ฉีด sculptra ราคาเท่าไหร่ คุ้มไหม เสี่ยงหรือไม่
ใครเหมาะกับการฉีด Sculptra และใครควรเลี่ยง
Sculptra เหมาะสำหรับแก้ปัญหาการสูญเสียปริมาตรบนใบหน้าในภาพรวม ความหย่อนคล้อยของผิว และริ้วรอยร่องตื้นถึงลึก โดยจะช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวและคืนความกระชับในบริเวณต่างๆ เช่น ขมับ แก้ม และกรอบหน้า รวมถึงลดเลือนริ้วรอยที่คางและร่องน้ำหมาก อย่างไรก็ตาม Sculptra ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาริ้วรอยเส้นเล็กๆ ที่ผิวชั้นตื้นโดยตรง
ในการประเมินความเหมาะสม แพทย์อาจใช้ดัชนีชี้วัดต่างๆ ได้แก่:
- มาตรวัดระดับการสูญเสียปริมาตรบนใบหน้า (Facial volume rating scales)
- มาตรวัดระดับความหย่อนคล้อยของผิว (Skin laxity grades)
- มาตรวัดคุณภาพผิว (เช่น Galderma Skin Quality scale)
- การประเมินความหนาของผิว (Assessment of skin thickness)
ข้อห้าม โรคประจำตัว และยาที่ควรงด
ข้อห้ามหลักในการฉีด Sculptra คือผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบ มีประวัติเป็นแผลเป็นคีลอยด์ กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร มีการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด และผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาและอาหารเสริมบางชนิดก่อนการรักษาเพื่อลดความเสี่ยงของรอยช้ำ
ข้อห้ามและผู้ที่ไม่เหมาะกับการฉีด Sculptra:
- ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบ: ห้ามฉีดในผู้ที่แพ้ PLLA, Carboxymethylcellulose หรือยาชา Lidocaine
- ผู้ที่มีประวัติแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์: การฉีดอาจกระตุ้นให้เกิดแผลเป็นที่ผิดปกติได้
- สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร: เป็นข้อห้ามเด็ดขาดเนื่องจากไม่มีการศึกษาด้านความปลอดภัยในกลุ่มนี้
- ผู้ที่มีการติดเชื้อ: หากมีสิวอักเสบ ผื่น หรือการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะฉีด ต้องเลื่อนการรักษาออกไปจนกว่าจะหายดี
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด: ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune disease) หรือผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อนทำ
- ผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี: ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการรับรองให้ใช้ในผู้ใหญ่เท่านั้น
ยาและอาหารเสริมที่ควรงดก่อนฉีด:
เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหยุดยาและอาหารเสริมต่อไปนี้ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนทำ
- ยาต้านการอักเสบกลุ่ม NSAIDs เช่น Aspirin, Ibuprofen
- วิตามินอีในปริมาณสูง, น้ำมันปลา (Fish Oil), แปะก๊วย (Ginkgo), โสม (Ginseng)
- ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนฉีด
หลักฐานเชิงวิชาการ และมาตรฐานวิชาชีพ
Sculptra ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานทางวิชาการที่แข็งแกร่งซึ่งยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย และมีการกำหนดมาตรฐานวิชาชีพที่ชัดเจนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยมีรายละเอียดดังนี้
หลักฐานเชิงวิชาการ
- การสร้างคอลลาเจน: งานวิจัยทางจุลกายวิภาคศาสตร์ (Histological studies) แสดงให้เห็นว่ามีการเพิ่มขึ้นของคอลลาเจนชนิดที่ 1 อย่างมีนัยสำคัญถึง 66% หลังจากฉีดไป 3 เดือน
- ประสิทธิภาพในการลดริ้วรอย: การทดลองทางคลินิกแบบสุ่ม (Randomized clinical trial) พบว่า 72% ของผู้ที่ได้รับการรักษาด้วย Sculptra มีรอยย่นบริเวณแก้มลดลงอย่างน้อยหนึ่งระดับในระยะเวลา 12 เดือน เทียบกับกลุ่มควบคุมที่มีเพียง 26%
- ผลลัพธ์ที่ยาวนาน: การศึกษาของ FDA ในช่วงแรกพบว่าผลการรักษาสามารถคงอยู่ได้นานถึง 25 เดือนหลังการรักษาครั้งสุดท้าย
- ความพึงพอใจของผู้ป่วย: งานวิจัยทางคลินิกหลายชิ้นระบุว่าอัตราความพึงพอใจของผู้ป่วยสูงกว่า 90% เนื่องจากผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและคงอยู่ยาวนาน
มาตรฐานวิชาชีพ
- ผู้ให้บริการ: ต้องเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมและมีประสบการณ์ในการฉีด Sculptra เท่านั้น
- เทคนิคการฉีด: ต้องฉีดในชั้นผิวที่ถูกต้อง (ชั้นหนังแท้ส่วนลึกหรือชั้นใต้ผิวหนัง) ด้วยการเจือจางที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการฉีดในบริเวณที่ตื้นเกินไปเพื่อป้องกันการเกิดตุ่ม (Papules)
- การดูแลหลังการรักษา: ผู้ป่วยต้องปฏิบัติตาม “กฎ 5-5-5” คือการนวดบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 5 นาที 5 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 5 วัน เพื่อช่วยให้ยากระจายตัวอย่างสม่ำเสมอและลดความเสี่ยงในการเกิดก้อน (Nodules)
- การคัดกรองผู้ป่วย: ต้องมีการประเมินและคัดกรองผู้ป่วยอย่างละเอียดเพื่อหาข้อห้ามใช้ เช่น ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลเป็นคีลอยด์, กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร, หรือมีการติดเชื้อที่ผิวหนัง
- ความปลอดภัย: คลินิกต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ตรวจสอบได้ (เช่น การสแกน QR code) และมีมาตรการเตรียมพร้อมสำหรับภาวะแทรกซ้อนฉุกเฉิน
Sculptra คืออะไร ขั้นตอน และจำนวนครั้งที่แนะนำ
Sculptra คือสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชีวภาพ (Collagen Biostimulator) ที่มีส่วนประกอบหลักคือ PLLA ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนของตัวเองขึ้นมาใหม่ เพื่อช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิว เพิ่มปริมาตร และลดเลือนริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ
ขั้นตอนการรักษา
- แพทย์จะฉีด Sculptra ไปยังชั้นผิวหนังส่วนลึกหรือชั้นใต้ผิวหนังในบริเวณที่ต้องการฟื้นฟู เช่น แก้ม ขมับ หรือแนวกราม
- โดยทั่วไปจะผสมยาชาเพื่อลดความเจ็บปวดขณะฉีด และใช้เวลาในการรักษาประมาณ 30-60 นาที
- หลังฉีดเสร็จ แพทย์จะนวดบริเวณที่ฉีดเพื่อเกลี่ยอนุภาคของตัวยาให้กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ
จำนวนครั้งที่แนะนำ
โดยทั่วไปแนะนำให้ฉีดต่อเนื่องเป็นคอร์สประมาณ 3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างแต่ละครั้งประมาณ 6 สัปดาห์ หลังจากนั้นแนะนำให้กลับมาฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ (Maintenance) ปีละ 1 ครั้ง
กลไกการกระตุ้นคอลลาเจน และระดับความคาดหวัง
Sculptra ทำงานโดยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่เอง ผ่านอนุภาค PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งแตกต่างจากฟิลเลอร์ชนิดอื่นที่เน้นการเติมเต็มทันที
กลไกหลักคือเมื่อฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังลึก อนุภาค PLLA จะกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของร่างกายที่ควบคุมได้ (controlled inflammatory response) ซึ่งจะส่งสัญญาณให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ (fibroblasts) ผลิตคอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 เพิ่มขึ้น ทำให้ผิวค่อยๆ ฟูขึ้น แน่นกระชับ และริ้วรอยลดลงอย่างเป็นธรรมชาติ
ระดับความคาดหวัง:
- ผลลัพธ์ไม่เกิดขึ้นทันที ความเต็มของผิวหลังฉีดทันทีเกิดจากน้ำที่ผสมยา ซึ่งจะยุบไปใน 1-2 วัน
- ผลลัพธ์ที่มองเห็นได้ จะเริ่มปรากฏในช่วง 4-8 สัปดาห์หลังฉีด และจะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ
- ผลลัพธ์สูงสุด โดยทั่วไปจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ประมาณ 3-6 เดือนหลังการฉีดครั้งแรก (หลังจากฉีดครบตามแผนการรักษา)
- ผลลัพธ์ที่ได้ คือผิวที่ดูแน่นกระชับขึ้น ริ้วรอยตื้นขึ้น และใบหน้าดูเต็มอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในทันที และจำเป็นต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ขั้นตอนการฉีด และการติดตามผลแต่ละครั้ง
ขั้นตอนการฉีด Sculptra เริ่มจากการฉีดผลิตภัณฑ์เข้าไปในชั้นผิวหนังลึก ตามด้วยการนวด และต้องทำเป็นชุดการรักษาต่อเนื่องหลายครั้ง โดยแต่ละครั้งมีขั้นตอนและการติดตามผลดังนี้
- ขั้นตอนการฉีด: แพทย์จะฉีด Sculptra ซึ่งมักผสมยาชาเพื่อลดความเจ็บปวด เข้าไปในชั้นผิวหนังส่วนลึกหรือชั้นใต้ผิวหนังในบริเวณที่ต้องการเพิ่มปริมาตร เช่น แก้ม ขมับ หรือแนวกราม โดยใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที หลังฉีดเสร็จแพทย์จะนวดบริเวณนั้นทันทีเพื่อเกลี่ยผลิตภัณฑ์ให้กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ
- จำนวนครั้งและระยะห่าง: การรักษาต้องทำต่อเนื่อง โดยทั่วไปแนะนำให้ทำประมาณ 3 ครั้ง (อาจบวกลบ 1 ครั้ง) แต่ละครั้งห่างกันประมาณ 6 สัปดาห์ เพื่อให้คอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นในแต่ละรอบได้สร้างตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- การติดตามผล: ผลลัพธ์ที่แท้จริงจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นใน 4-8 สัปดาห์หลังฉีดในแต่ละครั้ง และจะเห็นผลลัพธ์โดยรวมอย่างสมบูรณ์ประมาณ 3-6 เดือนหลังจากการฉีดครั้งแรก
- การรักษาเพื่อคงสภาพ: หลังจากจบชุดการรักษา αρχικήแล้ว แนะนำให้กลับมาฉีดซ้ำเพื่อคงสภาพผลลัพธ์ไว้ประมาณปีละ 1 ครั้ง หรือทุก 18-24 เดือน
จำนวนครั้ง และระยะห่างระหว่างการฉีด
โดยทั่วไปแล้ว แนะนำให้ฉีด 3 ครั้ง (อาจบวกลบ 1 ครั้ง) โดยเว้นระยะห่างกันประมาณ 6 สัปดาห์ ซึ่งเป็นตารางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
การเว้นระยะห่างนี้จะช่วยให้คอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นในแต่ละครั้งได้สร้างตัวขึ้นอย่างเต็มที่ก่อนการฉีดครั้งต่อไป หลังจากครบคอร์สการรักษาเบื้องต้นแล้ว แนะนำให้กลับมาฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ไว้ประมาณปีละ 1 ครั้ง หรือทุกๆ 18-24 เดือน
ราคา Sculptra และจำนวนขวดที่เหมาะกับคุณ
ปริมาณต่อขวด งบประมาณ และการวางแผน
โดยทั่วไปแล้วการรักษาด้วย Sculptra จะต้องใช้ประมาณ 2-4 ขวดสำหรับใบหน้า โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 20,000–30,000 บาทต่อขวด ซึ่งปริมาณและงบประมาณทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล
การวางแผนการรักษามักจะพิจารณาจากปัจจัยต่อไปนี้:
- ปริมาณที่ใช้: แพทย์มักประเมินโดยใช้หลักการคร่าวๆ คือ “1 ขวดต่ออายุ 1 ทศวรรษ” (เช่น อายุ 40 ปี อาจต้องใช้ประมาณ 4 ขวด) โดยจะแบ่งฉีด 2-3 ครั้งในช่วงแรก
- งบประมาณโดยรวม: สำหรับการรักษาในช่วงแรกอาจต้องใช้งบประมาณหลายหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับจำนวนขวดที่ใช้ทั้งหมด
- การรักษาระยะยาว: หลังจากการรักษาชุดแรกเสร็จสิ้น แนะนำให้กลับมาฉีดเพื่อคงผลลัพธ์ (Maintenance) โดยใช้ประมาณ 1 ขวดต่อปี
ค่ามือแพทย์ มาตรฐานคลินิก และแพ็กเกจ
โดยทั่วไป ราคาของ Sculptra ต่อขวดมักจะรวมค่าบริการทางการแพทย์หรือค่ามือแพทย์ไว้แล้ว ราคาจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น ประสบการณ์ของแพทย์และชื่อเสียงของคลินิก โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงในเมืองใหญ่อาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
นอกจากนี้ คลินิกหลายแห่งมักเสนอราคาแบบแพ็กเกจ ซึ่งจะช่วยลดราคาต่อขวดลงเมื่อซื้อหลายขวดพร้อมกัน ตัวอย่างเช่น การซื้อแพ็กเกจ 3 ขวดอาจทำให้ราคาต่อขวดลดลงจาก 30,000 บาท เหลือ 25,000 บาท
คุ้มไหม ประเมินต้นทุนต่อผลลัพธ์ระยะยาว
Sculptra ถือว่าคุ้มค่าสำหรับการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากผลลัพธ์ที่ได้นั้นอยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์ชนิดอื่น ๆ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาต่อเนื่องในภาพรวมอาจถูกกว่า
เหตุผลที่ทำให้ Sculptra คุ้มค่าในระยะยาว ได้แก่
- ผลลัพธ์ที่ยาวนาน: ผลลัพธ์ของ Sculptra สามารถคงอยู่ได้นานถึง 2 ปีหรือมากกว่า ในขณะที่ฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิก (HA) ทั่วไปมักอยู่ได้ 6-12 เดือน ทำให้ไม่ต้องฉีดบ่อยเท่า
- ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อปี: แม้ว่าค่าใช้จ่ายเริ่มต้นจะสูงกว่า แต่เมื่อหารเฉลี่ยต่อปีแล้วอาจเทียบเท่าหรือถูกกว่าการเติมฟิลเลอร์ HA หลายครั้งต่อปี
- การกระตุ้นคอลลาเจนของตัวเอง: Sculptra ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ซึ่งอาจทำให้การฉีดเพื่อคงสภาพผลลัพธ์ในครั้งต่อ ๆ ไปใช้ปริมาณผลิตภัณฑ์น้อยลง
- ความพึงพอใจสูง: จากการศึกษาพบว่าผู้ป่วยมีความพึงพอใจในผลลัพธ์สูง เนื่องจากดูเป็นธรรมชาติและคงอยู่ได้ยาวนาน
อยู่ได้นานเท่าไร เห็นผลเมื่อไหร่ และความคงทน
ช่วงเริ่มเห็นผล ระยะพีค และการคงอยู่
ผลลัพธ์ของ Sculptra จะเริ่มเห็นผลใน 4-6 สัปดาห์, เห็นผลเต็มที่ประมาณ 5-6 เดือนหลังเริ่มการรักษา และคงอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี
- ช่วงเริ่มเห็นผล (4–6 สัปดาห์): หลังฉีดไปประมาณ 1 เดือน จะเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ผิวจะเริ่มรู้สึกแน่นและมีคุณภาพดีขึ้นจากการสร้างคอลลาเจนใหม่
- ช่วงเห็นผลเต็มที่ (5–6 เดือน): ผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ และเห็นผลสะสมชัดเจนที่สุดประมาณ 5-6 เดือนหลังจากเริ่มการรักษาคอร์สแรก เนื่องจากคอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นได้สร้างตัวขึ้นอย่างเต็มที่ ทำให้ใบหน้าดูอิ่มฟูและริ้วรอยลดลงอย่างเห็นได้ชัด
- ระยะเวลาของผลลัพธ์ (นานถึง 2 ปี): ผลลัพธ์จากการสร้างคอลลาเจนใหม่สามารถคงอยู่ได้นานถึง 2 ปี หลังจากนั้นแนะนำให้กลับมาฉีดซ้ำเพื่อคงสภาพ (Maintenance) ปีละ 1 ครั้ง เพื่อรักษาระดับคอลลาเจนและผลลัพธ์ที่ดีไว้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยที่มีผลต่อความทน และการบำรุงร่วม
โดยทั่วไปแล้วผลลัพธ์ของ Sculptra คงอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี แต่ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคลและไลฟ์สไตล์ โดยแนะนำให้กลับมาฉีดเพื่อคงสภาพปีละครั้ง
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาของผลลัพธ์ ได้แก่
- ปัจจัยส่วนบุคคล: ผู้ที่อายุน้อยและมีสุขภาพดีซึ่งร่างกายสามารถผลิตคอลลาเจนได้ดี อาจเห็นผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า ในขณะที่ผู้ที่มีระบบเผาผลาญเร็วอาจมีระยะเวลาของผลลัพธ์ที่สั้นลง
- ไลฟ์สไตล์: การสูบบุหรี่และการสัมผัสแสงแดดจัดเป็นประจำสามารถเร่งการสลายของคอลลาเจน ทำให้ผลลัพธ์สั้นลง ในทางกลับกัน การดูแลผิวและใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยรักษาผลลัพธ์ไว้ได้นานขึ้น
สำหรับการบำรุงรักษา (Maintenance) หลังจากฉีดครบคอร์สในช่วงแรกแล้ว แพทย์ส่วนใหญ่มักแนะนำให้กลับมาฉีดซ้ำปีละ 1 ครั้ง (หรือทุก 12-18 เดือน) โดยใช้ Sculptra ประมาณ 1 ขวด เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่องและรักษาระดับผลลัพธ์ให้คงอยู่ยาวนาน
การเติมซ้ำ และการนัดติดตามที่เหมาะสม
โดยทั่วไปแนะนำให้กลับมาเติมซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ไว้ประมาณปีละครั้ง หรือทุกๆ 18-24 เดือน เพื่อรักษาระดับคอลลาเจนและยืดอายุผลลัพธ์ให้นานขึ้น ซึ่งการเติมซ้ำส่วนใหญ่มักจะใช้ Sculptra ประมาณ 1 ขวด
สำหรับการนัดติดตามผลหลังการฉีดครั้งแรกๆ แพทย์อาจนัดมาดูผลใน 2-4 สัปดาห์เพื่อประเมินผลและการนวด และจะประเมินผลลัพธ์สุดท้ายอีกครั้งที่ประมาณ 3-6 เดือนหลังการฉีดครั้งแรก
เตรียมตัวก่อนฉีด และการดูแลหลังฉีด รวมถึงการนวด
หยุดยาที่มีผลต่อเลือดออก และสมุนไพรบางชนิด
ควรหยุดยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำและเลือดออกระหว่างการฉีด Sculptra
ยาและอาหารเสริมที่แนะนำให้หยุดก่อนการรักษา ได้แก่:
- ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน
- วิตามินอีในปริมาณสูง
- น้ำมันปลา (Fish Oil)
- สมุนไพรต่างๆ เช่น แปะก๊วย (Ginkgo), โสม (Ginseng), และกระเทียม
นอกจากนี้ยังแนะนำให้งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่เป็นเวลา 48 ชั่วโมงก่อนการรักษา อย่างไรก็ตาม การหยุดยาใดๆ ควรปรึกษาและได้รับความเห็นชอบจากแพทย์ประจำตัวก่อนเสมอ
การนวดหลังฉีด เทคนิค เวลา และความถี่
กฎการนวดหลังฉีด Sculptra คือ “5-5-5” ซึ่งหมายถึงการนวดครั้งละ 5 นาที วันละ 5 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน
การนวดนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเพื่อช่วยให้ตัวยากระจายตัวอย่างสม่ำเสมอและป้องกันการเกิดก้อนใต้ผิวหนัง โดยแพทย์จะทำการนวดให้ทันทีหลังการฉีด จากนั้นผู้รับบริการจะต้องกลับไปนวดต่อเองที่บ้านตามกฎ 5-5-5
เทคนิคการนวด:
- ใช้มือที่สะอาดและครีมให้ความชุ่มชื้น
- นวดด้วยแรงกดที่นุ่มนวลแต่หนักแน่นให้ทั่วบริเวณที่ฉีด
- หากฉีดในบริเวณพิเศษ เช่น ลำคอ แพทย์จะให้คำแนะนำวิธีการนวดที่เหมาะสมเป็นรายบุคคล
กิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง ระหว่างการฟื้นตัว
กิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงพักฟื้นหลังฉีด Sculptra ได้แก่ การออกกำลังกายอย่างหนัก การสัมผัสความร้อนจัดหรือแสงแดดจัด และการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 2-3 วันแรก เพื่อลดอาการบวมและป้องกันการอักเสบ
นอกจากนี้ยังมีข้อควรระวังอื่นๆ ดังนี้:
- การแต่งหน้า: ควรงดแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อให้บริเวณที่ฉีดสะอาดและป้องกันการติดเชื้อ
- การทำทรีตเมนต์ผิวหน้า: ควรหลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์ใบหน้า การทำเลเซอร์ หรือการขัดผิวอย่างรุนแรงเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์
- การนอนกดทับ: แนะนำให้นอนหงายเป็นเวลา 2-3 คืน เพื่อหลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณที่ทำการรักษา
- หัตถการทางการแพทย์อื่นๆ: บางคลินิกแนะนำให้หลีกเลี่ยงการทำฟันหรือการฉีดวัคซีนเป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ
เลือกแพทย์และคลินิกฉีด Sculptra อย่างมั่นใจ
คุณวุฒิแพทย์ ประสบการณ์ และผลงานที่ตรวจสอบได้
ควรเลือกแพทย์ที่ได้รับการฝึกอบรม มีคุณวุฒิที่เหมาะสม และมีประสบการณ์สูงในการฉีด Sculptra เนื่องจากเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความชำนาญเฉพาะทาง
ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกแพทย์และคลินิกมีดังนี้:
- ประสบการณ์และผลงาน: สอบถามจำนวนเคสที่แพทย์เคยทำ และขอดูภาพถ่ายก่อนและหลังการรักษาของคนไข้จริงเพื่อประเมินผลงาน
- คุณวุฒิ: ตรวจสอบว่าแพทย์มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพและมีความเชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ความงามโดยเฉพาะ
- การให้คำปรึกษา: แพทย์ที่ดีจะให้คำปรึกษาอย่างละเอียด ประเมินว่าคุณเป็นผู้ที่เหมาะกับการรักษาหรือไม่ และตั้งความคาดหวังของผลลัพธ์ตามความเป็นจริง
- ความน่าเชื่อถือของคลินิก: เลือกคลินิกที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Sculptra ของแท้ที่ตรวจสอบได้ (เช่น การสแกน QR Code บนกล่อง) และมีมาตรฐานความปลอดภัยพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน
แนวทางจัดการภาวะแทรกซ้อน และยาพร้อมใช้
แนวทางการจัดการภาวะแทรกซ้อนจาก Sculptra จะขึ้นอยู่กับชนิดของอาการ โดยภาวะแทรกซ้อนหลักที่ต้องให้ความสำคัญคือการเกิดก้อนไตใต้ผิวหนังและการอุดตันของเส้นเลือด ซึ่งคลินิกที่ได้มาตรฐานควรมีชุดยาฉุกเฉินเตรียมพร้อมไว้เสมอ
แนวทางการจัดการภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญมีดังนี้:
- ก้อนไตใต้ผิวหนัง (Nodules): ก้อนขนาดเล็กจำนวนมากสามารถหายไปได้เองเมื่อเวลาผ่านไป หากก้อนยังคงอยู่หรือมีขนาดใหญ่ แพทย์อาจพิจารณาฉีดสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ร่วมกับยา 5-Fluorouracil (5-FU) เพื่อให้ก้อนยุบตัวลง ในกรณีที่พบได้ยากซึ่งก้อนไม่ตอบสนองต่อการรักษา อาจจำเป็นต้องผ่าตัดออก
- การอุดตันของเส้นเลือด (Vascular Occlusion): เป็นภาวะฉุกเฉินที่พบได้ยากมาก ต้องหยุดฉีดทันทีและทำการรักษาอย่างเร่งด่วนโดยการนวดบริเวณนั้น ประคบอุ่น และฉีดเอนไซม์สลายฟิลเลอร์ (Hyaluronidase) แม้ Sculptra จะไม่ใช่ฟิลเลอร์ HA แต่เอนไซม์นี้อาจช่วยเพิ่มการซึมผ่านของเนื้อเยื่อได้ นอกจากนี้อาจมีการใช้ยาอื่นร่วมด้วย เช่น ยาขยายหลอดเลือด (Nitroglycerin paste) และแอสไพริน
- การติดเชื้อ: เป็นภาวะที่พบได้น้อยมาก (<1%) หากเกิดขึ้นสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ
สำหรับยาที่คลินิกควรมีเตรียมพร้อมในชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน (Filler Crash Cart) ได้แก่:
- Hyaluronidase
- Nitroglycerin paste
- Aspirin
- Corticosteroids
- 5-Fluorouracil (5-FU)
- Epinephrine (EpiPen) สำหรับภาวะแพ้รุนแรง
มาตรฐานคลินิก เครื่องมือ และการติดตามผล
การเลือกคลินิกฉีด Sculptra ควรพิจารณาจากมาตรฐานของผู้ให้บริการที่ผ่านการฝึกอบรม, การใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ตรวจสอบได้, การมีเครื่องมือพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน, และมีระบบการติดตามผลที่ชัดเจน
เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้
- มาตรฐานคลินิกและผู้ให้บริการ
- ผู้ให้บริการ: ต้องเป็นแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมและมีประสบการณ์ในการฉีด Sculptra โดยเฉพาะ ควรสอบถามถึงประสบการณ์และขอดูภาพผลงานก่อนและหลังการรักษา
- ผลิตภัณฑ์ของแท้: คลินิกต้องใช้ผลิตภัณฑ์ Sculptra ของแท้ ซึ่งในประเทศไทยสามารถตรวจสอบได้จากเลขทะเบียน อย. บนกล่อง, สติกเกอร์โฮโลแกรม, ฉลากภาษาไทย และการสแกน QR Code ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อยืนยัน ควรหลีกเลี่ยงข้อเสนอที่ราคาถูกเกินจริง
- เครื่องมือและอุปกรณ์ฉุกเฉิน
- คลินิกที่มีมาตรฐานควรมี “ชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน” (filler crash cart) เตรียมพร้อมสำหรับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น แม้จะพบได้น้อยมากก็ตาม
- อุปกรณ์ที่ควรมี ได้แก่ Hyaluronidase, EpiPen (อะดรีนาลีน), ยาไนโตรกลีเซอรีน, แอสไพริน และคอร์ติโคสเตียรอยด์
- การติดตามผล
- คลินิกที่ดีควรมีระบบการติดตามผลที่ชัดเจน เช่น การนัดหมายให้กลับมาประเมินผลลัพธ์และเทคนิคการนวดในอีก 2-4 สัปดาห์หลังการฉีด
- ควรส่งเสริมให้คนไข้สามารถติดต่อกลับได้เสมอหากมีข้อกังวลหรือพบอาการผิดปกติ ซึ่งแสดงถึงความรับผิดชอบของคลินิก
ความเสี่ยง ข้อผิดพลาด และเมื่อไม่ควรฉีด Sculptra
ก้อน นูน อักเสบ และการจัดการอย่างปลอดภัย
ก้อนนูนใต้ผิวหนัง (Nodules) เป็นผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อยนักจากการฉีด Sculptra ซึ่งโดยทั่วไปไม่เป็นอันตรายและสามารถจัดการได้ ปัจจุบันด้วยเทคนิคการฉีดที่พัฒนาขึ้นทำให้อัตราการเกิดลดลงเหลือประมาณ 1-5% ในมือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ก้อนนูนเหล่านี้เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่ออนุภาค PLLA โดยเฉพาะหากฉีดในชั้นผิวที่ตื้นเกินไป หรือนวดผลิตภัณฑ์ได้ไม่ทั่วถึง ก้อนส่วนใหญ่มักมีขนาดเล็ก คลำได้แต่ไม่สามารถมองเห็นจากภายนอก และไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด
แนวทางการป้องกันและจัดการ:
- การป้องกัน: วิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกันโดยเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง และปฏิบัติตามคำแนะนำในการนวดหลังฉีดอย่างเคร่งครัดตาม “กฎ 5-5-5” (นวดครั้งละ 5 นาที 5 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 5 วัน)
- การจัดการเมื่อเกิดก้อน:
- ก้อนขนาดเล็ก: ก้อนเล็กๆ จำนวนมากสามารถหายไปได้เองเมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือน
- การรักษาโดยแพทย์: หากก้อนนูนไม่หายไปหรือก่อให้เกิดความกังวล แพทย์อาจพิจารณาฉีดยาสเตียรอยด์ร่วมกับยา 5-FU เข้าไปที่ก้อนโดยตรงเพื่อทำให้ก้อนยุบลง ซึ่งส่วนใหญ่มักตอบสนองต่อการรักษาได้ดี
- การผ่าตัด: ในกรณีที่พบได้ยากมาก หากก้อนมีขนาดใหญ่และไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาฉีด อาจจำเป็นต้องผ่าตัดออก
การอุดตันหลอดเลือด สัญญาณเตือน และการรับมือ
การอุดตันของหลอดเลือดเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ยากแต่มีความรุนแรง ซึ่งเกิดจากการฉีด Sculptra เข้าไปในหลอดเลือดโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้จะพบได้น้อย แต่ผู้ให้บริการที่ผ่านการฝึกอบรมจะมีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินนี้
สัญญาณเตือน
- อาการปวดอย่างรุนแรงและเฉียบพลันในบริเวณที่ฉีด
- สีผิวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น ซีดขาว มีลักษณะเป็นจ้ำหรือลายตาข่าย
การรับมือ
หากสงสัยว่าเกิดการอุดตันของหลอดเลือด แพทย์จะปฏิบัติตามขั้นตอนฉุกเฉินทันที ดังนี้
- หยุดการฉีดทันที
- นวดบริเวณดังกล่าวและประคบอุ่นเพื่อช่วยขยายหลอดเลือด
- ใช้ยาเพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด เช่น ยาไนโตรกลีเซอรีนชนิดทา หรือให้ยาแอสไพริน
- อาจมีการฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เพื่อช่วยลดแรงกดในเนื้อเยื่อ
- ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และอาจส่งต่อไปยังห้องฉุกเฉินเพื่อรับการรักษาเพิ่มเติม เช่น การบำบัดด้วยออกซิเจนความกดบรรยากาศสูง (Hyperbaric Oxygen Therapy)
กรณีควรเลื่อน หรือหลีกเลี่ยงการฉีด
ควรเลื่อนหรือหลีกเลี่ยงการฉีด Sculptra หากมีประวัติการแพ้ มีการติดเชื้อหรืออักเสบบนผิวหนัง อยู่ระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร รวมถึงมีภาวะสุขภาพบางอย่างที่ไม่เหมาะสมต่อการฉีด
ข้อห้ามเด็ดขาดในการฉีด Sculptra:
- การแพ้: ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบใดๆ ใน Sculptra เช่น PLLA หรือยาชาลิโดเคน
- ประวัติแผลเป็น: ผู้ที่มีประวัติการเกิดแผลเป็นนูน (คีลอยด์) หรือแผลเป็นโตนูน เนื่องจาก Sculptra อาจกระตุ้นให้เกิดแผลเป็นที่ผิดปกติได้
- การติดเชื้อที่ผิวหนัง: ไม่ควรฉีดในบริเวณที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบ เช่น สิวอักเสบ ผื่น หรือแผลเปิด
- การตั้งครรภ์และให้นมบุตร: ห้ามฉีดในสตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาด้านความปลอดภัย
- อายุ: ไม่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
กรณีที่ควรเลื่อนการฉีดออกไปก่อน:
- ป่วยเฉียบพลัน: หากมีอาการป่วย เช่น เป็นไข้ เป็นหวัด หรือติดเชื้อโควิด-19 ควรเลื่อนการฉีดไปจนกว่าจะหายดี
- เพิ่งทำหัตถการบนใบหน้า: ควรเว้นระยะอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังจากการทำเลเซอร์ ลอกผิว หรือ Microneedling
- เพิ่งทำฟัน: ควรเว้นระยะ 2-4 สัปดาห์หลังจากการทำฟัน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- เพิ่งได้รับวัคซีน: ผู้ให้บริการบางรายอาจแนะนำให้เลื่อนการฉีดออกไปก่อน เนื่องจากวัคซีนจะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันชั่วคราว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีด Sculptra
ราคาเท่าไหร่ต่อขวด และโดยเฉลี่ยใช้กี่ขวด
โดยทั่วไป Sculptra มีราคาเฉลี่ย 20,000–30,000 บาทต่อขวด และผู้ป่วยส่วนใหญ่มักใช้ประมาณ 2-4 ขวดสำหรับการรักษาในช่วงแรกเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
จำนวนขวดที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับอายุ, สภาพผิว และปริมาณการสูญเสียคอลลาเจนของแต่ละบุคคล โดยมีหลักการประเมินคร่าวๆ คือ “1 ขวดต่ออายุ 1 ทศวรรษ” (เช่น อายุ 40 ปี อาจใช้ 4 ขวด) ปริมาณทั้งหมดนี้จะถูกแบ่งฉีด 2-3 ครั้ง ไม่ได้ฉีดทั้งหมดในครั้งเดียว และหลังจากการรักษาชุดแรกเสร็จสิ้น การฉีดเพื่อคงสภาพผลลัพธ์มักจะใช้เพียง 1 ขวดต่อปี
เห็นผลเมื่อไหร่ และใช้เวลากี่เดือนถึงพีค
โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ประมาณ 4–6 สัปดาห์หลังการฉีด และจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ในช่วง 3–6 เดือนหลังการฉีดครั้งแรก เนื่องจาก Sculptra เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน จึงต้องใช้เวลาเพื่อให้ร่างกายสร้างเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาใหม่
ในช่วงแรกหลังฉีด ความเต่งตึงที่เห็นเกิดจากของเหลวที่ฉีดเข้าไป ซึ่งจะยุบลงในไม่กี่วัน จากนั้นผลลัพธ์ที่แท้จริงจะค่อยๆ ปรากฏขึ้น โดยผลจากการฉีดแต่ละครั้งจะเห็นผลสูงสุดในเดือนที่ 2–3 และจะเห็นผลลัพธ์สะสมที่ชัดเจนที่สุดหลังจากฉีดครบคอร์สแล้ว
อยู่ได้นานกี่ปี และควรเติมเมื่อไหร่
ผลลัพธ์ของ Sculptra อยู่ได้นานประมาณ 2 ปี หลังจากฉีดครบคอร์สครั้งแรก
โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้กลับมาฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ (maintenance) ประมาณปีละครั้ง หรือทุก 18-24 เดือน เพื่อรักษาระดับคอลลาเจนและยืดอายุผลลัพธ์ให้นานขึ้น
ต้องนวดหลังฉีดไหม นวดอย่างไรให้ปลอดภัย
จำเป็นต้องนวดหลังฉีด Sculptra เพื่อช่วยให้ตัวยากระจายตัวอย่างสม่ำเสมอและลดความเสี่ยงในการเกิดก้อนใต้ผิวหนัง โดยแพทย์จะแนะนำให้ปฏิบัติตาม “กฎ 5-5-5”
วิธีการนวดที่ปลอดภัยคือ:
- นวดครั้งละ 5 นาที
- ทำวันละ 5 ครั้ง
- ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน
ควรใช้มือที่สะอาดร่วมกับครีมบำรุงผิวในการนวดเบาๆ แต่ใช้แรงกดที่สม่ำเสมอ การปฏิบัติตามคำแนะนำนี้อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้คอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นขึ้นมาใหม่เรียงตัวอย่างสวยงามและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ฉีด Sculptra ร่วมกับฟิลเลอร์ได้ไหม
สามารถฉีด Sculptra ร่วมกับฟิลเลอร์ชนิดอื่นได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมักแนะนำให้ใช้ร่วมกันเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
การฉีดร่วมกันมักทำในลักษณะดังนี้
- Sculptra ใช้เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูโครงสร้างผิวในบริเวณกว้าง เช่น แก้ม ขมับ และแนวกราม เพื่อให้ผิวแน่นกระชับในระยะยาว
- ฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิก (HA) ใช้เพื่อเติมเต็มในจุดที่ต้องการความละเอียดหรือเห็นผลทันที เช่น บริเวณใต้ตา ริมฝีปาก หรือร่องแก้ม
การฉีดร่วมกันสามารถทำได้ในครั้งเดียว (แต่ฉีดคนละบริเวณ) หรือทำแบบเว้นระยะห่างกันก็ได้ ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์ นอกจากนี้ยังสามารถฉีดร่วมกับโบท็อกซ์เพื่อลดเลือนริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ได้อีกด้วย
ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรฉีดได้ไหม
ไม่สามารถฉีด Sculptra ได้หากกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาด้านความปลอดภัยในกลุ่มสตรีมีครรภ์หรือผู้ที่กำลังให้นมบุตร ทำให้ไม่ทราบถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์หรือทารกแรกเกิด ดังนั้นตามมาตรฐานทางการแพทย์จึงถือเป็นข้อห้ามโดยเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
References:
- Dunn, A. et al. Nodules on the Anterior Neck Following Poly-L-Lactic Acid Injection. Cutis 109: E15–E17. MDEdge Dermatology. mdedge.com
- Utah Facial Plastics. How Long Does Sculptra Last? Duration of Results. Utah Facial Plastics Blog. utahfacialplastics.com
- Ponsky, D. Sculptra: Adding Volume Tailored to Your Age (One Vial per Decade). Dr. Diana Ponsky Facial Plastic Surgery Blog. drdianaponsky.com
- Gilson, A. Combining Sculptra and HA Fillers: Advanced Techniques for Facial Rejuvenation. Gilson Plastic Surgery Blog. gilsonplasticsurgery.com
- RealSelf. How Much Does Sculptra Cost? (Average Cost & Factors). RealSelf Aesthetics Resource. realself.com

