ทำความสะอาดเบาๆ: ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเพื่อกำจัดคราบกาวหรือมาสก์ที่ตกค้าง
- ปลอบประโลมผิว: ใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์หรือใช้ผ้าชุบน้ำเย็นประคบเพื่อช่วยลดรอยแดงและกระชับรูขุมขน
- เติมความชุ่มชื้น: ทามอยส์เจอไรเซอร์ชนิดไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) เพื่อคืนความชุ่มชื้นให้เกราะป้องกันผิว
- ปกป้องผิว: หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหนักๆ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรง และควรทาครีมกันแดดหากต้องออกแดด เนื่องจากผิวจะไวต่อแสงเป็นพิเศษ
การลอกสิวเสี้ยนช่วยให้สิวหายถาวรหรือไม่?
การลอกสิวเสี้ยนไม่ได้ช่วยให้สิวหายถาวร แต่เป็นการกำจัดสิ่งอุดตันที่มองเห็นได้ชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากรูขุมขนสามารถกลับมาเต็มไปด้วยไขมันและเซลล์ผิวได้อีกครั้งภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ การลอกสิวเสี้ยนจึงเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ไม่ได้แก้ไขสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดสิวเสี้ยน
มีวิธีอื่นในการกำจัดสิวเสี้ยนที่ปลอดภัยกว่าไหม?
ใช่, มีวิธีอื่นที่ปลอดภัยกว่าการลอกสิวเสี้ยน ซึ่งแพทย์ผิวหนังมักแนะนำมากกว่าการใช้แผ่นลอก
ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า ได้แก่:
- การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี: การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอย่างกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) จะช่วยทำความสะอาดรูขุมขนได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือการใช้เรตินอยด์ (Retinoids) จะช่วยควบคุมการผลัดเซลล์ผิวและป้องกันการอุดตัน
- การกดสิวโดยผู้เชี่ยวชาญ: แพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญสามารถกดสิวเสี้ยนที่ฝังลึกออกได้อย่างปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของผิว
- การทำความสะอาดด้วยออยล์ (Oil Cleansing): เป็นวิธีที่อ่อนโยนในการค่อยๆ ละลายสิ่งอุดตันในรูขุมขนโดยไม่ทำให้ผิวระคายเคืองจากการดึงหรือลอก
ควรลอกสิวเสี้ยนตอนเช้าหรือตอนกลางคืน?
โดยทั่วไปแล้ว ควรลอกสิวเสี้ยนในตอนเย็น
การลอกสิวเสี้ยนในตอนเย็นจะช่วยให้ผิวมีเวลาฟื้นตัวในชั่วข้ามคืนโดยไม่ต้องสัมผัสกับแสงแดด สิ่งสกปรก หรือการแต่งหน้า ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ เมื่อถึงตอนเช้า รอยแดงต่างๆ ก็มักจะลดลงแล้ว
References:
- Cleveland Clinic. (n.d.). Blackheads: What They Look Like, Treatment & Prevention. Cleveland Clinic – Health Library. clevelandclinic.org
- Ochsner Health. (n.d.). Here’s Why Pore Strips Are a Bad Idea for Your Skin. Ochsner Health Blog. ochsner.org
- Palmer, A. (n.d.). Do Pore Strips Actually Work for Blackhead Removal? Verywell Health. verywellhealth.com
- Cherney, K. (n.d.). 20 Ways to Treat and Prevent Deep Blackheads. Healthline. healthline.com
- Anderson, J. (n.d.). Nose Strips for Blackheads and Pores: Good or Bad? Healthline. healthline.com

