ร้อยไหมคอลลาเจนช่วยอะไร? แค่ยกกระชับ หรือช่วยเรื่องรูขุมขน-หลุมสิว

การร้อยไหมคอลลาเจนเป็นหัตถการยกกระชับหน้าที่ไม่ต้องผ่าตัด ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยพร้อมกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ ทำให้รูขุมขนกระชับและหลุมสิวตื้นขึ้น โดยผลลัพธ์จากการทำ 1 ครั้งสามารถคงอยู่ได้นาน 12-24 เดือน
ร้อยไหมคอลลาเจนคืออะไร และทำงานอย่างไร
การร้อยไหมคอลลาเจนคือหัตถการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้ไหมละลายสอดเข้าไปใต้ชั้นผิวเพื่อดึงรั้งเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อยให้กลับเข้าที่ การทำงานของไหมแบ่งออกเป็น 2 ระยะหลัก ดังนี้
- การยกกระชับทันที (Mechanical Lift): เงี่ยงหรือปมบนเส้นไหมจะทำหน้าที่เกี่ยวและดึงรั้งผิวที่หย่อนคล้อยขึ้นทันทีหลังการร้อย เปรียบเสมือนโครงสร้างที่ช่วยพยุงผิวจากภายใน
- การกระตุ้นคอลลาเจน (Biological Lift): ร่างกายจะตอบสนองต่อไหมโดยการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาล้อมรอบเส้นไหม เมื่อเวลาผ่านไปไหมจะสลายไป แต่โครงข่ายคอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นใหม่จะยังคงอยู่ ช่วยให้ผิวแน่นกระชับ เต่งตึง และแข็งแรงขึ้นในระยะยาว
สรุปผลลัพธ์หลัก: ร้อยไหมคอลลาเจนช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง
ช่วยยกกระชับผิวและปรับกรอบหน้าให้คมชัดขึ้น
การร้อยไหมคอลลาเจนเป็นหัตถการที่ช่วยยกกระชับผิวและปรับกรอบหน้าให้คมชัดขึ้นได้โดยตรง โดยใช้เส้นไหมที่มีเงี่ยงหรือปมสอดเข้าไปใต้ชั้นผิวเพื่อยึดเกาะและดึงเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อยให้กลับเข้าที่ ซึ่งจะช่วยปรับแก้ปัญหากรอบหน้าไม่คมชัด แก้มตก หรือคางสองชั้นได้ทันที นอกจากนี้ เส้นไหมยังกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวบริเวณนั้นตึงกระชับและดูดีขึ้นในระยะยาว
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ฟื้นฟูคุณภาพผิว
การร้อยไหมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่โดยอาศัยปฏิกิริยาของร่างกายต่อสิ่งแปลกปลอมและการบาดเจ็บเล็กน้อยใต้ผิวหนัง เมื่อเส้นไหมถูกสอดเข้าไป ร่างกายจะตอบสนองโดยการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาล้อมรอบเส้นไหม ซึ่งทำหน้าที่เหมือนเป็นโครงสร้างให้คอลลาเจนใหม่ยึดเกาะ เมื่อเวลาผ่านไปไหมจะสลายตัว แต่จะทิ้งโครงข่ายคอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่ไว้แทนที่
การฟื้นฟูคุณภาพผิวที่เกิดขึ้นจากกระบวนการนี้ส่งผลให้:
- ผิวแน่นกระชับและยืดหยุ่นขึ้น: จากการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่
- ริ้วรอยเล็กๆ ดูตื้นขึ้น: โครงข่ายคอลลาเจนช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ผิว
- รูขุมขนดูกระชับขึ้น: ผิวที่หนาและแข็งแรงขึ้นช่วยให้รูขุมขนดูเล็กลง
- ผิวเรียบเนียนและดูสุขภาพดีขึ้น: การไหลเวียนเลือดที่ดีขึ้นบริเวณที่ร้อยไหมช่วยให้ผิวดูสดใสขึ้น
ลดขนาดรูขุมขนและทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น
การร้อยไหมสามารถช่วยให้รูขุมขนกระชับขึ้นและทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้ โดยอาศัยหลักการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
- ลดขนาดรูขุมขน: เมื่อผิวหนังมีความหนาและกระชับขึ้นจากการสร้างคอลลาเจนใหม่ จะส่งผลให้รูขุมขนดูเล็กลงและผิวดูละเอียดขึ้น
- ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น: แพทย์สามารถใช้ไหมชนิดเรียบ (Smooth threads) จำนวนหลายเส้นร้อยเป็นลักษณะตาข่ายใต้ผิวหนังบริเวณที่เป็นหลุมสิว เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเติมเต็ม ทำให้หลุมสิวดูตื้นและเรียบเนียนขึ้น
คืนความเต่งตึง ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ ทั่วใบหน้า
การร้อยไหมคอลลาเจนเป็นวิธีที่ช่วยคืนความเต่งตึงและลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ โดยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ใต้ชั้นผิว
เมื่อเส้นไหมถูกสอดเข้าไปใต้ผิวหนัง ร่างกายจะตอบสนองด้วยการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนขึ้นมาล้อมรอบเส้นไหม เมื่อเวลาผ่านไปเส้นไหมจะสลายไป แต่จะทิ้งโครงข่ายคอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ไว้ ซึ่งทำหน้าที่คล้าย “นั่งร้าน” ที่ช่วยพยุงผิวจากภายใน ส่งผลให้ผิวมีความแน่นกระชับ ยืดหยุ่น และเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยเล็กๆ จึงดูตื้นขึ้นตามไปด้วย โดยผลลัพธ์ด้านคุณภาพผิวจะเห็นได้ชัดเจนที่สุดในช่วงเวลาประมาณ 3 เดือนหลังทำ
ใครบ้างที่เหมาะกับการร้อยไหมคอลลาเจน
ผู้ที่เหมาะกับการร้อยไหมคอลลาเจนคือ ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับเล็กน้อยถึงปานกลางและต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่คาดหวังการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนเท่ากับการผ่าตัดดึงหน้า
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่เหมาะสมที่สุดมีลักษณะดังนี้:
- ช่วงอายุ: เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 35-45 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีสัญญาณแห่งวัย แต่ยังไม่รุนแรง
- สภาพผิว: มีสัญญาณของความหย่อนคล้อยระยะเริ่มต้น เช่น แก้มตกเล็กน้อย ร่องแก้มเริ่มลึก หรือกรอบหน้าไม่คมชัด
- โครงสร้างใบหน้า: มีโครงสร้างกระดูกใบหน้าที่ดี เช่น โหนกแก้มและแนวกรามที่ชัดเจน เพื่อช่วยพยุงไหมได้ดี
- ความหนาของผิว: มีผิวที่ไม่บางหรือหนาจนเกินไป เพราะผิวที่บางมากอาจทำให้เห็นหรือคลำเจอเส้นไหมได้ ส่วนผิวที่หนาและหนักเกินไปอาจยกขึ้นได้ยาก
- ความคาดหวัง: ต้องการผลลัพธ์ที่ทำให้ใบหน้าดูสดชื่นและกระชับขึ้น แต่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนเหมือนการผ่าตัดศัลยกรรม
ขั้นตอนการทำ และต้องใช้ไหมคอลลาเจนกี่เส้น
การประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาโดยแพทย์
แพทย์จะประเมินสภาพผิวและความหย่อนคล้อยของผู้ป่วย จากนั้นจึงวางแผนการรักษาโดยการวาดเส้นเวกเตอร์บนใบหน้าเพื่อกำหนดทิศทางและจุดที่จะร้อยไหมให้ได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ดีที่สุด
ในขั้นตอนนี้ แพทย์จะดำเนินการดังนี้:
- ถ่ายรูป: เพื่อใช้เปรียบเทียบผลลัพธ์ก่อนและหลังการรักษา
- วาดแนวร้อยไหม (Mapping): แพทย์จะวาดเส้นบนผิวหนังเพื่อกำหนดแนวการสอดไหมและจุดยึดเกาะ โดยจะคำนึงถึงโครงสร้างสำคัญใต้ผิวหนัง เช่น เส้นประสาทและหลอดเลือด เพื่อความปลอดภัย
- เลือกชนิดและจำนวนไหม: แพทย์จะเลือกชนิดและจำนวนของเส้นไหมให้เหมาะสมกับปัญหาและเป้าหมายของแต่ละบุคคล
- ให้คำปรึกษา: แพทย์จะอธิบายขั้นตอนทั้งหมดให้ผู้ป่วยทราบ รวมถึงการใช้ยาชาเฉพาะที่ ซึ่งจะทำให้ไม่รู้สึกเจ็บระหว่างทำหัตถการ
จำนวนเส้นไหมที่แนะนำสำหรับแต่ละบริเวณบนใบหน้า
จำนวนเส้นไหมที่ใช้ในการร้อยไหมจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและเป้าหมายการรักษา โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาให้เหมาะกับแต่ละบุคคล แต่มีแนวทางทั่วไปดังนี้
- ยกคิ้ว: มักใช้ไหมข้างละ 2 เส้น
- ใบหน้าส่วนกลาง: แนะนำให้ใช้ไหมเงี่ยงอย่างน้อย 8 เส้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ดี
- ลดเลือนริ้วรอยหรือรักษารอยแผลเป็นจากสิว: อาจใช้ไหมเส้นเล็กๆ จำนวน 10-20 เส้น หรือมากกว่า เพื่อสร้างเป็นโครงตาข่ายกระตุ้นคอลลาเจน
ทั้งนี้ มีการศึกษาชี้ว่าการใช้ไหมมากกว่า 10 เส้นในครั้งเดียวอาจเพิ่มความเสี่ยงที่คนไข้จะไม่พึงพอใจในผลลัพธ์ได้
ขั้นตอนขณะทำ: ใช้เวลาไม่นานและไม่ต้องพักฟื้น
การร้อยไหมเป็น หัตถการที่ใช้เวลาไม่นานและมีระยะเวลาพักฟื้นสั้นมาก จึงมักถูกเรียกว่า “lunchtime facelift”
ขั้นตอนการทำจะใช้ยาชาเฉพาะที่ ทำให้ผู้เข้ารับบริการไม่รู้สึกเจ็บขณะทำ จากนั้นแพทย์จะใช้เข็มนำเส้นไหมสอดเข้าไปใต้ชั้นผิวตามแนวที่วางแผนไว้ เมื่อจัดตำแหน่งให้ผิวตึงกระชับได้ที่แล้ว จะตัดไหมส่วนเกินออกโดยไม่มีการเย็บแผล
- ระยะเวลา: การร้อยไหมบริเวณเล็กๆ เช่น ยกหางคิ้ว อาจใช้เวลาเพียง 20-30 นาที ส่วนการร้อยไหมทั่วใบหน้าอาจใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
- การพักฟื้น: ผู้เข้ารับบริการส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ในวันถัดไป โดยอาจมีอาการบวมหรือรอยช้ำเล็กน้อย ซึ่งจะค่อยๆ หายไปเอง
ร้อยไหมคอลลาเจนกี่วันเห็นผล และผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน
ระยะเวลาเห็นผล: การเปลี่ยนแปลงทันทีและผลลัพธ์ระยะยาว
การร้อยไหมให้ผลลัพธ์แบบ 2 ระยะ คือ เห็นผลยกกระชับขึ้นทันทีจากการดึงของเส้นไหม และจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ในระยะยาวจากการกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นตามลำดับเวลาดังนี้
- ทันทีหลังทำ: จะเห็นการยกกระชับของผิวได้ทันที ซึ่งเป็นผลมาจากการดึงและพยุงผิวของเส้นไหมโดยตรง อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ในช่วงแรกนี้เป็นเพียงประมาณ 20-30% ของผลลัพธ์ทั้งหมด
- 6-8 สัปดาห์: ผิวจะเริ่มรู้สึกตึงและกระชับขึ้น ริ้วรอยเล็กๆ ลดลง เนื่องจากร่างกายเริ่มสร้างคอลลาเจนใหม่รอบเส้นไหมอย่างมีนัยสำคัญ
- ประมาณ 3 เดือน: เป็นช่วงที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและสมบูรณ์ที่สุด เนื่องจากคอลลาเจนใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมีการเจริญเต็มที่และหดตัว ทำให้ผิวได้รับการยกกระชับและมีคุณภาพดีขึ้นสูงสุด
ผลลัพธ์ของการร้อยไหมคอลลาเจนอยู่ได้นานกี่เดือน
โดยทั่วไป ผลลัพธ์ของการร้อยไหมจะอยู่ได้นานประมาณ 12-24 เดือน แต่ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง
- ชนิดของไหม: ไหม PDO ให้ผลลัพธ์นานประมาณ 6-12 เดือน ในขณะที่ไหม PLLA และ PCL สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า คือประมาณ 18-24 เดือน
- ปัจจัยส่วนบุคคล: อายุ สภาพผิว และไลฟ์สไตล์ (เช่น การสูบบุหรี่หรือการโดนแดด) ล้วนมีผลต่อระยะเวลาของผลลัพธ์
- บริเวณที่ทำ: บริเวณที่มีการเคลื่อนไหวน้อย เช่น แก้มส่วนกลาง มักจะคงผลลัพธ์ได้นานกว่าบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย เช่น แนวกรามและลำคอ
เพื่อรักษาผลลัพธ์ไว้ หลายคนเลือกที่จะกลับมาร้อยไหมซ้ำทุกๆ 12-18 เดือน
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจร้อยไหมคอลลาเจน
การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ควรเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือและถูกสุขลักษณะ ดำเนินการโดยแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพและมีประสบการณ์ เนื่องจากการร้อยไหมจำเป็นต้องอาศัยความรู้ด้านกายวิภาคบนใบหน้าอย่างแม่นยำ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อน
ข้อควรพิจารณาในการเลือกแพทย์และคลินิกมีดังนี้:
- ความเชี่ยวชาญของแพทย์: แพทย์ต้องมีความรู้ด้านกายวิภาคบนใบหน้าเป็นอย่างดี เพื่อร้อยไหมในตำแหน่งที่ถูกต้องและหลีกเลี่ยงเส้นประสาทและหลอดเลือดที่สำคัญ
- ความน่าเชื่อถือ: ควรหลีกเลี่ยงผู้ให้บริการที่ไม่ใช่แพทย์ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ
- มาตรฐานของคลินิก: คลินิกต้องสะอาด ถูกสุขลักษณะ ใช้ไหมที่ผ่านการรับรองและมีคุณภาพ และปฏิบัติตามขั้นตอนการฆ่าเชื้ออย่างเคร่งครัด
- ผลงาน: แพทย์ควรสามารถแสดงผลงานการร้อยไหม (ภาพก่อน-หลัง) และมีความสามารถในการจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้
การเตรียมตัวก่อนทำและข้อควรปฏิบัติ
การเตรียมตัวก่อนร้อยไหมคือการงดยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด ส่วนข้อควรปฏิบัติหลังทำคือการหลีกเลี่ยงการขยับใบหน้าแรงๆ และการกดทับบริเวณที่ทำ
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
การเตรียมตัวก่อนร้อยไหม
- งดยาและอาหารเสริม: หยุดยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) และอาหารเสริมที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี กระเทียม และแปะก๊วย เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ
- งดแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่: ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำ เพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
- สภาพผิว: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อ สิวอักเสบ หรือแผลบนใบหน้าในบริเวณที่จะทำการรักษา
- วันนัด: มาถึงคลินิกด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอาง
ข้อควรปฏิบัติหลังร้อยไหม
- ลดการขยับใบหน้า: หลีกเลี่ยงการแสดงสีหน้า έντονα เช่น การหาวกว้างๆ การหัวเราะแรงๆ หรือการเคี้ยวอาหารแข็งๆ ในช่วง 2-3 วันแรก
- ท่านอน: นอนหงายโดยใช้หมอนหนุนศีรษะให้สูงขึ้นเป็นเวลา 5-7 คืน เพื่อลดอาการบวมและป้องกันการกดทับใบหน้า
- การดูแลผิว: ห้ามถู นวด หรือกดใบหน้าแรงๆ เป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ และงดแต่งหน้าประมาณ 2-3 วันเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- งดกิจกรรมหนัก: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก การเข้าซาวน่า หรืออบไอน้ำ เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการทำฟัน: เลื่อนนัดทำฟันออกไปก่อนอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ โดยเฉพาะหากร้อยไหมบริเวณกราม
การเปรียบเทียบกับการรักษาประเภทอื่น
การร้อยไหมจะเน้นการยกกระชับและปรับตำแหน่งเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อย ในขณะที่ฟิลเลอร์เน้นการเติมเต็มปริมาตร และ HIFU เน้นการกระชับผิวด้วยความร้อน การร้อยไหมจึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเป็นหลัก ส่วนการรักษาประเภทอื่นจะเหมาะกับปัญหาที่แตกต่างกันไป
ตารางเปรียบเทียบการร้อยไหมกับการรักษาประเภทอื่น:
| คุณสมบัติ | ร้อยไหม (Thread Lift) | ฟิลเลอร์ (Filler) | HIFU/Ultherapy |
|---|---|---|---|
| กลไกการทำงาน | ใช้ไหมที่มีเงี่ยงดึงและปรับตำแหน่งเนื้อเยื่อ | เติมสารไฮยาลูรอนิกเพื่อเพิ่มปริมาตร | ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์สร้างความร้อนเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นลึก |
| ผลลัพธ์ | ยกกระชับทันที และผิวดีขึ้นใน 2-3 เดือน | เห็นผลการเติมเต็มทันที | ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏใน 2-3 เดือน |
| ระยะเวลา | ประมาณ 12-18 เดือน | ประมาณ 6-12 เดือน | ประมาณ 6-12 เดือน |
| เหมาะสำหรับ | ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ต้องการการยกกระชับ | ผู้ที่สูญเสียปริมาตรบนใบหน้า มีร่องลึก | ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยระยะเริ่มต้น ต้องการกระชับผิวแบบไม่เจ็บตัว |
นอกจากนี้ การร้อยไหมยังแตกต่างจากโบท็อกซ์และเลเซอร์ ดังนี้:
- โบท็อกซ์ (Botox): ใช้เพื่อคลายกล้ามเนื้อ ลดริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องความหย่อนคล้อย
- เลเซอร์/RF Microneedling: ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวและริ้วรอยตื้นๆ แต่ไม่สามารถยกหรือปรับตำแหน่งเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อยได้เหมือนการร้อยไหม
ข้อเสีย ผลข้างเคียง และข้อห้ามในการร้อยไหมคอลลาเจน
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น อาการบวมหรือรอยช้ำ
อาการบวมและรอยช้ำเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุดหลังการร้อยไหม แต่โดยทั่วไปแล้วอาการเหล่านี้ไม่รุนแรงและจะหายไปเอง
จากข้อมูลพบว่ารอยช้ำสามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยประมาณ 26% และมักจะหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนอาการบวมและรอยเข็มเล็กๆ ส่วนใหญ่จะหายไปภายใน 7-10 วัน นอกจากนี้ อาจมีความรู้สึกตึงหรือเจ็บเล็กน้อยตามแนวไหมในช่วง 2-3 วันแรก ซึ่งเป็นอาการปกติ
ข้อห้ามสำคัญ: ใครที่ไม่ควรทำหัตถการนี้
ผู้ที่ไม่ควรทำหัตถการร้อยไหม คือสตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร, ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง, ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ, และผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิดที่ยังควบคุมไม่ได้
โดยทั่วไป ข้อห้ามสำคัญในการร้อยไหมสามารถแบ่งได้ดังนี้
- กลุ่มโรคประจำตัว:
- โรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด หรือผู้ที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือด
- โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune diseases) เช่น Lupus, Scleroderma
- โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ เนื่องจากเสี่ยงต่อการติดเชื้อและแผลหายช้า
- ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- มีประวัติแพ้วัสดุที่ใช้ทำไหม เช่น PDO, PLLA
- มีแนวโน้มเกิดแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ได้ง่าย
- กลุ่มภาวะทางร่างกายและผิวหนัง:
- สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
- มีการติดเชื้อ มีสิวอักเสบรุนแรง หรือมีแผลเปิดในบริเวณที่จะทำ
- ผู้ที่มีผิวหนังบางมากเกินไป เพราะอาจทำให้เห็นไหมหรือคลำเจอได้
- เคยฉีดสารเติมเต็มชนิดถาวร (Permanent fillers) ในบริเวณดังกล่าว
- กลุ่มความคาดหวังและอื่นๆ:
- ผู้ที่มีความหย่อนคล้อยของผิวหนังรุนแรงมากเกินไป เนื่องจากผลลัพธ์อาจไม่เป็นที่น่าพอใจ
- ผู้ที่มีความคาดหวังต่อผลลัพธ์ไม่สมจริง (Unrealistic expectations)
วิธีดูแลตัวเองหลังร้อยไหมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
วิธีดูแลตัวเองหลังร้อยไหมที่สำคัญที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวใบหน้าที่รุนแรง การกดทับ หรือการนวดบริเวณที่ทำ เพื่อให้ไหมได้ยึดเกาะกับเนื้อเยื่ออย่างเต็มที่และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:
- การนอน: นอนหงายโดยหนุนหมอนให้ศีรษะสูงขึ้นประมาณ 5-7 คืนแรก เพื่อลดอาการบวมและป้องกันการกดทับใบหน้า
- การรับประทานอาหาร: รับประทานอาหารอ่อนๆ ในช่วงแรก และหลีกเลี่ยงการอ้าปากกว้างๆ เช่น การหัวเราะหรือหาวแรงๆ
- การทำความสะอาด: งดล้างหน้า 12-24 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นให้ทำความสะอาดอย่างเบามือ และงดแต่งหน้าประมาณ 2-3 วันเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- การออกกำลังกาย: งดออกกำลังกายหนัก ซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
- ข้อควรระวังอื่นๆ: หลีกเลี่ยงการทำฟัน การนวดหน้า หรือการทำทรีตเมนต์อื่นๆ บนใบหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน และควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ เพราะจะส่งผลต่อกระบวนการฟื้นฟูและสร้างคอลลาเจน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการร้อยไหมคอลลาเจน (FAQ)
ร้อยไหมคอลลาเจนเจ็บไหม?
ขั้นตอนการร้อยไหมคอลลาเจนไม่เจ็บ เนื่องจากมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ก่อนทำหัตถการ ในระหว่างร้อยไหมจึงรู้สึกได้ถึงแรงกดหรือแรงดึงเล็กน้อยเท่านั้น แต่จะไม่รู้สึกเจ็บปวด
หลังจากยาชาหมดฤทธิ์ อาจมีอาการปวดหรือระบมเล็กน้อยคล้ายอาการปวดเมื่อยได้ประมาณ 2-3 วัน ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดทั่วไป โดยรวมแล้วระดับความเจ็บปวดถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการทำศัลยกรรม
ร้อยไหมคอลลาเจนอันตรายหรือไม่?
การร้อยไหมคอลลาเจน มีความปลอดภัยสูงเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ไหมที่ได้มาตรฐาน
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยมักไม่รุนแรงและหายได้เอง เช่น อาการบวม ช้ำ หรือรู้สึกตึงผิว ซึ่งจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนความเสี่ยงรุนแรง เช่น การติดเชื้อ เส้นไหมโผล่ หรือเส้นประสาทเสียหายนั้นเกิดขึ้นได้น้อยมาก โดยมักเกิดจากการทำหัตถการกับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์หรือใช้เทคนิคที่ไม่ถูกต้อง
ต้องใช้ไหมคอลลาเจนกี่เส้นถึงจะเห็นผล?
โดยทั่วไปแล้ว การร้อยไหมเพื่อยกกระชับทั่วใบหน้าอาจใช้ไหมประมาณ 6-10 เส้น แต่จำนวนที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับเป้าหมายและบริเวณที่ทำการรักษา
จำนวนเส้นไหมที่ใช้จะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ ดังนี้:
- พื้นที่และเป้าหมาย: การยกกระชับใบหน้าส่วนกลางอาจต้องใช้ไหมเงี่ยงอย่างน้อย 8 เส้นเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ในขณะที่การยกคิ้วอาจใช้เพียงข้างละ 2 เส้น
- ประเภทของไหม: หากเป็นการใช้ไหมเรียบหรือไหมเกลียวเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและปรับปรุงคุณภาพผิวในบริเวณที่มีริ้วรอยหรือแผลเป็น อาจต้องใช้ไหมจำนวนมากถึง 10-20 เส้นหรือมากกว่านั้น
- การประเมินโดยแพทย์: แพทย์จะปรับจำนวนเส้นไหมให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยพิจารณาจากระดับความหย่อนคล้อยและผลลัพธ์ที่ต้องการเป็นหลัก
หลังร้อยไหมคอลลาเจน หน้าจะบวมกี่วัน?
โดยทั่วไปแล้ว อาการบวมหลังร้อยไหมจะเห็นได้ชัดในช่วง 2-3 วันแรก และจะค่อยๆ ยุบลงจนหายเป็นปกติส่วนใหญ่ภายใน 7-10 วัน หลายคนสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ภายใน 24-48 ชั่วโมงหากไม่กังวลเรื่องอาการบวมเล็กน้อย การประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรกและการนอนหนุนหมอนสูงสามารถช่วยลดอาการบวมได้
ผลลัพธ์จากการร้อยไหมคอลลาเจนอยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์จากการร้อยไหมคอลลาเจนโดยทั่วไปจะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี แต่ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง
ปัจจัยหลักที่มีผลต่อระยะเวลาของผลลัพธ์ ได้แก่
- ชนิดของไหม: ไหม PDO ให้ผลลัพธ์นานประมาณ 6-12 เดือน ในขณะที่ไหม PLLA และ PCL สามารถให้ผลลัพธ์นานถึง 18-24 เดือน
- อายุและสภาพผิว: ผู้ที่มีอายุน้อยและผิวมีความยืดหยุ่นดีมักจะเห็นผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า
- บริเวณที่ทำ: ผลลัพธ์บริเวณแก้มมักจะอยู่ได้นานกว่าบริเวณกรามและลำคอซึ่งมีการเคลื่อนไหวบ่อย
- ไลฟ์สไตล์: การสูบบุหรี่และการสัมผัสแสงแดดมากเกินไปสามารถสลายคอลลาเจนและทำให้ผลลัพธ์สั้นลงได้
หลังร้อยไหม สามารถกินคอลลาเจนเสริมได้หรือไม่?
ได้ คุณสามารถกินคอลลาเจนเสริมหลังการร้อยไหมได้ เนื่องจากอาจช่วยสนับสนุนกระบวนการซ่อมแซมและสร้างคอลลาเจนใหม่ของผิว
แม้จะยังไม่มีข้อสรุปทางการแพทย์ที่ชัดเจนถึงประสิทธิภาพโดยตรง แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มองว่าไม่เป็นอันตรายและอาจมีส่วนช่วยได้ โดยทั่วไปแนะนำให้รับประทานคอลลาเจนไฮโดรไลซ์ประมาณ 5-10 กรัมต่อวัน เป็นเวลาอย่างน้อย 8-12 สัปดาห์หลังทำหัตถการ
References:
- Cleveland Clinic. Thread Lift: What to Expect, Benefits & Complications. Cleveland Clinic – Health Library. clevelandclinic.org
- Cintra T.C.L. Effect of PDO Facelift Threads on Facial Skin Tissues: An Ultrasonographic Analysis. Journal of Cosmetic Dermatology 22:2534-2541. pubmed.ncbi.nlm.gov
- Wan W. et al. Combined Treatment with HA Filler and PDO Threads for Mid-Face Rejuvenation: 24-Month Clinical Study. Journal of Cosmetic Dermatology. onlinelibrary.wiley.com
- Borzykh O.B. et al. Contemporary view on thread lifting: Histological and anatomical approaches. Russian Open Medical Journal, 11:e0107. romj.org
- Aptos. The Indications and Contraindications for a Thread Lifting. Aptos – For Patients. aptos.global
- Surowiak P. Barbed PDO Thread Face Lift: A Case Study of Bacterial Complication. Plastic and Reconstructive Surgery – Global Open 10:e4157. journals.lww.com
- Burko P. & Miltiadis I. Evolution of Thread Lifting: Advancing Toward Bioactive Polymers and Sustained Hyaluronic Acid Delivery. Cosmetics (MDPI) 12:127. mdpi.com
- Papp, C.J. Thread Lifting in 2022: The Evolution Continues. The Aesthetic Guide. theaestheticguide.com
