Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Laser

ผิวเปลือกส้ม (เซลลูไลท์) คืออะไร สาเหตุ และวิธีรักษาให้ได้ผล

Byadmin ธันวาคม 1, 2025
By นายแพทย์พนิต อุนรัตน์ Updated on ธันวาคม 1, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
ผิวเปลือกส้ม (เซลลูไลท์) คืออะไร สาเหตุ และวิธีรักษาให้ได้ผล

ผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์คือลักษณะผิวที่เป็นรอยบุ๋มคล้ายเปลือกส้มซึ่งเกิดจากไขมันดันผ่านเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน พบได้ใน 80–90% ของผู้หญิง และบทความนี้อธิบายสาเหตุพร้อมวิธีรักษาที่ได้ผล

Table of Contents

Toggle
  • ผิวเปลือกส้ม หรือ เซลลูไลท์ คืออะไร
    • ลักษณะของเซลลูไลท์และระดับความรุนแรง
    • ความแตกต่างระหว่างผิวเปลือกส้มที่ตัวและผิวเปลือกส้มที่หน้า
  • สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์และผิวเปลือกส้ม
    • ปัจจัยทางพันธุกรรมและฮอร์โมน
    • พฤติกรรมที่กระตุ้นให้เกิดเซลลูไลท์สะสม
  • วิธีลดเซลลูไลท์ต้นขาและแก้ผิวเปลือกส้มด้วยตัวเอง
    • การนวดสลายเซลลูไลท์และการใช้ครีมกระชับสัดส่วน
    • ท่าออกกำลังกายลดเซลลูไลท์ต้นขาแบบเร่งด่วน
  • การรักษาผิวเปลือกส้มให้เห็นผลด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์
    • โปรแกรมสลายเซลลูไลท์และยกกระชับผิว
    • การใช้เครื่องมือเลเซอร์ช่วยลดผิวเปลือกส้ม
  • เซลลูไลท์รักษาหายได้ไหม หรือต้องทำต่อเนื่อง
  • การดูแลตัวเองและวิธีป้องกันไม่ให้เซลลูไลท์กลับมา
    • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดการสะสมไขมัน
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผิวเปลือกส้ม
    • คนผอมมีเซลลูไลท์และผิวเปลือกส้มได้หรือไม่
    • การดูดไขมันช่วยลดผิวเปลือกส้มได้จริงไหม
  • Author

ผิวเปลือกส้ม หรือ เซลลูไลท์ คืออะไร

เซลลูไลท์คือลักษณะผิวหนังที่เป็นลอนคลื่นหรือมีรอยบุ๋มคล้ายเปลือกส้ม ซึ่งเกิดจากการที่ไขมันใต้ผิวหนังดันตัวผ่านเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เป็นเส้นใยขึ้นมาสู่ชั้นผิวหนัง ภาวะนี้ถือเป็นเรื่องของความสวยงาม ไม่ใช่โรคหรือการติดเชื้อ และมักพบบริเวณต้นขา บั้นท้าย และหน้าท้องส่วนล่าง เซลลูไลท์พบได้ในผู้หญิงหลังวัยแรกรุ่นถึง 80–90% แต่พบได้น้อยในผู้ชาย เนื่องจากความแตกต่างของโครงสร้างผิวหนัง (High-frequency ultrasound in the assessment of cellulite—correlation between measurements, clinical assessment, and severity scores, MDPI Diagnostics, 2024)

ลักษณะของเซลลูไลท์และระดับความรุนแรง

เซลลูไลท์มีลักษณะเป็นรอยบุ๋มหรือผิวขรุขระคล้ายเปลือกส้มหรือผิวที่นอน (mattress) ซึ่งเกิดจากการที่ไขมันใต้ผิวหนังดันตัวผ่านเนื้อเยื่อเกี่ยวพันขึ้นมา มักพบบริเวณต้นขาและบั้นท้าย

โดยทั่วไปสามารถแบ่งระดับความรุนแรงตามเกณฑ์ Nürnberger–Müller ได้ดังนี้:

  1. ระดับ 0: ไม่เห็นเซลลูไลท์แม้จะบีบผิวหนัง
  2. ระดับ 1: เห็นรอยบุ๋มเมื่อบีบผิวหนังหรือเกร็งกล้ามเนื้อเท่านั้น
  3. ระดับ 2: เห็นเซลลูไลท์ได้ชัดเจนเมื่อยืน แต่จะหายไปเมื่อนอนราบ
  4. ระดับ 3: เห็นรอยบุ๋มและก้อนไขมันได้ชัดเจนแม้จะอยู่ในท่านอนราบ (Comparison of cellulite severity scales and imaging methods, Oxford Academic, 2020)

ความแตกต่างระหว่างผิวเปลือกส้มที่ตัวและผิวเปลือกส้มที่หน้า

ผิวเปลือกส้มที่ตัวและที่หน้าเกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกัน โดยเซลลูไลท์ที่พบบริเวณลำตัว เช่น ต้นขาและบั้นท้าย เกิดจากการที่ไขมันใต้ผิวหนังนูนขึ้นมาผ่านเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทำให้ผิวมีลักษณะเป็นรอยบุ๋ม ในทางตรงกันข้าม ผิวเปลือกส้มบนใบหน้า (Peau d’orange) มักเกิดจากรูขุมขนที่ขยายใหญ่ขึ้นหรืออาการบวมน้ำ (edema) ไม่ได้เกิดจากโครงสร้างของไขมันและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันแบบเดียวกับเซลลูไลท์ (How to fix orange peel skin: Top treatments backed by dermatologists, Kindlaserandskin.com)

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเซลลูไลท์และผิวเปลือกส้ม

ปัจจัยทางพันธุกรรมและฮอร์โมน

ปัจจัยทางพันธุกรรมและฮอร์โมนเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดเซลลูไลท์ โดยทั้งสองปัจจัยนี้มีบทบาทดังนี้

  • ฮอร์โมน ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีบทบาทสำคัญในการเกิดเซลลูไลท์ โดยจะส่งเสริมการสะสมไขมันบริเวณต้นขาและสะโพก และอาจส่งผลต่อโครงสร้างของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทำให้เกิดการกักเก็บของเหลว เซลลูไลท์จึงมักปรากฏหลังวัยแรกรุ่นและอาจแย่ลงในช่วงตั้งครรภ์
  • พันธุกรรม พันธุกรรมเป็นตัวกำหนดความอ่อนไหวต่อการเกิดเซลlulite โดยประวัติครอบครัวเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญ มีการระบุยีนบางตัวที่เกี่ยวข้อง เช่น ยีน ACE และ HIF1A ซึ่งเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงของระบบไหลเวียนเลือดฝอยและเนื้อเยื่อพังผืด (Cellulite, Grokipedia, 2025)

พฤติกรรมที่กระตุ้นให้เกิดเซลลูไลท์สะสม

พฤติกรรมที่กระตุ้นให้เกิดเซลลูไลท์ ได้แก่ การใช้ชีวิตแบบนั่งนิ่ง การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และการสูบบุหรี่ พฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลต่อการสะสมไขมัน การไหลเวียนโลหิต และโครงสร้างของผิวหนัง

ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์อื่นๆ ที่อาจทำให้เซลลูไลท์แย่ลง ได้แก่

  • การใช้ชีวิตแบบนั่งนิ่ง: การขาดการออกกำลังกายทำให้กล้ามเนื้อลดลงและระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ไม่ดี ทำให้เซลลูไลท์ปรากฏชัดขึ้น
  • การรับประทานอาหาร: อาหารที่มีแคลอรี ไขมัน และเกลือสูง จะเพิ่มการสะสมไขมันและทำให้เกิดการคั่งของน้ำในร่างกาย
  • การสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและทำให้หลอดเลือดหดตัว ซึ่งทำให้โครงสร้างผิวอ่อนแอลง
  • การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวบ่อยครั้ง: การเพิ่มและลดน้ำหนักสลับไปมา (yo-yo dieting) ทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น
  • การสวมเสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไป: การใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นเป็นประจำอาจขัดขวางการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองได้ (Wikipedia, 2023)

วิธีลดเซลลูไลท์ต้นขาและแก้ผิวเปลือกส้มด้วยตัวเอง

การลดเซลลูไลท์ที่ต้นขาและแก้ผิวเปลือกส้มด้วยตนเองวิธีที่ดีที่สุดคือ การผสมผสานระหว่างการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การควบคุมน้ำหนัก และการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเฉพาะที่ แม้ว่าจะไม่สามารถกำจัดเซลลูไลท์ให้หายขาดได้ แต่วิธีเหล่านี้สามารถช่วยลดการมองเห็นและทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นได้

  • การออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพราะช่วยลดไขมันในร่างกายและสร้างกล้ามเนื้อไปพร้อมกัน ทำให้ผิวหนังดูกระชับขึ้น ควรทำทั้งการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเพื่อเผาผลาญไขมัน และการฝึกความแข็งแรง (Strength Training) เพื่อสร้างกล้ามเนื้อบริเวณต้นขาและบั้นท้าย เช่น ท่าสควอท (Squat) และท่าลังจ์ (Lunge)
  • ครีมทาผิว ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน (Caffeine) และเรตินอล (Retinol) สามารถช่วยปรับปรุงลักษณะของผิวได้ชั่วคราว คาเฟอีนช่วยลดการบวมน้ำของเซลล์ไขมันและทำให้ผิวตึงขึ้น ส่วนเรตินอลช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังชั้นนอกหนาและแข็งแรงขึ้น
  • การนวด การนวดด้วยมือหรืออุปกรณ์ช่วยนวด เช่น ลูกกลิ้ง สามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและระบบน้ำเหลือง ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นได้ชั่วคราวจากการลดอาการบวมน้ำ แต่ผลลัพธ์จะไม่คงอยู่ถาวร
  • การควบคุมอาหาร การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันและเกลือสูง จะช่วยควบคุมน้ำหนักและลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน ซึ่งอาจทำให้เซลลูไลท์ดูเด่นชัดน้อยลง (Is it possible to get rid of cellulite with exercises?, Healthline, 2022)

การนวดสลายเซลลูไลท์และการใช้ครีมกระชับสัดส่วน

การนวดและครีมกระชับสัดส่วน ช่วยให้เซลลูไลท์ดูจางลงได้เพียงเล็กน้อยและเป็นผลชั่วคราวเท่านั้น โดยไม่สามารถกำจัดเซลลูไลท์ได้อย่างถาวร

  • การนวด: ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นจากการลดการบวมน้ำ แต่ผลลัพธ์จะหายไปเมื่อหยุดทำ เนื่องจากไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเซลลูไลท์
  • ครีมกระชับสัดส่วน: ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอย่างคาเฟอีนและเรตินอลอาจช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นเล็กน้อย โดยคาเฟอีนช่วยลดการคั่งของน้ำในเซลล์ไขมันชั่วคราว ส่วนเรตินอลช่วยให้ผิวชั้นนอกหนาขึ้นเพื่อ “พราง” เซลล์ลูไลท์ แต่ผลลัพธ์จะคงอยู่ตราบเท่าที่ใช้ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง (Medical News Today, 2024)

ท่าออกกำลังกายลดเซลลูไลท์ต้นขาแบบเร่งด่วน

ไม่มีท่าออกกำลังกายใดที่สามารถลดเซลลูไลท์ต้นขาได้แบบเร่งด่วน แต่การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดการปรากฏของเซลลูไลท์ได้ โดยโปรแกรมที่ได้ผลดีที่สุดคือการผสมผสานระหว่างการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเพื่อเผาผลาญไขมัน และการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (เวทเทรนนิ่ง) เพื่อสร้างกล้ามเนื้อที่กระชับ ทำให้ผิวหนังดูเรียบเนียนขึ้น

ท่าออกกำลังกายที่แนะนำสำหรับต้นขาและบั้นท้าย ได้แก่

  • สควอท (Squats)
  • ลังจ์ (Lunges)
  • กลูทบริดจ์ (Glute Bridges)

โปรแกรมออกกำลังกายที่อ้างว่าเห็นผลเร่งด่วนมักไม่ได้ผลจริง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อและไขมันต้องใช้เวลาหลายเดือนจึงจะเห็นผลอย่างมีนัยสำคัญ (Is it possible to get rid of cellulite with exercises?, Healthline, 2022)

การรักษาผิวเปลือกส้มให้เห็นผลด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์

โปรแกรมสลายเซลลูไลท์และยกกระชับผิว

โปรแกรมสลายเซลลูไลท์และยกกระชับผิวมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การใช้พลังงานความร้อนไปจนถึงการตัดพังผืดใต้ผิวหนังโดยตรง ซึ่งแต่ละวิธีให้ผลลัพธ์และความคงทนแตกต่างกันไป

วิธีการรักษาที่ได้รับการยอมรับในระดับคลินิก ได้แก่:

  • คลื่นวิทยุ (Radiofrequency – RF): ใช้ความร้อนกระตุ้นคอลลาเจนและทำให้ผิวแน่นขึ้น ให้ผลลัพธ์ปานกลางและต้องทำซ้ำเพื่อคงผล
  • คลื่นกระแทก (Acoustic Wave Therapy – AWT): ใช้คลื่นแรงดันกระแทกเพื่อทำให้พังผืดนิ่มลงและกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ให้ผลลัพธ์เล็กน้อยถึงปานกลาง
  • การตัดพังผืดใต้ผิวหนัง (Subcision): เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับรอยบุ๋มโดยเฉพาะ โดยจะตัดพังผืดที่ดึงรั้งผิวหนัง ให้ผลลัพธ์ยาวนานหลายปี (เช่น เครื่อง Cellfina®)
  • เลเซอร์ (Minimally Invasive Laser): ใช้ใยเลเซอร์สอดใต้ผิวหนังเพื่อตัดพังผืด สลายไขมัน และกระตุ้นคอลลาเจน ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน (เช่น เครื่อง Cellulaze®)

โดยทั่วไป วิธีการที่แก้ไขโครงสร้างพังผืดโดยตรง เช่น การตัดพังผืด จะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานที่สุด ในขณะที่วิธีที่ไม่รุกล้ำมักจะต้องทำซ้ำเพื่อคงสภาพผิว (What happened to Qwo, the cellulite injectable?, American Board of Cosmetic Surgery, 2023)

การใช้เครื่องมือเลเซอร์ช่วยลดผิวเปลือกส้ม

การรักษาด้วยเลเซอร์แบบแผลเล็กเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดเซลลูไลท์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เลเซอร์ที่สอดใยแก้วนำแสงขนาดเล็กเข้าไปใต้ผิวหนัง เช่น Cellulaze® ซึ่งพลังงานเลเซอร์จะเข้าไปทำ 3 อย่างคือ ตัดพังผืดที่ดึงรั้งผิวให้เป็นรอยบุ๋ม, สลายไขมันบางส่วน, และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่เพื่อทำให้ผิวหนาและกระชับขึ้น การรักษาวิธีนี้สามารถลดเซลลูไลท์ได้ถึง 50–80% และผลลัพธ์คงอยู่นาน 1-3 ปีหรือมากกว่านั้น

ในขณะที่เลเซอร์แบบไม่รุกล้ำผิว (non-invasive) เช่น การใช้แสง LED หรือเลเซอร์พลังงานต่ำ มีหลักฐานสนับสนุนน้อยกว่าและมักให้ผลลัพธ์เพียงเล็กน้อย (American Board of Cosmetic Surgery, 2023)

เซลลูไลท์รักษาหายได้ไหม หรือต้องทำต่อเนื่อง

เซลลูไลท์ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้อย่างถาวร เนื่องจากเป็นภาวะเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างทางกายวิภาคและชีววิทยาของแต่ละบุคคล แต่การรักษาสามารถช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นและรอยบุ๋มดูลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญและยาวนาน

ความคงทนของผลลัพธ์และจำเป็นในการทำต่อเนื่องขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา:

  • การรักษาที่เน้นโครงสร้าง (Structural interventions): เช่น การตัดพังผืด (Subcision) ด้วยเครื่อง Cellfina สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน 3-5 ปี หรือมากกว่านั้น
  • การรักษาแบบไม่รุกราน (Non-invasive treatments): เช่น การใช้คลื่นวิทยุ (RF) หรือคลื่นกระแทก (Shockwave) ให้ผลลัพธ์เพียงชั่วคราว และจำเป็นต้องทำต่อเนื่องทุกๆ 2-4 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์ไว้

ดังนั้น การรักษาส่วนใหญ่จึงจำเป็นต้องมีการทำซ้ำหรือดูแลต่อเนื่องเพื่อรักษาสภาพผิวให้เรียบเนียนไว้ให้นานที่สุด (American Board of Cosmetic Surgery, 2023)

การดูแลตัวเองและวิธีป้องกันไม่ให้เซลลูไลท์กลับมา

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดการสะสมไขมัน

การออกกำลังกายเป็นประจำและการควบคุมอาหาร คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่สำคัญที่สุดในการช่วยลดการสะสมของไขมันและทำให้เซลลูไลท์ดูจางลง การปรับเปลี่ยนเหล่านี้ช่วยลดปริมาณไขมันใต้ผิวหนังและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวหนังดูกระชับและเรียบเนียนขึ้น

พฤติกรรมอื่นๆ ที่สามารถช่วยได้ ได้แก่:

  • การออกกำลังกาย: ควรทำทั้งแบบคาร์ดิโอเพื่อเผาผลาญไขมัน และการฝึกความแข็งแรง (strength training) เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ โดยเน้นที่ส่วนล่างของร่างกาย เช่น การสควอท (squats) และการลังจ์ (lunges)
  • การควบคุมอาหาร: หลีกเลี่ยงอาหารที่มีแคลอรีสูง ไขมันอิ่มตัวสูง และมีรสเค็มจัด เพื่อป้องกันการสะสมไขมันและการบวมน้ำ ควรเน้นรับประทานอาหารที่สมดุลซึ่งอุดมไปด้วยผัก ผลไม้ และไฟเบอร์
  • พฤติกรรมอื่นๆ: ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ซึ่งทำลายการไหลเวียนเลือดและคอลลาเจน และพยายามรักษาน้ำหนักให้คงที่ เนื่องจากการลดและเพิ่มน้ำหนักสลับไปมาอาจทำให้เซลลูไลท์แย่ลงได้ (Cleveland Clinic, 2021)

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผิวเปลือกส้ม

คนผอมมีเซลลูไลท์และผิวเปลือกส้มได้หรือไม่

คนผอมและคนที่ดูแลรูปร่างก็สามารถมีเซลลูไลท์ได้ เนื่องจากเซลลูไลท์เกิดจากโครงสร้างของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและชั้นไขมันใต้ผิวหนังเป็นหลัก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันเพียงอย่างเดียว แม้แต่คนที่มีไขมันน้อย หากมีโครงสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เอื้อต่อการเกิดเซลลูไลท์ (ซึ่งถูกกำหนดโดยพันธุกรรมและฮอร์โมน) ก็สามารถเกิดผิวเปลือกส้มได้ ด้วยเหตุนี้ แม้แต่นักกีฬาหรือนางแบบก็สามารถมีเซลลูไลท์ได้เช่นกัน

การดูดไขมันช่วยลดผิวเปลือกส้มได้จริงไหม

การดูดไขมัน ไม่ใช่วิธีที่แนะนำสำหรับรักษาเซลลูไลท์ และในบางครั้งอาจทำให้ลักษณะของเซลลูไลท์ดูแย่ลงได้ เนื่องจากการดูดไขมันเป็นการกำจัดไขมันชั้นลึกเพื่อปรับรูปร่าง แต่ไม่ได้จัดการกับโครงสร้างของไขมันใต้ผิวหนังและพังผืดที่เป็นสาเหตุของรอยบุ๋ม

ในทางกลับกัน การกำจัดไขมันที่เป็นฐานรองรับออกไปอาจทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยลง ส่งผลให้รอยบุ๋มของเซลลูไลท์เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การดูดไขมันอาจเป็นประโยชน์เมื่อทำร่วมกับหัตถการที่รักษาเซลลูไลท์โดยตรง เช่น การตัดพังผืด (Subcision) เพื่อลดทั้งปริมาณไขมันและรอยบุ๋มไปพร้อมกัน

Author

  • นายแพทย์พนิต อุนรัตน์
    นายแพทย์พนิต อุนรัตน์

    View all posts

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
IPL, Pico, Q-Switch ต่างกันอย่างไร เลเซอร์แบบไหนเหมาะกับผิวคุณ?

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube