Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Acne

Zinc ช่วยเรื่องสิวอะไรบ้าง? สามารถลดสิวได้จริงไหม

Byadmin กันยายน 21, 2025กันยายน 21, 2025
By นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน Updated on กันยายน 21, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน

zinc ช่วยเรื่องสิวได้จริงไหม
คำตอบของ zinc ช่วยอะไรเรื่องสิวไดิหรือไม่? ชัดเจนว่า ‘สังกะสีลดการอักเสบ คุมความมัน และยับยั้งเชื้อ’ จึงช่วยสิวอักเสบได้มากกว่าสิวอุดตัน คุณหมอย้ำว่าผลลัพธ์เห็นชัดภายในราว 8–12 สัปดาห์ และงานศึกษาพบการลดสิวอักเสบประมาณ 30–50% พร้อมข้อแนะนำผู้เหมาะ/ไม่เหมาะและปฏิกิริยากับยา เพื่อใช้เสริมการรักษามาตรฐานอย่างปลอดภัย.

Table of Contents

Toggle
  • ซิงค์ (Zinc) ช่วยสิวอย่างไรและช่วยได้แค่ไหน?
  • ใครเหมาะ/ไม่เหมาะกับการกินซิงค์รักษาสิว?
    • ข้อห้ามใช้และภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง
    • ยาที่มีปฏิกิริยากับซิงค์ (Zinc) และช่วงเวลากิน
    • หลักฐานและแนวทางเวชปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง
  • กลไกที่ซิงค์ช่วยลดการเกิดสิวและการอักเสบ
    • ลดการอักเสบและควบคุมการทำงานต่อมไขมัน
    • ยับยั้งแบคทีเรียก่อสิวและช่วยสมานแผล
  • วิธีกินซิงค์รักษาสิว: รูปแบบ ขนาด และช่วงเวลา
    • เลือกชนิดเกลือซิงค์อย่างไร: gluconate/picolinate/อื่นๆ
    • ขนาดที่ใช้บ่อยและขนาดสูงสุดที่ปลอดภัย
    • ควรกินตอนไหน กินกับอะไร หลีกเลี่ยงอะไร
  • ผลลัพธ์และไทม์ไลน์: กี่วันจึงเห็นผล และนานเท่าไร
    • คาดหวังการเปลี่ยนแปลงสิวอักเสบ/อุดตันตามช่วงเวลา
    • การติดตามอาการและเมื่อใดควรปรับขนาด
  • เมื่อซิงค์อย่างเดียวไม่พอ: ทางเลือกการรักษาโดยแพทย์
    • ทางเลือกยาทา/ยากินมาตรฐานและการใช้ร่วมกับซิงค์
    • หัตถการในคลินิก: ฉีดสิว กดสิว เลเซอร์/พลังงาน
    • เกณฑ์เลือกผู้ให้บริการและความปลอดภัย
  • ข้อจำกัดของซิงค์รักษาสิวและความเข้าใจผิดที่พบบ่อย
    • ซิงค์ไม่ป้องกันสิวใหม่ และไม่แทนที่การรักษาหลัก
    • ยี่ห้อไม่สำคัญเท่าปริมาณธาตุสังกะสีและฉลาก
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับซิงค์และสิว (FAQs)
    • กิน Zinc กี่วันสิวหาย?
    • Zinc ช่วยสิวจริงไหม?
    • ควรกินซิงค์ทุกวันไหม และนานแค่ไหน?
    • Zinc ยี่ห้อไหนดีสำหรับคนเป็นสิว?
    • ควรกินซิงค์ขนาดเท่าไรต่อวันจึงปลอดภัย?
    • ซิงค์ห้ามกินร่วมกับยา/อาหารอะไรบ้าง?
  • References:

ซิงค์ (Zinc) ช่วยสิวอย่างไรและช่วยได้แค่ไหน?

ซิงค์ช่วยรักษาสิวโดยการลดการอักเสบ ลดความมันบนใบหน้า และยับยั้งแบคทีเรีย โดยมีประสิทธิภาพดีที่สุดกับสิวอักเสบ เช่น ตุ่มแดงและตุ่มหนอง มากกว่าสิวอุดตัน

กลไกการทำงานหลักของซิงค์ประกอบด้วย:

  • ลดการอักเสบ: ยับยั้งเอนไซม์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบและทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อลดรอยแดงและอาการบวม
  • ลดความมัน: ช่วยลดระดับฮอร์โมน DHT ซึ่งส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมัน (ซีบัม) น้อยลง
  • ต้านแบคทีเรีย: ยับยั้งเอนไซม์จากเชื้อแบคทีเรีย *C. acnes* ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
  • ช่วยสมานแผล: ส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนและการทำงานของภูมิคุ้มกัน ทำให้สิวหายเร็วขึ้นและลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็น

โดยทั่วไปแล้ว การรับประทานซิงค์อย่างต่อเนื่องจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในเวลาประมาณ 2-3 เดือน ซึ่งงานวิจัยพบว่าสามารถช่วยลดจำนวนสิวอักเสบลงได้ประมาณ 30-50% อย่างไรก็ตาม ซิงค์มักไม่สามารถรักษาสิวให้หายขาดได้ด้วยตัวเอง และไม่สามารถใช้ทดแทนยารักษาสิวในกรณีที่มีอาการปานกลางถึงรุนแรงได้

ใครเหมาะ/ไม่เหมาะกับการกินซิงค์รักษาสิว?

ข้อห้ามใช้และภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง

โดยทั่วไปควรใช้สังกะสีด้วยความระมัดระวังใน หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร, ผู้ที่มีภาวะธาตุเหล็กเกิน, และผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการขาดทองแดง

นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์ในกรณีต่อไปนี้:

  • หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร: ไม่ควรรับประทานเกินปริมาณที่แนะนำต่อวัน เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำจากแพทย์
  • ผู้ป่วยโรคฮีโมโครมาโตซิส (Hemochromatosis) หรือภาวะธาตุเหล็กเกิน: ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เนื่องจากสังกะสีและธาตุเหล็กอาจส่งผลต่อการดูดซึมของกันและกัน
  • ผู้ที่มีอาการข้างเคียงทางเดินอาหารรุนแรง: หากมีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง หรือท้องเสียอย่างต่อเนื่อง ควรประเมินปริมาณการใช้ยาใหม่

ยาที่มีปฏิกิริยากับซิงค์ (Zinc) และช่วงเวลากิน

ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น กลุ่มเตตราไซคลีน (doxycycline, minocycline) และกลุ่มฟลูออโรควิโนโลน (ciprofloxacin) เป็นยาหลักที่มีปฏิกิริยากับซิงค์ โดยควรรับประทานยาเหล่านี้และซิงค์ห่างกันอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง

การรับประทานซิงค์พร้อมกับยาปฏิชีวนะเหล่านี้จะทำให้เกิดการจับตัวกันเป็นสารประกอบที่ไม่ละลายน้ำในกระเพาะอาหาร ส่งผลให้ทั้งยาและซิงค์ดูดซึมได้น้อยลง นอกจากนี้ ควรรับประทานซิงค์แยกเวลากับอาหารเสริมธาตุเหล็กและแคลเซียมในปริมาณสูง เนื่องจากแร่ธาตุเหล่านี้จะแข่งขันกันในการดูดซึม

หลักฐานและแนวทางเวชปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง

แนวทางเวชปฏิบัติส่วนใหญ่ ไม่ได้จัดให้สังกะสีเป็นยาหลักในการรักษาสิว แต่ยอมรับว่ามีหลักฐานสนับสนุนให้ใช้เป็นทางเลือกเสริม โดยเฉพาะสำหรับสิวอักเสบ

แนวทางเวชปฏิบัติในสหรัฐอเมริกาและยุโรปจะเน้นการใช้ยาในกลุ่มเรตินอยด์, เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์, ยาปฏิชีวนะ และฮอร์โมนเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม สังกะสีมักถูกกล่าวถึงในฐานะทางเลือกเสริม หรือสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถทนต่อยามาตรฐานได้ ระดับความน่าเชื่อถือของหลักฐานอยู่ที่ระดับ B/C ซึ่งหมายความว่ามีงานวิจัยบางส่วนสนับสนุน แต่ยังไม่ถูกบรรจุเป็นมาตรฐานการรักษาที่เป็นสากล ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นตรงกันว่าสังกะสีเป็นมาตรการเสริมที่มีความปลอดภัย แต่ไม่สามารถใช้ทดแทนยาหลักในกรณีสิวระดับปานกลางถึงรุนแรงได้

กลไกที่ซิงค์ช่วยลดการเกิดสิวและการอักเสบ

ลดการอักเสบและควบคุมการทำงานต่อมไขมัน

สังกะสีช่วยลดการอักเสบของสิวโดยการยับยั้งเอนไซม์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบและทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ส่วนการควบคุมความมันเกิดจากการช่วยลดระดับฮอร์โมน DHT ซึ่งส่งผลให้ต่อมไขมันทำงานลดลง

กลไกการทำงานของสังกะสีมีดังนี้

  • การลดการอักเสบ:
  • ลดการทำงานของเอนไซม์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบ เช่น 5-lipoxygenase และ cyclooxygenase ทำให้ลดอาการบวมแดง
  • ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากความเสียหาย
  • ยับยั้งเอนไซม์ไลเปส (lipase) จากเชื้อแบคทีเรีย C. acnes ซึ่งช่วยลดการสร้างกรดไขมันอิสระที่เป็นตัวกระตุ้นการระคายเคือง
  • การควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน:
  • ช่วยลดระดับฮอร์โมน DHT (dihydrotestosterone) ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการกระตุ้นต่อมไขมัน
  • เมื่อต่อมไขมันทำงานลดลง การผลิตน้ำมัน (sebum) ส่วนเกินบนผิวก็จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งอาจช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนได้ทางอ้อม

ยับยั้งแบคทีเรียก่อสิวและช่วยสมานแผล

สังกะสีช่วยยับยั้งเอนไซม์จากแบคทีเรีย C. acnes และสนับสนุนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ซึ่งช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นและลดรอยแผลเป็น

  • การยับยั้งแบคทีเรีย: สังกะสียับยั้งเอนไซม์ไลเปส (lipase) ของแบคทีเรีย C. acnes ซึ่งช่วยลดการสร้างกรดไขมันอิสระที่เป็นตัวกระตุ้นการอักเสบ แม้ฤทธิ์จะอ่อนกว่ายาปฏิชีวนะ แต่ก็สามารถช่วยลดปริมาณแบคทีเรียบนผิวได้
  • การสมานแผล: สังกะสีมีความสำคัญต่อการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ โดยช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจนและการทำงานของภูมิคุ้มกันในผิวหนัง ทำให้สิวหายเร็วขึ้นและอาจช่วยลดรอยแผลเป็นและรอยแดงหลังสิวหายได้

วิธีกินซิงค์รักษาสิว: รูปแบบ ขนาด และช่วงเวลา

วิธีกินซิงค์เพื่อรักษาสิวคือ รับประทานซิงค์ในรูปแบบที่ดูดซึมง่าย ปริมาณ 30-40 มิลลิกรัมต่อวัน พร้อมอาหาร เพื่อลดผลข้างเคียงและเพิ่มการดูดซึม

รายละเอียดเพิ่มเติมมีดังนี้

  • รูปแบบ (Formulation): เลือกซิงค์ในรูปแบบที่ดูดซึมได้ดีและระคายเคืองกระเพาะอาหารน้อย เช่น ซิงค์กลูโคเนต (zinc gluconate), ซิงค์พิโคลิเนต (zinc picolinate) หรือซิงค์ซิเตรต (zinc citrate)
  • ขนาด (Dosage): ปริมาณที่แนะนำคือซิงค์ในรูปธาตุ (elemental zinc) 30-40 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งเป็นขนาดที่ปลอดภัยสำหรับการใช้ในระยะยาว หลังจากสิวดีขึ้น อาจลดปริมาณลงเหลือ 15-30 มิลลิกรัมต่อวันเพื่อควบคุมอาการ
  • ช่วงเวลาและวิธีรับประทาน (Timing and Administration):
  • ควรรับประทานพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันทีเพื่อป้องกันอาการคลื่นไส้
  • สามารถแบ่งขนาดรับประทานเป็น 2 ครั้งต่อวัน (เช่น เช้าและเย็น) เพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานพร้อมกับยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม (เช่น tetracycline, doxycycline), ธาตุเหล็ก, และแคลเซียม โดยควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 ชั่วโมง

เลือกชนิดเกลือซิงค์อย่างไร: gluconate/picolinate/อื่นๆ

การเลือกชนิดเกลือซิงค์สำหรับรักษาสิว เช่น ซิงค์กลูโคเนต (zinc gluconate) หรือซิงค์พิโคลิเนต (zinc picolinate) ควรพิจารณาจากความสมดุลระหว่างการดูดซึมที่ดีและผลข้างเคียงที่น้อย โดยทั่วไปแล้ว ซิงค์กลูโคเนต ซิงค์ซัลเฟต (zinc sulfate) ซิงค์พิโคลิเนต และซิงค์ซิเตรต (zinc citrate) ล้วนมีประสิทธิภาพในการรักษาสิว

  • ซิงค์ซัลเฟต (Zinc sulfate): มีประสิทธิภาพ แต่มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองกระเพาะอาหารมากกว่าชนิดอื่น
  • ซิงค์กลูโคเนต (Zinc gluconate) และซิงค์พิโคลิเนต (Zinc picolinate): เป็นที่นิยมเนื่องจากดูดซึมได้ดีและมีผลข้างเคียงน้อยกว่า

ท้ายที่สุดแล้ว รูปแบบที่ดีที่สุดคือรูปแบบที่ร่างกายสามารถทนต่อผลข้างเคียงได้ดี หากรูปแบบหนึ่งทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ การเปลี่ยนไปใช้รูปแบบอื่นอาจช่วยได้

ขนาดที่ใช้บ่อยและขนาดสูงสุดที่ปลอดภัย

ขนาดที่แนะนำและมีประสิทธิภาพในการรักษาสิวคือประมาณ 30 มิลลิกรัมของธาตุสังกะสี (elemental zinc) ต่อวัน โดยขนาดสูงสุดที่ปลอดภัยสำหรับการบริโภคในระยะยาวคือไม่เกิน 40 มิลลิกรัมต่อวัน

โดยทั่วไป ปริมาณที่เห็นผลในการลดสิวอักเสบจากการศึกษาต่างๆ อยู่ในช่วง 30–50 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งแพทย์ผิวหนังมักแนะนำให้เริ่มต้นที่ 30 มิลลิกรัมต่อวันเป็นเวลา 2-3 เดือน แล้วจึงลดปริมาณลงเพื่อควบคุมอาการอย่างต่อเนื่อง การใช้สังกะสีในขนาดที่สูงกว่า 40 มิลลิกรัมต่อวันควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงได้

ควรกินตอนไหน กินกับอะไร หลีกเลี่ยงอะไร

ควรรับประทานซิงค์พร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที เพื่อช่วยลดอาการคลื่นไส้หรือระคายเคืองกระเพาะอาหาร

เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานซิงค์พร้อมกับสิ่งต่อไปนี้:

  • ยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม: เช่น Doxycycline, Minocycline หรือ Ciprofloxacin ควรเว้นระยะห่างจากการกินซิงค์อย่างน้อย 2 ชั่วโมง
  • อาหารและอาหารเสริม: ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานซิงค์พร้อมกับอาหารที่มีแคลเซียมสูง (เช่น นม) ธาตุเหล็ก และอาหารที่มีไฟเบอร์หรือไฟเตตสูง (เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี) เพราะอาจลดการดูดซึมได้

ผลลัพธ์และไทม์ไลน์: กี่วันจึงเห็นผล และนานเท่าไร

คาดหวังการเปลี่ยนแปลงสิวอักเสบ/อุดตันตามช่วงเวลา

สังกะสีจะช่วยลดสิวอักเสบได้ดีกว่าสิวอุดตันอย่างเห็นได้ชัด โดยการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามช่วงเวลา

  • สิวอักเสบ (ตุ่มแดง ตุ่มหนอง): ในช่วง 1-2 เดือนแรก จะเริ่มสังเกตเห็นว่าสิวอักเสบใหม่ๆ เกิดขึ้นน้อยลง สิวที่เป็นอยู่ยุบเร็วขึ้น และรอยแดงลดลง โดยจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนเมื่อใช้ต่อเนื่องประมาณ 2-3 เดือน
  • สิวอุดตัน (สิวหัวดำ สิวหัวขาว): สังกะสีมีผลต่อสิวอุดตันน้อยมากหรือไม่เปลี่ยนแปลงเลย ผู้ที่มีปัญหาสิวอุดตันเป็นหลักอาจยังคงมีสิวประเภทนี้อยู่ และจำเป็นต้องใช้การรักษาวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น ยาทากลุ่มเรตินอยด์

การติดตามอาการและเมื่อใดควรปรับขนาด

ควรติดตามการเปลี่ยนแปลงของสิวและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกของการใช้ซิงก์

แนะนำให้ติดตามอาการโดยการถ่ายรูปหรือนับจำนวนสิวทุกเดือนเพื่อประเมินผล และควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหลังจากใช้ไปแล้ว 12 สัปดาห์ (3 เดือน) เพื่อพิจารณาปรับแนวทางการรักษา

  • หากสิวดีขึ้น: อาจลดขนาดยาลงเหลือ 15–30 มิลลิกรัมต่อวันเพื่อควบคุมอาการในระยะยาว
  • หากสิวไม่ดีขึ้น: อาจจำเป็นต้องเพิ่มการรักษาอื่น ๆ เข้ามาเสริม
  • หากมีผลข้างเคียง: เช่น รู้สึกถึงรสโลหะในปาก ปวดศีรษะ หรืออ่อนเพลีย ควรลดขนาดยาลง

เมื่อซิงค์อย่างเดียวไม่พอ: ทางเลือกการรักษาโดยแพทย์

ทางเลือกยาทา/ยากินมาตรฐานและการใช้ร่วมกับซิงค์

มีหัตถการทางการแพทย์หลายอย่างที่ใช้รักษาสิว และสามารถใช้ซิงค์ร่วมกับการรักษาสิวมาตรฐานส่วนใหญ่ได้อย่างปลอดภัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา

ทางเลือกอื่นนอกเหนือจากยาทาและยากินมาตรฐานที่สามารถทำได้ในคลินิก ได้แก่:

  • การกดสิวอุดตัน (Manual extraction): ช่วยกำจัดสิวหัวดำและสิวหัวขาวโดยผู้เชี่ยวชาญ
  • การฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid injections): ใช้ฉีดเข้าสิวอักเสบขนาดใหญ่หรือสิวซีสต์เพื่อลดการบวมและอักเสบอย่างรวดเร็ว
  • การบำบัดด้วยแสงและเลเซอร์ (Light and laser therapies): ช่วยลดเชื้อแบคทีเรีย C. acnes และลดการอักเสบ
  • การลอกผิวด้วยสารเคมี (Chemical peels): ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันของรูขุมขน

ซิงค์สามารถใช้ร่วมกับการรักษาสิวอื่นๆ ได้ดี โดยไม่มีปฏิกิริยาที่เป็นอันตรายกับยาทา เช่น เรตินอยด์ หรือเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ และยังช่วยเสริมการรักษาด้วยฮอร์โมน นอกจากนี้ยังอาจช่วยให้ยาปฏิชีวนะหรือไอโซเตรติโนอิน (isotretinoin) ทำงานได้ดีขึ้นพร้อมกับลดผลข้างเคียงได้

หัตถการในคลินิก: ฉีดสิว กดสิว เลเซอร์/พลังงาน

หัตถการในคลินิกที่สามารถช่วยรักษาสิวได้แก่ การฉีดสเตียรอยด์เฉพาะที่ การกดสิว และการบำบัดด้วยแสงและเลเซอร์

  • การฉีดสิว: สำหรับสิวอักเสบขนาดใหญ่หรือสิวซีสต์ แพทย์ผิวหนังสามารถฉีดสเตียรอยด์ปริมาณเล็กน้อยเข้าไปในตุ่มสิวเพื่อลดอาการบวมและปวดอย่างรวดเร็วภายใน 24-48 ชั่วโมง
  • การกดสิว: แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจะทำการกดสิวอุดตัน (comedones) ออกภายใต้สภาวะปลอดเชื้อ เพื่อลดการบาดเจ็บของผิวหนัง
  • การบำบัดด้วยแสงและเลเซอร์: เป็นการรักษาเสริม เช่น การใช้แสงสีฟ้า (Blue light) เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย C. acnes หรือการใช้เลเซอร์เพื่อลดรอยแดงและการอักเสบ

เกณฑ์เลือกผู้ให้บริการและความปลอดภัย

ควรเลือกรับบริการจากผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เช่น แพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญด้านความงามที่มีใบอนุญาต เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด

การเลือกผู้ให้บริการและความปลอดภัยในการรักษาสิวโดยหัตถการต่างๆ มีเกณฑ์ดังนี้:

  • การกดสิว: ควรทำโดยแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญด้านความงามที่มีใบอนุญาต และต้องทำในสภาวะที่ปลอดเชื้อเพื่อลดการบาดเจ็บของผิว
  • การฉีดสเตียรอยด์: สำหรับสิวอักเสบขนาดใหญ่หรือสิวซีสต์ ควรทำโดยแพทย์ผิวหนัง
  • การบำบัดด้วยแสงและเลเซอร์: ควรทำโดยผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์ เนื่องจากโดยทั่วไปมีความปลอดภัยเมื่อดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ

ข้อจำกัดของซิงค์รักษาสิวและความเข้าใจผิดที่พบบ่อย

ซิงค์ไม่ป้องกันสิวใหม่ และไม่แทนที่การรักษาหลัก

ซิงค์ช่วยลดการเกิดสิวอักเสบใหม่ๆ ได้ แต่ไม่สามารถใช้ทดแทนการรักษาสิวหลักได้ ซิงค์มีประสิทธิภาพในการลดความถี่และความรุนแรงของสิวอักเสบ เช่น ตุ่มแดงและตุ่มหนอง แต่มีผลเพียงเล็กน้อยต่อสิวอุดตัน

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้ซิงค์เป็นการรักษาเสริมควบคู่ไปกับการรักษามาตรฐาน เช่น เรตินอยด์หรือเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ และไม่ถือว่าเป็นการรักษาหลักที่ใช้เดี่ยวๆ โดยเฉพาะในกรณีสิวระดับปานกลางถึงรุนแรง

ยี่ห้อไม่สำคัญเท่าปริมาณธาตุสังกะสีและฉลาก

ใช่ ยี่ห้อมีความสำคัญน้อยกว่าปริมาณธาตุสังกะสี (elemental zinc) และความชัดเจนของฉลาก สิ่งสำคัญคือการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุปริมาณธาตุสังกะสีที่ออกฤทธิ์จริงต่อเม็ด และมาจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือซึ่งมีการรับรองคุณภาพ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับซิงค์และสิว (FAQs)

กิน Zinc กี่วันสิวหาย?

โดยทั่วไปแล้วสิวจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากกินซิงค์ต่อเนื่องประมาณ 8–12 สัปดาห์ หรือ 2–3 เดือน

อย่างไรก็ตาม บางคนอาจเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช่น รอยแดงลดลงหรือมีสิวอักเสบใหม่ๆ น้อยลง ภายใน 4–6 สัปดาห์แรก ซิงค์ไม่ใช่ยาที่ออกฤทธิ์เร็วและต้องใช้เวลาในการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

Zinc ช่วยสิวจริงไหม?

ใช่ มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่า สังกะสีสามารถช่วยรักษาสิวได้ โดยเฉพาะสิวอักเสบ

สังกะสีมีประสิทธิภาพในการลดการอักเสบและลดจำนวนสิวที่เป็นตุ่มแดงอักเสบ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวอักเสบระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง หรือผู้ที่มีภาวะขาดสังกะสี อย่างไรก็ตาม สังกะสีไม่ค่อยมีผลกับสิวอุดตัน (สิวหัวดำ/สิวหัวขาว) และสำหรับผู้ที่เป็นสิวรุนแรง สังกะสีมักถูกใช้เป็นเพียงการรักษาเสริมร่วมกับยาชนิดอื่น

ควรกินซิงค์ทุกวันไหม และนานแค่ไหน?

การกินซิงค์ทุกวันในปริมาณที่เหมาะสมนั้นโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย และสามารถกินได้นานตราบเท่าที่ยังคงเป็นประโยชน์ต่อผิวของคุณ

สำหรับการรักษาสิว การกินซิงค์ในปริมาณที่แนะนำ (ประมาณ 30 มก. ของธาตุซิงค์) สามารถทำได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน โดยปริมาณสูงสุดที่ปลอดภัยสำหรับการใช้ในระยะยาวคือไม่เกิน 40 มก. ต่อวัน หากคุณวางแผนที่จะกินซิงค์ทุกวันนานกว่า 2-3 เดือน ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการเสริมทองแดง เนื่องจากซิงค์อาจลดการดูดซึมทองแดงในร่างกายได้

Zinc ยี่ห้อไหนดีสำหรับคนเป็นสิว?

ไม่มีแบรนด์ซิงค์ยี่ห้อใดที่ดีที่สุดสำหรับรักษาสิวโดยเฉพาะ แต่สิ่งสำคัญคือการเลือกผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือซึ่งระบุรูปแบบและปริมาณของซิงค์อย่างชัดเจน

สิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกซิงค์สำหรับรักษาสิว มีดังนี้:

  • รูปแบบของซิงค์: รูปแบบที่นิยมใช้และมีข้อมูลว่าได้ผลดี ได้แก่ ซิงค์กลูโคเนต (zinc gluconate) และซิงค์พิโคลิเนต (zinc picolinate) เนื่องจากดูดซึมได้ดีและระคายเคืองกระเพาะอาหารน้อย
  • ปริมาณซิงค์ในรูปธาตุ (Elemental Zinc): ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุปริมาณ “ซิงค์ในรูปธาตุ” บนฉลาก โดยปริมาณที่แนะนำและมีหลักฐานสนับสนุนในการรักษาสิวคือประมาณ 30 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ความน่าเชื่อถือ: ควรเลือกแบรนด์ที่มีการควบคุมคุณภาพที่ดี หรือผ่านการทดสอบโดยหน่วยงานภายนอก (third-party testing) เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับปริมาณซิงค์ตามที่ระบุไว้บนฉลาก

ควรกินซิงค์ขนาดเท่าไรต่อวันจึงปลอดภัย?

โดยทั่วไปแล้ว ปริมาณซิงค์สูงสุดที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใหญ่ในการรับประทานต่อเนื่องระยะยาวคือไม่เกิน 40 มิลลิกรัมต่อวัน

สำหรับผู้ที่เป็นสิว ปริมาณที่แนะนำและมีประสิทธิภาพคือประมาณ 30 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งเป็นขนาดที่ปลอดภัยและได้รับการยอมรับจากหน่วยงานด้านสุขภาพ การรับประทานในปริมาณที่สูงกว่า 40 มิลลิกรัมต่อวันควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อใช้ในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงได้

ซิงค์ห้ามกินร่วมกับยา/อาหารอะไรบ้าง?

ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานซิงค์พร้อมกับยาปฏิชีวนะบางชนิด อาหารที่มีไฟเตทสูง และอาหารเสริมที่มีธาตุเหล็กหรือแคลเซียมสูง เนื่องจากสารเหล่านี้สามารถรบกวนการดูดซึมของซิงค์ได้

ยา:

  • ยาปฏิชีวนะกลุ่มเตตราไซคลีน (Tetracyclines) เช่น Doxycycline, Minocycline
  • ยาปฏิชีวนะกลุ่มฟลูออโรควิโนโลน (Fluoroquinolones) เช่น Ciprofloxacin
  • คำแนะนำ: ควรรับประทานซิงค์ห่างจากยาเหล่านี้อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง
  • อาหารและแร่ธาตุ:
  • อาหารที่มีไฟเตทสูง: เช่น ธัญพืชเต็มเมล็ด รำข้าว และพืชตระกูลถั่ว
  • อาหารที่มีแคลเซียมสูง: เช่น นม ชีส หรืออาหารเสริมแคลเซียม
  • อาหารเสริมธาตุเหล็ก: ธาตุเหล็กและซิงค์จะแย่งกันดูดซึม
  • เครื่องดื่ม: กาแฟและชาดำอาจลดการดูดซึมแร่ธาตุเล็กน้อย

References:

  1. Zou, P., Du, Y., Yang, C., & Cao, Y. (n.d.). Trace element zinc and skin disorders. Frontiers in Medicine. frontiersin.org
  2. Dreno, B., Amblard, P., Agache, P., Sirot, S., & Litoux, P. (n.d.). Low doses of zinc gluconate for inflammatory acne. Acta Dermato-Venereologica. pubmed.ncbi.nlm.nih.gov
  3. Bader, K. (n.d.). Study Evaluates Safety and Efficacy of Oral Zinc and Low-Dose Isotretinoin for Acne Vulgaris. Dermatology Times. dermatologytimes.com
  4. Yale School of Medicine. (n.d.). Antibiotics for Acne: Groundbreaking Study Shows Why One Works Best. Yale Medicine News. medicine.yale.edu
  5. PeaceHealth. (n.d.). Zinc – Health Information Library. peacehealth.org
  6. Royal Pharmaceutical Society. (n.d.). Physiological and medicinal zinc. The Pharmaceutical Journal. pharmaceutical-journal.com
  7. Ajmera, R. (n.d.). Zinc Supplements: Benefits, Side Effects, and Recommended Dosage. Healthline. healthline.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
ลอกสิวเสี้ยน วิธีที่ถูกต้อง ลดความเสี่ยงรูขุมขนกว้าง
NextContinue
รักษาสิวอักเสบด้วยตัวเอง วิธีง่ายๆที่เห็นผล ปลอดภัย

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube