Zinc ช่วยเรื่องสิวอะไรบ้าง? สามารถลดสิวได้จริงไหม
คำตอบของ zinc ช่วยอะไรเรื่องสิวไดิหรือไม่? ชัดเจนว่า ‘สังกะสีลดการอักเสบ คุมความมัน และยับยั้งเชื้อ’ จึงช่วยสิวอักเสบได้มากกว่าสิวอุดตัน คุณหมอย้ำว่าผลลัพธ์เห็นชัดภายในราว 8–12 สัปดาห์ และงานศึกษาพบการลดสิวอักเสบประมาณ 30–50% พร้อมข้อแนะนำผู้เหมาะ/ไม่เหมาะและปฏิกิริยากับยา เพื่อใช้เสริมการรักษามาตรฐานอย่างปลอดภัย.
ซิงค์ (Zinc) ช่วยสิวอย่างไรและช่วยได้แค่ไหน?
ซิงค์ช่วยรักษาสิวโดยการลดการอักเสบ ลดความมันบนใบหน้า และยับยั้งแบคทีเรีย โดยมีประสิทธิภาพดีที่สุดกับสิวอักเสบ เช่น ตุ่มแดงและตุ่มหนอง มากกว่าสิวอุดตัน
กลไกการทำงานหลักของซิงค์ประกอบด้วย:
- ลดการอักเสบ: ยับยั้งเอนไซม์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบและทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อลดรอยแดงและอาการบวม
- ลดความมัน: ช่วยลดระดับฮอร์โมน DHT ซึ่งส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมัน (ซีบัม) น้อยลง
- ต้านแบคทีเรีย: ยับยั้งเอนไซม์จากเชื้อแบคทีเรีย *C. acnes* ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
- ช่วยสมานแผล: ส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนและการทำงานของภูมิคุ้มกัน ทำให้สิวหายเร็วขึ้นและลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็น
โดยทั่วไปแล้ว การรับประทานซิงค์อย่างต่อเนื่องจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในเวลาประมาณ 2-3 เดือน ซึ่งงานวิจัยพบว่าสามารถช่วยลดจำนวนสิวอักเสบลงได้ประมาณ 30-50% อย่างไรก็ตาม ซิงค์มักไม่สามารถรักษาสิวให้หายขาดได้ด้วยตัวเอง และไม่สามารถใช้ทดแทนยารักษาสิวในกรณีที่มีอาการปานกลางถึงรุนแรงได้
ใครเหมาะ/ไม่เหมาะกับการกินซิงค์รักษาสิว?
ข้อห้ามใช้และภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง
โดยทั่วไปควรใช้สังกะสีด้วยความระมัดระวังใน หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร, ผู้ที่มีภาวะธาตุเหล็กเกิน, และผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการขาดทองแดง
นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์ในกรณีต่อไปนี้:
- หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร: ไม่ควรรับประทานเกินปริมาณที่แนะนำต่อวัน เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- ผู้ป่วยโรคฮีโมโครมาโตซิส (Hemochromatosis) หรือภาวะธาตุเหล็กเกิน: ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เนื่องจากสังกะสีและธาตุเหล็กอาจส่งผลต่อการดูดซึมของกันและกัน
- ผู้ที่มีอาการข้างเคียงทางเดินอาหารรุนแรง: หากมีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง หรือท้องเสียอย่างต่อเนื่อง ควรประเมินปริมาณการใช้ยาใหม่
ยาที่มีปฏิกิริยากับซิงค์ (Zinc) และช่วงเวลากิน
ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น กลุ่มเตตราไซคลีน (doxycycline, minocycline) และกลุ่มฟลูออโรควิโนโลน (ciprofloxacin) เป็นยาหลักที่มีปฏิกิริยากับซิงค์ โดยควรรับประทานยาเหล่านี้และซิงค์ห่างกันอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
การรับประทานซิงค์พร้อมกับยาปฏิชีวนะเหล่านี้จะทำให้เกิดการจับตัวกันเป็นสารประกอบที่ไม่ละลายน้ำในกระเพาะอาหาร ส่งผลให้ทั้งยาและซิงค์ดูดซึมได้น้อยลง นอกจากนี้ ควรรับประทานซิงค์แยกเวลากับอาหารเสริมธาตุเหล็กและแคลเซียมในปริมาณสูง เนื่องจากแร่ธาตุเหล่านี้จะแข่งขันกันในการดูดซึม
หลักฐานและแนวทางเวชปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง
แนวทางเวชปฏิบัติส่วนใหญ่ ไม่ได้จัดให้สังกะสีเป็นยาหลักในการรักษาสิว แต่ยอมรับว่ามีหลักฐานสนับสนุนให้ใช้เป็นทางเลือกเสริม โดยเฉพาะสำหรับสิวอักเสบ
แนวทางเวชปฏิบัติในสหรัฐอเมริกาและยุโรปจะเน้นการใช้ยาในกลุ่มเรตินอยด์, เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์, ยาปฏิชีวนะ และฮอร์โมนเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม สังกะสีมักถูกกล่าวถึงในฐานะทางเลือกเสริม หรือสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถทนต่อยามาตรฐานได้ ระดับความน่าเชื่อถือของหลักฐานอยู่ที่ระดับ B/C ซึ่งหมายความว่ามีงานวิจัยบางส่วนสนับสนุน แต่ยังไม่ถูกบรรจุเป็นมาตรฐานการรักษาที่เป็นสากล ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นตรงกันว่าสังกะสีเป็นมาตรการเสริมที่มีความปลอดภัย แต่ไม่สามารถใช้ทดแทนยาหลักในกรณีสิวระดับปานกลางถึงรุนแรงได้
กลไกที่ซิงค์ช่วยลดการเกิดสิวและการอักเสบ
ลดการอักเสบและควบคุมการทำงานต่อมไขมัน
สังกะสีช่วยลดการอักเสบของสิวโดยการยับยั้งเอนไซม์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบและทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ส่วนการควบคุมความมันเกิดจากการช่วยลดระดับฮอร์โมน DHT ซึ่งส่งผลให้ต่อมไขมันทำงานลดลง
กลไกการทำงานของสังกะสีมีดังนี้
- การลดการอักเสบ:
- ลดการทำงานของเอนไซม์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบ เช่น 5-lipoxygenase และ cyclooxygenase ทำให้ลดอาการบวมแดง
- ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากความเสียหาย
- ยับยั้งเอนไซม์ไลเปส (lipase) จากเชื้อแบคทีเรีย C. acnes ซึ่งช่วยลดการสร้างกรดไขมันอิสระที่เป็นตัวกระตุ้นการระคายเคือง
- การควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน:
- ช่วยลดระดับฮอร์โมน DHT (dihydrotestosterone) ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการกระตุ้นต่อมไขมัน
- เมื่อต่อมไขมันทำงานลดลง การผลิตน้ำมัน (sebum) ส่วนเกินบนผิวก็จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งอาจช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนได้ทางอ้อม
ยับยั้งแบคทีเรียก่อสิวและช่วยสมานแผล
สังกะสีช่วยยับยั้งเอนไซม์จากแบคทีเรีย C. acnes และสนับสนุนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ซึ่งช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นและลดรอยแผลเป็น
- การยับยั้งแบคทีเรีย: สังกะสียับยั้งเอนไซม์ไลเปส (lipase) ของแบคทีเรีย C. acnes ซึ่งช่วยลดการสร้างกรดไขมันอิสระที่เป็นตัวกระตุ้นการอักเสบ แม้ฤทธิ์จะอ่อนกว่ายาปฏิชีวนะ แต่ก็สามารถช่วยลดปริมาณแบคทีเรียบนผิวได้
- การสมานแผล: สังกะสีมีความสำคัญต่อการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ โดยช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจนและการทำงานของภูมิคุ้มกันในผิวหนัง ทำให้สิวหายเร็วขึ้นและอาจช่วยลดรอยแผลเป็นและรอยแดงหลังสิวหายได้
วิธีกินซิงค์รักษาสิว: รูปแบบ ขนาด และช่วงเวลา
วิธีกินซิงค์เพื่อรักษาสิวคือ รับประทานซิงค์ในรูปแบบที่ดูดซึมง่าย ปริมาณ 30-40 มิลลิกรัมต่อวัน พร้อมอาหาร เพื่อลดผลข้างเคียงและเพิ่มการดูดซึม
รายละเอียดเพิ่มเติมมีดังนี้
- รูปแบบ (Formulation): เลือกซิงค์ในรูปแบบที่ดูดซึมได้ดีและระคายเคืองกระเพาะอาหารน้อย เช่น ซิงค์กลูโคเนต (zinc gluconate), ซิงค์พิโคลิเนต (zinc picolinate) หรือซิงค์ซิเตรต (zinc citrate)
- ขนาด (Dosage): ปริมาณที่แนะนำคือซิงค์ในรูปธาตุ (elemental zinc) 30-40 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งเป็นขนาดที่ปลอดภัยสำหรับการใช้ในระยะยาว หลังจากสิวดีขึ้น อาจลดปริมาณลงเหลือ 15-30 มิลลิกรัมต่อวันเพื่อควบคุมอาการ
- ช่วงเวลาและวิธีรับประทาน (Timing and Administration):
- ควรรับประทานพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันทีเพื่อป้องกันอาการคลื่นไส้
- สามารถแบ่งขนาดรับประทานเป็น 2 ครั้งต่อวัน (เช่น เช้าและเย็น) เพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
- หลีกเลี่ยงการรับประทานพร้อมกับยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม (เช่น tetracycline, doxycycline), ธาตุเหล็ก, และแคลเซียม โดยควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
เลือกชนิดเกลือซิงค์อย่างไร: gluconate/picolinate/อื่นๆ
การเลือกชนิดเกลือซิงค์สำหรับรักษาสิว เช่น ซิงค์กลูโคเนต (zinc gluconate) หรือซิงค์พิโคลิเนต (zinc picolinate) ควรพิจารณาจากความสมดุลระหว่างการดูดซึมที่ดีและผลข้างเคียงที่น้อย โดยทั่วไปแล้ว ซิงค์กลูโคเนต ซิงค์ซัลเฟต (zinc sulfate) ซิงค์พิโคลิเนต และซิงค์ซิเตรต (zinc citrate) ล้วนมีประสิทธิภาพในการรักษาสิว
- ซิงค์ซัลเฟต (Zinc sulfate): มีประสิทธิภาพ แต่มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองกระเพาะอาหารมากกว่าชนิดอื่น
- ซิงค์กลูโคเนต (Zinc gluconate) และซิงค์พิโคลิเนต (Zinc picolinate): เป็นที่นิยมเนื่องจากดูดซึมได้ดีและมีผลข้างเคียงน้อยกว่า
ท้ายที่สุดแล้ว รูปแบบที่ดีที่สุดคือรูปแบบที่ร่างกายสามารถทนต่อผลข้างเคียงได้ดี หากรูปแบบหนึ่งทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ การเปลี่ยนไปใช้รูปแบบอื่นอาจช่วยได้
ขนาดที่ใช้บ่อยและขนาดสูงสุดที่ปลอดภัย
ขนาดที่แนะนำและมีประสิทธิภาพในการรักษาสิวคือประมาณ 30 มิลลิกรัมของธาตุสังกะสี (elemental zinc) ต่อวัน โดยขนาดสูงสุดที่ปลอดภัยสำหรับการบริโภคในระยะยาวคือไม่เกิน 40 มิลลิกรัมต่อวัน
โดยทั่วไป ปริมาณที่เห็นผลในการลดสิวอักเสบจากการศึกษาต่างๆ อยู่ในช่วง 30–50 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งแพทย์ผิวหนังมักแนะนำให้เริ่มต้นที่ 30 มิลลิกรัมต่อวันเป็นเวลา 2-3 เดือน แล้วจึงลดปริมาณลงเพื่อควบคุมอาการอย่างต่อเนื่อง การใช้สังกะสีในขนาดที่สูงกว่า 40 มิลลิกรัมต่อวันควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงได้
ควรกินตอนไหน กินกับอะไร หลีกเลี่ยงอะไร
ควรรับประทานซิงค์พร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที เพื่อช่วยลดอาการคลื่นไส้หรือระคายเคืองกระเพาะอาหาร
เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานซิงค์พร้อมกับสิ่งต่อไปนี้:
- ยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม: เช่น Doxycycline, Minocycline หรือ Ciprofloxacin ควรเว้นระยะห่างจากการกินซิงค์อย่างน้อย 2 ชั่วโมง
- อาหารและอาหารเสริม: ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานซิงค์พร้อมกับอาหารที่มีแคลเซียมสูง (เช่น นม) ธาตุเหล็ก และอาหารที่มีไฟเบอร์หรือไฟเตตสูง (เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี) เพราะอาจลดการดูดซึมได้
ผลลัพธ์และไทม์ไลน์: กี่วันจึงเห็นผล และนานเท่าไร
คาดหวังการเปลี่ยนแปลงสิวอักเสบ/อุดตันตามช่วงเวลา
สังกะสีจะช่วยลดสิวอักเสบได้ดีกว่าสิวอุดตันอย่างเห็นได้ชัด โดยการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามช่วงเวลา
- สิวอักเสบ (ตุ่มแดง ตุ่มหนอง): ในช่วง 1-2 เดือนแรก จะเริ่มสังเกตเห็นว่าสิวอักเสบใหม่ๆ เกิดขึ้นน้อยลง สิวที่เป็นอยู่ยุบเร็วขึ้น และรอยแดงลดลง โดยจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนเมื่อใช้ต่อเนื่องประมาณ 2-3 เดือน
- สิวอุดตัน (สิวหัวดำ สิวหัวขาว): สังกะสีมีผลต่อสิวอุดตันน้อยมากหรือไม่เปลี่ยนแปลงเลย ผู้ที่มีปัญหาสิวอุดตันเป็นหลักอาจยังคงมีสิวประเภทนี้อยู่ และจำเป็นต้องใช้การรักษาวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น ยาทากลุ่มเรตินอยด์
การติดตามอาการและเมื่อใดควรปรับขนาด
ควรติดตามการเปลี่ยนแปลงของสิวและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกของการใช้ซิงก์
แนะนำให้ติดตามอาการโดยการถ่ายรูปหรือนับจำนวนสิวทุกเดือนเพื่อประเมินผล และควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหลังจากใช้ไปแล้ว 12 สัปดาห์ (3 เดือน) เพื่อพิจารณาปรับแนวทางการรักษา
- หากสิวดีขึ้น: อาจลดขนาดยาลงเหลือ 15–30 มิลลิกรัมต่อวันเพื่อควบคุมอาการในระยะยาว
- หากสิวไม่ดีขึ้น: อาจจำเป็นต้องเพิ่มการรักษาอื่น ๆ เข้ามาเสริม
- หากมีผลข้างเคียง: เช่น รู้สึกถึงรสโลหะในปาก ปวดศีรษะ หรืออ่อนเพลีย ควรลดขนาดยาลง
เมื่อซิงค์อย่างเดียวไม่พอ: ทางเลือกการรักษาโดยแพทย์
ทางเลือกยาทา/ยากินมาตรฐานและการใช้ร่วมกับซิงค์
มีหัตถการทางการแพทย์หลายอย่างที่ใช้รักษาสิว และสามารถใช้ซิงค์ร่วมกับการรักษาสิวมาตรฐานส่วนใหญ่ได้อย่างปลอดภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา
ทางเลือกอื่นนอกเหนือจากยาทาและยากินมาตรฐานที่สามารถทำได้ในคลินิก ได้แก่:
- การกดสิวอุดตัน (Manual extraction): ช่วยกำจัดสิวหัวดำและสิวหัวขาวโดยผู้เชี่ยวชาญ
- การฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid injections): ใช้ฉีดเข้าสิวอักเสบขนาดใหญ่หรือสิวซีสต์เพื่อลดการบวมและอักเสบอย่างรวดเร็ว
- การบำบัดด้วยแสงและเลเซอร์ (Light and laser therapies): ช่วยลดเชื้อแบคทีเรีย C. acnes และลดการอักเสบ
- การลอกผิวด้วยสารเคมี (Chemical peels): ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันของรูขุมขน
ซิงค์สามารถใช้ร่วมกับการรักษาสิวอื่นๆ ได้ดี โดยไม่มีปฏิกิริยาที่เป็นอันตรายกับยาทา เช่น เรตินอยด์ หรือเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ และยังช่วยเสริมการรักษาด้วยฮอร์โมน นอกจากนี้ยังอาจช่วยให้ยาปฏิชีวนะหรือไอโซเตรติโนอิน (isotretinoin) ทำงานได้ดีขึ้นพร้อมกับลดผลข้างเคียงได้
หัตถการในคลินิก: ฉีดสิว กดสิว เลเซอร์/พลังงาน
หัตถการในคลินิกที่สามารถช่วยรักษาสิวได้แก่ การฉีดสเตียรอยด์เฉพาะที่ การกดสิว และการบำบัดด้วยแสงและเลเซอร์
- การฉีดสิว: สำหรับสิวอักเสบขนาดใหญ่หรือสิวซีสต์ แพทย์ผิวหนังสามารถฉีดสเตียรอยด์ปริมาณเล็กน้อยเข้าไปในตุ่มสิวเพื่อลดอาการบวมและปวดอย่างรวดเร็วภายใน 24-48 ชั่วโมง
- การกดสิว: แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจะทำการกดสิวอุดตัน (comedones) ออกภายใต้สภาวะปลอดเชื้อ เพื่อลดการบาดเจ็บของผิวหนัง
- การบำบัดด้วยแสงและเลเซอร์: เป็นการรักษาเสริม เช่น การใช้แสงสีฟ้า (Blue light) เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย C. acnes หรือการใช้เลเซอร์เพื่อลดรอยแดงและการอักเสบ
เกณฑ์เลือกผู้ให้บริการและความปลอดภัย
ควรเลือกรับบริการจากผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เช่น แพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญด้านความงามที่มีใบอนุญาต เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด
การเลือกผู้ให้บริการและความปลอดภัยในการรักษาสิวโดยหัตถการต่างๆ มีเกณฑ์ดังนี้:
- การกดสิว: ควรทำโดยแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญด้านความงามที่มีใบอนุญาต และต้องทำในสภาวะที่ปลอดเชื้อเพื่อลดการบาดเจ็บของผิว
- การฉีดสเตียรอยด์: สำหรับสิวอักเสบขนาดใหญ่หรือสิวซีสต์ ควรทำโดยแพทย์ผิวหนัง
- การบำบัดด้วยแสงและเลเซอร์: ควรทำโดยผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์ เนื่องจากโดยทั่วไปมีความปลอดภัยเมื่อดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ
ข้อจำกัดของซิงค์รักษาสิวและความเข้าใจผิดที่พบบ่อย
ซิงค์ไม่ป้องกันสิวใหม่ และไม่แทนที่การรักษาหลัก
ซิงค์ช่วยลดการเกิดสิวอักเสบใหม่ๆ ได้ แต่ไม่สามารถใช้ทดแทนการรักษาสิวหลักได้ ซิงค์มีประสิทธิภาพในการลดความถี่และความรุนแรงของสิวอักเสบ เช่น ตุ่มแดงและตุ่มหนอง แต่มีผลเพียงเล็กน้อยต่อสิวอุดตัน
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้ซิงค์เป็นการรักษาเสริมควบคู่ไปกับการรักษามาตรฐาน เช่น เรตินอยด์หรือเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ และไม่ถือว่าเป็นการรักษาหลักที่ใช้เดี่ยวๆ โดยเฉพาะในกรณีสิวระดับปานกลางถึงรุนแรง
ยี่ห้อไม่สำคัญเท่าปริมาณธาตุสังกะสีและฉลาก
ใช่ ยี่ห้อมีความสำคัญน้อยกว่าปริมาณธาตุสังกะสี (elemental zinc) และความชัดเจนของฉลาก สิ่งสำคัญคือการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุปริมาณธาตุสังกะสีที่ออกฤทธิ์จริงต่อเม็ด และมาจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือซึ่งมีการรับรองคุณภาพ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับซิงค์และสิว (FAQs)
กิน Zinc กี่วันสิวหาย?
โดยทั่วไปแล้วสิวจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากกินซิงค์ต่อเนื่องประมาณ 8–12 สัปดาห์ หรือ 2–3 เดือน
อย่างไรก็ตาม บางคนอาจเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช่น รอยแดงลดลงหรือมีสิวอักเสบใหม่ๆ น้อยลง ภายใน 4–6 สัปดาห์แรก ซิงค์ไม่ใช่ยาที่ออกฤทธิ์เร็วและต้องใช้เวลาในการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
Zinc ช่วยสิวจริงไหม?
ใช่ มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่า สังกะสีสามารถช่วยรักษาสิวได้ โดยเฉพาะสิวอักเสบ
สังกะสีมีประสิทธิภาพในการลดการอักเสบและลดจำนวนสิวที่เป็นตุ่มแดงอักเสบ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวอักเสบระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง หรือผู้ที่มีภาวะขาดสังกะสี อย่างไรก็ตาม สังกะสีไม่ค่อยมีผลกับสิวอุดตัน (สิวหัวดำ/สิวหัวขาว) และสำหรับผู้ที่เป็นสิวรุนแรง สังกะสีมักถูกใช้เป็นเพียงการรักษาเสริมร่วมกับยาชนิดอื่น
ควรกินซิงค์ทุกวันไหม และนานแค่ไหน?
การกินซิงค์ทุกวันในปริมาณที่เหมาะสมนั้นโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย และสามารถกินได้นานตราบเท่าที่ยังคงเป็นประโยชน์ต่อผิวของคุณ
สำหรับการรักษาสิว การกินซิงค์ในปริมาณที่แนะนำ (ประมาณ 30 มก. ของธาตุซิงค์) สามารถทำได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน โดยปริมาณสูงสุดที่ปลอดภัยสำหรับการใช้ในระยะยาวคือไม่เกิน 40 มก. ต่อวัน หากคุณวางแผนที่จะกินซิงค์ทุกวันนานกว่า 2-3 เดือน ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการเสริมทองแดง เนื่องจากซิงค์อาจลดการดูดซึมทองแดงในร่างกายได้
Zinc ยี่ห้อไหนดีสำหรับคนเป็นสิว?
ไม่มีแบรนด์ซิงค์ยี่ห้อใดที่ดีที่สุดสำหรับรักษาสิวโดยเฉพาะ แต่สิ่งสำคัญคือการเลือกผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือซึ่งระบุรูปแบบและปริมาณของซิงค์อย่างชัดเจน
สิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกซิงค์สำหรับรักษาสิว มีดังนี้:
- รูปแบบของซิงค์: รูปแบบที่นิยมใช้และมีข้อมูลว่าได้ผลดี ได้แก่ ซิงค์กลูโคเนต (zinc gluconate) และซิงค์พิโคลิเนต (zinc picolinate) เนื่องจากดูดซึมได้ดีและระคายเคืองกระเพาะอาหารน้อย
- ปริมาณซิงค์ในรูปธาตุ (Elemental Zinc): ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุปริมาณ “ซิงค์ในรูปธาตุ” บนฉลาก โดยปริมาณที่แนะนำและมีหลักฐานสนับสนุนในการรักษาสิวคือประมาณ 30 มิลลิกรัมต่อวัน
- ความน่าเชื่อถือ: ควรเลือกแบรนด์ที่มีการควบคุมคุณภาพที่ดี หรือผ่านการทดสอบโดยหน่วยงานภายนอก (third-party testing) เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับปริมาณซิงค์ตามที่ระบุไว้บนฉลาก
ควรกินซิงค์ขนาดเท่าไรต่อวันจึงปลอดภัย?
โดยทั่วไปแล้ว ปริมาณซิงค์สูงสุดที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใหญ่ในการรับประทานต่อเนื่องระยะยาวคือไม่เกิน 40 มิลลิกรัมต่อวัน
สำหรับผู้ที่เป็นสิว ปริมาณที่แนะนำและมีประสิทธิภาพคือประมาณ 30 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งเป็นขนาดที่ปลอดภัยและได้รับการยอมรับจากหน่วยงานด้านสุขภาพ การรับประทานในปริมาณที่สูงกว่า 40 มิลลิกรัมต่อวันควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อใช้ในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงได้
ซิงค์ห้ามกินร่วมกับยา/อาหารอะไรบ้าง?
ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานซิงค์พร้อมกับยาปฏิชีวนะบางชนิด อาหารที่มีไฟเตทสูง และอาหารเสริมที่มีธาตุเหล็กหรือแคลเซียมสูง เนื่องจากสารเหล่านี้สามารถรบกวนการดูดซึมของซิงค์ได้
ยา:
- ยาปฏิชีวนะกลุ่มเตตราไซคลีน (Tetracyclines) เช่น Doxycycline, Minocycline
- ยาปฏิชีวนะกลุ่มฟลูออโรควิโนโลน (Fluoroquinolones) เช่น Ciprofloxacin
- คำแนะนำ: ควรรับประทานซิงค์ห่างจากยาเหล่านี้อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
- อาหารและแร่ธาตุ:
- อาหารที่มีไฟเตทสูง: เช่น ธัญพืชเต็มเมล็ด รำข้าว และพืชตระกูลถั่ว
- อาหารที่มีแคลเซียมสูง: เช่น นม ชีส หรืออาหารเสริมแคลเซียม
- อาหารเสริมธาตุเหล็ก: ธาตุเหล็กและซิงค์จะแย่งกันดูดซึม
- เครื่องดื่ม: กาแฟและชาดำอาจลดการดูดซึมแร่ธาตุเล็กน้อย
References:
- Zou, P., Du, Y., Yang, C., & Cao, Y. (n.d.). Trace element zinc and skin disorders. Frontiers in Medicine. frontiersin.org
- Dreno, B., Amblard, P., Agache, P., Sirot, S., & Litoux, P. (n.d.). Low doses of zinc gluconate for inflammatory acne. Acta Dermato-Venereologica. pubmed.ncbi.nlm.nih.gov
- Bader, K. (n.d.). Study Evaluates Safety and Efficacy of Oral Zinc and Low-Dose Isotretinoin for Acne Vulgaris. Dermatology Times. dermatologytimes.com
- Yale School of Medicine. (n.d.). Antibiotics for Acne: Groundbreaking Study Shows Why One Works Best. Yale Medicine News. medicine.yale.edu
- PeaceHealth. (n.d.). Zinc – Health Information Library. peacehealth.org
- Royal Pharmaceutical Society. (n.d.). Physiological and medicinal zinc. The Pharmaceutical Journal. pharmaceutical-journal.com
- Ajmera, R. (n.d.). Zinc Supplements: Benefits, Side Effects, and Recommended Dosage. Healthline. healthline.com

