Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Acne

สิวจากการแพ้ (Allergic Acne): สาเหตุ อาการ วิธีรักษา

Byadmin สิงหาคม 12, 2025
By นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน Updated on สิงหาคม 12, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์พนิต อุนรัตน์

Table of Contents

Toggle
  • สิวจากการแพ้คืออะไร และแตกต่างจากสิวประเภทอื่นอย่างไร?
    • ความแตกต่างหลัก
    • การเปรียบเทียบระหว่างสิวจากการแพ้กับสิวอุดตันและสิวอักเสบ
  • สาเหตุหลักที่กระตุ้นให้เกิดสิวจากการแพ้มีอะไรบ้าง?
    • สาเหตุที่พบบ่อย
    • การแพ้ส่วนผสมในสกินแคร์และเครื่องสำอาง
    • การแพ้ปัจจัยภายนอก เช่น ฝุ่นและมลภาวะ
    • การแพ้สารเคมีในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
  • จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นสิวจากการแพ้?
    • สัญญาณบ่งชี้ที่สำคัญ
    • ลักษณะของผดผื่น ตุ่มแดง หรือสิวที่ขึ้นพร้อมกัน
    • ตำแหน่งที่พบบ่อยของสิวจากการแพ้
    • ความแตกต่างจากอาการ “ดันสิว” (Skin Purging)
  • วิธีรักษาสิวจากการแพ้ด้วยตัวเองอย่างถูกวิธีทำได้อย่างไร?
    • ขั้นตอนการรักษา
    • หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยทันที
    • การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อฟื้นฟูผิว
    • การรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ: สิ่งที่ควรทำและควรเลี่ยง
  • สิวจากการแพ้ใช้เวลากี่วันถึงจะหายเป็นปกติ?
    • ระยะเวลาการหายตามความรุนแรง
    • ระยะเวลาเฉลี่ยในการฟื้นตัวของผิว
    • ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาการรักษา
  • จะป้องกันไม่ให้เกิดสิวจากการแพ้ซ้ำได้อย่างไร?
    • วิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพ
    • วิธีทดสอบการแพ้ (Patch Test) ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่
    • การเลือกสกินแคร์สำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวจากการแพ้
    • เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์ผิวหนัง?
    • สามารถใช้ยาทาสิวทั่วไปรักษาสิวจากการแพ้ได้หรือไม่?
  • References
  • Author

สิวจากการแพ้คืออะไร และแตกต่างจากสิวประเภทอื่นอย่างไร?

สิวจากการแพ้ มีผื่นแดง คัน และระคายเคืองบนผิวหน้า

สิวจากการแพ้ คือ ผื่นคล้ายสิวที่เกิดจากการแพ้สารภายนอก ไม่ใช่จากฮอร์โมนหรือการอุดตันของรูขุมขนเหมือนสิวธรรมดา

ความแตกต่างหลัก

สิวจากการแพ้:

  • เกิดจากสารก่อภูมิแพ้ภายนอก (เครื่องสำอาง, ฝุ่น, เกสรดอกไม้)
  • ลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดเท่าๆ กัน ไม่มีหัวสิวอุดตัน
  • เกิดขึ้นทันทีหรือภายใน 2-3 วันหลังสัมผัสสารก่อภูมิแพ้
  • มักคันหรือระคายเคืองร่วมด้วย
  • เกิดได้ทุกจุดที่สัมผัสสารก่อภูมิแพ้ ไม่จำกัดเฉพาะบริเวณมัน

สิวธรรมดา (Acne Vulgaris):

  • เกิดจากฮอร์โมน ความมัน และแบคทีเรีย C. acnes
  • มีหัวสิวอุดตัน (comedones) ปนกับตุ่มหนอง
  • เกิดค่อยเป็นค่อยไป มักในช่วงวัยรุ่น
  • เกิดเฉพาะบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก (หน้า อก หลัง)
  • ไม่คันแต่อาจเจ็บเมื่อกดหรืออักเสบ

การแยกแยะ: สิวจากการแพ้จะหายเมื่อหยุดสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ ขณะที่สิวธรรมดาต้องรักษาด้วยยาลดความมันและต้านการอักเสบ

การเปรียบเทียบระหว่างสิวจากการแพ้กับสิวอุดตันและสิวอักเสบ

สิวจากการแพ้ สิวอุดตัน และสิวอักเสบ มีความแตกต่างที่ชัดเจนทั้งสาเหตุ ลักษณะ และการรักษา

ตารางเปรียบเทียบ

ลักษณะ สิวจากการแพ้ สิวอุดตัน (Comedones) สิวอักเสบ (Papules/Pustules)
สาเหตุ สารก่อภูมิแพ้ภายนอก รูขุมขนอุดตันด้วยไขมันและเซลล์ผิวตาย แบคทีเรีย C. acnes ในรูขุมขนอุดตัน
ลักษณะ ตุ่มแดงขนาดเท่าๆ กัน ไม่มีหัว หัวสิวดำ/หัวสิวขาว ตุ่มนูนแดง/มีหนองสีขาว-เหลือง
อาการ คันหรือแสบร้อน ไม่คันไม่เจ็บ เจ็บเมื่อกดหรือสัมผัส
ตำแหน่ง ทุกที่ที่สัมผัสสารก่อภูมิแพ้ บริเวณมัน (หน้าผาก จมูก คาง) บริเวณมัน โดยเฉพาะแก้ม คาง
ระยะเวลา เกิดเร็ว (2-3 วัน) หายเมื่อหยุดสัมผัส เกิดช้า คงอยู่นาน พัฒนาจากสิวอุดตัน 3-5 วัน
การรักษา หยุดสารก่อภูมิแพ้ + ยาแก้แพ้ ยาละลายหัวสิว (BHA/Retinoid) ยาฆ่าเชื้อ + ลดการอักเสบ

ข้อสังเกต: สิวจากการแพ้จะไม่มีหัวสิวอุดตันเลย ขณะที่สิวอุดตันและสิวอักเสบมักพบร่วมกันในผู้ป่วยสิวธรรมดา

สาเหตุหลักที่กระตุ้นให้เกิดสิวจากการแพ้มีอะไรบ้าง?

สาเหตุหลักที่กระตุ้นให้เกิดสิวจากการแพ้ ได้แก่ เครื่องสำอาง สารเคมีในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และมลพิษในอากาศ

สาเหตุที่พบบ่อย

1. เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว

  • สารกันเสีย (MI/Methylisothiazolinone)
  • น้ำหอม (Fragrance)
  • ลาโนลิน (Lanolin)
  • สารกันแดดบางชนิด
  • น้ำมันหอมระเหย (Essential oils)

2. มลพิษและสิ่งระคายเคืองในอากาศ

  • เกสรดอกไม้ (Pollen)
  • ฝุ่น PM2.5
  • ควันบุหรี่และมลพิษจากรถยนต์

3. สารเคมีในบ้าน

  • ผงซักฟอกแรง
  • น้ำยาทำความสะอาดที่มีตัวทำละลาย
  • สารเคมีที่สัมผัสกับผิวหน้าโดยตรง

ลักษณะเฉพาะ: สิวจากการแพ้มักเกิดขึ้นที่บริเวณสัมผัสสารก่อภูมิแพ้โดยตรง เช่น แก้มจากเครื่องสำอาง หรือขากรรไกรจากหน้ากากที่มีฝุ่นเกาะ

การแพ้ส่วนผสมในสกินแคร์และเครื่องสำอาง

การแพ้ส่วนผสมในสกินแคร์และเครื่องสำอาง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดผื่นคล้ายสิวบนใบหน้า โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย

ส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการแพ้บ่อยที่สุด

1. สารกันเสีย

  • Methylisothiazolinone (MI/MIT)
  • Parabens
  • Formaldehyde releasers

2. น้ำหอมและสารแต่งกลิ่น

  • Fragrance/Parfum (ส่วนผสมสังเคราะห์)
  • น้ำมันหอมระเหย (Essential oils)
  • สารสกัดจากพืชที่มีกลิ่นหอม

3. ส่วนผสมอื่นๆ ที่ระวัง

  • ลาโนลิน (Lanolin) – จากขนแกะ
  • สารกันแดดเคมี (Chemical sunscreen filters)
  • สารสกัดจากพืชแปลกใหม่
  • สีสังเคราะห์และสารให้ความชุ่มชื้นบางชนิด

วิธีป้องกัน:

  • อ่านส่วนผสมก่อนใช้ทุกครั้ง
  • ทดสอบแพทช์เทสต์ที่ข้อมือ 2-3 วัน
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมน้อยและอ่อนโยน
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอมและสารกันเสียแรง

การแพ้ปัจจัยภายนอก เช่น ฝุ่นและมลภาวะ

ฝุ่นและมลภาวะทางอากาศ เป็นสารระคายเคืองที่ทำลายเกราะป้องกันผิวและกระตุ้นให้เกิดผื่นคล้ายสิว โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย

ปัจจัยภายนอกที่ก่อให้เกิดปัญหา

1. มลพิษทางอากาศ

  • ฝุ่น PM2.5 จากควันรถและโรงงาน
  • ควันบุหรี่
  • สารเคมีในอากาศจากอุตสาหกรรม

2. สารก่อภูมิแพ้ในอากาศ

  • เกสรดอกไม้ (Pollen)
  • ฝุ่นจากไรฝุ่น
  • สปอร์ของเชื้อรา

3. สารเคมีในสิ่งแวดล้อม

  • ผงซักฟอกและน้ำยาทำความสะอาดแรง
  • สารทำละลาย (Solvents)
  • สเปรย์ฆ่าแมลงและน้ำหอมปรับอากาศ

ลักษณะการเกิด: ผื่นมักเกิดที่บริเวณสัมผัสโดยตรง เช่น ขากรรไกรและแก้มจากหน้ากากที่มีฝุ่นเกาะ หรือบริเวณที่สัมผัสมลพิษเป็นประจำ ทำให้ผิวคัน แดง และเกิดตุ่มคล้ายสิวแต่ไม่มีหัว

การแพ้สารเคมีในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด

สารเคมีในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด สามารถระคายเคืองผิวและทำให้เกิดผื่นคล้ายสิว โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับผิวหน้าโดยตรงหรือผ่านอากาศ

สารเคมีที่เป็นสาเหตุหลัก

1. ผงซักฟอกและน้ำยาซักผ้า

  • สารลดแรงตึงผิว (Surfactants) ที่แรง
  • สารฟอกขาว (Bleach)
  • น้ำหอมและสารแต่งกลิ่นในผงซักฟอก

2. น้ำยาทำความสะอาดในบ้าน

  • แอมโมเนีย (Ammonia)
  • คลอรีน (Chlorine)
  • สารทำละลาย (Solvents) ต่างๆ

3. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเฉพาะจุด

  • สเปรย์ล้างกระจก
  • น้ำยาล้างห้องน้ำ
  • สารขจัดคราบมัน

การเกิดปัญหา: สารเคมีเหล่านี้ทำลายชั้นป้องกันผิว ทำให้ผิวอ่อนแอและเกิดการอักเสบ โดยเฉพาะบริเวณที่สัมผัสโดยตรง เช่น มือสัมผัสน้ำยาแล้วแตะหน้า หรือสูดไอระเหยเข้าไปขณะทำความสะอาด

จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นสิวจากการแพ้?

สิวจากการแพ้จะมีลักษณะเป็น ตุ่มแดงขนาดเท่าๆ กัน ไม่มีหัวสิวอุดตัน เกิดขึ้นทันทีหลังสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ และมักมีอาการคัน

สัญญาณบ่งชี้ที่สำคัญ

1. ลักษณะของผื่น

  • ตุ่มแดงขนาดสม่ำเสมอ (uniform red bumps)
  • ไม่มีหัวสิวดำหรือหัวสิวขาว
  • ไม่มีตุ่มหนองเหมือนสิวอักเสบ
  • ผื่นอาจลามเป็นวงกว้าง

2. ตำแหน่งที่เกิด

  • เกิดตรงจุดที่สัมผัสสารก่อภูมิแพ้
  • เกิดนอกบริเวณที่มักเป็นสิว
  • เช่น แก้มจากเครื่องสำอาง หน้าผากจากผลิตภัณฑ์ทาผม

3. อาการที่แตกต่าง

  • มีอาการคันหรือแสบร้อนต่อเนื่อง
  • ผิวรอบๆ อาจแดงหรือบวม
  • เกิดขึ้นภายใน 2-3 วันหลังใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่

4. การตอบสนอง

  • ไม่ดีขึ้นเมื่อใช้ยาแก้สิว
  • อาการแย่ลงเมื่อยังสัมผัสสารก่อภูมิแพ้
  • ดีขึ้นเมื่อหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่สงสัย

ลักษณะของผดผื่น ตุ่มแดง หรือสิวที่ขึ้นพร้อมกัน

ผื่นจากการแพ้จะมีลักษณะเป็น ตุ่มแดงขนาดเท่าๆ กันจำนวนมาก เกิดขึ้นพร้อมกันอย่างกะทันหัน แตกต่างจากสิวธรรมดาที่เกิดทีละตัว

ลักษณะเฉพาะของผื่นแพ้

รูปร่างและขนาด

  • ตุ่มแดงนูนเล็กๆ ขนาดสม่ำเสมอ (2-4 มม.)
  • ไม่มีหัวสิวดำหรือขาวเหมือนสิวอุดตัน
  • ไม่มีหนองสีขาว-เหลืองเหมือนสิวอักเสบ
  • ตุ่มทุกตัวมีลักษณะคล้ายกัน

การกระจายตัว

  • เกิดเป็นกลุ่มหนาแน่นในบริเวณเดียวกัน
  • กระจายตามบริเวณที่สัมผัสสารก่อภูมิแพ้
  • อาจลามเป็นแผ่นกว้างคล้ายผื่นผด
  • ไม่จำกัดเฉพาะบริเวณมันเหมือนสิวทั่วไป

อาการร่วม

  • ผิวรอบๆ แดงและอาจบวม
  • รู้สึกคันหรือแสบร้อนตลอดเวลา
  • ผิวอาจแห้งลอกเป็นขุย
  • บางครั้งมีลักษณะคล้ายลมพิษ (hive-like)

เป็นตุ่มแดงไม่มีหัวหรือไม่?

ใช่ สิวจากการแพ้จะเป็นตุ่มแดงที่ไม่มีหัวสิวอุดตัน ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญที่แตกต่างจากสิวธรรมดา

สิวจากการแพ้มีลักษณะเป็นตุ่มแดงนูนเล็กๆ (red bumps) ที่ไม่มีหัวสิวดำ (blackheads) หรือหัวสิวขาว (whiteheads) เหมือนสิวอุดตัน และไม่มีหนองสีขาว-เหลืองเหมือนสิวอักเสบ ตุ่มเหล่านี้มักมีขนาดสม่ำเสมอและเกิดขึ้นเป็นกลุ่มในบริเวณที่สัมผัสสารก่อภูมิแพ้

มีอาการคันหรือแสบร่วมด้วยหรือไม่?

ใช่ สิวจากการแพ้มักมีอาการคันหรือแสบร่วมด้วยเสมอ ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญที่ช่วยแยกจากสิวธรรมดา

อาการคันต่อเนื่อง (continuous itch) หรือความรู้สึกแสบร้อนในบริเวณที่เป็นผื่นเป็นสัญญาณชัดเจนของการแพ้ ต่างจากสิวธรรมดาที่อาจเจ็บเมื่อกดแต่ไม่คัน ผิวรอบๆ ตุ่มอาจแดงหรือบวมร่วมด้วย และอาการคันจะไม่ดีขึ้นจนกว่าจะหยุดสัมผัสสารก่อภูมิแพ้

สิวขึ้นแบบเห่อทันทีหลังใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ใช่หรือไม่?

ใช่ สิวจากการแพ้มักเกิดขึ้นอย่างกะทันหันภายใน 2-3 วันหลังใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญของการแพ้

การเกิดผื่นอย่างรวดเร็ว (within days) หลังใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่กรดผลไม้หรือเรตินอยด์ บ่งบอกว่าผิวกำลังแพ้ ผื่นจะเกิดในบริเวณที่ไม่เคยเป็นสิวมาก่อน พร้อมอาการคัน แดง และอาจลอก ซึ่งต่างจากสิวธรรมดาที่เกิดค่อยเป็นค่อยไปในบริเวณมัน

ตำแหน่งที่พบบ่อยของสิวจากการแพ้

สิวจากการแพ้มักเกิดที่ บริเวณที่สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้โดยตรง ไม่จำกัดเฉพาะบริเวณมันเหมือนสิวธรรมดา

ตำแหน่งที่พบบ่อย

1. บริเวณใบหน้า

  • แก้ม – จากเครื่องสำอางหรือครีมบำรุง
  • หน้าผาก – จากผลิตภัณฑ์ทำผม
  • รอบปาก – จากลิปสติกหรือยาสีฟัน

2. แนวผมและหน้าผาก

  • ตามแนวผม (hairline) – จากแชมพู ครีมนวดผม
  • ขมับและหน้าผาก – จากสเปรย์ฉีดผม

3. บริเวณอื่นๆ

  • ขากรรไกรและคอ – จากหน้ากากที่มีฝุ่นหรือผงซักฟอก
  • หลังมือ – จากสารเคมีที่สัมผัสแล้วแตะหน้า

ลักษณะพิเศษ: สิวจากการแพ้สามารถเกิดในบริเวณที่ไม่ใช่โซนมัน เช่น แก้มหรือหน้าผาก ซึ่งปกติไม่ค่อยเป็นสิว และมักเกิดเป็นกลุ่มตรงจุดที่สัมผัสสารก่อภูมิแพ้

ความแตกต่างจากอาการ “ดันสิว” (Skin Purging)

สิวจากการแพ้และการดันสิว (Skin Purging) แตกต่างกันที่ตำแหน่ง ระยะเวลา และสาเหตุการเกิด

ตารางเปรียบเทียบ

หัวข้อ สิวจากการแพ้ การดันสิว (Purging)
สาเหตุ สารก่อภูมิแพ้ทุกชนิด เฉพาะ Retinoids/AHA/BHA
ตำแหน่งที่เกิด บริเวณใหม่ที่ไม่เคยเป็นสิว บริเวณที่เคยเป็นสิวอยู่แล้ว
ระยะเวลาเกิด ภายใน 2-3 วัน 1-2 สัปดาห์หลังใช้
อาการ คัน แดง อาจลอก แห้ง ลอก แต่ไม่คัน
การดำเนินโรค แย่ลงเรื่อยๆ หากยังใช้ต่อ แย่ก่อนดีใน 4-6 สัปดาห์
การจัดการ ต้องหยุดใช้ทันที ใช้ต่อได้ จะดีขึ้นเอง

สัญญาณเตือน: หากมีอาการคัน เกิดในบริเวณผิดปกติ หรือมีผื่นลาม ให้สงสัยว่าเป็นการแพ้มากกว่าการดันสิว ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ทันที

วิธีรักษาสิวจากการแพ้ด้วยตัวเองอย่างถูกวิธีทำได้อย่างไร?

การรักษาสิวจากการแพ้ด้วยตัวเองเริ่มจาก หยุดสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ทันที และใช้การดูแลแบบอ่อนโยนเพื่อฟื้นฟูผิว

ขั้นตอนการรักษา

1. หยุดทันที

  • หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าเป็นสาเหตุ
  • งดสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ทุกชนิด
  • เปลี่ยนหน้ากาก/ปลอกหมอนใหม่

2. ทำความสะอาดอ่อนโยน

  • ใช้คลีนเซอร์อ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม
  • ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นหรือเย็น (ไม่ร้อน)
  • ซับเบาๆ ไม่ถู

3. ลดการอักเสบ

  • ประคบเย็นบริเวณที่คัน 5-10 นาที
  • ทาสารสกัดจากใบบัวบก (Madecassoside)
  • ใช้ Panthenol (Pro-vitamin B5) ฟื้นฟูผิว

4. ดูแลพื้นฐาน

  • ใช้มอยส์เจอไรเซอร์สูตรอ่อนโยน
  • ทากันแดดแบบ Mineral
  • งดสครับหรือผลิตภัณฑ์ที่มีกรด

5. สารปลอดภัยที่ใช้ได้

  • ว่านหางจระเข้ (Aloe vera)
  • โอ๊ตมีลคอลลอยด์ (Colloidal oatmeal)
  • ครีม Cica ที่มี Centella asiatica

ข้อควรระวัง: หลีกเลี่ยงสมุนไพรแปลกใหม่หรือน้ำมันหอมระเหย เพราะอาจทำให้แพ้หนักขึ้น หากอาการไม่ดีขึ้นใน 1 สัปดาห์ ควรพบแพทย์

หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยทันที

การหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่สงสัยทันที เป็นขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุด เพราะการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ต่อเนื่องจะทำให้อาการแย่ลงและการรักษาไม่ได้ผล

เหตุผลที่ต้องหยุดทันที

1. ป้องกันอาการลุกลาม

  • หากยังใช้ต่อ ผื่นจะแพร่กระจายและแย่ลง
  • ระบบภูมิคุ้มกันจะตอบสนองรุนแรงขึ้น
  • อาจเกิดการอักเสบระยะยาว

2. เริ่มกระบวนการฟื้นตัว

  • ผิวจะเริ่มสงบลงภายใน 2-3 วันหลังหยุด
  • อาการคันจะค่อยๆ ลดลง
  • ตุ่มแดงจะเริ่มยุบ

3. สิ่งที่ควรหยุดทันที

  • ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เพิ่งใช้ 2-3 วันก่อน
  • ผลิตภัณฑ์ทุกตัวในกลุ่มเดียวกัน (เช่น ครีม เซรั่ม ของแบรนด์เดียวกัน)
  • ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมคล้ายกัน

คำเตือน: ยิ่งใช้ต่อนานเท่าไหร่ ผิวจะยิ่งใช้เวลาฟื้นตัวนานขึ้น และอาจเกิดรอยดำติดนาน

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อฟื้นฟูผิว

เลือกผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูผิวที่มี ส่วนผสมอ่อนโยน ลดการอักเสบ และซ่อมแซมเกราะป้องกันผิว โดยหลีกเลี่ยงสารที่อาจระคายเคืองเพิ่ม

ส่วนผสมที่แนะนำ

1. สารลดการอักเสบ

  • Madecassoside (สารสกัดจากใบบัวบก)
  • Centella Asiatica (ใบบัวบก)
  • Panthenol (Pro-vitamin B5)
  • Allantoin

2. สารฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว

  • Ceramides
  • Glycerin
  • Squalane
  • Hyaluronic Acid (โมเลกุลใหญ่)

3. ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

  • Cica Cream/Balm
  • มอยส์เจอไรเซอร์สูตรอ่อนโยน
  • กันแดดแบบ Mineral (Zinc Oxide, Titanium Dioxide)

4. รูปแบบที่ควรเลือก

  • เนื้อเบา ไม่อุดตัน (non-comedogenic)
  • ไม่มีน้ำหอมและสี
  • ส่วนผสมน้อย สูตรเรียบง่าย
  • pH 5.5-6.5 ใกล้เคียงผิว

ข้อควรระวัง: หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากพืชแปลกใหม่ น้ำมันหอมระเหย หรือส่วนผสมที่ซับซ้อน เพราะอาจกระตุ้นการแพ้ซ้ำ

การรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ: สิ่งที่ควรทำและควรเลี่ยง

การรักษาสิวจากการแพ้ด้วยวิธีธรรมชาติควรเลือก วิธีที่ปลอดภัย ไม่ก่อการระคายเคือง และหลีกเลี่ยงสมุนไพรที่อาจทำให้แพ้หนักขึ้น

สิ่งที่ควรทำ ✓

1. วิธีธรรมชาติที่ปลอดภัย

  • โอ๊ตมีลคอลลอยด์ – แช่อาบหรือทำเป็นมาสก์
  • ว่านหางจระเข้บริสุทธิ์ – ทาบางๆ เพื่อลดการอักเสบ
  • ประคบเย็น – ลดอาการคันและบวม
  • น้ำเปล่า – ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นหรืออุ่น

2. การดูแลเบื้องต้น

  • พักผิวจากเครื่องสำอางทุกชนิด
  • ใช้ผ้าสะอาดซับหน้าเบาๆ
  • เปลี่ยนปลอกหมอนทุกวัน
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง ✗

1. สมุนไพรเสี่ยงแพ้

  • น้ำมันหอมระเหย (Essential oils) ทุกชนิด
  • สมุนไพรแปลกใหม่หรือสูตรผสม
  • มะนาว ขมิ้น หรือกรดจากผลไม้
  • น้ำผึ้ง นมดิบ หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์

2. วิธีที่อันตราย

  • การขัดถู หรือสครับผิว
  • การนึ่งหน้าด้วยไอน้ำร้อน
  • การใช้ความร้อนหรือความเย็นมากเกินไป
  • การบีบหรือแกะตุ่ม

คำเตือน: สมุนไพรหลายชนิดเป็นสารก่อภูมิแพ้หรือระคายเคือง การรักษาที่ล่าช้าอาจทำให้เกิดรอยดำ หากอาการรุนแรงควรใช้ยาที่แพทย์แนะนำ

สิวจากการแพ้ใช้เวลากี่วันถึงจะหายเป็นปกติ?

สิวจากการแพ้ใช้เวลา 1-4 สัปดาห์ จึงจะหายเป็นปกติ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและการดูแล

ระยะเวลาการหายตามความรุนแรง

1. แพ้เล็กน้อย (ตุ่มไม่กี่จุด)

  • อาการคันลดลง: 2-3 วันหลังหยุดสัมผัส
  • ตุ่มแดงเริ่มยุบ: 5-7 วัน
  • หายสนิท: ประมาณ 1 สัปดาห์

2. แพ้ปานกลาง (ผื่นกระจาย)

  • อาการคันลดลง: 3-5 วัน
  • ตุ่มแดงและผื่นค่อยๆ จาง: 1-2 สัปดาห์
  • หายสนิท: 2-3 สัปดาห์

3. แพ้รุนแรง (ผื่นลาม บวมมาก)

  • อาการทุเลา: 1 สัปดาห์
  • ผื่นและการลอกหายไป: 2-3 สัปดาห์
  • หายสนิท: 3-4 สัปดาห์หรือนานกว่า

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหาย:

  • การหยุดสัมผัสสารก่อภูมิแพ้เร็วเพียงใด
  • การใช้ยาลดการอักเสบ (เช่น สเตียรอยด์อ่อนๆ)
  • สุขภาพผิวพื้นฐาน – ผิวแข็งแรงหายเร็วกว่า
  • การดูแลระหว่างฟื้นตัว – หลีกเลี่ยงการขัดถูหรือใช้ยาแก้สิว

หมายเหตุ: หากผิวยังบอบบางอาจต้องใช้เวลาอีก 2-4 สัปดาห์จึงจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่

ระยะเวลาเฉลี่ยในการฟื้นตัวของผิว

ระยะเวลาเฉลี่ยในการฟื้นตัวของผิวจากการแพ้คือ 2 สัปดาห์ แต่สามารถเร็วหรือช้ากว่านั้นตามปัจจัยต่างๆ

กระบวนการฟื้นตัวตามช่วงเวลา

วันที่ 1-3 หลังหยุดสารก่อภูมิแพ้

  • อาการคันเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด
  • การแดงและบวมเริ่มทุเลา
  • ผิวยังอ่อนไหวและระคายเคืองง่าย

วันที่ 4-7

  • ตุ่มแดงเริ่มยุบและจางลง
  • อาจมีการลอกเป็นขุยบางๆ
  • ผิวเริ่มรู้สึกสบายขึ้น

สัปดาห์ที่ 2

  • ตุ่มแดงส่วนใหญ่หายไป
  • อาจเหลือรอยแดงจางๆ
  • ผิวกลับมาเกือบปกติ

สัปดาห์ที่ 3-4

  • รอยแดงหายสนิท
  • เกราะป้องกันผิวฟื้นตัวเต็มที่
  • ผิวกลับมาแข็งแรงพร้อมใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่

ปัจจัยที่ทำให้หายเร็ว:

  • ผิวแข็งแรง ไม่มีปัญหาผิวอื่น
  • หยุดสารก่อภูมิแพ้ทันที
  • ใช้ยาลดการอักเสบตามแพทย์แนะนำ
  • ดูแลผิวอย่างอ่อนโยนและป้องกันแดด

ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาการรักษา

ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อระยะเวลาการรักษาสิวจากการแพ้คือ ความรวดเร็วในการหยุดสารก่อภูมิแพ้ สุขภาพผิวพื้นฐาน และการรักษาที่ได้รับ

ปัจจัยที่ทำให้หายเร็ว

1. การจัดการที่รวดเร็ว

  • หยุดสารก่อภูมิแพ้ทันทีที่รู้ตัว
  • เริ่มการรักษาภายใน 24-48 ชม.
  • ไม่แกะหรือเกาบริเวณที่แพ้

2. สุขภาพผิวแข็งแรง

  • เกราะป้องกันผิวแข็งแรง
  • ไม่มีโรคผิวหนังอื่นๆ (เช่น ผิวแห้ง ภูมิแพ้ผิวหนัง)
  • อายุน้อย ผิวฟื้นตัวเร็ว

3. การรักษาที่เหมาะสม

  • ใช้ยาลดการอักเสบ (สเตียรอยด์อ่อนๆ)
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูผิวที่ถูกต้อง
  • ดูแลอย่างอ่อนโยนต่อเนื่อง

ปัจจัยที่ทำให้หายช้า

1. การสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ต่อเนื่อง

  • ยังใช้ผลิตภัณฑ์ที่แพ้อยู่
  • ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง
  • สัมผัสสารก่อภูมิแพ้ซ้ำ

2. ผิวอ่อนแอ

  • มีประวัติภูมิแพ้ผิวหนัง
  • ผิวแห้ง เกราะป้องกันบาง
  • ผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัว

3. การดูแลไม่เหมาะสม

  • ใช้ยาแก้สิวที่รุนแรง
  • ขัดถูหรือสครับผิว
  • ไม่ป้องกันแดด ทำให้เกิดรอยดำ

จะป้องกันไม่ให้เกิดสิวจากการแพ้ซ้ำได้อย่างไร?

ป้องกันสิวจากการแพ้ซ้ำได้โดย ระบุและหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ พร้อมทั้งทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกครั้งก่อนใช้

วิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพ

1. ระบุสารก่อภูมิแพ้

  • ตรวจ Patch Test กับแพทย์ผิวหนัง
  • จดบันทึกผลิตภัณฑ์ที่เคยแพ้
  • ตรวจสอบส่วนผสมที่ซ้ำกันในผลิตภัณฑ์ที่แพ้
  • เช่น MI, น้ำหอม, ลาโนลิน

2. เลือกผลิตภัณฑ์อย่างระมัดระวัง

  • อ่านส่วนผสมทุกครั้งก่อนซื้อ
  • เลือกสูตร Hypoallergenic
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมมาก
  • เลือกแบบไม่มีน้ำหอมและสี

3. ทดสอบก่อนใช้จริง

  • Patch test ที่ข้อมือ 48-72 ชม.
  • ทดลองใช้บริเวณเล็กๆ บนใบหน้า
  • เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ทีละตัว
  • รอ 1-2 สัปดาห์ก่อนเพิ่มตัวถัดไป

4. ดูแลสิ่งแวดล้อม

  • เปลี่ยนปลอกหมอนบ่อยๆ
  • ใช้ผงซักฟอกสูตรอ่อนโยน
  • หลีกเลี่ยงฝุ่นและมลพิษ
  • ทำความสะอาดแปรงแต่งหน้า

5. เสริมสร้างผิวแข็งแรง

  • ใช้มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงเกราะป้องกันผิว
  • ทากันแดดทุกวัน
  • หลีกเลี่ยงการขัดถูแรง
  • ดื่มน้ำเพียงพอ พักผ่อนให้เพียงพอ

วิธีทดสอบการแพ้ (Patch Test) ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่

ทดสอบการแพ้ (Patch Test) โดย ทาผลิตภัณฑ์บริเวณข้อมือด้านในแล้วรอดูปฏิกิริยา 48-72 ชั่วโมง ก่อนใช้บนใบหน้า

ขั้นตอนการทำ Patch Test

1. เตรียมผิว

  • เลือกบริเวณข้อมือด้านในหรือหลังหู
  • ทำความสะอาดและเช็ดให้แห้ง
  • ไม่ทาผลิตภัณฑ์อื่นในบริเวณนั้น

2. ทาผลิตภัณฑ์

  • ทาเล็กน้อยขนาดเท่าเหรียญบาท
  • ไม่ต้องถูหรือนวด
  • ปล่อยให้ซึมและแห้งเอง

3. รอและสังเกต

  • รอ 48-72 ชั่วโมง (2-3 วัน)
  • ไม่ล้างบริเวณที่ทดสอบ
  • สังเกตอาการทุก 12 ชั่วโมง

4. อ่านผลการทดสอบ

ผลที่พบ ความหมาย
ไม่มีอาการใดๆ ปลอดภัย ใช้ได้
แดง คัน บวม แพ้ ห้ามใช้
ผื่นหรือตุ่ม แพ้รุนแรง
ระคายเคืองเล็กน้อย อาจไม่เหมาะกับผิว

5. หลังทดสอบ

  • หากปลอดภัย: เริ่มใช้บนใบหน้าทีละนิด
  • หากแพ้: ล้างออกทันที ทายาแก้แพ้
  • บันทึกผลไว้เพื่ออ้างอิง

คำแนะนำ: แม้ผ่านการทดสอบที่ข้อมือ ยังอาจแพ้บนใบหน้าได้ ควรเริ่มใช้ทีละน้อยและสังเกตอาการต่อ

การเลือกสกินแคร์สำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ

เลือกสกินแคร์สำหรับผิวแพ้ง่ายโดยดูจาก ส่วนผสมที่น้อยและอ่อนโยน พร้อมหลีกเลี่ยงสารที่มักก่อให้เกิดการแพ้

หลักการเลือกผลิตภัณฑ์

1. ส่วนผสมที่ควรมี (ปลอดภัย)

  • Glycerin – ให้ความชุ่มชื้น
  • Squalane – บำรุงไม่อุดตัน
  • Ceramides – ซ่อมแซมเกราะป้องกันผิว
  • Panthenol – ลดการระคายเคือง
  • Centella Asiatica/Madecassoside – ลดการอักเสบ

2. ส่วนผสมที่ต้องหลีกเลี่ยง

  • น้ำหอม (Fragrance/Parfum)
  • สารกันเสีย MI/MIT
  • ลาโนลิน (Lanolin)
  • น้ำมันหอมระเหย (Essential oils)
  • สารสกัดจากพืชแปลกใหม่
  • แอลกอฮอล์แรง (Denatured alcohol)

3. เลือกตามชนิดผลิตภัณฑ์

ผลิตภัณฑ์ เลือกแบบ
คลีนเซอร์ เจลอ่อนโยน ไม่มีฟอง pH 5.5
โทนเนอร์ ไม่มีแอลกอฮอล์ สูตรน้ำ
เซรั่ม ส่วนผสม 5-10 ชนิด
มอยส์เจอไรเซอร์ เนื้อเบา Non-comedogenic
กันแดด Mineral (Zinc oxide)

4. เคล็ดลับการเลือก

  • ดูคำว่า “Hypoallergenic” แต่ไม่ใช่การันตี 100%
  • เลือกแบรนด์ที่ผลิตสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ
  • ส่วนผสมน้อยกว่า 10 ชนิดดีที่สุด
  • อ่านรีวิวจากคนผิวแพ้ง่ายคล้ายกัน
  • ซื้อขนาดทดลองก่อนเสมอ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวจากการแพ้

เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์ผิวหนัง?

ควรไปพบแพทย์ผิวหนังเมื่อ อาการไม่ดีขึ้นใน 1 สัปดาห์ มีอาการรุนแรง หรือไม่แน่ใจว่าเป็นสิวจากการแพ้

สัญญาณที่ต้องพบแพทย์ทันที

1. อาการรุนแรง

  • ผื่นลามเป็นบริเวณกว้าง
  • ใบหน้าบวมหรือตาบวม
  • มีอาการหายใจลำบาก (ฉุกเฉิน)
  • คันมากจนนอนไม่หลับ

2. อาการไม่ดีขึ้น

  • รักษาเองแล้วไม่ดีขึ้นใน 7 วัน
  • อาการแย่ลงแม้หยุดผลิตภัณฑ์แล้ว
  • เกิดการติดเชื้อ (มีหนอง แดงร้อน)
  • มีไข้ร่วมด้วย

3. ต้องการความชัดเจน

  • ไม่แน่ใจว่าเป็นการแพ้หรือสิวธรรมดา
  • แพ้ซ้ำบ่อยๆ ไม่ทราบสาเหตุ
  • ต้องการตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ (Patch Test)
  • ต้องการคำแนะนำเรื่องผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

4. กรณีพิเศษ

  • มีโรคผิวหนังอื่นร่วมด้วย
  • กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • เคยมีประวัติแพ้รุนแรง

สิ่งที่แพทย์จะช่วย:

  • วินิจฉัยที่ถูกต้อง
  • จ่ายยาลดการอักเสบที่มีประสิทธิภาพ
  • ตรวจหาสารก่อภูมิแพ้
  • วางแผนการรักษาระยะยาว

สามารถใช้ยาทาสิวทั่วไปรักษาสิวจากการแพ้ได้หรือไม่?

ไม่ควร ใช้ยาทาสิวทั่วไปรักษาสิวจากการแพ้ เพราะอาจทำให้อาการแพ้แย่ลงและผิวระคายเคืองมากขึ้น

เหตุผลที่ไม่ควรใช้

1. กลไกการเกิดต่างกัน

  • สิวจากการแพ้: เกิดจากปฏิกิริยาภูมิคุ้มกัน
  • สิวธรรมดา: เกิดจากแบคทีเรียและความมัน
  • ยาแก้สิวไม่สามารถหยุดการแพ้ได้

2. ยาแก้สิวทำให้แย่ลง

  • มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวแห้งและลอก
  • ระคายเคืองผิวที่อ่อนแออยู่แล้ว
  • อาจมีสารที่ก่อให้เกิดการแพ้เพิ่ม

3. ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยง

ยาแก้สิว ผลต่อสิวแพ้
Benzoyl Peroxide ทำให้แห้ง ระคายเคือง
Salicylic Acid ลอกหนัง แสบ
Retinoids ระคายเคืองรุนแรง
Sulfur แห้ง คัน
แอลกอฮอล์ แสบ แห้งมาก

การรักษาที่ถูกต้อง:

  • หยุดสารก่อภูมิแพ้
  • ใช้ยาลดการอักเสบ (ไฮโดรคอร์ติโซน)
  • ทายาแก้แพ้ ไม่ใช่ยาแก้สิว
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูผิวอ่อนโยน

คำเตือน: หากใช้ยาแก้สิวกับสิวแพ้ จะทำให้ผิวอักเสบมากขึ้น หายช้า และอาจเกิดรอยดำติดนาน

References

  • Byrdie – byrdie.com

  • Cleveland Clinic – clevelandclinic.org

  • Dermatology Physicians of Connecticut – dermatologyofct.com

  • Dermatology of Seattle – dermatologyseattle.com

  • U.S. Food and Drug Administration (FDA) – fda.gov

Author

  • นายแพทย์พนิต อุนรัตน์
    นายแพทย์พนิต อุนรัตน์

    View all posts

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
วิธีจัดการสิวจากเหงื่อ (Acne Vulgaris) อย่างได้ผล
NextContinue
สิวจากยีสต์ (เชื้อรา): สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

Product Type

  • Acne Care - รักษาสิว22 สินค้า
  • Brightening - ผิวกระจ่างใส22 สินค้า
  • Dark Spot Reduction - ลดจุดด่างดำ22 สินค้า
  • Red or Dark Spots - รอยสิว11 สินค้า
  • Skin Cleansing - ทำความสะอาดผิว33 สินค้า
  • Skin Hydration - ความชุ่มชื่นผิว22 สินค้า
  • Skin Mask - มาร์สผิว22 สินค้า
  • Sun Protection - กันแดด22 สินค้า
  • Travel Size - ขนาดพกพา66 สินค้า

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube