Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Acne

4 ปัจจัยหลัก ทำไมใช้มอยเจอร์ไรเซอร์แล้วสิวขึ้น?

Byadmin กันยายน 20, 2025กันยายน 20, 2025
By นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน Updated on กันยายน 20, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน

Table of Contents

Toggle
  • 4 สาเหตุหลักที่ทำให้ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์แล้วสิวขึ้น
    • 1. ส่วนผสมในสูตรที่อาจอุดตันรูขุมขน (Comedogenic)
    • 2. เนื้อผลิตภัณฑ์หนักเกินไปสำหรับสภาพผิว
    • ปฏิกิริยาแพ้หรือการระคายเคืองเฉพาะบุคคล
    • วิธีการใช้ที่ไม่ถูกต้องหรือปริมาณมากเกินจำเป็น
  • วิธีเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวเป็นสิวง่าย
    • ตรวจสอบฉลากสำคัญ: Non-Comedogenic และ Oil-Free
    • เลือกเนื้อสัมผัสที่เหมาะสม: เจล โลชั่น หรือเซรั่ม
    • มองหาส่วนผสมที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวและลดการอักเสบ
  • ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์
    • การทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนใช้กับทั่วใบหน้า (Patch Testing)
    • สัญญาณที่บ่งบอกว่าควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์
  • ส่วนผสมและลักษณะมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ควรหลีกเลี่ยง
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์และสิว
    • เป็นสิวผิวมันจำเป็นต้องใช้มอยเจอร์ไรเซอร์หรือไม่?
    • มอยเจอร์ไรเซอร์ช่วยลดรอยสิวได้จริงไหม?
    • อาการแพ้มอยเจอร์ไรเซอร์ต่างจากสิวอุดตันอย่างไร?
    • ควรทามอยเจอร์ไรเซอร์ปริมาณเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม?
    • ทำไมใช้มอยเจอร์ไรเซอร์แล้วหน้ายังแห้งลอก?
    • ถ้าใช้แล้วสิวขึ้น ควรหยุดใช้ทันทีเลยหรือไม่?
  • References:

4 สาเหตุหลักที่ทำให้ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์แล้วสิวขึ้น

ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์แล้วสิวขึ้น

1. ส่วนผสมในสูตรที่อาจอุดตันรูขุมขน (Comedogenic)

ส่วนผสมที่อาจอุดตันรูขุมขน (Comedogenic) คือสารที่ทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน เช่น น้ำมันและแว็กซ์ที่มีเนื้อหนัก, ไอโซโพรพิล ไมริสเตท (isopropyl myristate), ลาโนลิน (lanolin), มิเนอรัล ออยล์ (mineral oil) หรือแฟตตี้แอลกอฮอล์ (fatty alcohols)

สารเหล่านี้สามารถเข้าไปอุดตันในรูขุมขนและกระตุ้นให้เกิดสิวได้ในผู้ที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย แพทย์ผิวหนังจึงแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “non-comedogenic” (ไม่ทำให้เกิดการอุดตัน) เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้

2. เนื้อผลิตภัณฑ์หนักเกินไปสำหรับสภาพผิว

การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เนื้อหนักหรือเข้มข้นเกินไปสำหรับสภาพผิว โดยเฉพาะผิวมัน อาจทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวได้ เนื่องจากครีมที่เนื้อหนาและมันเยิ้มจะสร้างแผ่นฟิล์มขึ้นมาเคลือบผิว ซึ่งจะไปกักเก็บน้ำมันส่วนเกินและเหงื่อเอาไว้

โดยทั่วไปแล้ว ผลิตภัณฑ์เนื้อเจลหรือโลชั่นที่บางเบาจะเหมาะกับผิวมันและเป็นสิวง่ายมากกว่า ในขณะที่ครีมเนื้อหนักอาจเหมาะสำหรับผิวที่แห้งมากเท่านั้น

ปฏิกิริยาแพ้หรือการระคายเคืองเฉพาะบุคคล

การแพ้หรือความไวต่อส่วนผสมบางชนิดในมอยส์เจอไรเซอร์ อาจทำให้เกิดผื่นที่ดูคล้ายสิวได้ โดยส่วนผสมที่มักเป็นสาเหตุคือ น้ำหอมและสารกันเสีย ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดตุ่มแดง คัน หรือการอักเสบ (ผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส) ที่อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นสิว อาการแพ้มักจะแตกต่างจากสิวทั่วไปตรงที่จะมีอาการคันหรือแสบ และมักปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วหลังใช้ผลิตภัณฑ์

วิธีการใช้ที่ไม่ถูกต้องหรือปริมาณมากเกินจำเป็น

การทามอยส์เจอไรเซอร์มากเกินไปอาจทำให้เกิดสิวได้ เนื่องจากผิวสามารถดูดซึมได้ในปริมาณจำกัด ส่วนเกินจะตกค้างบนผิวหนัง กลายเป็นชั้นไขมันที่ผสมกับสิ่งสกปรกและแบคทีเรียจนอุดตันรูขุมขน

การทามอยส์เจอไรเซอร์มากเกินไป (โดยเฉพาะสูตรเนื้อหนัก) สามารถเพิ่มความมันและทำให้เกิดสิวเม็ดเล็กๆ หรือสิวหัวขาวได้ โดยปกติแล้ว ปริมาณที่แนะนำคือขนาดเท่าเมล็ดถั่วสำหรับทั่วใบหน้า

วิธีเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวเป็นสิวง่าย

ควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ระบุว่า “non-comedogenic” (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน) และ “oil-free” (ปราศจากน้ำมัน) ซึ่งมีเนื้อสัมผัสบางเบาและมีส่วนผสมที่เป็นประโยชน์ต่อผิว เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสิว

คำแนะนำในการเลือกมีดังนี้:

  • ตรวจสอบฉลาก: มองหาผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “Non-Comedogenic” และ “Oil-Free” ซึ่งออกแบบมาเพื่อไม่ให้เกิดการอุดตันรูขุมขน
  • เลือกเนื้อสัมผัสที่บางเบา: ควรเลือกใช้เนื้อเจล โลชั่น หรือเซรั่มที่ซึมซาบเร็ว แทนครีมเนื้อหนักที่อาจสร้างชั้นฟิล์มบนผิวและดักจับความมัน
  • มองหาส่วนผสมที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว: เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอย่างเซราไมด์ (Ceramides) เพื่อซ่อมแซมเกราะป้องกันผิว, ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) เพื่อลดการอักเสบและควบคุมความมัน หรือกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic acid) เพื่อเติมความชุ่มชื้น

ตรวจสอบฉลากสำคัญ: Non-Comedogenic และ Oil-Free

ควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีฉลากระบุว่า “Non-Comedogenic” (ไม่อุดตันรูขุมขน) และ “Oil-Free” (ปราศจากน้ำมัน) เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อไม่ให้เกิดการอุดตันและไม่กระตุ้นให้เกิดสิว สำหรับผิวเป็นสิวง่าย แพทย์ผิวหนังแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมันเพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มความมันบนใบหน้า และเลือกใช้ส่วนผสมที่ไม่ปิดกั้นรูขุมขน

เลือกเนื้อสัมผัสที่เหมาะสม: เจล โลชั่น หรือเซรั่ม

ควรเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีเนื้อสัมผัสบางเบาและซึมซาบเร็ว เช่น เนื้อเจลหรือโลชั่น แทนการใช้ครีมเนื้อหนาหนัก เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้ความชุ่มชื้นโดยไม่มีส่วนผสมของน้ำมันที่หนักผิว จึงเหมาะสำหรับผิวมันหรือผิวที่เป็นสิวง่าย เพราะช่วยหลีกเลี่ยงการอุดตันของรูขุมขนได้

มองหาส่วนผสมที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวและลดการอักเสบ

ส่วนผสมที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวและลดการอักเสบคือ เซราไมด์ (Ceramides) และไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) โดยส่วนผสมแต่ละชนิดมีคุณสมบัติดังนี้

  • เซราไมด์ (Ceramides): ช่วยซ่อมแซมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
  • ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) หรือวิตามินบี 3: ช่วยลดการอักเสบและการผลิตไขมัน
  • ส่วนผสมอื่นๆ ที่มีประโยชน์: กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic acid) และกลีเซอรีน (Glycerin) ช่วยให้ความชุ่มชื้น ส่วนว่านหางจระเข้ (Aloe), แพนทีนอล (Panthenol) และใบบัวบก (Centella) ช่วยปลอบประโลมผิวและลดรอยแดง

ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์

การทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนใช้กับทั่วใบหน้า (Patch Testing)

การทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนใช้กับทั่วใบหน้า (Patch Testing) คือการทาผลิตภัณฑ์ใหม่ลงบนผิวหนังบริเวณเล็กๆ เช่น ท้องแขน เพื่อตรวจสอบว่ามีอาการแพ้หรือการระคายเคืองหรือไม่ก่อนที่จะใช้กับทั่วใบหน้า

โดยควรทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมงเพื่อสังเกตอาการ หากมีรอยแดง อาการคัน ผื่น หรือแสบร้อน ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์นั้นกับใบหน้า

สัญญาณที่บ่งบอกว่าควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์

สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าควรหยุดใช้มอยส์เจอไรเซอร์และปรึกษาแพทย์ ได้แก่ ผื่นที่แย่ลงเรื่อยๆ อาการคันรุนแรง อาการบวม หรือลมพิษ หากอาการแพ้รุนแรง ลุกลาม หรือไม่ดีขึ้นหลังจากหยุดใช้ผลิตภัณฑ์แล้ว ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการประเมินและรักษา

ส่วนผสมและลักษณะมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ควรหลีกเลี่ยง

ส่วนผสมและลักษณะมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ควรหลีกเลี่ยงคือ น้ำมันและแว็กซ์ที่หนักและอุดตันรูขุมขน รวมถึงส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น น้ำหอมและสีย้อม

สำหรับผิวบอบบางและเป็นสิวง่าย ควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมและลักษณะต่อไปนี้:

  • น้ำมันและแว็กซ์ที่อุดตันรูขุมขน: เช่น ไอโซโพรพิล ไมริสเตท (isopropyl myristate), โกโก้บัตเตอร์ (cocoa butter), ลาโนลิน (lanolin) หรือมิเนอรัลออยล์ (mineral oil)
  • น้ำหอมและสีย้อม: เป็นสาเหตุทั่วไปของการระคายเคืองผิวหรืออาการแพ้
  • สารกันเสียที่รุนแรง: อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้เช่นกัน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์และสิว

เป็นสิวผิวมันจำเป็นต้องใช้มอยเจอร์ไรเซอร์หรือไม่?

จำเป็นต้องใช้ แม้ว่าผิวจะมันหรือเป็นสิวง่าย แต่ก็ยังต้องการความชุ่มชื้น

การไม่ทามอยเจอร์ไรเซอร์อาจทำให้ผิวแห้งหรือเกราะป้องกันผิวอ่อนแอลง ซึ่งจะกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นและทำให้สิวแย่ลงได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์สูตรบางเบาและไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) ทุกวันเพื่อรักษาสมดุลของผิว

มอยเจอร์ไรเซอร์ช่วยลดรอยสิวได้จริงไหม?

มอยเจอร์ไรเซอร์สามารถช่วยลดรอยสิวได้ทางอ้อม โดยการรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวจะช่วยในกระบวนการฟื้นฟูและซ่อมแซมผิว ทำให้รอยสิวดูจางลงได้เมื่อเวลาผ่านไป

มอยเจอร์ไรเซอร์บางชนิดมีส่วนผสมที่ช่วยลดรอยดำ เช่น ไนอะซินาไมด์ (niacinamide) หรือวิตามินซี อย่างไรก็ตาม มอยเจอร์ไรเซอร์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถลบเลือนหลุมสิวลึกได้ และควรใช้ร่วมกับการรักษาอื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

อาการแพ้มอยเจอร์ไรเซอร์ต่างจากสิวอุดตันอย่างไร?

อาการแพ้มอยเจอร์ไรเซอร์จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีอาการคันเป็นหลัก ในขณะที่สิวอุดตันจะค่อยๆ เกิดขึ้นและไม่ค่อยมีอาการคัน

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างอาการแพ้และสิวอุดตันจากมอยเจอร์ไรเซอร์สามารถสังเกตได้จากเวลาและลักษณะของอาการ ดังนี้

ลักษณะ อาการแพ้ (Contact Dermatitis) สิวอุดตัน (Acne Breakout)
ความเร็วในการเกิด เกิดขึ้นเร็ว (ภายในไม่กี่นาทีถึง 1 วัน) ค่อยๆ เกิดขึ้น (ใช้เวลาหลายวัน)
อาการหลัก คันมาก แสบร้อน อาจมีผื่นแดง บวม หรือเป็นลมพิษ เป็นสิวอุดตัน (หัวดำ/หัวขาว) หรือสิวอักเสบ ไม่ค่อยคัน
บริเวณที่เกิด อาจลามไปนอกบริเวณที่ทาผลิตภัณฑ์ เกิดขึ้นในบริเวณที่ทาผลิตภัณฑ์

ควรทามอยเจอร์ไรเซอร์ปริมาณเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม?

ปริมาณที่เหมาะสมคือขนาดเท่าเมล็ดถั่ว ซึ่งเพียงพอสำหรับทาทั่วทั้งใบหน้า การทาในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้ผิวดูดซึมไม่หมดและเกิดการอุดตันได้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ส่วนเกินจะตกค้างอยู่บนผิวหนังโดยไม่ให้ประโยชน์เพิ่มเติม

ทำไมใช้มอยเจอร์ไรเซอร์แล้วหน้ายังแห้งลอก?

การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ผิดประเภท ใช้ผลิตภัณฑ์อื่นที่รุนแรง หรือทาไม่ถูกวิธี อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้ายังคงแห้งลอกได้

สาเหตุที่เป็นไปได้ ได้แก่

  • มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบาเกินไป: ผลิตภัณฑ์เนื้อเจลหรือโลชั่นอาจให้ความชุ่มชื้นไม่เพียงพอสำหรับผิวของคุณ โดยเฉพาะหากคุณกำลังใช้ยารักษาสิวที่ทำให้ผิวลอก
  • ผลิตภัณฑ์อื่นในขั้นตอนการดูแลผิว: การใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่รุนแรง หรือยารักษาสิว เช่น เรตินอยด์หรือเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ อาจเป็นสาเหตุของความแห้งกร้าน
  • การทาที่ไม่ถูกต้อง: ควรทามอยเจอร์ไรเซอร์ทันทีหลังล้างหน้าในขณะที่ผิวยังหมาดๆ เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น

ถ้าใช้แล้วสิวขึ้น ควรหยุดใช้ทันทีเลยหรือไม่?

ใช่ หากสังเกตเห็นชัดเจนว่ามอยส์เจอไรเซอร์เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์นั้นทันที เนื่องจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขนต่อไปจะยิ่งทำให้อาการสิวแย่ลง แต่ไม่ควรเลิกให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวโดยสิ้นเชิง เพียงแค่เปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์สูตรอื่นที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ เช่น สูตรที่ระบุว่าไม่อุดตันรูขุมขน (non-comedogenic)

References:

  1. American Academy of Dermatology. (n.d.). 10 skin care habits that can worsen acne. AAD. aad.org
  2. Hong, S. Could You Be Allergic to Your Skin Care Products? Cleveland Clinic – Health Essentials. clevelandclinic.org
  3. Azizi, F., Sum, K., Azizi, N., & Maibach, H.I. Acne Vulgaris on the Upper Back and Chest Induced by Moisturizer Overuse: A Brief Review of a Case. Dermato (MDPI). mdpi.com
  4. Practical Dermatology. Ceramide and Niacinamide-Containing Moisturizer Safe, Effective with Topical Acne Treatment. DermWire News. practicaldermatology.com
  5. Schweiger Dermatology. Acne or Allergic Reaction? Here’s How to Tell. Schweiger Derm Blog. schweigerderm.com
  6. La Roche-Posay. How to Get Rid of Scars and Marks (Acne). La Roche-Posay Expert Advice. laroche-posay.com
  7. Bronfenbrener, R. Can Over Moisturizing Cause Acne? Pennsylvania Dermatology Specialists. penndermspecialists.com
  8. Riverchase Dermatology. Why Is My Skin So Dry Even When I Moisturize? Riverchase Dermatology Blog. riverchasedermatology.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
ยาแต้มสิวเหมาะกับสิวแบบไหน วิธีเลือกใช้ให้ตรงจุด
NextContinue
สิวหัวดำบีบไม่ออก ทำไมบีบยาก? แนวทางดูแลและทางเลือกแทนการบีบ

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube