สิวไม่มีหัว นูนๆ ดูแลและรักษายังไงให้ยุบไว
สิวไม่มีหัว นูนๆ รักษายังไง เริ่มจากเข้าใจว่า ‘พาพูล’ และ ‘นอดูล’ คือสิวอักเสบลึกที่เป็นก้อนบวมแดงไม่มีหัวให้บีบและเสี่ยงทิ้งรอยหากจัดการไม่ถูก คุณหมออธิบายลำดับการประเมินความรุนแรง สัญญาณที่ควรพบแพทย์ วิธีดูแลและแนวทางรักษาที่เหมาะ โดยตัวอย่างระยะเวลายุบ: ตุ่มเล็กราว 1–2 สัปดาห์ ส่วนก้อนลึกอาจนานหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน.
ลักษณะและสาเหตุของสิวไม่มีหัว (Papules & Nodules)
สิวไม่มีหัว นูนๆ คืออะไร แตกต่างจากสิวทั่วไปอย่างไร
สิวไม่มีหัว นูนๆ คือสิวอักเสบชนิดหนึ่งที่เรียกว่า พาพูล (Papule) และนอดูล (Nodule) ซึ่งเป็นตุ่มบวมแดงใต้ผิวหนังที่ไม่มีหัวหรือช่องเปิดที่มองเห็นได้ ความแตกต่างที่สำคัญจากสิวทั่วไปคือ สิวทั่วไปอย่างสิวหัวขาว สิวหัวดำ หรือสิวหนองจะมีหัวที่มองเห็นได้ชัดเจนและอยู่ใกล้ผิวชั้นบน แต่สิวไม่มีหัวเกิดจากการอุดตันและการอักเสบที่ลึกลงไปใต้ผิวหนัง ทำให้มีลักษณะเป็นก้อนนูน แข็ง และมักจะเจ็บปวดกว่าและหายช้ากว่าสิวทั่วไป
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวอักเสบใต้ผิวหนัง
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวอักเสบใต้ผิวหนังคือการอุดตันของรูขุมขนร่วมกับการอักเสบอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นลึกใต้ชั้นผิว
กระบวนการนี้เริ่มต้นเมื่อรูขุมขนอุดตันจากน้ำมันส่วนเกิน (ซีบัม) และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตและส่งผลให้ผนังรูขุมขนแตกออกภายใน จากนั้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะตอบสนองต่อการแตกนี้ ทำให้เกิดตุ่มบวม แดง และเจ็บ โดยไม่มีหัวสิวที่มองเห็นได้บนผิวชั้นนอก ปัจจัยทางฮอร์โมน เช่น แอนโดรเจน สามารถกระตุ้นให้ผลิตน้ำมันมากขึ้น ซึ่งเพิ่มโอกาสในการเกิดสิวประเภทนี้ได้
การประเมินเบื้องต้น: สัญญาณแบบไหนที่ควรพบแพทย์
ลักษณะสิวไม่มีหัวที่รุนแรงและเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น
สิวไม่มีหัวชนิดที่รุนแรงและเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นมากที่สุดคือสิวอักเสบชนิดตุ่มนูนแดงขนาดใหญ่ (Nodule) ซึ่งเป็นก้อนแข็งขนาดใหญ่อยู่ลึกใต้ผิวหนัง
สิวชนิดนี้เกิดจากการอักเสบที่รุนแรงและลึกกว่าสิวไม่มีหัวชนิดตุ่มเล็ก (Papule) โดยมีลักษณะเป็นก้อนแข็งใต้ผิวหนังที่อาจคงอยู่นานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน และมักมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย เนื่องจากการอักเสบที่รุนแรงและยาวนานนี้เองที่ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะทำลายคอลลาเจนและทิ้งรอยแผลเป็นไว้หลังจากสิวหายแล้ว
ใครบ้างที่มีความเสี่ยงเป็นสิวอักเสบชนิดนี้เป็นพิเศษ
กลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นสิวอักเสบชนิดนี้เป็นพิเศษคือ วัยรุ่น วัยหนุ่มสาว และผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นสิวรุนแรง
นอกจากนี้ กลุ่มอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่
- ผู้หญิงที่มีภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล เช่น ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS)
- ผู้ที่ใช้ยาบางชนิด เช่น คอร์ติโคสเตียรอยด์ หรือสเตียรอยด์
- ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
วิธีรักษาสิวไม่มีหัว: จากการดูแลตัวเองสู่การรักษาโดยแพทย์
วิธีรักษาสิวไม่มีหัวมีหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลตัวเองเบื้องต้น การใช้ยาทา ยารับประทาน ไปจนถึงการทำหัตถการโดยแพทย์
การรักษาสามารถแบ่งตามระดับความรุนแรงได้ดังนี้
1. การดูแลตัวเองเบื้องต้น (สำหรับสิวไม่รุนแรง)
- ประคบอุ่น: ช่วยลดอาการบวมและเจ็บ
- ใช้แผ่นแปะสิว: แผ่นแปะไฮโดรคอลลอยด์ช่วยดูดซับของเหลวและป้องกันการแกะสิว
- ใช้ยาแต้มสิว: ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) สามารถช่วยลดเชื้อแบคทีเรียได้
- หลีกเลี่ยงการบีบ: การกดหรือบีบสิวไม่มีหัวจะทำให้อักเสบมากขึ้นและเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็น
2. การรักษาโดยแพทย์ (สำหรับสิวอักเสบรุนแรง)
- ยาทา: แพทย์อาจสั่งยาปฏิชีวนะชนิดทา, ยาในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) หรือเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ความเข้มข้นสูง เพื่อลดการอุดตันและการอักเสบ
- ยารับประทาน: สำหรับสิวที่รุนแรง อาจใช้ยาปฏิชีวนะ, ยาปรับฮอร์โมน (ในผู้หญิง) หรือไอโซเตรติโนอิน (Isotretinoin) ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการรักษาสิวชนิดรุนแรง
- หัตถการในคลินิก: การฉีดสเตียรอยด์เข้าที่สิวโดยตรงสามารถลดการอักเสบและทำให้สิวยุบลงอย่างรวดเร็วภายใน 2-3 วัน นอกจากนี้ยังมีการรักษาด้วยเลเซอร์หรือเคมีคอลพีลลิ่ง (Chemical Peels) เพื่อช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นและลดรอยแผลเป็น
การดูแลเบื้องต้นที่บ้านเพื่อช่วยลดการอักเสบ
การดูแลเบื้องต้นที่บ้านเพื่อช่วยลดการอักเสบของสิวอุดตันไม่มีหัว คือการประคบอุ่น ใช้แผ่นแปะสิว ดูแลผิวอย่างอ่อนโยน และใช้ยาทาเฉพาะที่ ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
- ประคบอุ่น: การใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบบริเวณที่เป็นสิวหลายครั้งต่อวัน จะช่วยให้สิวยุบและลดอาการเจ็บปวดลงได้
- ใช้แผ่นแปะสิว: แผ่นแปะสิวไฮโดรคอลลอยด์ (hydrocolloid) ช่วยดูดซับของเหลว ปกป้องสิวจากแบคทีเรียภายนอก และป้องกันการแกะเกา
- ดูแลผิวอย่างอ่อนโยน: ทำความสะอาดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) วันละสองครั้ง และหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าทับบริเวณที่เป็นสิว
- ใช้ยาทาเฉพาะที่: สามารถใช้ยาแต้มสิวที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (salicylic acid) 2% หรือเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide) 2.5% เพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดความมัน
ยาทาเฉพาะที่สำหรับสิวไม่มีหัว: ส่วนผสมที่ควรมองหา
ส่วนผสมในยาทาเฉพาะที่สำหรับสิวไม่มีหัวที่ควรมองหา ได้แก่ เรตินอยด์, เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์, ยาปฏิชีวนะชนิดทา, กรดอะซีลาอิก และแดพโซน ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์
ส่วนผสมเหล่านี้มีคุณสมบัติดังนี้:
- เรตินอยด์ (Retinoids): เช่น เทรติโนอิน (tretinoin) หรืออะแดพาลีน (adapalene) ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตัน
- เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide): มีทั้งความแรงระดับที่หาซื้อได้เอง (2.5%) และระดับที่ต้องสั่งโดยแพทย์ (5-10%) เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดความมัน
- ยาปฏิชีวนะชนิดทา (Topical antibiotics): เช่น คลินดามัยซิน (clindamycin) หรืออิริโทรมัยซิน (erythromycin) เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย C. acnes
- ส่วนผสมอื่นๆ ที่แพทย์อาจสั่ง: เช่น กรดอะซีลาอิก (azelaic acid) หรือแดพโซน (dapsone gel) ซึ่งช่วยลดรอยแดงและมีฤทธิ์ต้านจุลชีพ
- กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid): มีในผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้เอง (OTC) แต่มีข้อจำกัดในการแทรกซึมลงไปรักษาสิวอุดตันลึกๆ
การฉีดสิว: ทางเลือกเร่งด่วนเพื่อลดอาการบวมแดงและปวด
การฉีดสิวคือการที่แพทย์ฉีดสเตียรอยด์ (คอร์ติโซน) เข้าไปในสิวอักเสบขนาดใหญ่โดยตรง เพื่อลดการอักเสบ อาการบวม และความเจ็บปวดอย่างรวดเร็ว
หลังการฉีด สิวจะเจ็บน้อยลงและยุบตัวลงอย่างเห็นได้ชัดภายใน 1-2 วัน วิธีนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับสิวอักเสบใต้ผิวหนัง (Nodule) ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น หรือในกรณีที่ต้องการให้สิวยุบอย่างเร่งด่วนก่อนวันสำคัญ การฉีดสิวเป็นหัตถการที่ต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น และมักใช้กับสิวเฉพาะจุด ไม่เหมาะกับผู้ที่มีสิวจำนวนมาก
การรักษาด้วยเลเซอร์และหัตถการอื่นๆ ในคลินิก
การรักษาในคลินิกสำหรับสิวอักเสบไม่มีหัว ได้แก่ การฉีดสเตียรอยด์, การทำเคมีลอกผิว (chemical peels), การระบายหนอง และการใช้เลเซอร์หรือแสงบำบัด ซึ่งมักใช้ร่วมกับการใช้ยาเพื่อเร่งผลการรักษาและลดรอยแผลเป็น
หัตถการเหล่านี้มีรายละเอียดดังนี้:
- การฉีดคอร์ติโซน (Cortisone Injection): แพทย์จะฉีดสเตียรอยด์เข้าไปในสิวโดยตรงเพื่อลดการอักเสบและอาการบวมอย่างรวดเร็ว ทำให้สิวยุบลงอย่างเห็นได้ชัดภายใน 1-2 วัน เหมาะสำหรับสิวอักเสบเม็ดใหญ่หรือในสถานการณ์เร่งด่วน
- เคมีลอกผิว (Chemical Peels): การใช้กรด เช่น กรดซาลิไซลิกหรือกรดไกลโคลิก เพื่อผลัดเซลล์ผิวชั้นบน ช่วยเปิดรูขุมขนที่อุดตันและเร่งการจางลงของรอยสิว
- การระบายหนอง (Acne Surgery): ในกรณีที่สิวมีขนาดใหญ่มาก แพทย์ผิวหนังอาจทำการเจาะและระบายของเหลวภายในออกอย่างถูกวิธีและสะอาดเพื่อลดแรงดันและความเจ็บปวด
- เลเซอร์และแสงบำบัด (Laser and Light Therapy): การใช้เลเซอร์บางชนิดสามารถช่วยเร่งการฟื้นตัวของสิวอักเสบและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในบริเวณที่เริ่มเกิดแผลเป็นได้
ระยะเวลาและผลลัพธ์: สิวไม่มีหัวกี่วันถึงจะยุบ
กรอบเวลากว่าสิวจะยุบในแต่ละวิธีรักษา
กรอบเวลาที่สิวจะยุบตัวนั้นแตกต่างกันไปตามวิธีรักษา ตั้งแต่ไม่กี่วันไปจนถึงหลายเดือน
ระยะเวลาที่สิวอักเสบไม่มีหัวจะยุบลงขึ้นอยู่กับความรุนแรงและวิธีการรักษา ดังนี้
- ไม่ได้รับการรักษา: สิวอักเสบขนาดเล็ก (Papule) อาจใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ ส่วนสิวอักเสบขนาดใหญ่ (Nodule) อาจคงอยู่นานหลายสัปดาห์ถึง 1-2 เดือน
- การดูแลเบื้องต้น: การใช้แผ่นแปะสิวหรือประคบอุ่นอาจช่วยให้สิวอักเสบขนาดเล็กยุบลงใน 3-5 วัน
- การฉีดสเตียรอยด์: เป็นวิธีที่เร็วที่สุด โดยสิวจะยุบลงอย่างเห็นได้ชัดภายใน 1-3 วัน (48-72 ชั่วโมง)
- ยารับประทาน (ยาปฏิชีวนะ): จะเริ่มเห็นผลใน 2-3 สัปดาห์ และดีขึ้นอย่างชัดเจนใน 4-6 สัปดาห์
- ไอโซเตรติโนอิน (Isotretinoin): จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใน 2-3 เดือน และมักจะหายสนิทใน 4-6 เดือน
วิธีป้องกันการเกิดรอยดำรอยแดงหลังสิวยุบ
วิธีป้องกันรอยดำรอยแดงหลังสิวที่ดีที่สุดคือการรักษาสิวอักเสบให้เร็วที่สุด หลีกเลี่ยงการแกะหรือบีบสิว และทาครีมกันแดดเป็นประจำ การปฏิบัติตามหลักการเหล่านี้จะช่วยลดความเสียหายของผิวหนังและป้องกันการเกิดรอยที่ไม่พึงประสงค์ได้
- รักษาสิวแต่เนิ่นๆ: การรักษาการอักเสบของสิวอย่างรวดเร็วและจริงจังจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดรอยได้มาก
- ห้ามแกะหรือบีบสิว: การกระทำดังกล่าวจะยิ่งเพิ่มการอักเสบและกระตุ้นการผลิตเม็ดสี ทำให้รอยเข้มขึ้นและหายช้าลง
- ทาครีมกันแดดทุกวัน: ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำ เนื่องจากรังสียูวีจะกระตุ้นให้รอยสิวมีสีเข้มขึ้นและจางลงได้ยาก
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกวิธีรักษาสิวไม่มีหัว
การประเมินความรุนแรงและจำนวนของสิว
การประเมินความรุนแรงและจำนวนของสิวเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกวิธีการรักษา โดยแพทย์ผิวหนังจะแบ่งระดับความรุนแรงของสิวเป็นน้อย ปานกลาง และรุนแรง ซึ่งสิวหัวช้างมักจัดอยู่ในประเภทที่รุนแรง แผนการรักษาจะแตกต่างกันไปตามจำนวนสิว เช่น การมีสิวอักเสบลึก 2-3 เม็ดอาจใช้วิธีการรักษาที่แตกต่างจากการมีสิว 20 เม็ดทั่วใบหน้าและแผ่นหลัง ยิ่งสิวมีความรุนแรงมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องใช้วิธีการรักษาที่จริงจังมากขึ้นเท่านั้นเพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็น
งบประมาณและระยะเวลาที่ต้องการเห็นผล
งบประมาณและระยะเวลาที่ต้องการเห็นผลจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรงและวิธีการรักษาที่เลือก โดยการรักษาบางวิธีให้ผลเร็วแต่เหมาะกับสิวเฉพาะจุด ในขณะที่บางวิธีใช้เวลานานกว่าแต่ให้ผลในระยะยาว
ด้านระยะเวลา
- เร็วที่สุด (2-3 วัน): การฉีดสเตียรอยด์โดยแพทย์สามารถทำให้สิวอักเสบยุบลงอย่างเห็นได้ชัด
- ระยะสั้น (3-5 วัน): การดูแลด้วยตนเอง เช่น การประคบอุ่นหรือใช้แผ่นแปะสิว สามารถช่วยให้สิวอักเสบขนาดเล็กยุบลงได้
- ระยะยาว (หลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน): การใช้ยารับประทาน เช่น ยาปฏิชีวนะหรือไอโซเตรติโนอิน (Isotretinoin) จะเริ่มเห็นผลในไม่กี่สัปดาห์ และอาจใช้เวลา 4-6 เดือนเพื่อให้สิวหายสนิท
- ด้านงบประมาณ
- ค่าใช้จ่ายสำหรับการทำหัตถการในคลินิก เช่น การฉีดสิว อาจอยู่ที่ประมาณ 500–800 บาทต่อครั้ง
- การเลือกใช้ยาตามใบสั่งแพทย์ (ยาทาและยารับประทาน) อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาวสำหรับการควบคุมสิว
- การลงทุนรักษาสิวตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาหลุมสิวซึ่งมีราคาสูงกว่าในอนาคต
การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
ควรเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงด้านการรักษาสิว และตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์ เช่น แพทย์ผิวหนัง
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมในการเลือกแพทย์และคลินิก ได้แก่:
- ตรวจสอบชื่อเสียงจากคำแนะนำ รีวิวออนไลน์ หรือภาพก่อนและหลังการรักษา
- สอบถามเกี่ยวกับประสบการณ์ของแพทย์ในการรักษาสิวชนิดที่เป็นก้อนลึก (nodular acne) โดยตรง
- สอบถามเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่มีให้บริการในคลินิก เช่น เลเซอร์ หรือทรีตเมนต์อื่นๆ
- เลือกแพทย์ที่ติดตามข้อมูลและแนวทางการรักษาใหม่ๆ อยู่เสมอ
ข้อห้ามและข้อผิดพลาดที่ทำให้อาการแย่ลง
ทำไมการบีบ กด หรือเจาะสิวไม่มีหัวจึงเป็นสิ่งต้องห้าม
ห้ามบีบ กด หรือเจาะสิวไม่มีหัวเนื่องจากแรงกดจะทำให้ผนังรูขุมขนที่อักเสบอยู่ใต้ผิวหนังแตกออก ซึ่งทำให้การอักเสบและแบคทีเรียกระจายตัวไปยังบริเวณข้างเคียง
การกระทำดังกล่าวจะทำให้สิวมีขนาดใหญ่ขึ้น บวม และเจ็บปวดกว่าเดิม ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงอย่างมากในการเกิดรอยแผลเป็นถาวรและรอยดำที่ใช้เวลานานในการจางหาย นอกจากนี้ยังอาจผลักเชื้อแบคทีเรียให้ลึกลงไปจนเกิดการติดเชื้อซ้ำซ้อนหรือกลายเป็นซีสต์ได้
พฤติกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ควรหลีกเลี่ยงระหว่างการรักษา
พฤติกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ควรหลีกเลี่ยงระหว่างการรักษาสิวอุดตันไม่มีหัวคือ การบีบหรือกดสิว การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่รุนแรง และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจอุดตันรูขุมขน
การหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้จะช่วยลดการอักเสบและป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นได้
- การบีบ กด หรือนวดสิว: การกระทำดังกล่าวไม่สามารถนำหัวสิวออกมาได้ แต่จะยิ่งทำให้เนื้อเยื่อรอบๆ บาดเจ็บ การอักเสบกระจายตัวกว้างขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลเป็นและรอยดำ
- การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่รุนแรง: ควรหลีกเลี่ยงการใช้สครับขัดผิว แปรงขัดหน้า หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์มากเกินไป รวมถึงการใช้สูตรพื้นบ้านอย่างยาสีฟันหรือเบกกิ้งโซดา เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองและอักเสบมากขึ้น
- การใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน: ควรหลีกเลี่ยงมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อหนักหรือมีส่วนผสมของน้ำมันมากเกินไป รวมถึงผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติบางชนิดที่อุดตันรูขุมขนได้ง่าย เช่น เนยโกโก้ (cocoa butter) หรือน้ำมันมะพร้าว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรักษาสิวไม่มีหัว
สิวไม่มีหัว นูนๆ หายเองได้ไหม?
สิวไม่มีหัวขนาดเล็ก (Papules) อาจหายเองได้แต่ใช้เวลานาน ในขณะที่สิวขนาดใหญ่และอยู่ลึก (Nodules) มักไม่หายเองและมีความเสี่ยงสูงที่จะทิ้งรอยแผลเป็นไว้
สิวอักเสบนูนแดงที่ไม่มีหัวหากปล่อยไว้โดยไม่รักษาอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนกว่าจะยุบลง ซึ่งการอักเสบที่ยาวนานจะเพิ่มโอกาสในการเกิดรอยดำหรือหลุมสิวถาวร ด้วยเหตุนี้ แพทย์ผิวหนังจึงแนะนำให้ทำการรักษาแทนที่จะรอให้หายเอง เพื่อลดระยะเวลาการอักเสบและป้องกันการเกิดแผลเป็น
สิวไม่มีหัว ใช้แผ่นแปะสิวได้หรือไม่?
ได้ แผ่นแปะสิวสามารถใช้กับสิวไม่มีหัวได้ โดยเฉพาะสิวชนิดตุ่มนูนแดง (Papule) ที่กำลังจะเกิดเป็นหนอง แผ่นแปะสิวไฮโดรคอลลอยด์จะช่วยดูดซับของเหลวและป้องกันแบคทีเรียจากการสัมผัสหรือการแกะสิว ซึ่งช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม แผ่นแปะสิวอาจไม่ค่อยได้ผลกับสิวอักเสบที่เป็นก้อนลึก (Nodule) เนื่องจากตุ่มสิวอยู่ลึกเกินไป แต่ก็ยังสามารถใช้เพื่อป้องกันการสัมผัสหรือบีบสิวได้
สิวไม่มีหัวจะยุบภายในกี่วัน?
ระยะเวลาที่สิวไม่มีหัวจะยุบลงนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของสิวและการรักษา โดยทั่วไปหากไม่ได้รับการรักษา สิวอักเสบไม่มีหัวขนาดเล็ก (Papule) อาจใช้เวลา 1–2 สัปดาห์จึงจะยุบ ในขณะที่สิวอักเสบขนาดใหญ่และอยู่ลึก (Nodule) อาจคงอยู่นานหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน
หากได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีจะช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้น เช่น
- การดูแลเบื้องต้น: การประคบอุ่นและใช้แผ่นแปะสิว อาจช่วยให้สิวขนาดเล็กยุบลงใน 3–5 วัน
- การรักษาโดยแพทย์: การฉีดสเตียรอยด์ที่สิวโดยตรง สามารถทำให้สิวยุบลงอย่างเห็นได้ชัดภายใน 48–72 ชั่วโมง
สิวไม่มีหัว นูนๆ กดหรือบีบได้หรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว ไม่ควรกดหรือบีบสิวไม่มีหัวที่นูนขึ้นมา เนื่องจากการกระทำดังกล่าวจะทำให้เนื้อเยื่อบาดเจ็บและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลเป็น
การพยายามกดหรือบีบสิวที่ไม่มีหัวสามารถทำให้ผนังรูขุมขนใต้ผิวหนังแตกออก ซึ่งจะทำให้การอักเสบและแบคทีเรียกระจายวงกว้างขึ้น ส่งผลให้สิวมีขนาดใหญ่และเจ็บปวดกว่าเดิม นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงอย่างมากในการเกิดรอยแผลเป็นและรอยดำที่ยาวนานขึ้นอีกด้วย
สิวไม่มีหัวแบบไหนที่ควรไปพบแพทย์?
ควรไปพบแพทย์เมื่อมีสิวไม่มีหัวที่เป็นก้อนแข็งใต้ผิวหนัง (Nodules) สิวอักเสบรุนแรง หรือสิวที่เริ่มทิ้งรอยแผลเป็น เนื่องจากสิวประเภทนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะทิ้งรอยแผลเป็นถาวรหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
สัญญาณอื่นๆ ที่บ่งชี้ว่าควรปรึกษาแพทย์ ได้แก่:
- มีสิวเม็ดใหญ่และเจ็บมาก หรือมีสิวขึ้นพร้อมกันหลายเม็ด
- สิวมีลักษณะบวม แดงจัด หรือร้อน ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการติดเชื้อ
- สิวส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันหรือสภาพจิตใจ
- ผู้หญิงที่มีสิวอักเสบเจ็บลึกบริเวณแนวกรามและคาง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับฮอร์โมน
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นสิวรุนแรง
สิวไม่มีหัว นูนๆ เกิดจากอะไร?
สิวไม่มีหัวแบบนูนเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่แตกออกใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดการอักเสบลึกลงไป โดยกระบวนการเริ่มต้นจากรูขุมขนที่อุดตันด้วยน้ำมันส่วนเกิน (ซีบัม) และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จากนั้นแบคทีเรีย C. acnes จะเจริญเติบโตในรูขุมขนที่อุดตัน
เมื่อผนังรูขุมขนแตกออกภายใน ร่างกายจะตอบสนองโดยสร้างการอักเสบ ทำให้เกิดเป็นตุ่มบวมแดงที่ไม่มีหัวหนองปรากฏบนผิวชั้นนอก ปัจจัยอื่นๆ เช่น ฮอร์โมน สามารถกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น ซึ่งเพิ่มโอกาสในการเกิดการอุดตันได้
References:
- Cleveland Clinic. (n.d.). Nodular Acne: What It Looks Like, Causes & Treatment. Cleveland Clinic. clevelandclinic.org
- Healthline. (n.d.). Acne Papules: Causes and Treatments. Healthline. healthline.com
- Healthline. (n.d.). What Is Nodular Acne and How Is It Treated? Healthline. healthline.com
- Cleveland Clinic. (n.d.). How to Bring a Pimple to a Head: 4 Methods. Cleveland Clinic – Health Essentials. clevelandclinic.org
- Pile, H. D., Patel, P., & Sadiq, N. M. (n.d.). Isotretinoin. StatPearls – NCBI Bookshelf. ncbi.nlm.nih.gov
- Verywell Health. (n.d.). How to Treat Post-Inflammatory Hyperpigmentation. Verywell Health. verywellhealth.com

