Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Acne

สิวขึ้นตามตัวเกิดจากอะไร? แก้ยังไงให้ยุบไว ลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ

Byadmin กันยายน 20, 2025กันยายน 20, 2025
By นายแพทย์พนิต อุนรัตน์ Updated on กันยายน 20, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน

สิวขึ้นตามตัว ต้องทำอย่างไร

Table of Contents

Toggle
  • สิวตามตัวคืออะไร?
  • สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวขึ้นตามลำตัว
    • การอุดตันของรูขุมขนและน้ำมันส่วนเกิน
    • ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงวัย
    • ปัจจัยภายนอก: เสื้อผ้า เหงื่อ และผลิตภัณฑ์ที่ใช้
    • การเสียดสีและการระคายเคืองผิวหนังซ้ำๆ
    • ปัจจัยอื่นๆ เช่น พันธุกรรมและความเครียด
  • ลักษณะตุ่มและสิวที่พบบ่อยตามลำตัว
    • สิวอุดตันและสิวอักเสบ (Acne Vulgaris)
    • รูขุมขนอักเสบ (Folliculitis)
    • สิวเชื้อราหรือสิวยีสต์ (Malassezia Folliculitis)
  • วิธีดูแลและจัดการสิวตามตัวเพื่อลดการอักเสบ
    • การดูแลความสะอาดและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
    • การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดปัจจัยกระตุ้น
    • การรักษาโดยแพทย์: ยาทาและหัตถการทางการแพทย์
  • ข้อควรพิจารณาก่อนเลือกวิธีรักษาสิวตามตัว
    • ประเมินความรุนแรงและลักษณะของสิวที่เป็น
    • การตอบสนองต่อการดูแลด้วยตนเองเบื้องต้น
    • ผลข้างเคียงและความคาดหวังจากการรักษาแต่ละวิธี
  • ข้อผิดพลาดที่ควรเลี่ยงซึ่งอาจทำให้สิวตามตัวแย่ลง
  • สัญญาณเตือน: เมื่อไหร่ที่สิวตามตัวควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวขึ้นตามตัว
    • สิวตามตัวเกิดจากเหงื่อและความร้อนจริงไหม?
    • สิวที่หลังกับที่หน้าอกเกิดจากสาเหตุเดียวกันหรือไม่?
    • ควรบีบสิวที่มีหนองตามลำตัวหรือไม่?
    • สิวตามตัวแบบไหนที่บ่งชี้ว่าควรไปพบแพทย์?
    • การสครับผิวช่วยลดสิวตามลำตัวได้จริงไม่?
    • เสื้อผ้าที่ใส่มีผลต่อการเกิดสิวตามตัวอย่างไร?
  • References:
  • Author

สิวตามตัวคืออะไร?

สิวตามตัวคือสิวที่เกิดขึ้นบริเวณอื่นของร่างกายนอกเหนือจากใบหน้า โดยมักจะพัฒนาในบริเวณผิวหนังที่มีต่อมไขมันจำนวนมาก เช่น หลัง หน้าอก และหัวไหล่ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิดการอุดตันได้ง่ายเหมือนกับผิวหน้า

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวขึ้นตามลำตัว

การอุดตันของรูขุมขนและน้ำมันส่วนเกิน

การอุดตันของรูขุมขนและน้ำมันส่วนเกินเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหลัง หน้าอก และไหล่ซึ่งมีต่อมไขมันจำนวนมาก เมื่อต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปร่วมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จะทำให้รูขุมขนอุดตันกลายเป็นสิวอุดตัน (comedones) ซึ่งเป็นสภาวะที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและการอักเสบตามมา

ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงวัย

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยรุ่น การตั้งครรภ์ หรือช่วงมีประจำเดือน สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวที่ลำตัวได้ โดยเฉพาะฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะไปกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนผิวหนังให้มากขึ้นจนเป็นสาเหตุของการเกิดสิว

ปัจจัยภายนอก: เสื้อผ้า เหงื่อ และผลิตภัณฑ์ที่ใช้

เหงื่อ การเสียดสีจากเสื้อผ้า และผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นปัจจัยภายนอกที่ทำให้สิวที่ลำตัวแย่ลงได้ โดยปัจจัยเหล่านี้กระตุ้นให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและการระคายเคือง

  • เหงื่อ: การปล่อยให้เหงื่อหมักหมมบนผิวหนัง โดยเฉพาะหลังการออกกำลังกาย จะทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดการระคายเคือง
  • เสื้อผ้า: เสื้อผ้าที่รัดแน่นหรือทำจากผ้าที่ไม่ระบายอากาศจะกักเก็บความชื้นและเกิดการเสียดสีกับผิวหนัง ทำให้รูขุมขนอักเสบและเกิดสิวได้ง่ายขึ้น
  • ผลิตภัณฑ์: ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมที่มีส่วนผสมของน้ำมันสามารถไหลลงมาสัมผัสผิวบริเวณหลังและไหล่ ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนได้

การเสียดสีและการระคายเคืองผิวหนังซ้ำๆ

การเสียดสีและการระคายเคืองผิวหนังซ้ำๆ เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิวที่ลำตัวได้ โดยการเสียดสีจากเสื้อผ้าที่รัดแน่น, อุปกรณ์กีฬา, หรือแม้แต่พนักเก้าอี้ สามารถทำลายรูขุมขนและทำให้เกิดสิวได้ โดยเฉพาะเมื่อรวมกับเหงื่อและความอับชื้น

ปัจจัยอื่นๆ เช่น พันธุกรรมและความเครียด

พันธุกรรมและความเครียดเป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้เกิดสิวที่ลำตัวได้ โดยพันธุกรรมอาจมีอิทธิพลต่อระดับฮอร์โมน ความมันของผิว และการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน ในขณะที่ความเครียดไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรง แต่ระดับความเครียดที่สูงสามารถกระตุ้นให้สิวเห่อขึ้นได้จากการเพิ่มการอักเสบและการผลิตน้ำมันในผิวหนัง

ลักษณะตุ่มและสิวที่พบบ่อยตามลำตัว

สิวอุดตันและสิวอักเสบ (Acne Vulgaris)

สิวอุดตันและสิวอักเสบ (Acne Vulgaris) คือภาวะที่รูขุมขนอุดตันจากการผลิตน้ำมันที่มากเกินไปร่วมกับการผลัดเซลล์ผิวที่ผิดปกติ การอุดตันนี้ทำให้เกิดสิวหัวดำและสิวหัวขาว (comedones) ซึ่งเป็นลักษณะเด่นที่ใช้ในการวินิจฉัย และอาจนำไปสู่การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและการอักเสบตามมาได้ สิวประเภทนี้มักเกิดขึ้นในบริเวณที่มีต่อมไขมันจำนวนมาก เช่น ใบหน้า หลัง หน้าอก และไหล่

รูขุมขนอักเสบ (Folliculitis)

รูขุมขนอักเสบ (Folliculitis) คือการติดเชื้อที่รูขุมขน ซึ่งเกิดได้จากเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา ทำให้เกิดเป็นตุ่มหนองแดงๆ ที่มีอาการเจ็บหรือคัน

ลักษณะสำคัญที่ใช้แยกจากสิวทั่วไปคือ รูขุมขนอักเสบมักจะไม่มีสิวอุดตัน (comedones) หรือสิวหัวดำ/หัวขาวร่วมด้วย ปัจจัยกระตุ้นที่พบบ่อย ได้แก่ การโกนขน แว็กซ์ขน การใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นและอับชื้น หรือการติดเชื้อจากอ่างน้ำร้อนที่ไม่สะอาด

สิวเชื้อราหรือสิวยีสต์ (Malassezia Folliculitis)

สิวเชื้อราหรือสิวยีสต์ (Malassezia Folliculitis) คือ ภาวะรูขุมขนอักเสบที่เกิดจากการเจริญเติบโตของเชื้อรายีสต์ Malassezia มากผิดปกติ ซึ่งมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสิวทั่วไป สิวชนิดนี้มีลักษณะเป็นตุ่มแดงหรือตุ่มหนองเล็กๆ ขนาดเท่าๆ กัน มักขึ้นเป็นกลุ่ม และมีอาการคันเป็นลักษณะเด่น ซึ่งแตกต่างจากสิวทั่วไปที่จะไม่มีอาการคันและมีสิวอุดตัน (สิวหัวดำ/สิวหัวขาว) ร่วมด้วย โดยสิวเชื้อมักพบบริเวณหน้าอก หลังส่วนบน ไหล่ และตามแนวไรผม การรักษาต้องใช้ยาต้านเชื้อรา ไม่ใช่ยารักษาสิวทั่วไป

วิธีดูแลและจัดการสิวตามตัวเพื่อลดการอักเสบ

การดูแลและจัดการสิวตามตัวสามารถทำได้โดยการรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสม และใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่หาซื้อได้เอง เพื่อลดการอักเสบและป้องกันการเกิดสิวใหม่ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้

  • การทำความสะอาด: อาบน้ำทันทีหลังออกกำลังกายเพื่อชำระล้างเหงื่อและแบคทีเรีย ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) หรือกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) และหลีกเลี่ยงการขัดถูผิวแรงๆ
  • การเลือกเสื้อผ้า: สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมและระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย และเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกเหงื่อทันที นอกจากนี้ควรซักผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ
  • การใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิว: ใช้ผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้เอง (OTC) เช่น เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (BPO) ซึ่งช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย, กรดซาลิไซลิกที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตัน หรือ Adapalene gel ซึ่งเป็นเรตินอยด์ที่ช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่
  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: หลีกเลี่ยงการบีบหรือแกะสิวเพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบและรอยแผลเป็นได้ การจัดการความเครียดและการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลน้อยอาจช่วยลดการเกิดสิวในบางคนได้

การดูแลความสะอาดและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

การดูแลความสะอาดที่สำคัญที่สุดคือการอาบน้ำทันทีหลังเหงื่อออกโดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนและมีส่วนผสมของยา เช่น เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (BPO) หรือกรดซาลิไซลิก เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันในรูขุมขน

นอกจากนี้ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด:

  • ทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน: อาบน้ำด้วยน้ำอุ่นและหลีกเลี่ยงการขัดถูผิวแรงๆ เพราะอาจทำให้สิวอักเสบมากขึ้น
  • เปลี่ยนเสื้อผ้าทันที: เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ชุ่มเหงื่อโดยเร็วที่สุด และซักเสื้อผ้าก่อนนำกลับมาใส่ใหม่
  • รักษาความสะอาดของเครื่องนอน: ซักผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ (เช่น ทุกสัปดาห์) เพื่อกำจัดน้ำมันและแบคทีเรียที่สะสม
  • เลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสม: สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมและระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย เพื่อลดการเสียดสีและความอับชื้น
  • ให้ความชุ่มชื้น: ใช้โลชั่นที่ระบุว่า “ไม่อุดตันรูขุมขน” (non-comedogenic) เพื่อป้องกันผิวแห้งจากการใช้ยารักษาสิว

การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดปัจจัยกระตุ้น

การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดปัจจัยกระตุ้นสิวที่ลำตัว คือการรักษาความสะอาดของร่างกายและเสื้อผ้า การเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี และการหลีกเลี่ยงการระคายเคืองผิว

พฤติกรรมที่แนะนำเพื่อช่วยลดสิวที่ลำตัวมีดังนี้

  • อาบน้ำทันทีหลังออกกำลังกาย เพื่อชำระล้างเหงื่อและแบคทีเรียที่อาจอุดตันรูขุมขน
  • สวมเสื้อผ้าที่สะอาดและระบายอากาศได้ดี ควรเลือกผ้าที่ระบายเหงื่อได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย และเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกชื้นทันที
  • ซักผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเพื่อกำจัดน้ำมันและแบคทีเรียที่สะสมอยู่
  • หลีกเลี่ยงการขัดถูผิวรุนแรง การสครับผิวแรงๆ อาจทำให้เกิดการอักเสบและสิวแย่ลง ควรทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน
  • ไม่บีบหรือแกะสิว เพราะอาจทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายลึกลงไปในผิวหนังและทิ้งรอยแผลเป็นไว้
  • จัดการความเครียด เนื่องจากความเครียดสามารถกระตุ้นการผลิตน้ำมันและการอักเสบของผิวได้

การรักษาโดยแพทย์: ยาทาและหัตถการทางการแพทย์

การรักษาโดยแพทย์สำหรับสิวที่ลำตัวมีทั้งยาทาตามใบสั่งแพทย์และหัตถการต่างๆ เพื่อจัดการกับสิวที่มีความรุนแรงปานกลางถึงรุนแรง

ยาทาตามใบสั่งแพทย์ (Prescription Topicals)

  • Topical Retinoids: เช่น ครีม Trifarotene ซึ่งเป็นเรตินอยด์ที่ได้รับการรับรองสำหรับใช้กับสิวบริเวณลำตัวโดยเฉพาะ ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน
  • Topical Antibiotics: เช่น Clindamycin มักใช้ร่วมกับ Benzoyl Peroxide (BPO) เพื่อลดเชื้อแบคทีเรียและป้องกันการดื้อยา

หัตถการทางการแพทย์ (Medical Procedures)

  • การบำบัดด้วยแสงและเลเซอร์ (Light and Laser Therapies): การใช้แสง LED สีฟ้าหรือสีแดงเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ
  • การลอกผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peels): ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นบน ลดการอุดตัน และทำให้รอยดำจางลง
  • Microneedling: มักใช้เพื่อรักษาหลุมสิวหรือรอยแผลเป็นหลังจากสิวหายแล้ว มากกว่าการรักษาสิวที่ยังอักเสบอยู่

ข้อควรพิจารณาก่อนเลือกวิธีรักษาสิวตามตัว

ประเมินความรุนแรงและลักษณะของสิวที่เป็น

การประเมินความรุนแรงของสิวจะพิจารณาจากจำนวน ลักษณะของสิว และการเกิดรอยแผลเป็น โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้ดังนี้

  • สิวระดับไม่รุนแรง: มีสิวเพียงไม่กี่เม็ดในบริเวณเล็กๆ
  • สิวระดับปานกลางถึงรุนแรง: มีสิวขึ้นเป็นบริเวณกว้าง เช่น เต็มแผ่นหลัง มีสิวอักเสบจำนวนมาก หรือมีสิวซีสต์ที่เป็นก้อนลึกใต้ผิวหนัง
  • สัญญาณที่บ่งชี้ว่ารุนแรง: หากสิวมีอาการเจ็บ ทิ้งรอยดำ หรือเริ่มทำให้เกิดแผลเป็น ถือเป็นสิวที่มีความรุนแรงและควรปรึกษาแพทย์เพื่อป้องกันความเสียหายถาวรต่อผิวหนัง

การตอบสนองต่อการดูแลด้วยตนเองเบื้องต้น

หากสิวไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงหลังจากดูแลด้วยตนเองประมาณ 6 สัปดาห์ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการประเมิน

หากคุณใช้ผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้เอง เช่น เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide) หรือกรดซาลิไซลิก (salicylic acid) อย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการรักษาความสะอาดและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นแล้วไม่เห็นผล การไม่ตอบสนองต่อการรักษาเป็นสัญญาณสำคัญว่าอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์ที่เหมาะสมยิ่งขึ้น

ผลข้างเคียงและความคาดหวังจากการรักษาแต่ละวิธี

ผลข้างเคียงจากการรักษาสิวที่ลำตัวมีตั้งแต่การระคายเคืองผิวหนังเล็กน้อยจากยาทาไปจนถึงผลกระทบต่อระบบร่างกายจากยารับประทาน โดยทั่วไปต้องใช้เวลา 6-8 สัปดาห์จึงจะเห็นผลการรักษาที่ชัดเจน

ผลข้างเคียงและความคาดหวังจากการรักษาแต่ละวิธี มีดังนี้

  • ยาทาเฉพาะที่ (Topical Medications):
  • Benzoyl Peroxide (BPO): อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและสามารถฟอกสีเสื้อผ้าหรือผ้าเช็ดตัวได้
  • กลุ่ม Retinoids (เช่น Adapalene): อาจทำให้ผิวแห้ง ลอก หรือแดงในช่วงแรกของการใช้
  • ยารับประทาน (Oral Medications):
  • ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics): อาจทำให้ปวดท้อง ติดเชื้อรา หรือผิวไวต่อแสง
  • Spironolactone: ใช้ได้เฉพาะในผู้หญิง และห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์
  • Isotretinoin: มีผลข้างเคียงหลายอย่าง เช่น ผิวแห้ง ปากแห้ง และอาจส่งผลต่อค่าเอนไซม์ตับ จึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด และห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์โดยเด็ดขาด

โดยทั่วไป สิวที่ลำตัวอาจตอบสนองต่อการรักษาช้ากว่าสิวบนใบหน้า และอาจใช้เวลา 2-3 เดือนจึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนเมื่อใช้ยาตามใบสั่งแพทย์

ข้อผิดพลาดที่ควรเลี่ยงซึ่งอาจทำให้สิวตามตัวแย่ลง

ข้อผิดพลาดที่ควรเลี่ยงซึ่งอาจทำให้สิวตามตัวแย่ลง ได้แก่ การขัดผิวรุนแรงเกินไป การบีบแกะสิว การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการอุดตัน และการสวมใส่เสื้อผ้าที่ชุ่มเหงื่อเป็นเวลานาน

พฤติกรรมเหล่านี้สามารถกระตุ้นให้สิวอักเสบและลุกลามได้มากขึ้น

  • การขัดผิวรุนแรงเกินไป: การใช้สครับที่หยาบหรือแปรงขัดผิวอย่างรุนแรงอาจทำให้ผิวระคายเคือง อักเสบ และทำให้อาการสิวแย่ลง
  • การบีบหรือแกะสิว: การกระทำดังกล่าวอาจผลักเชื้อแบคทีเรียให้ลึกลงไปในผิวหนัง ทำให้เกิดการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้น และเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็นหรือรอยดำ
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม: ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม เช่น ครีมนวดหรือน้ำมัน สามารถทิ้งสารตกค้างที่อุดตันรูขุมขนบริเวณแผ่นหลังได้
  • การอยู่ในเสื้อผ้าที่ชุ่มเหงื่อ: การไม่รีบอาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังออกกำลังกาย ทำให้เหงื่อและความชื้นหมักหมม ซึ่งเป็นสภาวะที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของแบคทีเรียและทำให้รูขุมขนอุดตัน
  • การละเลยสุขอนามัยของเครื่องนอน: การไม่ซักผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ ทำให้เกิดการสะสมของน้ำมันและแบคทีเรีย ซึ่งสามารถสัมผัสกับผิวและทำให้เกิดสิวได้

สัญญาณเตือน: เมื่อไหร่ที่สิวตามตัวควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเมื่อสิวตามตัวมีความรุนแรง ทำให้เกิดแผลเป็น ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยตนเอง มีลักษณะผิดปกติ หรือส่งผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรง การไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันความเสียหายของผิวในระยะยาวและทำให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมรวดเร็วยิ่งขึ้น

สัญญาณเตือนที่บ่งชี้ว่าควรไปพบแพทย์ ได้แก่:

  • สิวมีความรุนแรง: มีสิวอักเสบ สิวหัวหนอง หรือสิวซีสต์จำนวนมาก หรือมีอาการเจ็บปวด
  • เริ่มเกิดแผลเป็น: สิวเริ่มทิ้งรอยแผลเป็น เช่น รอยหลุม หรือแผลเป็นนูน (คีลอยด์)
  • การรักษาด้วยตนเองไม่ได้ผล: ลองใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่หาซื้อได้เองแล้ว แต่อาการไม่ดีขึ้นภายใน 6-8 สัปดาห์
  • ไม่แน่ใจว่าเป็นสิว: ตุ่มที่ขึ้นอาจเป็นภาวะอื่น เช่น รูขุมขนอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา ซึ่งต้องการการรักษาที่แตกต่างออกไป
  • ส่งผลกระทบต่อจิตใจ: สิวทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล หรือขาดความมั่นใจจนกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวขึ้นตามตัว

สิวตามตัวเกิดจากเหงื่อและความร้อนจริงไหม?

จริง เหงื่อและความร้อนเป็นปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้สิวตามตัวแย่ลงได้ เนื่องจากเหงื่อที่หมักหมมอยู่บนผิวหนังสามารถผสมกับน้ำมันและแบคทีเรียจนเกิดการอุดตันในรูขุมขน ส่วนความร้อนและความชื้นจะสร้างสภาวะที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา อีกทั้งยังเพิ่มการอักเสบของสิวที่มีอยู่แล้วให้รุนแรงขึ้น

สิวที่หลังกับที่หน้าอกเกิดจากสาเหตุเดียวกันหรือไม่?

โดยส่วนใหญ่แล้ว สิวที่หลังและหน้าอกเกิดจากสาเหตุเดียวกันกับสิวบนใบหน้า กล่าวคือเกิดจากปัจจัยหลัก 4 อย่างเหมือนกัน ได้แก่ การผลิตน้ำมันที่มากเกินไป การอุดตันของรูขุมขน แบคทีเรีย และการอักเสบ

อย่างไรก็ตาม สิวที่ลำตัวอาจมีปัจจัยภายนอกกระตุ้นได้ง่ายกว่า เช่น การเสียดสีจากเสื้อผ้า และการอับชื้นจากเหงื่อ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเกิดสิวบริเวณนี้มากกว่าสิวบนใบหน้า

ควรบีบสิวที่มีหนองตามลำตัวหรือไม่?

ไม่ควรบีบสิวที่มีหนองตามลำตัว เนื่องจากการบีบหรือเค้นสิวอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ลึกลงไปในผิวหนัง และอาจทิ้งรอยดำหรือแผลเป็นไว้ได้

วิธีที่ปลอดภัยกว่าคือการใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบเพื่อช่วยให้หนองระบายออกเอง หรือใช้ยาแต้มสิวเฉพาะที่ หากสิวมีขนาดใหญ่หรือเจ็บปวดมาก ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธี

สิวตามตัวแบบไหนที่บ่งชี้ว่าควรไปพบแพทย์?

สิวตามตัวที่ควรไปพบแพทย์คือสิวที่มีอาการรุนแรง, ทำให้เกิดแผลเป็น, ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยตนเอง, หรือส่งผลกระทบทางจิตใจอย่างมีนัยสำคัญ

คุณควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหากสิวตามร่างกายของคุณมีลักษณะดังต่อไปนี้:

  • เป็นสิวระดับปานกลางถึงรุนแรง เช่น มีสิวอักเสบ สิวหัวหนอง หรือสิวซีสต์จำนวนมาก และครอบคลุมพื้นที่บริเวณกว้าง
  • ทำให้เกิดแผลเป็น ไม่ว่าจะเป็นรอยหลุมหรือแผลเป็นนูน (คีลอยด์)
  • รักษาด้วยตัวเองแล้วไม่ดีขึ้น หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้เอง เช่น เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) หรือกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) เป็นเวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์
  • มีอาการเจ็บปวดมาก โดยเฉพาะสิวซีสต์ที่เป็นก้อนลึกใต้ผิวหนัง
  • ไม่แน่ใจว่าใช่สิวหรือไม่ เพราะอาจเป็นภาวะอื่น เช่น รูขุมขนอักเสบจากการติดเชื้อราหรือแบคทีเรีย ซึ่งต้องการการรักษาที่แตกต่างกัน
  • ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ เช่น ทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล หรือขาดความมั่นใจจนหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม

การสครับผิวช่วยลดสิวตามลำตัวได้จริงไม่?

การสครับผิวอย่างรุนแรงไม่สามารถช่วยลดสิวตามลำตัวได้ และอาจทำให้อาการแย่ลง เนื่องจากการขัดถูที่รุนแรงเกินไปจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง อักเสบมากขึ้น และอาจกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันออกมามากกว่าเดิม

วิธีที่แนะนำคือการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (salicylic acid) หรือกรดไกลโคลิก (glycolic acid) ซึ่งจะช่วยทำความสะอาดรูขุมขนโดยไม่ทำร้ายผิว

เสื้อผ้าที่ใส่มีผลต่อการเกิดสิวตามตัวอย่างไร?

เสื้อผ้าที่รัดแน่นและไม่ระบายอากาศสามารถทำให้เกิดสิวตามตัวได้ โดยการเสียดสีกับผิวหนังและกักเก็บเหงื่อและความร้อนไว้ ซึ่งสร้างสภาวะที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของแบคทีเรียและทำให้รูขุมขนอุดตัน

  • การเสียดสี: เสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไปจะเสียดสีกับผิวหนัง ทำให้รูขุมขนระคายเคืองและเสียหาย
  • การกักเก็บเหงื่อ: เนื้อผ้าที่ไม่ระบายอากาศ เช่น โพลีเอสเตอร์ จะกักเหงื่อและความร้อนไว้บนผิวหนัง ทำให้เกิดความอับชื้น ซึ่งเป็นสภาวะที่แบคทีเรียและเชื้อรายีสต์เจริญเติบโตได้ดี
  • เสื้อผ้าสกปรก: การใส่เสื้อผ้าซ้ำโดยไม่ซัก โดยเฉพาะเสื้อผ้าออกกำลังกายที่ชุ่มเหงื่อ จะทำให้สิ่งสกปรกและแบคทีเรียสัมผัสกับผิวหนังและทำให้อาการสิวแย่ลง

เพื่อป้องกันสิวตามตัว ควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมและระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย และควรเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีหลังออกกำลังกายหรือมีเหงื่อออกมาก

References:

  1. American Academy of Dermatology. (n.d.). Acne: Tips for managing. AAD. aad.org
  2. Cleveland Clinic. (n.d.). Acne: Types, Causes, Treatment & Prevention. Cleveland Clinic. clevelandclinic.org
  3. Mayo Clinic. (n.d.). Acne – Symptoms and causes. Mayo Clinic. mayoclinic.org
  4. National Institutes of Health. (n.d.). Acne. NIH – National Institute of Arthritis and Musculoskeletal and Skin Diseases. nih.gov
  5. Healthline. (n.d.). Everything You Want to Know About Acne. Healthline Media. healthline.com
  6. Medical News Today. (n.d.). What you need to know about acne. MNT. medicalnewstoday.com

Author

  • admin
    admin

    View all posts

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
สิวหัวดำบีบไม่ออก ทำไมบีบยาก? แนวทางดูแลและทางเลือกแทนการบีบ
NextContinue
สิวขึ้นเต็มหน้าเกิดจากอะไร? 8 สาเหตุหลักที่ทำให้สิวเห่อ

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube