Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Acne

สิวหัวขาว: สาเหตุ วิธีรักษา และการป้องกันที่ถูกต้อง

Byadmin สิงหาคม 12, 2025สิงหาคม 12, 2025
By นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน Updated on สิงหาคม 12, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์พนิต อุนรัตน์

สิวหัวขาวคือสิวอุดตันชนิดหนึ่งที่เห็นเป็นตุ่มสีขาวเล็กๆ ไม่อักเสบ บทความนี้จะอธิบายง่ายๆ เกี่ยวกับสาเหตุ วิธีรักษา และวิธีป้องกันอย่างถูกวิธี

สิวหัวขาว

Table of Contents

Toggle
  • สิวหัวขาวคืออะไร และแตกต่างจากสิวประเภทอื่นอย่างไร?
    • ลักษณะของสิวหัวขาว (สิวอุดตันหัวปิด)
    • เปรียบเทียบความแตกต่าง: สิวหัวขาว vs สิวหัวดำ
  • สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวหัวขาวบนใบหน้าและลำตัวคืออะไร?
    • การอุดตันของรูขุมขนจากเซลล์ผิวและไขมัน
    • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย
    • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว
  • สิวหัวขาวสามารถพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบได้หรือไม่?
    • กระบวนการที่สิวหัวขาวเปลี่ยนเป็นสิวอักเสบ
    • สัญญาณอะไรที่เตือนว่าสิวหัวขาวกำลังจะอักเสบ?
  • วิธีรักษาสิวหัวขาวที่ถูกต้องและเห็นผลเร็วที่สุดคืออะไร?
    • การใช้ยาทาเฉพาะที่เพื่อรักษาสิวหัวขาว
    • การรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ: การกดสิวและการทำทรีตเมนต์
    • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลผิวเพื่อรักษาสิวหัวขาว
  • แนะนำ 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับจัดการปัญหาสิวหัวขาว
    • 1. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า
    • 2. ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว
    • 3. มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวเป็นสิว
  • การกดหรือบีบสิวหัวขาว: ควรทำหรือไม่ และมีวิธีที่ปลอดภัยอย่างไร?
    • ความเสี่ยงจากการกดสิวหัวขาวด้วยตัวเอง
    • ขั้นตอนการกดสิวหัวขาวอย่างถูกวิธี
  • วิธีป้องกันการเกิดสิวหัวขาวซ้ำในระยะยาวต้องทำอย่างไร?
    • การเลือกใช้สกินแคร์และเครื่องสำอาง
    • การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
  • Author

สิวหัวขาวคืออะไร และแตกต่างจากสิวประเภทอื่นอย่างไร?

สิวหัวขาว (Closed Comedones) คือ สิวอุดตันชนิดหัวปิดที่ไม่มีการอักเสบ ซึ่งเกิดจากการที่รูขุมขนอุดตันด้วยซีบัม (sebum) และเคราติน (keratin) อย่างสมบูรณ์ ทำให้มองเห็นเป็นตุ่มเล็กๆ สีขาวหรือสีเนื้ออยู่ใต้ผิวหนัง

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสิวหัวขาวและสิวหัวดำคือ สิวหัวขาวมีรูขุมขนที่ “ปิด” ทำให้สิ่งที่อุดตันอยู่ใต้ผิวหนังและคงสีขาวไว้ ในขณะที่สิวหัวดำ (Open Comedones) มีรูขุมขนที่ “เปิด” ทำให้สิ่งที่อุดตันสัมผัสกับอากาศและเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) จนกลายเป็นสีดำ

ลักษณะของสิวหัวขาว (สิวอุดตันหัวปิด)

สิวหัวขาวคือตุ่มสิวขนาดเล็กที่ไม่มีการอักเสบซึ่งเกิดจากรูขุมขนที่อุดตันสนิท โดยจะปรากฏเป็นตุ่มสีขาวหรือสีเนื้อขนาดประมาณ 1-2 มม. อยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้มองไม่เห็นหัวสิวและทำให้ผิวมีลักษณะขรุขระ สิวชนิดนี้เกิดจากการสะสมของซีบัม (ไขมัน) และเคราตินที่ถูกกักอยู่ภายใน

เปรียบเทียบความแตกต่าง: สิวหัวขาว vs สิวหัวดำ

สิวหัวขาวคือสิวอุดตันชนิดรูขุมขนปิด ในขณะที่สิวหัวดำคือสิวอุดตันชนิดรูขุมขนเปิด ซึ่งความแตกต่างหลักเกิดจากการที่สิ่งที่อุดตันอยู่ภายในได้สัมผัสกับอากาศหรือไม่

ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างสิวทั้งสองชนิดมีดังนี้

ลักษณะ สิวหัวขาว (Closed Comedone) สิวหัวดำ (Open Comedone)
รูขุมขน ปิดสนิท เปิดกว้าง
ลักษณะที่เห็น เป็นตุ่มนูนเล็กๆ สีขาวหรือสีเนื้ออยู่ใต้ผิวหนัง มีจุดสีดำอยู่ตรงกลางที่ผิวหนัง
สาเหตุของสี สิ่งอุดตัน (ไขมันและเคราติน) ถูกปิดอยู่ใต้ผิวหนัง ไม่ได้สัมผัสอากาศ สิ่งอุดตันสัมผัสกับอากาศและเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) จนเปลี่ยนเป็นสีดำ ไม่ใช่สิ่งสกปรก

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวหัวขาวบนใบหน้าและลำตัวคืออะไร?

การอุดตันของรูขุมขนจากเซลล์ผิวและไขมัน

การอุดตันของรูขุมขนจากเซลล์ผิวและไขมันเป็นสาเหตุหลักของการเกิด สิวอุดตัน (comedones) ซึ่งเป็นสิวในระยะเริ่มต้นที่ยังไม่มีการอักเสบ

สิวอุดตันแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

  • สิวหัวขาว (Whiteheads): เกิดจากรูขุมขนที่ปิดสนิท ทำให้เห็นเป็นตุ่มนูนเล็กๆ สีขาวหรือสีเนื้อใต้ผิวหนัง
  • สิวหัวดำ (Blackheads): เกิดจากรูขุมขนที่เปิดออก เมื่อไขมันและเซลล์ผิวที่อุดตันสัมผัสกับอากาศจะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (oxidation) ทำให้เปลี่ยนเป็นสีดำ

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเป็นสาเหตุหลักอย่างหนึ่งของการเกิดสิวหัวขาว โดยฮอร์โมนจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น และทำให้เซลล์ผิวในรูขุมขนแบ่งตัวผิดปกติจนเกิดการอุดตัน

  • ฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (DHT) ที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้ต่อมไขมันขยายใหญ่และผลิตน้ำมันมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การอุดตัน
  • ในผู้หญิง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในช่วงก่อนมีประจำเดือน อาจทำให้ท่อไขมันบวมและเกิดการสะสมของไขมันได้ง่ายขึ้น

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเหล่านี้มักเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่น รอบเดือน หรือภาวะผิดปกติของต่อมไร้ท่อ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้สิวหัวขาวกำเริบในช่วงเวลาดังกล่าว

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว อาจกระตุ้นให้เกิดสิวหัวขาวได้ เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ที่ไม่ถูกต้อง เช่น การให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวมากเกินไปในสภาพอากาศชื้น หรือการไม่ล้างเครื่องสำอางออกให้หมดจด ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวหัวขาวเพิ่มขึ้นได้ แพทย์ผิวหนังจึงแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) เพื่อป้องกันปัญหานี้

สิวหัวขาวสามารถพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบได้หรือไม่?

ได้ สิวหัวขาวสามารถพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบได้

เมื่อแบคทีเรียเจริญเติบโตภายในสิวหัวขาว จะกระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดรอยแดง บวม และมีหนอง ส่งผลให้สิวหัวขาวกลายเป็นสิวอักเสบชนิดตุ่มแดง (papule) หรือตุ่มหนอง (pustule) หากผนังรูขุมขนแตกออกใต้ผิวหนัง การอักเสบจะรุนแรงขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นได้

กระบวนการที่สิวหัวขาวเปลี่ยนเป็นสิวอักเสบ

สิวหัวขาวจะกลายเป็นสิวอักเสบเมื่อ แบคทีเรียที่อยู่ภายในรูขุมขนที่อุดตันเพิ่มจำนวนขึ้นจนกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน ซึ่งนำไปสู่การอักเสบ บวม แดง และเกิดหนอง

กระบวนการดังกล่าวมีขั้นตอนดังนี้:

  1. แบคทีเรียเพิ่มจำนวน: แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในรูขุมขนจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วภายในสิวหัวขาว
  2. ภูมิคุ้มกันตอบสนอง: ร่างกายจะส่งเม็ดเลือดขาวเข้าไปยังบริเวณดังกล่าวเพื่อต่อสู้กับแบคทีเรีย
  3. เกิดการอักเสบ: ปฏิกิริยานี้ทำให้เกิดอาการบวม แดง และร้อนบริเวณสิวหัวขาว และเริ่มมีการสร้างหนองขึ้น
  4. ผนังรูขุมขนแตก: หากแรงดันภายในเพิ่มขึ้น ผนังรูขุมขนอาจแตกออกใต้ผิวหนัง ทำให้แบคทีเรียและสิ่งสกปรกกระจายไปยังเนื้อเยื่อโดยรอบ ส่งผลให้การอักเสบรุนแรงขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลเป็น

สัญญาณอะไรที่เตือนว่าสิวหัวขาวกำลังจะอักเสบ?

สัญญาณเตือนว่าสิวหัวขาวกำลังจะอักเสบคือ บริเวณสิวเริ่มมีอาการแดง เจ็บ และขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าร่างกายกำลังตอบสนองต่อเชื้อแบคทีเรียที่เพิ่มจำนวนขึ้นภายในรูขุมขน

การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้มีดังนี้:

  • ความรู้สึก: บริเวณสิวอาจรู้สึกอุ่นและแข็งขึ้นเมื่อสัมผัส
  • ลักษณะ: สิวหัวขาวที่เคยเป็นตุ่มเล็กๆ อาจขยายใหญ่ขึ้น และอาจมองเห็นหัวหนองสีเหลืองหรือสีขาวปรากฏขึ้นตรงกลาง ซึ่งเรียกว่าสิวตุ่มหนอง (Pustule)

วิธีรักษาสิวหัวขาวที่ถูกต้องและเห็นผลเร็วที่สุดคืออะไร?

วิธีรักษาสิวหัวขาวที่ถูกต้องและเห็นผลเร็วที่สุดคือ การใช้ยาทากลุ่มเรตินอยด์ร่วมกับการกดสิวโดยผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากยาทากลุ่มเรตินอยด์เป็นการรักษาหลักที่ช่วยสลายสิวอุดตันจากต้นตอ ในขณะที่การกดสิวโดยแพทย์จะช่วยกำจัดสิวที่มีอยู่ออกไปได้ทันทีอย่างปลอดภัย

นอกจากนี้ ยังมีวิธีรักษาทางการแพทย์อื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่:

  • กรดซาลิไซลิก (BHA): มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาสิวอุดตันโดยเฉพาะ สามารถใช้ได้ทั้งในรูปแบบทาเองที่บ้านหรือแบบพีลลิ่งโดยผู้เชี่ยวชาญ
  • เคมิคอลพีล (Chemical Peels): การผลัดเซลล์ผิวด้วยกรดความเข้มข้นสูง เช่น กรดไกลโคลิก (AHA) หรือกรดซาลิไซลิก (BHA) จะช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตัน
  • เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide): ช่วยป้องกันไม่ให้สิวหัวขาวพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบ
  • การกรอผิว (Microdermabrasion): เป็นหัตถการที่ช่วยลดความรุนแรงของสิวและลดความมันบนใบหน้าได้

การใช้ยาทาเฉพาะที่เพื่อรักษาสิวหัวขาว

ยาทาเฉพาะที่สำหรับรักษาสิวหัวขาว ได้แก่ เรตินอยด์ (Retinoids), กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid), และเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติในการรักษาแตกต่างกันไป ดังนี้

  • เรตินอยด์ (Retinoids): เป็นยาพื้นฐานในการรักษาสิว ช่วยสลายสิวอุดตันที่มีอยู่และป้องกันการเกิดใหม่
  • กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid หรือ BHA): มีประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวและสลายสิวอุดตันชนิดหัวปิดโดยเฉพาะ
  • เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide หรือ BPO): มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย ช่วยป้องกันไม่ให้สิวอุดตันกลายเป็นสิวอักเสบ

กลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids)

กลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) คือ กลุ่มยาพื้นฐานที่ใช้ในการรักษาสิว ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยสลายสิวอุดตันขนาดเล็ก (microcomedones) และต้านการอักเสบ

โดยทั่วไปแนะนำให้ทาปริมาณเท่าเมล็ดถั่วในตอนกลางคืน และควรเริ่มใช้แบบวันเว้นวันเพื่อลดการระคายเคือง เช่น อาการผิวลอกหรือระคายเคือง ทั้งนี้ กลุ่มเรตินอยด์เป็นยาที่ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์หรือผู้ที่วางแผนจะตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้

กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid)

กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) คือกรดเบต้าไฮดรอกซี (BHA) ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสิวอุดตันหัวขาว โดยจะช่วยผลัดเซลล์ผิวและสลายสิ่งอุดตันในรูขุมขน

กรดซาลิไซลิกมักใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด โทนเนอร์ หรือเจลแต้มสิว ที่ความเข้มข้น 0.5–2% สำหรับการใช้เป็นประจำทุกวัน อย่างไรก็ตาม การใช้กรดซาลิไซลิกอาจทำให้ผิวแห้งได้ จึงแนะนำให้เริ่มใช้แบบวันเว้นวันเพื่อประเมินการตอบสนองของผิว

เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide)

เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide หรือ BPO) เป็นสารต้านเชื้อแบคทีเรียที่ช่วยป้องกันไม่ให้สิวอุดตันกลายเป็นสิวอักเสบ และลดการเกิดสิวโดยรวม

โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ความเข้มข้น 2.5–5% วันละ 1-2 ครั้ง ซึ่งให้ผลการรักษาใกล้เคียงกับความเข้มข้นที่สูงกว่า (สูงสุด 10%) แต่มีอาการระคายเคืองน้อยกว่า

  • วิธีใช้: ควรเริ่มใช้แบบวันเว้นวันเพื่อลดการระคายเคือง เช่น อาการผิวแห้งและแดง
  • ข้อควรระวัง: BPO อาจทำให้เสื้อผ้าหรือเส้นผมสีซีดจางได้
  • ข้อดี: ไม่ก่อให้เกิดการดื้อยาของเชื้อแบคทีเรีย และมักใช้ร่วมกับเรตินอยด์หรือยาปฏิชีวนะเพื่อเสริมประสิทธิภาพการรักษา

การรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ: การกดสิวและการทำทรีตเมนต์

การรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญสำหรับสิวหัวขาว ได้แก่ การกดสิว การลอกผิวด้วยสารเคมี และการกรอผิว (Microdermabrasion) ซึ่งช่วยกำจัดสิวอุดตันและเร่งการผลัดเซลล์ผิว

  • การกดสิวโดยผู้เชี่ยวชาญ (Professional Extractions): เป็นการนำสิวอุดตันออกโดยใช้เครื่องมือที่ผ่านการฆ่าเชื้อ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและรอยแผลเป็นเมื่อเทียบกับการกดสิวด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม สิวอาจกลับมาเป็นซ้ำได้หากไม่รักษาสาเหตุพื้นฐานควบคู่กันไป
  • การลอกผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peels): ผู้เชี่ยวชาญจะใช้กรด เช่น Salicylic Acid (BHA) หรือ Glycolic Acid (AHA) ในความเข้มข้นสูงเพื่อเร่งการผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตัน การรักษาจะทำเป็นชุดๆ ห่างกันทุก 2-4 สัปดาห์
  • การกรอผิว (Microdermabrasion): เป็นการผลัดเซลล์ผิวโดยใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น Oxybrasion (การพ่นน้ำเกลือ) เพื่อช่วยลดความรุนแรงของสิวและความมันบนใบหน้า ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองที่อาจทำให้อาการสิวแย่ลง

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลผิวเพื่อรักษาสิวหัวขาว

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลผิวเพื่อรักษาสิวหัวขาวทำได้โดยเน้นการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน, การผลัดเซลล์ผิวอย่างสม่ำเสมอ, การให้ความชุ่มชื้นที่เหมาะสม และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์อย่างค่อยเป็นค่อยไป

  • การทำความสะอาด: ทำความสะอาดผิววันละสองครั้งด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนและไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) หลีกเลี่ยงการสครับผิวแรงๆ เพราะอาจกระตุ้นให้ผลิตน้ำมันมากขึ้น
  • การผลัดเซลล์ผิว: ใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวเคมี เช่น BHA (กรดซาลิไซลิก) หรือ AHA (กรดไกลโคลิก) 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อช่วยป้องกันการอุดตันของรูขุมขน และควรทาครีมกันแดดเสมอเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้
  • การให้ความชุ่มชื้น: เลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ซึ่งมักมีเนื้อบางเบา เช่น เจลหรือเจลครีม เพื่อป้องกันผิวแห้งและระคายเคือง
  • การใช้ส่วนผสมออกฤทธิ์: เมื่อเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์ เช่น เรตินอยด์ ควรเริ่มจากความถี่น้อยๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้น และหลีกเลี่ยงการใช้ส่วนผสมที่ออกฤทธิ์รุนแรงหลายชนิดพร้อมกันเพื่อลดการระคายเคือง
  • การเลือกผลิตภัณฑ์: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางที่มีฉลากว่า “non-comedogenic” หรือ “won’t clog pores” เพื่อลดโอกาสการเกิดสิวอุดตัน

แนะนำ 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับจัดการปัญหาสิวหัวขาว

1. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า

สำหรับสิวหัวขาว ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าในรูปแบบเจลหรือโฟมที่ไม่มีส่วนผสมของซัลเฟตและไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยยังคงเกราะป้องกันผิวไว้ และควรหลีกเลี่ยงสบู่ที่รุนแรงหรือออยล์ล้างหน้าที่อาจทิ้งคราบตกค้างซึ่งเป็นสาเหตุของการอุดตัน

ควรทำความสะอาดผิวในตอนเช้าและเย็น แต่ไม่ควรล้างบ่อยหรือขัดถูแรงเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองและกระตุ้นการผลิตน้ำมันมากขึ้นได้

2. ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว

ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่แนะนำสำหรับรักษาสิวอุดตันหัวขาว ได้แก่ เรตินอยด์ (Retinoids), กรดซาลิไซลิก (BHA), และกรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHA)

ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ช่วยป้องกันและลดการอุดตันในรูขุมขนซึ่งเป็นสาเหตุของสิวหัวขาว

  • เรตินอยด์ (Retinoids): ช่วยละลายสิวอุดตันขนาดเล็ก (microcomedones) และป้องกันการเกิดใหม่ ถือเป็นยาพื้นฐานในการรักษาสิว
  • กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid – BHA): มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาสิวอุดตัน เนื่องจากสามารถซึมเข้าสู่รูขุมขนเพื่อผลัดเซลล์ผิวและสลายสิ่งอุดตันได้
  • กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids – AHAs): เช่น กรดไกลโคลิก (glycolic acid) ทำงานบนผิวชั้นนอกเพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ช่วยป้องกันการอุดตันและทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
  • เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide – BPO): มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนๆ และป้องกันไม่ให้สิวอุดตันพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบ

3. มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวเป็นสิว

ควรเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ระบุว่า “non-comedogenic” (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน) หรือ “won’t clog pores” (ไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน) เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ผ่านการทดสอบแล้วว่าจะไม่ทำให้เกิดสิวอุดตัน

ลักษณะของมอยส์เจอไรเซอร์ที่แนะนำสำหรับผิวเป็นสิว ได้แก่

  • เนื้อสัมผัส: ควรเป็นสูตรน้ำ (water-based) หรือเนื้อเจลครีม (gel-cream) ที่ซึมซาบเร็ว
  • ส่วนผสม: ปราศจากน้ำหอมและสีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง และมักมีส่วนผสมที่เป็นประโยชน์ เช่น ไนอะซินาไมด์ (niacinamide) เพื่อช่วยปลอบประโลมผิวและลดความมัน
  • การใช้งาน: การทามอยส์เจอไรเซอร์ชนิดบางเบาหลังล้างหน้าและใช้ยารักษาสิวจะช่วยป้องกันผิวแห้งและระคายเคือง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่กระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น

การกดหรือบีบสิวหัวขาว: ควรทำหรือไม่ และมีวิธีที่ปลอดภัยอย่างไร?

ไม่แนะนำให้กดหรือบีบสิวหัวขาวด้วยตัวเอง เนื่องจากการกระทำดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงที่จะผลักแบคทีเรียและสิ่งสกปรกลึกลงไปในผิวหนัง ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อ รอยแผลเป็น หรือรอยดำหลังการอักเสบได้

อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องกดสิวด้วยตัวเอง ควรปฏิบัติตามขั้นตอนที่ปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยง ดังนี้:

  1. เตรียมผิว: ล้างหน้าและมือให้สะอาด จากนั้นประคบผิวบริเวณที่เป็นสิวด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นเพื่อช่วยให้ผิวนุ่มขึ้น
  2. ใช้อุปกรณ์ที่สะอาด: ใช้ไม้กดสิวที่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ หรือใช้ทิชชูสะอาดพันรอบนิ้ว
  3. กดอย่างเบามือ: กดลงไปเบาๆ และสม่ำเสมอรอบๆ ฐานของสิว หากสิวไม่ออกมาง่ายๆ ควรหยุดทันทีเพื่อไม่ให้ผิวบอบช้ำ
  4. ดูแลหลังกด: ทำความสะอาดบริเวณที่กดสิวอีกครั้ง และปิดทับด้วยแผ่นแปะสิวไฮโดรคอลลอยด์ (hydrocolloid patch) เพื่อช่วยดูดซับของเหลว ป้องกันแบคทีเรีย และเร่งกระบวนการฟื้นฟูผิว

ความเสี่ยงจากการกดสิวหัวขาวด้วยตัวเอง

ความเสี่ยงหลักจากการกดสิวหัวขาวด้วยตัวเองคือ การทำให้เกิดการอักเสบ การติดเชื้อ และรอยแผลเป็นที่รุนแรงกว่าเดิม การกระทำดังกล่าวอาจเปลี่ยนสิวอุดตันที่ไม่รุนแรงให้กลายเป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ได้

ความเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่:

  • การเกิดรอยแผลเป็นและรอยดำ: การกดสิวอาจทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังและเพิ่มโอกาสในการเกิดรอยแผลเป็นหรือรอยดำหลังสิวหาย
  • การติดเชื้อ: การใช้นิ้วมือหรืออุปกรณ์ที่ไม่สะอาดอาจนำแบคทีเรียเข้าสู่ผิวหนัง ทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบมากขึ้น
  • รูขุมขนกว้างขึ้น: การบีบเค้นอย่างรุนแรงอาจทำให้รูขุมขนขยายใหญ่ขึ้นอย่างถาวร หรือทำให้เส้นเลือดฝอยแตกได้

ขั้นตอนการกดสิวหัวขาวอย่างถูกวิธี

การกดสิวหัวขาวอย่างถูกวิธีที่บ้าน เริ่มต้นด้วยการเตรียมผิวและอุปกรณ์ที่สะอาด ใช้แรงกดเบาๆ อย่างนุ่มนวล และดูแลแผลหลังกดเพื่อป้องกันการติดเชื้อและรอยแผลเป็น แม้ว่าโดยทั่วไปจะไม่แนะนำให้กดสิวเอง แต่หากจำเป็น ขั้นตอนที่ปลอดภัยที่สุดมีดังนี้

  1. เตรียมอุปกรณ์: เตรียมทิชชูสะอาด สำลีก้าน หรือที่กดสิวที่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์แล้ว
  2. ใช้แรงกดเบาๆ: กดอย่างนุ่มนวลและระมัดระวัง เนื่องจากการบีบที่รุนแรงเกินไปอาจดันสิ่งสกปรกเข้าไปลึกขึ้นหรือทำลายผิวได้
  3. ดูแลหลังกด: ปิดบริเวณที่กดสิวด้วยแผ่นแปะสิวไฮโดรคอลลอยด์หรือพลาสเตอร์ เพื่อช่วยให้แผลชุ่มชื้น ป้องกันเชื้อโรค และลดความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็น
  4. ดูแลต่อเนื่อง: ในวันถัดๆ ไป ควรดูแลผิวบริเวณนั้นอย่างอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์รุนแรง และทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันการเกิดรอยดำ

วิธีป้องกันการเกิดสิวหัวขาวซ้ำในระยะยาวต้องทำอย่างไร?

การป้องกันสิวหัวขาวในระยะยาวทำได้โดยการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน การป้องกันที่มีประสิทธิภาพประกอบด้วยแนวทางปฏิบัติหลายอย่างร่วมกัน ดังนี้

  • การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์: ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางที่ระบุว่า “non-comedogenic” (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน) และหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่หนักผิว เช่น น้ำมันข้น แว็กซ์ หรือบัตเตอร์
  • การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์: รับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ลดของหวานและอาจรวมถึงผลิตภัณฑ์นม จัดการความเครียด และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ (7-9 ชั่วโมง)
  • สุขอนามัย: ทำความสะอาดเครื่องสำอางให้หมดจดก่อนนอน ซักปลอกหมอนเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการเสียดสีหรือแรงกดบนใบหน้า เช่น จากสายรัดหมวกกันน็อก

การเลือกใช้สกินแคร์และเครื่องสำอาง

ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางที่มีฉลากระบุว่า “non-comedogenic” (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน) เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ผ่านการทดสอบแล้วว่าจะไม่ส่งเสริมการเกิดสิวอุดตัน

นอกจากนี้ ควรพิจารณาหลักการต่อไปนี้:

  • หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อุดตันง่าย: ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันหนักๆ ขี้ผึ้ง และบัตเตอร์ เช่น โกโก้บัตเตอร์ หรือน้ำมันมะพร้าว
  • เลือกสูตรที่เหมาะสม: สำหรับมอยส์เจอไรเซอร์ ควรเลือกสูตรน้ำหรือเนื้อเจลครีมที่ซึมเร็ว ส่วนเครื่องสำอางควรเลือกรองพื้นสูตรปราศจากน้ำมัน (oil-free) หรือเครื่องสำอางประเภทมิเนอรัล (mineral makeup)
  • รักษาความสะอาด: ควรล้างเครื่องสำอางออกให้หมดจดก่อนนอน และใช้อุปกรณ์แต่งหน้าที่สะอาดอยู่เสมอเพื่อลดการสะสมของแบคทีเรีย

การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต

การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อป้องกันสิวหัวขาวในระยะยาว เกี่ยวข้องกับการควบคุมอาหาร การจัดการความเครียด การนอนหลับ และสุขอนามัยในชีวิตประจำวัน การปรับเปลี่ยนเหล่านี้ช่วยลดปัจจัยกระตุ้นการอุดตันของรูขุมขนได้อย่างมีนัยสำคัญ

พฤติกรรมที่แนะนำเพื่อช่วยป้องกันสิวหัวขาวมีดังนี้:

  • อาหาร: จำกัดอาหารที่มีน้ำตาลและดัชนีน้ำตาลสูง รวมถึงผลิตภัณฑ์นมบางชนิด (โดยเฉพาะนมพร่องมันเนย) เนื่องจากอาจกระตุ้นให้เกิดสิวได้ในบางคน ควรรับประทานอาหารที่สมดุลและอาจลองจดบันทึกอาหารเพื่อสังเกตหาตัวกระตุ้นสิวของตนเอง
  • ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิว: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางที่ระบุว่า “non-comedogenic” (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน) และหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่หนักผิว เช่น น้ำมันหรือแว็กซ์
  • สุขอนามัย: ล้างเครื่องสำอางออกให้หมดจดก่อนนอนเสมอ และซักปลอกหมอนเป็นประจำเพื่อลดการสะสมของน้ำมันและแบคทีเรีย
  • การจัดการความเครียดและการนอนหลับ: ควบคุมความเครียดและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ (7-9 ชั่วโมงต่อคืน) เนื่องจากความเครียดและการนอนน้อยสามารถกระตุ้นให้สิวรุนแรงขึ้นได้
  • หลีกเลี่ยงการเสียดสี: หลีกเลี่ยงแรงกดหรือการเสียดสีบนใบหน้าเป็นประจำ เช่น จากสายรัดหมวกกันน็อก หรือการเท้าคาง เพื่อป้องกันการเกิดสิว (acne mechanica)

References*

  • Cleveland Clinic – clevelandclinic.org

  • Cureus (Open Access Medical Journal) – cureus.com

  • Dermstore – dermstore.com

  • Health Care Service Corporation (HCSC) – hcsc.com

  • International Journal of Clinical and Experimental Dermatology – ijced.org

  • National Institute for Health and Care Excellence (UK) – nice.org

  • National Institutes of Health – nih.gov

Author

  • แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร
    แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร

    View all posts

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
หลุมสิว: สาเหตุ ชนิด วิธีป้องกัน และแนวทางรักษาที่ได้ผล
NextContinue
สิวสเตียรอยด์: สาเหตุ การรักษา และวิธีป้องกันที่ถูกต้อง

Product Type

  • Acne Care - รักษาสิว22 สินค้า
  • Brightening - ผิวกระจ่างใส22 สินค้า
  • Dark Spot Reduction - ลดจุดด่างดำ22 สินค้า
  • Red or Dark Spots - รอยสิว11 สินค้า
  • Skin Cleansing - ทำความสะอาดผิว33 สินค้า
  • Skin Hydration - ความชุ่มชื่นผิว22 สินค้า
  • Skin Mask - มาร์สผิว22 สินค้า
  • Sun Protection - กันแดด22 สินค้า
  • Travel Size - ขนาดพกพา66 สินค้า

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube