Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Acne

สิวจากยีสต์ (เชื้อรา): สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

Byadmin สิงหาคม 12, 2025
By นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน Updated on สิงหาคม 12, 2025
✦ Medically reviewed by  แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร

Table of Contents

Toggle
  • สิวจากยีสต์ (เชื้อรา) คืออะไร?
    • ทำความรู้จักเชื้อรา Malassezia สาเหตุหลักของสิว
    • สิวจากยีสต์ใช่ Pityrosporum Folliculitis หรือไม่?
  • 5 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวจากยีสต์ (เชื้อรา)
    • 1. ความอับชื้นและเหงื่อบนผิวหนัง
    • 2. ผลข้างเคียงจากการใช้ยาปฏิชีวนะ
    • 3. ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่อ่อนแอ
    • 4. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย
    • 5. การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสม
  • วิธีสังเกตอาการของสิวจากยีสต์ (เชื้อรา) ด้วยตัวเอง
    • ลักษณะของตุ่มสิว: ขนาด สี และการกระจายตัว
    • อาการคันเป็นสัญญาณสำคัญของสิวจากยีสต์ใช่หรือไม่?
  • สิวจากยีสต์ (เชื้อรา) แตกต่างจากสิวทั่วไปอย่างไร?
    • ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างสิวเชื้อราและสิวอุดตัน
  • รวมทุกวิธีรักษาสิวจากยีสต์ (เชื้อรา) ที่ได้ผล
    • การรักษาสิวจากยีสต์ด้วยตัวเองที่บ้าน
    • ยาทาเฉพาะที่สำหรับรักษาสิวจากยีสต์
    • ยารับประทานสำหรับรักษาสิวจากยีสต์
  • วิธีป้องกันสิวจากยีสต์ (เชื้อรา) ไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ
    • อาหารที่ควรรับประทานและควรหลีกเลี่ยง
    • การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ถูกต้อง
  • สิวจากยีสต์ (เชื้อรา) สามารถเกิดขึ้นบริเวณใดได้บ้าง?
    • สิวจากยีสต์บริเวณใบหน้าและหน้าผาก
    • สิวจากยีสต์บริเวณหลัง หน้าอก และลำตัว
  • References
  • Author

สิวจากยีสต์ (เชื้อรา) คืออะไร?

สิวจากยีสต์ เชื้อรา และผดผื่น คอและใบหน้าที่อักเสบ

สิวจากยีสต์ (เชื้อรา) คือ การติดเชื้อราชนิด Malassezia ในรูขุมขน ที่ทำให้เกิดตุ่มผื่นแดงคันคล้ายสิว แต่มีสาเหตุจากเชื้อราแทนที่จะเป็นแบคทีเรีย มีชื่อทางการแพทย์ว่า Pityrosporum folliculitis หรือ Malassezia folliculitis โดยเชื้อรายีสต์นี้อาศัยอยู่บนผิวหนังปกติ แต่เมื่อมีการเติบโตมากเกินไปจากความชื้น เหงื่อ ความร้อน หรือการใช้ยาปฏิชีวนะ จะทำให้เกิดการอักเสบในรูขุมขนและปรากฏเป็นตุ่มแดงเล็กๆ ขนาดเท่ากันเป็นกลุ่ม มักเกิดบริเวณหน้าอก หลัง และบางครั้งบนใบหน้า

ทำความรู้จักเชื้อรา Malassezia สาเหตุหลักของสิว

เชื้อรา Malassezia คือ เชื้อรายีสต์ที่อาศัยอยู่บนผิวหนังคนปกติ แต่เมื่อเติบโตมากเกินไปจะทำให้เกิดการอักเสบในรูขุมขน

เชื้อรานี้กินน้ำมันบนผิวหนัง (sebum) เป็นอาหาร โดยปกติไม่ก่อโรค แต่เมื่อมีปัจจัยกระตุ้นเช่น:

  • ความชื้น ความร้อน เหงื่อที่ขังบนผิว
  • การใช้ยาปฏิชีวนะที่ทำให้แบคทีเรียดีลดลง
  • ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
  • ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงทำให้ผิวมัน
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันหรือสารอาหารที่เชื้อราชอบ

เชื้อราจะเจริญเติบโตในรูขุมขนจนเกิดการอักเสบ ทำให้เกิดตุ่มแดงคันที่มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสิวธรรมดา แต่จริงๆ แล้วเป็น Pityrosporum folliculitis หรือ Malassezia folliculitis ซึ่งต้องรักษาด้วยยาต้านเชื้อรา ไม่ใช่ยาฆ่าแบคทีเรีย

สิวจากยีสต์ใช่ Pityrosporum Folliculitis หรือไม่?

ใช่ สิวจากยีสต์คือ Pityrosporum Folliculitis เป็นชื่อเรียกอย่างเดียวกัน ยังมีชื่ออื่นอีกคือ Malassezia folliculitis ซึ่งทั้งหมดหมายถึงการติดเชื้อราในรูขุมขนที่เกิดจากเชื้อรายีสต์ชนิดเดียวกัน

5 สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวจากยีสต์ (เชื้อรา)

1. ความอับชื้นและเหงื่อบนผิวหนัง

ความอับชื้นและเหงื่อบนผิวหนังเป็น สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเจริญเติบโตของเชื้อรา Malassezia ซึ่งเป็นสาเหตุของสิวจากยีสต์

เชื้อราชนิดนี้ชอบบริเวณที่อบอุ่นและชื้น โดยเฉพาะ:

  • การใส่เสื้อผ้ารัดรูปหรือไม่ระบายอากาศที่กักเก็บเหงื่อและความร้อน
  • การอยู่ในชุดออกกำลังกายที่เปียกเหงื่อเป็นเวลานาน
  • การไม่อาบน้ำทันทีหลังออกกำลังกายหรือเหงื่อออกมาก
  • การใช้อ่างน้ำร้อนหรือสระน้ำเป็นเวลานาน

สภาพเหล่านี้ทำให้รูขุมขนเสียหายและสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับเชื้อรายีสต์ในการเข้าไปติดเชื้อและก่อให้เกิดการอักเสบ

2. ผลข้างเคียงจากการใช้ยาปฏิชีวนะ

การใช้ยาปฏิชีวนะทำให้เกิดสิวจากยีสต์ได้เพราะ ยาปฏิชีวนะฆ่าแบคทีเรียดีบนผิวหนังที่ช่วยควบคุมปริมาณเชื้อรา ทำให้เชื้อรา Malassezia เติบโตมากเกินไป

เมื่อแบคทีเรียปกติบนผิวหนังลดลง เชื้อรายีสต์ที่อยู่บนผิวหนังอยู่แล้วจะไม่มีคู่แข่งในการแย่งอาหารและพื้นที่ ทำให้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจนเข้าไปติดเชื้อในรูขุมขน นอกจากนี้ สิวจากเชื้อรามักไม่ตอบสนองหรืออาจแย่ลงเมื่อใช้ยาปฏิชีวนะรักษาสิว ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่าเป็นสิวจากเชื้อรา ไม่ใช่แบคทีเรีย

3. ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่อ่อนแอ

ระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอทำให้ ร่างกายไม่สามารถควบคุมการเติบโตของเชื้อรา Malassezia ที่อยู่บนผิวหนังได้ จึงเกิดการติดเชื้อในรูขุมขนได้ง่าย

ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง สิวจากเชื้อรามักมีอาการรุนแรงและกระจายเป็นบริเวณกว้าง เนื่องจากร่างกายไม่มีกำลังพอที่จะต่อสู้กับเชื้อราที่เจริญเติบโตเกินปกติ ทำให้เชื้อราที่ปกติไม่ก่อโรคกลายเป็นสาเหตุของการอักเสบและติดเชื้อในรูขุมขนได้

4. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่น ทำให้ ต่อมไขมันผลิตน้ำมันบนผิวหนังมากขึ้น ซึ่งเป็นอาหารของเชื้อรา Malassezia

เมื่อมีน้ำมันบนผิวหนังมากขึ้น เชื้อรายีสต์จะมีอาหารเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ปริมาณเชื้อราเพิ่มขึ้นจนเกินระดับปกติและเข้าไปก่อการอักเสบในรูขุมขน นำไปสู่การเกิดสิวจากเชื้อราในที่สุด

5. การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสม

การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสมทำให้เกิดสิวจากยีสต์ได้เพราะ ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันหนักและกรดไขมันเป็นอาหารที่เชื้อรา Malassezia สามารถย่อยและใช้เป็นอาหารได้

ผลิตภัณฑ์ที่ควรหลีกเลี่ยง:

  • ครีมที่มีน้ำมันหนัก เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก
  • ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากการหมัก
  • สารที่อุดตันรูขุมขน
  • ไขมันอิ่มตัวในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

แพทย์ผิวหนังแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ “fungal-safe” ที่ไม่มีส่วนผสมเหล่านี้ เลือกใช้โลชั่นเนื้อบางที่ไม่อุดตันรูขุมขนแทน

วิธีสังเกตอาการของสิวจากยีสต์ (เชื้อรา) ด้วยตัวเอง

สิวจากยีสต์สังเกตได้จาก ตุ่มแดงเล็กๆ ขนาดเท่ากันเป็นกลุ่มและมีอาการคัน ซึ่งแตกต่างจากสิวธรรมดาอย่างชัดเจน

สัญญาณสำคัญที่ควรสังเกต:

  1. ลักษณะตุ่ม – ตุ่มแดงขนาดเล็กเท่าๆ กัน บางตุ่มมีหัวหนองเล็กๆ สีขาว ไม่มีหัวดำหรือหัวขาวแบบสิวธรรมดา
  2. อาการคัน – คันมากโดยเฉพาะ ซึ่งสิวธรรมดาจะไม่คัน
  3. ตำแหน่งที่เกิด – มักเกิดเป็นกลุ่มบริเวณหน้าอก หลัง หน้าผาก ขมับ
  4. การตอบสนองต่อยา – ไม่ดีขึ้นหรืออาจแย่ลงเมื่อใช้ยารักษาสิวธรรมดา
  5. รูปแบบการกระจาย – เป็นกลุ่มคล้ายผื่น กระจายสม่ำเสมอ

หากมีอาการเหล่านี้ โดยเฉพาะอาการคันร่วมกับตุ่มขนาดเท่ากัน ควรสงสัยว่าเป็นสิวจากเชื้อรา

ลักษณะของตุ่มสิว: ขนาด สี และการกระจายตัว

ตุ่มสิวจากยีสต์มีลักษณะเป็น ตุ่มแดงเล็กๆ ขนาดเท่ากันทั้งหมด (monomorphic) กระจายเป็นกลุ่มคล้ายผื่น

ขนาด: ตุ่มมีขนาดเล็ก สม่ำเสมอเหมือนกันทุกตุ่ม ไม่มีตุ่มใหญ่เล็กปะปนกันเหมือนสิวธรรมดา

สี: ตุ่มสีแดง มีวงแดงล้อมรอบเนื่องจากการอักเสบ บางตุ่มอาจมีหัวหนองเล็กๆ สีขาวตรงกลาง แต่ไม่มีหัวดำหรือหัวขาวชัดเจนแบบสิวธรรมดา

การกระจายตัว: กระจายเป็นกลุ่มหนาแน่นแบบสม่ำเสมอ (symmetric clusters) คล้ายผื่นแดง มักเกิดบริเวณที่มีความร้อนและเหงื่อสะสม เช่น หน้าอก หลังส่วนบน หน้าผาก ขมับ ในรายที่รุนแรงอาจลามไปที่แขนส่วนบนหรือเอว

อาการคันเป็นสัญญาณสำคัญของสิวจากยีสต์ใช่หรือไม่?

ใช่ อาการคันเป็นสัญญาณสำคัญที่ช่วยแยกสิวจากยีสต์ออกจากสิวธรรมดา เพราะสิวธรรมดาโดยทั่วไปจะไม่มีอาการคัน

วิธีแยกอาการคันจากสิวเชื้อราและสิวอักเสบทั่วไป

แยกอาการคันจากสิวเชื้อราและสิวอักเสบทั่วไปได้โดยดูจาก สิวเชื้อราจะคันมาก ส่วนสิวอักเสบทั่วไปจะไม่มีอาการคัน

หากมีตุ่มสิวที่คันอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะตุ่มที่มีขนาดเท่ากันและกระจายเป็นกลุ่ม ให้สงสัยว่าเป็นสิวจากเชื้อรา Malassezia folliculitis มากกว่าสิวธรรมดาที่เกิดจากแบคทีเรีย ซึ่งการคันนี้เป็นอาการเฉพาะที่ช่วยในการวินิจฉัยแยกโรคได้อย่างดี

ควรทำอย่างไรเมื่อมีอาการคันร่วมกับตุ่มสิว

เมื่อมีอาการคันร่วมกับตุ่มสิว ควร หลีกเลี่ยงการเกา หรือแกะตุ่ม และใช้วิธีบรรเทาอาการคันที่เหมาะสม

วิธีจัดการอาการคัน:

  1. ใช้ยาแก้แพ้ชนิดกิน เช่น cetirizine หรือ diphenhydramine โดยเฉพาะช่วงกลางคืน
  2. ประคบเย็น ใช้ผ้าห่อน้ำแข็งประคบบริเวณที่คัน 2-3 นาที
  3. ประคบอุ่น บางกรณีอาจช่วยระบายรูขุมขน ให้เลือกวิธีที่รู้สึกสบายที่สุด
  4. พบแพทย์ หากมีตุ่มคันขนาดเท่ากันเป็นกลุ่ม อาจเป็นสิวจากเชื้อราที่ต้องใช้ยาต้านเชื้อราเฉพาะ

สิ่งสำคัญคือต้องไม่เกาหรือบีบตุ่ม เพราะอาจทำให้ติดเชื้อแบคทีเรียเพิ่มหรือเกิดแผลเป็น

สิวจากยีสต์ (เชื้อรา) แตกต่างจากสิวทั่วไปอย่างไร?

สิวจากยีสต์แตกต่างจากสิวทั่วไปตรงที่ เกิดจากเชื้อรา Malassezia แทนที่จะเป็นแบคทีเรีย และมีลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้ชัดเจน

ความแตกต่างหลัก:

ลักษณะ สิวจากยีสต์ สิวทั่วไป
สาเหตุ เชื้อรา Malassezia แบคทีเรีย P. acnes
ลักษณะตุ่ม ขนาดเท่ากันทั้งหมด (monomorphic) ขนาดต่างกัน มีทั้งเล็กใหญ่
หัวสิว ไม่มีหัวดำหรือหัวขาว มีหัวดำและหัวขาวชัดเจน
อาการคัน คันมาก ไม่คัน
ตำแหน่ง หน้าอก หลัง มากกว่าหน้า หน้าเป็นหลัก
การตอบสนองต่อยา ไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงกับยาปฏิชีวนะ ดีขึ้นกับยาปฏิชีวนะ
การกระจาย เป็นกลุ่มคล้ายผื่น กระจายไม่สม่ำเสมอ

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างสิวเชื้อราและสิวอุดตัน

สิวเชื้อราและสิวอุดตันมี ความแตกต่างที่สำคัญในด้านสาเหตุ ลักษณะ และวิธีรักษา ดังตารางเปรียบเทียบ

หัวข้อ สิวเชื้อรา (Fungal Acne) สิวอุดตัน (Comedonal Acne)
สาเหตุ เชื้อรา Malassezia การอุดตันของรูขุมขนจากไขมันและเซลล์ผิวตาย
ลักษณะตุ่ม ตุ่มแดงขนาดเท่ากันทั้งหมด มีทั้งหัวดำและหัวขาว
หัวสิว ไม่มีหัวดำหรือหัวขาว มีหัวดำ (blackheads) และหัวขาว (whiteheads)
อาการคัน คันมาก ไม่คัน
การกระจาย เป็นกลุ่มคล้ายผื่น กระจายตามรูขุมขน
ตำแหน่งที่พบ หน้าอก หลัง หน้าผาก ใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณ T-zone
การรักษา ยาต้านเชื้อรา ยา Retinoids, BHA, AHA
การตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะ ไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง อาจดีขึ้นเล็กน้อย

รวมทุกวิธีรักษาสิวจากยีสต์ (เชื้อรา) ที่ได้ผล

การรักษาสิวจากยีสต์ด้วยตัวเองที่บ้าน

การรักษาสิวจากยีสต์ด้วยตัวเองที่บ้านทำได้โดย ใช้แชมพูขจัดรังแคหรือครีมต้านเชื้อราที่ซื้อได้ทั่วไป

วิธีรักษาเบื้องต้นที่บ้าน:

  1. ใช้แชมพูขจัดรังแค ที่มี Ketoconazole, Selenium sulfide หรือ Zinc pyrithione
  2. ชโลมบริเวณที่เป็นเหมือนล้างหน้า
  3. ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วล้างออก
  4. ใช้วันละครั้งเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
  5. ทาครีมต้านเชื้อรา ที่มี Clotrimazole หรือ Miconazole (ยารักษาเท้านักกีฬา)
  6. ทาบริเวณที่เป็นวันละ 1-2 ครั้ง
  7. ใช้ต่อเนื่องหลายสัปดาห์
  8. ดูแลผิว
  9. รักษาความสะอาดและแห้งของผิว
  10. อาบน้ำทันทีหลังออกกำลังกาย
  11. เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกเหงื่อทันที
  12. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมัน

หมายเหตุ: วิธีเหล่านี้ช่วยได้เฉพาะกรณีอาการน้อย หากไม่ดีขึ้นใน 2-4 สัปดาห์ ควรพบแพทย์

ยาทาเฉพาะที่สำหรับรักษาสิวจากยีสต์

ยาทาเฉพาะที่สำหรับรักษาสิวจากยีสต์ ได้แก่ ยาต้านเชื้อรากลุ่ม azole และแชมพูต้านเชื้อรา

ยาที่ต้องใช้ตามใบสั่งแพทย์:

  • Ketoconazole cream/gel – ยาต้านเชื้อราที่มีประสิทธิภาพสูง ทาวันละ 1-2 ครั้ง
  • Econazole cream – ยับยั้งการเจริญของเชื้อรา Malassezia
  • Selenium sulfide lotion 2.5% – ใช้เป็นยาทาทิ้งไว้แล้วล้างออก

ยาที่ซื้อได้เอง:

  • แชมพู Ketoconazole (Nizoral) – ใช้ล้างผิวที่เป็น ทิ้งไว้ 5-10 นาที
  • แชมพู Selenium sulfide 1% – ลดปริมาณเชื้อราบนผิว
  • แชมพู Zinc pyrithione – มีฤทธิ์ต้านเชื้อรา
  • Clotrimazole/Miconazole cream – ครีมรักษาเท้านักกีฬา ใช้ทาบริเวณที่เป็น

ข้อควรรู้: ยาทาเฉพาะที่มีอัตราหายเพียง 10% ใน 4 สัปดาห์ ต้องใช้นานกว่ายารักษาสิวทั่วไป เพราะเชื้อราอยู่ลึกในรูขุมขน

ยารับประทานสำหรับรักษาสิวจากยีสต์

ยารับประทานสำหรับรักษาสิวจากยีสต์ คือ ยาต้านเชื้อรากลุ่ม azole ได้แก่ itraconazole และ fluconazole

ขนาดยาและระยะเวลา:

  1. Itraconazole (Sporanox)
  2. 100-200 มก. วันละครั้ง นาน 1-2 สัปดาห์
  3. งานวิจัยพบว่า 200 มก./วัน นาน 7 วัน ให้ผลดี
  4. Fluconazole (Diflucan)
  5. 100-200 มก. วันละครั้ง นาน 2-3 สัปดาห์
  6. หรือ 300 มก. สัปดาห์ละครั้ง นาน 2-4 สัปดาห์

ข้อดีของยารับประทาน:

  • ออกฤทธิ์ลึกถึงรูขุมขนผ่านกระแสเลือด
  • บรรเทาอาการคันและตุ่มได้เร็ว
  • อัตราหายสูงเมื่อใช้ร่วมกับยาทา (เกือบ 100% ใน 4 สัปดาห์)

ข้อควรระวัง:

  • ต้องใช้ตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างใช้ยา
  • อาจต้องตรวจการทำงานของตับหากใช้นานกว่า 2 สัปดาห์

วิธีป้องกันสิวจากยีสต์ (เชื้อรา) ไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ

ป้องกันสิวจากยีสต์ไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำได้โดย รักษาผิวให้สะอาดและแห้ง พร้อมใช้ผลิตภัณฑ์ต้านเชื้อราเป็นประจำ

วิธีป้องกันระยะยาว:

  1. รักษาความสะอาดและแห้ง
  2. อาบน้ำทันทีหลังออกกำลังกายหรือเหงื่อออกมาก
  3. เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกเหงื่อทันที
  4. ใช้พัดลมหรือแอร์ในอากาศร้อนชื้น
  5. อาบน้ำวันละ 2 ครั้งหากเหงื่อออกมาก
  6. ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกัน
  7. ใช้แชมพูขจัดรังแคล้างตัวสัปดาห์ละครั้ง
  8. ทาครีม ketoconazole เป็นครั้งคราวบริเวณที่เคยเป็น
  9. ใช้แป้งต้านเชื้อราทาบริเวณหลังหรือหน้าอก
  10. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
  11. หลีกเลี่ยงครีมที่มีน้ำมันหนัก (น้ำมันมะพร้าว, มะกอก)
  12. ใช้โลชั่นเนื้อบางไม่อุดตันรูขุมขน
  13. เลือกผลิตภัณฑ์ “fungal-safe”
  14. การรักษาป้องกันสำหรับผู้ที่เป็นบ่อย
  15. แพทย์อาจให้ fluconazole 200 มก. เดือนละครั้ง
  16. หรือ itraconazole เป็นคอร์สสั้นๆ ทุก 2-3 เดือน

อาหารที่ควรรับประทานและควรหลีกเลี่ยง

ควรรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลต่ำและหลีกเลี่ยง อาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันไม่ดี และอาหารที่มียีสต์

อาหารที่ควรรับประทาน:

  • ผักใบเขียวและผักหลากชนิด
  • โปรตีนไม่ติดมัน (ไก่ ปลา)
  • ไขมันดี (อะโวคาโด ถั่ว)
  • อาหารที่มีวิตามิน A, C, E และซิงก์

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง:

  • ขนมหวาน ลูกอม น้ำอัดลม
  • อาหารแป้งและคาร์โบไฮเดรตสูง
  • อาหารทอดและไขมันอิ่มตัว
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • อาหารที่มียีสต์ (ขนมปัง เบียร์)

หลักการ: แม้ว่าอาหารเพียงอย่างเดียวไม่สามารถรักษาสิวจากยีสต์ได้ แต่การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ ทำให้อาการไม่รุนแรงและเป็นซ้ำน้อยลง

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ถูกต้อง

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ “fungal-safe” หรือไม่มีส่วนผสมที่เป็นอาหารของเชื้อรา

ผลิตภัณฑ์ที่ควรใช้:

  1. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
  2. คลีนเซอร์ที่มี pH สมดุล
  3. แชมพูขจัดรังแคใช้ล้างตัว (ketoconazole, zinc pyrithione)
  4. มอยส์เจอไรเซอร์
  5. โลชั่นเนื้อบางไม่อุดตัน
  6. มีส่วนผสม mineral oil หรือ petrolatum (ปลอดภัย)
  7. หลีกเลี่ยงครีมเนื้อหนักที่มีน้ำมันพืช
  8. ส่วนผสมที่ดี
  9. Niacinamide (วิตามิน B3) – ลดความมัน
  10. Zinc pyrithione/gluconate – ต้านเชื้อรา
  11. Salicylic acid (BHA) – ผลัดเซลล์ผิว
  12. Propolis – ต้านเชื้อราธรรมชาติ

สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง:

  • น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก และน้ำมันพืชอื่นๆ
  • ส่วนผสมหมัก (fermented ingredients)
  • Fatty esters และไขมันอิ่มตัว
  • ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน

คำแนะนำ: ตรวจสอบส่วนผสมทุกครั้งก่อนใช้ เลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “oil-free” หรือ “non-comedogenic”

สิวจากยีสต์ (เชื้อรา) สามารถเกิดขึ้นบริเวณใดได้บ้าง?

สิวจากยีสต์สามารถเกิดได้ที่ บริเวณที่มีต่อมไขมันมาก โดยเฉพาะหน้าอก หลัง และใบหน้า

บริเวณที่พบบ่อย:

  1. หน้าอกส่วนบน – พื้นที่ที่พบมากที่สุด
  2. หลัง – โดยเฉพาะหลังส่วนบน
  3. ใบหน้า – บริเวณหน้าผาก ขมับ
  4. ไหล่และต้นแขน – ในกรณีที่รุนแรง
  5. เอว – พบได้ในบางกรณี

ลักษณะการเกิด:

  • มักเกิดเป็นกลุ่มแบบสมมาตร
  • เกิดในบริเวณที่มีความร้อนและเหงื่อสะสม
  • พบมากในบริเวณที่ถูกเสื้อผ้ารัดหรือเสียดสี

ข้อสังเกต: สิวจากยีสต์มักเกิดที่ลำตัวมากกว่าสิวธรรมดาที่มักเน้นบริเวณใบหน้า การกระจายตัวนี้เป็นเบาะแสสำคัญในการวินิจฉัยแยกจากสิวจากแบคทีเรีย

สิวจากยีสต์บริเวณใบหน้าและหน้าผาก

สิวจากยีสต์บริเวณใบหน้าและหน้าผากมักเป็น ตุ่มเล็กๆ ขนาดเท่ากันจำนวนมากที่หน้าผากและขมับ

ลักษณะเฉพาะ:

  • ตุ่มขนาดเล็กเท่าๆ กัน (monomorphic)
  • มักเป็นกลุ่มหนาแน่นบริเวณหน้าผาก
  • อาจลามไปที่ขมับทั้งสองข้าง
  • มีอาการคันร่วมด้วย
  • ไม่มีสิวหัวดำหรือหัวขาวแบบสิวธรรมดา

การรักษา:

  • ใช้แชมพูต้านเชื้อราล้างหน้า (ketoconazole, zinc pyrithione)
  • ทิ้งไว้ 5-10 นาทีก่อนล้างออก
  • อาจต้องใช้ยาทาหรือยากินร่วมด้วย

ข้อควรระวัง: หลีกเลี่ยงครีมบำรุงที่มีน้ำมันหนักบริเวณใบหน้า เพราะจะเป็นอาหารของเชื้อราทำให้อาการแย่ลง

สิวจากยีสต์บริเวณหลัง หน้าอก และลำตัว

สิวจากยีสต์บริเวณหลัง หน้าอก และลำตัวเป็น บริเวณที่พบมากที่สุดและมักเป็นเป็นกลุ่มสมมาตร

ลักษณะการเกิด:

  1. หน้าอกส่วนบน – ตุ่มแดงเป็นกลุ่มหนาแน่น คันมาก
  2. หลังส่วนบน – มักเป็นทั้งสองข้างคล้ายกัน
  3. ไหล่และต้นแขน – ลามไปได้เมื่ออาการรุนแรง
  4. บริเวณเอว – พบในกรณีที่เป็นมาก

สาเหตุที่เป็นบ่อย:

  • บริเวณที่มีความร้อนชื้นและเหงื่อสะสม
  • ถูกเสื้อผ้ารัดหรือไม่ระบายอากาศ
  • มีต่อมไขมันมาก เหมาะกับการเจริญของเชื้อรา

การรักษา:

  • ใช้แชมพูต้านเชื้อราล้างตัว (ketoconazole, selenium sulfide)
  • ทาทิ้งไว้ 5-10 นาทีทุกวัน
  • เปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีเมื่อเหงื่อออก
  • อาบน้ำทันทีหลังออกกำลังกาย

คำแนะนำ: พื้นที่ลำตัวมักตอบสนองต่อการรักษาได้ดีกว่าใบหน้า แต่ต้องใช้เวลานานกว่าเพราะผิวหนา

References

  • Apollo Hospitals – apollohospitals.com

  • Cleveland Clinic – clevelandclinic.org

  • DermNet New Zealand – dermnetnz.org

  • Formel Skin (Germany) – formelskin.de

  • Healthline – healthline.com

  • Infectious Disease Advisor – infectiousdiseaseadvisor.com

  • Kepu China (Popular Science China) – kepuchina.cn

  • Mayo Clinic – mayoclinic.org

Author

  • นายแพทย์พนิต อุนรัตน์
    นายแพทย์พนิต อุนรัตน์

    View all posts

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
สิวจากการแพ้ (Allergic Acne): สาเหตุ อาการ วิธีรักษา
NextContinue
สิวจากยาคุม: สาเหตุ วิธีแก้ และคำแนะนำ

Product Type

  • Acne Care - รักษาสิว22 สินค้า
  • Brightening - ผิวกระจ่างใส22 สินค้า
  • Dark Spot Reduction - ลดจุดด่างดำ22 สินค้า
  • Red or Dark Spots - รอยสิว11 สินค้า
  • Skin Cleansing - ทำความสะอาดผิว33 สินค้า
  • Skin Hydration - ความชุ่มชื่นผิว22 สินค้า
  • Skin Mask - มาร์สผิว22 สินค้า
  • Sun Protection - กันแดด22 สินค้า
  • Travel Size - ขนาดพกพา66 สินค้า

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube