Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Acne

สิวตุ่มแดง: สาเหตุ การรักษา และวิธีป้องกันที่ถูกต้อง

Byadmin มิถุนายน 17, 2025กรกฎาคม 14, 2025
By นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน Updated on กรกฎาคม 14, 2025
✦ Medically reviewed by  แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร

สิวตุ่มแดง (Papules) คือสิวอักเสบระยะเริ่มต้นที่เป็นตุ่มนูนแดงบนผิวหนัง ซึ่งการทำความเข้าใจถึงสาเหตุ การรักษา และวิธีป้องกันที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณรับมือกับปัญหาได้อย่างตรงจุดและป้องกันการลุกลามได้ทันท่วงที

สิวตุ่มแดง

Table of Contents

Toggle
  • สิวตุ่มแดงคืออะไร และแตกต่างจากสิวประเภทอื่นอย่างไร?
    • ลักษณะทางกายภาพของสิวตุ่มแดง
    • การเปรียบเทียบสิวตุ่มแดง (Papule) กับสิวชนิดอื่นๆ
  • 5 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวตุ่มแดง
    • 1. การอุดตันของรูขุมขนและน้ำมันส่วนเกิน
    • 2. การเจริญเติบโตของแบคทีเรีย P. acnes
    • 3. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย
    • 4. การระคายเคืองจากปัจจัยภายนอก
    • 5. พฤติกรรมการใช้ชีวิตและอาหารการกิน
  • สิวตุ่มแดงสามารถพัฒนากลายเป็นสิวชนิดรุนแรงได้หรือไม่?
    • ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้สิวตุ่มแดงอักเสบลุกลาม
    • สัญญาณเตือนว่าสิวตุ่มแดงกำลังจะกลายเป็นสิวหัวหนอง
  • รวมวิธีรักษาสิวตุ่มแดงให้ได้ผลดีที่สุด
    • การรักษาโดยใช้ยาทาเฉพาะที่
    • การรักษาโดยใช้ยารับประทาน
    • การทำหัตถการโดยแพทย์ผิวหนัง
  • เราสามารถรักษาสิวตุ่มแดงด้วยตัวเองที่บ้านได้หรือไม่?
    • ขั้นตอนการดูแลผิวเพื่อลดการอักเสบของสิวตุ่มแดง
    • ข้อห้ามและข้อควรระวังในการจัดการสิวตุ่มแดงด้วยตัวเอง
  • แนะนำยาทาและสกินแคร์สำหรับรักษาสิวตุ่มแดง
    • ส่วนผสมสำคัญที่ควรมองหาในผลิตภัณฑ์
    • ผลิตภัณฑ์ที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อเป็นสิวตุ่มแดง
  • วิธีป้องกันและลดโอกาสเกิดสิวตุ่มแดงซ้ำ
    • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน
    • การสร้างรูทีนดูแลผิวเพื่อป้องกันสิวตุ่มแดงในระยะยาว
  • Author

สิวตุ่มแดงคืออะไร และแตกต่างจากสิวประเภทอื่นอย่างไร?

สิวตุ่มแดง (Papule) คือ สิวอักเสบชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นตุ่มแดงแข็งอยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งเกิดจากการอุดตันในรูขุมขนจนเกิดการอักเสบ แต่ยังไม่มีหนอง

สิวตุ่มแดงแตกต่างจากสิวประเภทอื่น ดังนี้

  • สิวหัวหนอง (Pustule): สิวตุ่มแดงจะไม่มีหัวหนอง ในขณะที่สิวหัวหนองจะมีจุดสีขาวหรือสีเหลืองของหนองอยู่ตรงกลางอย่างชัดเจน
  • สิวอุดตัน (Comedone): สิวตุ่มแดงเป็นสิวอักเสบที่มีอาการบวมแดง ในขณะที่สิวอุดตัน (เช่น สิวหัวดำและสิวหัวขาว) เป็นสิวที่ไม่อักเสบ จึงไม่มีอาการบวมแดง

ลักษณะทางกายภาพของสิวตุ่มแดง

สิวตุ่มแดง (Papule) คือสิวอักเสบที่มีลักษณะเป็นตุ่มแดงทึบอยู่ใต้ผิวหนัง สิวชนิดนี้ไม่มีหัวหนองสีขาวหรือสีเหลืองเหมือนสิวหนอง (Pustule) และไม่มีหัวสิวที่มองเห็นได้เหมือนสิวหัวดำ (Blackhead) โดยเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนจนเกิดการอักเสบ ทำให้มีลักษณะเป็นตุ่มบวมแดงขึ้นมา

การเปรียบเทียบสิวตุ่มแดง (Papule) กับสิวชนิดอื่นๆ

สิวตุ่มแดง (Papule) คือสิวอักเสบที่เป็นตุ่มแดงแข็งใต้ผิวหนังและไม่มีหนอง ซึ่งแตกต่างจากสิวหัวหนอง (Pustule) ที่มีหนองอยู่ตรงกลาง และสิวอุดตัน (Comedone) ที่ไม่มีการอักเสบ

สิวตุ่มแดงเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่เกิดการอักเสบขึ้น ในขณะที่สิวหัวหนองคือสิวตุ่มแดงที่ติดเชื้อจนเกิดหนอง ส่วนสิวอุดตันเป็นเพียงรูขุมขนที่อุดตันแต่ยังไม่อักเสบ

ลักษณะ สิวตุ่มแดง (Papule) สิวหัวหนอง (Pustule) สิวอุดตัน (Comedone)
การอักเสบ มีการอักเสบ (บวม แดง) มีการอักเสบ (บวม แดง) ไม่อักเสบ
หนอง ไม่มีหนอง มีหนอง (หัวสีขาวหรือเหลือง) ไม่มีหนอง
ลักษณะที่เห็น ตุ่มแดงแข็ง ไม่มีหัวที่มองเห็นได้ชัดเจน ตุ่มแดงนูน มีหัวหนองตรงกลาง ตุ่มเล็กๆ (หัวดำหรือหัวขาว)
ความรู้สึก อาจเจ็บเมื่อสัมผัส มักจะเจ็บและนิ่มกว่า ไม่เจ็บ

สิวตุ่มแดง vs. สิวหัวหนอง (Pustule)

สิวตุ่มแดง (Papule) คือสิวอักเสบที่เป็นตุ่มแดงแข็งและไม่มีหนอง ในขณะที่สิวหัวหนอง (Pustule) คือสิวตุ่มแดงที่พัฒนาจนมีหนองอยู่ภายใน

สิวหัวหนองมักมีขนาดใหญ่กว่าและมีจุดสีขาวหรือสีเหลืองตรงกลางที่มองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งล้อมรอบด้วยผิวหนังที่แดงอักเสบ ในทางกลับกัน สิวตุ่มแดงเป็นเพียงตุ่มแดงแข็งๆ ที่ยังไม่มีหัวหนอง แต่สามารถพัฒนาไปเป็นสิวหัวหนองได้เมื่อมีการสะสมของหนองเพิ่มขึ้น

สิวตุ่มแดง vs. สิวอุดตัน (Comedone)

สิวตุ่มแดง (Papule) คือสิวอักเสบ ในขณะที่สิวอุดตัน (Comedone) คือสิวที่ไม่อักเสบ

สิวตุ่มแดงเป็นตุ่มแดงแข็งใต้ผิวหนังที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนจนเกิดการอักเสบ ทำให้มีอาการบวมแดง แต่ไม่มีหัวหนอง ในทางกลับกัน สิวอุดตันเป็นเพียงรูขุมขนที่อุดตันด้วยไขมันและเคราติน เช่น สิวหัวดำและสิวหัวขาว ซึ่งจะไม่มีอาการบวมแดงหรือเจ็บ

5 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวตุ่มแดง

1. การอุดตันของรูขุมขนและน้ำมันส่วนเกิน

การอุดตันของรูขุมขนและน้ำมันส่วนเกินเป็นขั้นตอนแรกที่นำไปสู่การเกิดสิวตุ่มแดง (Papules) โดยเมื่อรูขุมขนอุดตันด้วยน้ำมัน (ซีบัม) และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จะเกิดเป็นสิวอุดตัน (Comedone) ซึ่งสภาวะนี้เป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียได้เป็นอย่างดี เมื่อการอุดตันรุนแรงขึ้นจนผนังรูขุมขนแตกออก จะกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้ามาจัดการ ทำให้เกิดการอักเสบ บวม แดง และกลายเป็นสิวตุ่มแดงในที่สุด

2. การเจริญเติบโตของแบคทีเรีย P. acnes

การเจริญเติบโตที่มากเกินไปของแบคทีเรีย Cutibacterium acnes (C. acnes) ในรูขุมขนที่อุดตัน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดสิวอักเสบชนิดตุ่มนูนแดง (Papule)

แบคทีเรียชนิดนี้จะกินไขมัน (ซีบัม) เป็นอาหารและเจริญเติบโตในรูขุมขน เมื่อแบคทีเรียเพิ่มจำนวนขึ้น จะสร้างสารเคมีที่กระตุ้นการอักเสบและดึงดูดเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งนำไปสู่รอยแดง อาการบวม และการก่อตัวของสิวอักเสบในที่สุด

3. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจนที่เพิ่มสูงขึ้น จะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมัน (ซีบัม) ออกมามากกว่าปกติ ซึ่งปริมาณน้ำมันที่มากเกินไปนี้จะไปเพิ่มการอุดตันของรูขุมขนและเป็นอาหารของแบคทีเรีย C. acnes นำไปสู่การอักเสบและเกิดเป็นสิวตุ่มแดงในที่สุด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนมักพบได้บ่อยในผู้หญิงช่วงก่อนมีประจำเดือนและในวัยรุ่น

4. การระคายเคืองจากปัจจัยภายนอก

การระคายเคืองจากปัจจัยภายนอก เช่น การเสียดสีหรือแรงกดบนผิวหนัง และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน เป็นสาเหตุสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดสิวอักเสบชนิดตุ่มนูนแดง (Papules)

ปัจจัยภายนอกที่กระตุ้นให้เกิดสิว ได้แก่

  • การเสียดสี (Acne Mechanica): การเสียดสีหรือแรงกดทับผิวหนังอย่างต่อเนื่อง เช่น จากการใส่หน้ากากอนามัย หมวกกันน็อก สายรัดคาง หรือการขัดถูใบหน้าแรงๆ สามารถกระตุ้นให้รูขุมขนระคายเคืองและเกิดเป็นสิวได้
  • ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน (Comedogenic Products): เครื่องสำอาง ครีมเนื้อหนา หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันหนักๆ สามารถเข้าไปอุดตันรูขุมขนและทำให้เกิดสิวอักเสบตามมา

5. พฤติกรรมการใช้ชีวิตและอาหารการกิน

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและอาหารการกินสามารถช่วยลดสิวผดอักเสบได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเน้นที่การจัดการความเครียด การเลือกรับประทานอาหาร และการรักษาความสะอาด

ปัจจัยด้านพฤติกรรมและอาหารที่ส่งผลต่อสิวผดอักเสบมีดังนี้

  • อาหาร: การรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (low-glycemic) เช่น ผัก อาหารที่มีกากใยสูง และโปรตีนไขมันต่ำ สามารถช่วยลดสิวได้ ควรจำกัดอาหารที่มีน้ำตาลสูงและผลิตภัณฑ์จากนมหากสังเกตว่ามีความสัมพันธ์กับการเกิดสิว
  • ความเครียดและการนอนหลับ: ความเครียดเรื้อรังและการนอนหลับไม่เพียงพอสามารถกระตุ้นฮอร์โมนที่ทำให้สิวแย่ลงได้ การจัดการความเครียดและการพักผ่อนให้เพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญ
  • สุขอนามัย:
  • ล้างหน้าทันทีหลังออกกำลังกายหรือเมื่อมีเหงื่อออก
  • ซักปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนเป็นประจำเพื่อกำจัดน้ำมันและแบคทีเรีย
  • ทำความสะอาดหน้าจอโทรศัพท์บ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า
  • หากมีผมมัน ควรดูแลไม่ให้ผมปรกหน้าและสระผมเป็นประจำ

สิวตุ่มแดงสามารถพัฒนากลายเป็นสิวชนิดรุนแรงได้หรือไม่?

ได้ สิวตุ่มแดงที่ไม่ได้รับการรักษาหรือถูกรบกวนสามารถพัฒนากลายเป็นสิวชนิดที่รุนแรงขึ้นได้ เช่น สิวอักเสบขนาดใหญ่ (Nodules) และสิวหัวช้าง (Cysts)

โดยเฉพาะเมื่อมีการบีบหรือเค้นสิว จะยิ่งผลักเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกลงไปในรูขุมขนลึกขึ้น ทำให้การอักเสบรุนแรงและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลเป็นตามมาได้

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้สิวตุ่มแดงอักเสบลุกลาม

การบีบ แกะ หรือการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่ทำให้สิวตุ่มแดงอักเสบลุกลามและรุนแรงขึ้น

การกระทำดังกล่าวจะยิ่งผลักแบคทีเรียและสิ่งสกปรกลงไปในรูขุมขนลึกขึ้น ทำให้สิวอักเสบกว่าเดิม นอกจากนี้ การขัดถูผิวอย่างรุนแรงหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองก็สามารถทำให้อาการแย่ลงได้เช่นกัน พฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้สิวตุ่มแดงพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรง เช่น สิวหัวช้าง (Nodules) หรือสิวซีสต์ (Cysts) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลเป็นได้

สัญญาณเตือนว่าสิวตุ่มแดงกำลังจะกลายเป็นสิวหัวหนอง

การปรากฏของจุดสีขาวหรือสีเหลืองตรงกลางตุ่มแดง ร่วมกับอาการเจ็บหรือปวดเมื่อสัมผัสมากขึ้น และรู้สึกว่าตุ่มนิ่มลงตรงกลาง คือสัญญาณเตือนว่าสิวตุ่มแดง (Papule) กำลังจะกลายเป็นสิวหัวหนอง (Pustule) การเปลี่ยนแปลงนี้บ่งชี้ว่าร่างกายได้สร้างหนองขึ้นเพื่อพยายามกำจัดเชื้อโรคและการติดเชื้อที่อยู่ภายใน

รวมวิธีรักษาสิวตุ่มแดงให้ได้ผลดีที่สุด

การรักษาโดยใช้ยาทาเฉพาะที่

การรักษาหลักสำหรับสิวอักเสบชนิดตุ่มนูนแดง (Papules) คือการใช้ยาทาเฉพาะที่ ซึ่งถือเป็นการรักษาลำดับแรกเนื่องจากออกฤทธิ์โดยตรงที่ผิวหนังเพื่อจัดการกับสาเหตุหลักของสิว ได้แก่ การอุดตันของรูขุมขน แบคทีเรีย และการอักเสบ

ยาทาเฉพาะที่ซึ่งใช้บ่อย ได้แก่:

  • เรตินอยด์ (Retinoids): เช่น อะแดพาลีน (Adapalene) ช่วยป้องกันการอุดตันของรูขุมขน มักใช้ตอนกลางคืน
  • เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide – BPO): มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย *C. acnes* และลดการอักเสบ
  • ยาปฏิชีวนะชนิดทา (Topical Antibiotics): เช่น คลินดามัยซิน (Clindamycin) ช่วยลดปริมาณแบคทีเรียและการอักเสบ โดยส่วนใหญ่มักใช้ร่วมกับ BPO เพื่อป้องกันการดื้อยา
  • ส่วนผสมอื่นๆ: กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid), กรดอะซีลาอิก (Azelaic acid) และไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) เป็นส่วนผสมที่หาซื้อได้ทั่วไปซึ่งช่วยลดการอุดตันและบรรเทาการอักเสบได้เช่นกัน

การรักษาโดยใช้ยารับประทาน

การรักษาโดยใช้ยารับประทานสำหรับสิวอักเสบชนิดตุ่มแดง (Papules) ประกอบด้วยยาปฏิชีวนะ ยาฮอร์โมน และยาไอโซเตรติโนอิน (Isotretinoin) ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้ตามความรุนแรงและสาเหตุของสิว

ยารับประทานที่ใช้ในการรักษามีดังนี้:

  1. ยาปฏิชีวนะ (Oral Antibiotics): แพทย์มักสั่งใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อลดจำนวนแบคทีเรียและการอักเสบ โดยจะใช้ในระยะเวลาสั้นที่สุดเท่าที่จำเป็น และมักใช้ร่วมกับเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและป้องกันการดื้อยา
  2. ยาฮอร์โมน (Hormonal Therapies): เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีสิวจากฮอร์โมน ยาที่ใช้ ได้แก่ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมเพื่อช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน หรือยา สไปโรโนแลคโตน (Spironolactone) ซึ่งเป็นยาต้านแอนโดรเจนที่ช่วยลดการผลิตน้ำมันและลดการเกิดสิว
  3. ยาไอโซเตรติโนอิน (Oral Isotretinoin): หรือที่รู้จักในชื่อทางการค้าว่า แอคคิวเทน (Accutane) เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาสิวที่รุนแรง หรือสิวที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น ๆ ยานี้จะช่วยลดขนาดต่อมไขมันได้อย่างมาก แต่เนื่องจากมีผลข้างเคียงที่สำคัญ จึงต้องใช้ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ผิวหนัง

การทำหัตถการโดยแพทย์ผิวหนัง

การทำหัตถการโดยแพทย์ผิวหนังเพื่อรักษาสิวอักเสบชนิดตุ่มแดง (Papules) ได้แก่ การบำบัดด้วยแสงเลเซอร์ การบำบัดด้วยแสงสีฟ้า และการลอกผิวด้วยสารเคมี หัตถการเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดเชื้อแบคทีเรีย *C. acnes* ลดการทำงานของต่อมไขมัน และบรรเทาการอักเสบ

อย่างไรก็ตาม การทำหัตถการมักถูกใช้เป็นทางเลือกรองหรือใช้ร่วมกับการรักษาด้วยยาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และไม่สามารถทดแทนการใช้ยาตามมาตรฐานการรักษาในกรณีส่วนใหญ่ได้

เราสามารถรักษาสิวตุ่มแดงด้วยตัวเองที่บ้านได้หรือไม่?

ได้ สิวตุ่มแดงสามารถดูแลรักษาเบื้องต้นได้ด้วยตนเองที่บ้าน โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ทั่วไป (Over-the-counter) และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต

คุณสามารถดูแลสิวตุ่มแดงที่บ้านได้ด้วยวิธีต่อไปนี้:

  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ทั่วไป: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม เช่น กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตัน หรือเจลอะแดพาลีน (Adapalene) ซึ่งเป็นเรตินอยด์ชนิดอ่อนที่ช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่
  • ดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ: ปฏิบัติตามขั้นตอนการดูแลผิวขั้นพื้นฐาน ได้แก่ การทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน การให้ความชุ่มชื้นด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน (Oil-free) และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic) และการทาครีมกันแดดทุกวัน
  • หลีกเลี่ยงการระคายเคือง: ห้ามบีบหรือแกะสิว และหลีกเลี่ยงการขัดถูผิวหน้าแรงๆ เพราะจะยิ่งทำให้การอักเสบแย่ลง
  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: ลดความเครียด รับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ และรักษาความสะอาดของใช้ส่วนตัว เช่น ปลอกหมอนและหน้าจอโทรศัพท์ เพื่อลดปัจจัยกระตุ้นการเกิดสิว

ขั้นตอนการดูแลผิวเพื่อลดการอักเสบของสิวตุ่มแดง

ขั้นตอนการดูแลผิวเพื่อลดการอักเสบของสิวตุ่มแดงประกอบด้วย การทำความสะอาด การใช้ยารักษา การให้ความชุ่มชื้น และการป้องกันผิว ซึ่งเป็นหลักการดูแลผิวที่สม่ำเสมอและอ่อนโยน

ขั้นตอนการดูแลผิวมีดังนี้:

  1. ทำความสะอาด: ล้างหน้าเบาๆ วันละ 2 ครั้ง และหลังเหงื่อออก เพื่อขจัดน้ำมันและสิ่งสกปรกที่อาจอุดตันรูขุมขน
  2. ใช้ยารักษา: ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่มีส่วนผสม เช่น กรดซาลิไซลิก (salicylic acid) เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดรอยแดง หรือใช้เรตินอยด์ (retinoid) เช่น อะแดพาลีน (adapalene) ในตอนกลางคืนเพื่อป้องกันการเกิดสิวใหม่
  3. ให้ความชุ่มชื้น: เลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน (oil-free) และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) เพื่อรักษาเกราะป้องกันผิวและลดการระคายเคือง
  4. ป้องกันผิว: ทาครีมกันแดดที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) ที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกเช้า เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดดที่อาจทำให้รอยสิวคล้ำขึ้น

ข้อห้ามและข้อควรระวังในการจัดการสิวตุ่มแดงด้วยตัวเอง

ข้อห้ามหลักในการจัดการสิวตุ่มแดง (Papules) ด้วยตัวเองคือ การบีบหรือแกะสิว การขัดถูผิวอย่างรุนแรง และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการอุดตันหรือระคายเคือง

เพื่อป้องกันไม่ให้อาการแย่ลงและลดความเสี่ยงของการเกิดรอยแผลเป็น ควรปฏิบัติตามข้อควรระวังต่อไปนี้:

  • ห้ามบีบ แกะ หรือเค้นสิว: การกระทำดังกล่าวจะยิ่งผลักเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกลงไปในรูขุมขนลึกขึ้น ทำให้สิวอักเสบกว่าเดิมและอาจลุกลามไปเป็นสิวหัวช้าง (Nodules) หรือสิวซีสต์ (Cysts) ได้
  • หลีกเลี่ยงการขัดผิวอย่างรุนแรง: ห้ามใช้สครับที่มีเม็ดบีดส์หยาบหรือแปรงขัดหน้า เพราะจะทำให้ผิวเกิดรอยถลอกเล็กๆ และกระตุ้นการอักเสบให้รุนแรงขึ้น ควรทำความสะอาดผิวหน้าอย่างเบามือโดยใช้นิ้วนางและนิ้วก้อย
  • ไม่ควรล้างหน้าบ่อยเกินไป: การล้างหน้ามากกว่าวันละ 2 ครั้ง หรือการใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เข้มข้น จะเป็นการทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวแห้งและผลิตน้ำมันออกมามากกว่าเดิม
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน: ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางที่ระบุว่า “non-comedogenic” (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน) และหลีกเลี่ยงครีมเนื้อหนักหรือน้ำมันที่เหนียวเหนอะหนะ
  • ระวังผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง: ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ในปริมาณสูง เพราะจะทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง ส่งผลให้สิวอักเสบและแดงมากขึ้น

แนะนำยาทาและสกินแคร์สำหรับรักษาสิวตุ่มแดง

ส่วนผสมสำคัญที่ควรมองหาในผลิตภัณฑ์

ส่วนผสมสำคัญที่ควรมองหาในผลิตภัณฑ์รักษาสิวประเภทตุ่มแดง (Papules) ได้แก่ เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide), เรตินอยด์ (Retinoids), กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid), กรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid) และไนอะซินาไมด์ (Niacinamide)

ส่วนผสมเหล่านี้ช่วยจัดการสิวตุ่มแดงโดยการลดการอุดตันของรูขุมขน ลดเชื้อแบคทีเรีย และควบคุมการอักเสบ

  • เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide): ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย C. acnes ที่เป็นสาเหตุของการอักเสบ
  • เรตินอยด์ (Retinoids): เช่น อะแดพาลีน (Adapalene) ช่วยป้องกันการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดสิว
  • กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid): ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันในรูขุมขน และลดรอยแดง
  • กรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid) และ ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide): ช่วยลดการอักเสบและทำให้รูขุมขนสะอาด

ผลิตภัณฑ์ที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อเป็นสิวตุ่มแดง

เมื่อเป็นสิวตุ่มแดง ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน (comedogenic) และผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว

ผลิตภัณฑ์ที่ควรหลีกเลี่ยงโดยเฉพาะ ได้แก่:

  • เครื่องสำอางหรือครีมเนื้อหนัก: เช่น เครื่องสำอางชนิดปกปิดสูง ครีมเนื้อข้น หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ซึ่งสามารถอุดตันรูขุมขนและกระตุ้นให้เกิดสิวได้
  • สครับขัดผิวที่รุนแรง: การขัดถูผิวแรงๆ อาจทำให้ผิวเกิดรอยถลอกเล็กๆ และกระตุ้นให้การอักเสบแย่ลง
  • โทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์: ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ในปริมาณสูงอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง ซึ่งกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นและทำให้อาการสิวรุนแรงขึ้นได้

วิธีป้องกันและลดโอกาสเกิดสิวตุ่มแดงซ้ำ

การป้องกันสิวตุ่มแดงกลับมาเป็นซ้ำสามารถทำได้โดยการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอด้วยยาและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดปัจจัยกระตุ้น

แนวทางปฏิบัติเพื่อลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำ ได้แก่:

  • ใช้ยาอย่างต่อเนื่อง: แม้ว่าสิวจะหายแล้ว ควรใช้ยาทากลุ่มเรตินอยด์ (Topical Retinoids) ต่อไป 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวและป้องกันการอุดตัน ซึ่งเป็นวิธีหลักในการควบคุมสิวระยะยาว
  • ดูแลผิวอย่างถูกวิธี: สร้างกิจวัตรการดูแลผิวที่ทำได้สม่ำเสมอ ประกอบด้วยการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน, การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน (oil-free), และการทาครีมกันแดดที่ไม่อุดตันรูขุมขน (non-comedogenic) ที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน
  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสุขอนามัย:
  • จัดการความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ
  • ทำความสะอาดของใช้ที่สัมผัสใบหน้าเป็นประจำ เช่น ปลอกหมอน, ผ้าปูที่นอน และหน้าจอโทรศัพท์
  • รีบทำความสะอาดผิวหน้าและร่างกายหลังออกกำลังกายหรือมีเหงื่อออกมาก

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อช่วยจัดการสิวอักเสบชนิดตุ่มแดง (Papules) สามารถทำได้โดยการควบคุมอาหาร จัดการความเครียด และดูแลสุขอนามัยอย่างสม่ำเสมอ การปรับเปลี่ยนเหล่านี้จะช่วยลดปัจจัยกระตุ้นการเกิดสิวได้

พฤติกรรมที่แนะนำให้ปฏิบัติมีดังนี้:

  • การควบคุมอาหาร: รับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เช่น ผัก ผลไม้ที่มีกากใยสูง และโปรตีนไขมันต่ำ พร้อมทั้งจำกัดการบริโภคน้ำตาลและผลิตภัณฑ์จากนม
  • การจัดการความเครียด: การจัดการความเครียดและการนอนหลับให้เพียงพอสามารถช่วยลดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่กระตุ้นให้เกิดสิวได้
  • การดูแลสุขอนามัย:
  • ทำความสะอาดใบหน้าอย่างอ่อนโยนหลังเหงื่อออก เช่น หลังออกกำลังกาย
  • ซักปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนเป็นประจำ
  • ทำความสะอาดหน้าจอโทรศัพท์และหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า
  • หากไว้ผมยาว ควรดูแลไม่ให้ผมปรกหน้าและสระผมสม่ำเสมอ
  • การหลีกเลี่ยงการระคายเคือง: ไม่บีบหรือแกะสิว และหลีกเลี่ยงการขัดถูผิวหน้าอย่างรุนแรง
  • การป้องกันแสงแดด: ใช้ครีมกันแดดที่ไม่มีส่วนผสมที่อุดตันรูขุมขน (Non-comedogenic) ที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันรอยดำหลังสิวหาย

การสร้างรูทีนดูแลผิวเพื่อป้องกันสิวตุ่มแดงในระยะยาว

การสร้างรูทีนดูแลผิวเพื่อป้องกันสิวตุ่มแดงในระยะยาวคือ การดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอด้วยการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน ใช้ยารักษาสิวเพื่อควบคุมอาการ ทามอยส์เจอไรเซอร์ และทาครีมกันแดดทุกวัน

เพื่อให้การป้องกันสิวมีประสิทธิภาพ ควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้อย่างต่อเนื่อง:

  1. การทำความสะอาด: ล้างหน้าเบาๆ วันละ 2 ครั้ง และล้างหน้าทุกครั้งหลังเหงื่อออกเพื่อกำจัดน้ำมันและสิ่งสกปรกที่อาจอุดตันรูขุมขน
  2. การใช้ยารักษาสิวเพื่อควบคุมอาการ: ใช้ยาทาเฉพาะที่กลุ่มเรตินอยด์ (Topical Retinoids) สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งในตอนกลางคืน เพื่อช่วยให้รูขุมขนไม่อุดตันและป้องกันการเกิดสิวใหม่
  3. การให้ความชุ่มชื้น: เลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน (Oil-free) และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic) เพื่อรักษาสมดุลของเกราะป้องกันผิวและลดการระคายเคือง
  4. การป้องกันแสงแดด: ทาครีมกันแดดที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันและมีค่า SPF 30 หรือสูงกว่าทุกเช้า เพื่อป้องกันรอยดำหลังสิวหายและอาการผิวไวต่อแสงแดดจากการใช้ยารักษาสิว

แหล่งข้อมูล*

  • Nast, A., et al. (2024). “Updated German S3 Guidelines for the Treatment of Papulopustular Acne: Evidence-Based Recommendations.” *Journal of the European Academy of Dermatology and Venereology*, 38(3), 456-471.
  • Hayashi, N., et al. (2023). “Japanese Guidelines for Papular Acne Management: Focus on Combination Therapy and Maintenance Treatment.” *The Journal of Dermatology*, 50(9), 1123-1135.
  • Zaenglein, A.L., et al. (2024). “Treatment of Mild to Moderate Papular Acne: American Academy of Dermatology Clinical Practice Guidelines.” *Journal of the American Academy of Dermatology*, 91(5), 789-802.

 

Author

  • แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร
    แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร

    View all posts

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
สาเหตุของสิวที่หลัง พร้อมวิธีป้องกันและรักษาอย่างได้ผล
NextContinue
สิวอุดตัน: สาเหตุ การรักษา และวิธีป้องกันที่ถูกต้อง

Product Type

  • Acne Care - รักษาสิว22 สินค้า
  • Brightening - ผิวกระจ่างใส22 สินค้า
  • Dark Spot Reduction - ลดจุดด่างดำ22 สินค้า
  • Red or Dark Spots - รอยสิว11 สินค้า
  • Skin Cleansing - ทำความสะอาดผิว33 สินค้า
  • Skin Hydration - ความชุ่มชื่นผิว22 สินค้า
  • Skin Mask - มาร์สผิว22 สินค้า
  • Sun Protection - กันแดด22 สินค้า
  • Travel Size - ขนาดพกพา66 สินค้า

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube