Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Lifting

โบท็อกรักแร้ ลดเหงื่อ อยู่ได้นานไหม ราคา-ข้อควรรู้ก่อนทำ

Byadmin กันยายน 17, 2025
By นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน Updated on กันยายน 17, 2025
✦ Medically reviewed by  แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร

Table of Contents

Toggle
  • โบท็อกรักแร้คืออะไร ช่วยลดเหงื่อและกลิ่นตัวได้อย่างไร
  • ใครเหมาะกับการฉีดโบท็อกรักแร้ และใครควรหลีกเลี่ยง
    • ข้อบ่งชี้: ผู้ที่เหมาะกับการรักษาด้วยโบท็อกรักแร้
    • ข้อห้าม: กลุ่มที่ไม่ควรฉีดโบท็อกรักแร้
  • ขั้นตอนการฉีดโบท็อกรักแร้: ใช้กี่ยูนิตและเตรียมตัวอย่างไร
    • การประเมินและเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษา
    • ขั้นตอนระหว่างการฉีดโบท็อกรักแร้
    • การเลือกยี่ห้อและจำนวนยูนิตที่เหมาะสม
  • ผลลัพธ์และระยะเวลา: โบท็อกรักแร้เห็นผลเมื่อไหร่และอยู่ได้นานแค่ไหน
    • ไทม์ไลน์การเห็นผล: จากวันแรกถึงผลลัพธ์เต็มที่
    • ผลลัพธ์อยู่ได้นานเท่าไหร่และปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
    • ความถี่ในการฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์
  • ราคาโบท็อกรักแร้: ปัจจัยกำหนดราคาและค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
    • ปัจจัยที่มีผลต่อราคา: ยี่ห้อ จำนวนยูนิต และมาตรฐานคลินิก
    • กรอบราคาโดยประมาณสำหรับการรักษา 1 ครั้ง
  • ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกรักแร้
    • การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้ทำหัตถการที่มีประสบการณ์
    • เปรียบเทียบกับวิธีลดเหงื่ออื่นๆ เช่น MiraDry หรือการผ่าตัด
    • การตั้งความคาดหวังต่อผลลัพธ์ที่สมจริง
  • ผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดโบท็อกรักแร้
  • การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกรักแร้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกรักแร้
    • โบท็อกรักแร้ช่วยลดเหงื่อและกลิ่นตัวได้จริงไหม
    • ฉีดโบท็อกรักแร้เจ็บไหม
    • โบท็อกรักแร้ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน
    • ต้องใช้โบท็อกรักแร้กี่ยูนิตถึงจะเห็นผล
    • หลังฉีดโบท็อกรักแร้ห้ามทำอะไรบ้าง
    • โบท็อกรักแร้ต่างจากการรักษาเหงื่อออกมากวิธีอื่นอย่างไร
  • References:

โบท็อกรักแร้คืออะไร ช่วยลดเหงื่อและกลิ่นตัวได้อย่างไร

โบท็อกรักแร้

โบท็อกรักแร้คือ การฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) เข้าไปที่บริเวณใต้รักแร้เพื่อรักษาภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis)

สารโบทูลินัม ท็อกซินจะเข้าไปยับยั้งการทำงานของเส้นประสาทที่ส่งสัญญาณไปยังต่อมเหงื่อ ทำให้ต่อมเหงื่อผลิตเหงื่อได้น้อยลง ซึ่งจากข้อมูลพบว่าสามารถลดการผลิตเหงื่อได้ถึง 75–80% และผลลัพธ์คงอยู่นานอย่างน้อย 6 เดือน เมื่อเหงื่อลดลง การสะสมของแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุหลักของกลิ่นตัวก็จะลดลงตามไปด้วย ทำให้ช่วยควบคุมทั้งปริมาณเหงื่อและกลิ่นตัวได้พร้อมกัน

ใครเหมาะกับการฉีดโบท็อกรักแร้ และใครควรหลีกเลี่ยง

ข้อบ่งชี้: ผู้ที่เหมาะกับการรักษาด้วยโบท็อกรักแร้

ผู้ที่เหมาะกับการรักษาด้วยโบท็อกรักแร้คือผู้ที่มีภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis) บริเวณใต้วงแขน การรักษานี้สามารถลดการผลิตเหงื่อได้ประมาณ 75–80% และผลลัพธ์คงอยู่นานอย่างน้อย 6 เดือนในผู้ป่วยส่วนใหญ่ ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและใช้ชีวิตประจำวันได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น

ข้อห้าม: กลุ่มที่ไม่ควรฉีดโบท็อกรักแร้

กลุ่มที่ไม่ควรฉีดโบท็อกรักแร้ ได้แก่ ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ, สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร, ผู้ที่เคยมีประวัติแพ้โบท็อก และผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณรักแร้

โดยมีรายละเอียดดังนี้:

  • ผู้ที่มีภาวะผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ: เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis) หรือ Lambert-Eaton syndrome
  • สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร: แม้จะยังไม่มีข้อพิสูจน์ถึงอันตรายที่แน่ชัด แต่โดยทั่วไปแนะนำให้เลื่อนการฉีดออกไปก่อนเพื่อความปลอดภัย
  • ผู้ที่เคยมีประวัติแพ้โบท็อก: หากเคยมีอาการแพ้หลังฉีด เช่น ผื่น หายใจลำบาก หรือเวียนศีรษะ ควรหลีกเลี่ยงการฉีดในอนาคต
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง: หากมีผื่น สิวอักเสบ หรือการระคายเคืองบริเวณรักแร้ ควรเลื่อนการฉีดออกไปก่อนเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อ

ขั้นตอนการฉีดโบท็อกรักแร้: ใช้กี่ยูนิตและเตรียมตัวอย่างไร

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกรักแร้คือ การงดยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด งดแอลกฮอล์ และแจ้งข้อมูลสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด ส่วนปริมาณยูนิตที่ใช้จะขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์

ปริมาณยูนิตที่ใช้จะถูกกำหนดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อลดการผลิตเหงื่อให้ได้ประมาณ 75–80% ซึ่งผลลัพธ์มักจะคงอยู่นานอย่างน้อย 6 เดือน สำหรับการเตรียมตัวก่อนการฉีด มีข้อควรปฏิบัติดังนี้

  • งดยาและอาหารเสริม: งดยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน รวมถึงวิตามินอี, น้ำมันปลา, และแปะก๊วย ก่อนการฉีดเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
  • งดแอลกอฮอล์: หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด
  • แจ้งข้อมูลสุขภาพ: แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว (โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ), ประวัติการแพ้ยา, และยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่
  • ตรวจสอบสภาพผิว: หากมีผื่น การติดเชื้อ หรือการระคายเคืองบริเวณรักแร้ ควรเลื่อนนัดออกไปก่อน
  • ข้อห้าม: โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ฉีดในสตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร

การประเมินและเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษา

การประเมินและเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์ เกี่ยวข้องกับการแจ้งข้อมูลสุขภาพทั้งหมดให้แพทย์ทราบ การหลีกเลี่ยงยาและอาหารเสริมบางชนิด และการเลือกคลินิกกับผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ

เพื่อให้การรักษามีความปลอดภัยและได้ผลดีที่สุด ควรมีการเตรียมตัวดังนี้:

  • แจ้งข้อมูลสุขภาพ: แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับโรคประจำตัวทั้งหมด โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (เช่น Myasthenia gravis), ประวัติการแพ้, และหากกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • หลีกเลี่ยงยาและอาหารเสริม: ควรหยุดยาและอาหารเสริมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ เช่น ยาต้านการอักเสบ (NSAIDs), แอสไพริน, วิตามินอีในปริมาณสูง, น้ำมันปลา และแปะก๊วย
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: ควรงดดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลาประมาณ 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด
  • ตรวจสอบสภาพผิว: บริเวณที่จะฉีดต้องไม่มีการติดเชื้อหรือการระคายเคือง เช่น ผื่น สิวอักเสบ หรือเริม หากมีปัญหาผิวควรเลื่อนการรักษาออกไปก่อน
  • เลือกผู้ให้บริการที่เชี่ยวชาญ: ควรเลือกรับบริการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับใบอนุญาตและผ่านการฝึกอบรมในคลินิกที่มีชื่อเสียง ซึ่งใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ของแท้ที่ได้รับการรับรองและจัดเก็บอย่างเหมาะสม

ขั้นตอนระหว่างการฉีดโบท็อกรักแร้

จากข้อมูลที่ให้มา ขั้นตอนการฉีดโบท็อกรักแร้จะครอบคลุมตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนฉีดไปจนถึงการดูแลตัวเองหลังฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด

โดยทั่วไปแล้ว ขั้นตอนต่างๆ มีดังนี้:

  • การเตรียมตัวก่อนฉีด:
  • ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการรักษา
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน รวมถึงวิตามินอี น้ำมันปลา และแอลกอฮอล์ประมาณ 24 ชั่วโมงก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผิวหนังบริเวณรักแร้ไม่มีการติดเชื้อ ผื่น หรือการระคายเคือง
  • ระหว่างการฉีด:
  • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการฉีดโบท็อกในปริมาณที่เหมาะสมไปยังบริเวณรักแร้ โดยการฉีดอย่างระมัดระวังจะช่วยลดการผลิตเหงื่อได้ประมาณ 75-80%
  • การดูแลหลังฉีด:
  • ห้ามถู กด หรือนวดบริเวณที่ฉีดเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ และสภาพแวดล้อมที่ร้อน เช่น ซาวน่า หรือห้องอบไอน้ำ เป็นเวลา 1-2 วัน
  • สามารถประคบเย็นเบาๆ ได้หากมีอาการบวมหรือเจ็บเล็กน้อย
  • โดยทั่วไปจะมีการนัดติดตามผลในอีก 2 สัปดาห์เพื่อประเมินผลลัพธ์

การเลือกยี่ห้อและจำนวนยูนิตที่เหมาะสม

การเลือกยี่ห้อและจำนวนยูนิตของโบทูลินัมท็อกซินควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะพิจารณาจากความแข็งแรงของกล้ามเนื้อของผู้รับบริการ บริเวณที่ต้องการรักษา และผลลัพธ์ที่ต้องการ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

  • การเลือกยี่ห้อ: สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ได้รับการรับรองและจัดเก็บอย่างเหมาะสม เช่น Botox®, Dysport® หรือ Xeomin® ซึ่งผู้รับบริการมีสิทธิ์สอบถามยี่ห้อที่ใช้จากคลินิกได้โดยตรง
  • การกำหนดจำนวนยูนิต: ปริมาณยาที่ใช้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและแต่ละบริเวณที่ฉีด แพทย์จะทำการประเมินความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและลักษณะใบหน้าเพื่อกำหนดจำนวนยูนิตที่เหมาะสม การใช้ปริมาณที่พอเหมาะเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติหรือผลข้างเคียง เช่น ใบหน้าไม่สมมาตร โดยอาจมีการนัดติดตามผลในอีก 2 สัปดาห์เพื่อประเมินผลและปรับแก้เล็กน้อยหากจำเป็น

ผลลัพธ์และระยะเวลา: โบท็อกรักแร้เห็นผลเมื่อไหร่และอยู่ได้นานแค่ไหน

ไทม์ไลน์การเห็นผล: จากวันแรกถึงผลลัพธ์เต็มที่

โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในช่วง 3-5 วันแรก และเห็นผลลัพธ์เต็มที่ในเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ผู้ป่วยมักสังเกตเห็นริ้วรอยที่ดูตื้นขึ้นเล็กน้อยได้ตั้งแต่วันที่ 3 หลังการรักษา และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดในช่วง 10-14 วัน ซึ่งเป็นช่วงที่กล้ามเนื้ออ่อนแรงเต็มที่

อย่างไรก็ตาม การรักษาเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อ เช่น กรามหรือน่อง จะใช้เวลานานกว่า โดยจะเริ่มเห็นผลใน 2-4 สัปดาห์ และเห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน เนื่องจากต้องรอให้กล้ามเนื้อฝ่อลีบลง

ผลลัพธ์อยู่ได้นานเท่าไหร่และปัจจัยที่เกี่ยวข้อง

โดยทั่วไปผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน แต่ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาของผลลัพธ์ ได้แก่:

  • ปริมาณยาที่ฉีด: การใช้ปริมาณยาที่สูงขึ้นอาจช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
  • การเผาผลาญของแต่ละบุคคล: ผู้ที่มีมวลกล้ามเนื้อมากหรือออกกำลังกายอย่างหนักเป็นประจำอาจเผาผลาญตัวยาได้เร็วกว่า
  • บริเวณที่ทำการรักษา: กล้ามเนื้อมัดใหญ่และแข็งแรง (เช่น กล้ามเนื้อกราม) ผลอาจจางลงเร็วกว่ากล้ามเนื้อมัดเล็ก (เช่น กล้ามเนื้อรอบดวงตา)

ความถี่ในการฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์

โดยทั่วไป ควรฉีดซ้ำทุกๆ 3 ถึง 6 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์ในการลดเลือนริ้วรอยหรือปรับรูปหน้า

ความถี่ในการฉีดซ้ำจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ปริมาณยาที่ใช้, ระบบเผาผลาญของร่างกาย และบริเวณกล้ามเนื้อที่ฉีด โดยทั่วไปแล้ว:

  • การรักษาริ้วรอย: ผลลัพธ์มักจะคงอยู่ประมาณ 3-4 เดือน
  • การลดขนาดกล้ามเนื้อ (เช่น กรามหรือน่อง): ผลลัพธ์อาจคงอยู่นานขึ้นประมาณ 4-6 เดือน

ผู้ที่มีมวลกล้ามเนื้อมากหรือออกกำลังกายหนักอาจพบว่าผลลัพธ์จางลงเร็วขึ้นและอาจต้องฉีดซ้ำบ่อยขึ้น

ราคาโบท็อกรักแร้: ปัจจัยกำหนดราคาและค่าใช้จ่ายโดยประมาณ

ปัจจัยที่มีผลต่อราคา: ยี่ห้อ จำนวนยูนิต และมาตรฐานคลินิก

ข้อมูลที่ให้มาไม่ได้กล่าวถึงปัจจัยที่มีผลต่อราคาโดยตรง แต่ได้เน้นย้ำว่ายี่ห้อของผลิตภัณฑ์ (เช่น Botox, Dysport, Xeomin) จำนวนยูนิตที่ใช้ และมาตรฐานของคลินิกกับความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลการรักษา

กรอบราคาโดยประมาณสำหรับการรักษา 1 ครั้ง

ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับกรอบราคาโดยประมาณสำหรับการรักษาในเอกสารที่ให้มา เนื่องจากเนื้อหาเน้นอธิบายในเชิงการแพทย์ เช่น กลไกการออกฤทธิ์ การใช้งานในจุดต่างๆ ผลข้างเคียง และการดูแลตัวเอง แต่ไม่ได้ระบุถึงค่าใช้จ่ายในการรักษา

ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกรักแร้

การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้ทำหัตถการที่มีประสบการณ์

การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและคลินิกที่มีชื่อเสียงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการรักษา ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ทำหัตถการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตและผ่านการฝึกอบรม เช่น แพทย์ผิวหนังหรือศัลยแพทย์ตกแต่งที่ได้รับการรับรอง

คลินิกที่น่าเชื่อถือจะใช้ผลิตภัณฑ์โบทูลินัมท็อกซินของแท้ที่ได้รับการรับรองและจัดเก็บอย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยรับประกันความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ของปลอมหรือจากตลาดมืดอาจเป็นอันตรายได้ ผู้ป่วยสามารถสอบถามเกี่ยวกับยี่ห้อของผลิตภัณฑ์ที่ใช้และตรวจสอบแนวทางการจัดเก็บของคลินิกได้

เปรียบเทียบกับวิธีลดเหงื่ออื่นๆ เช่น MiraDry หรือการผ่าตัด

จากข้อมูลที่ให้มา ไม่มีการเปรียบเทียบการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดเหงื่อกับวิธี MiraDry หรือการผ่าตัด

อย่างไรก็ตาม เอกสารระบุว่าการฉีดโบท็อกซ์ (onabotulinumtoxinA) สามารถลดการผลิตเหงื่อใต้วงแขนได้ประมาณ 75–80% โดยผลลัพธ์คงอยู่อย่างน้อย 6 เดือน และยังใช้รักษาภาวะเหงื่อออกที่ฝ่ามือได้อีกด้วย

การตั้งความคาดหวังต่อผลลัพธ์ที่สมจริง

ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกซ์เป็นการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว ซึ่งต้องอาศัยการรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อคงผลลัพธ์ไว้ โบท็อกซ์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อเพื่อลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ (Dynamic Wrinkles) หรือลดขนาดกล้ามเนื้อ แต่ไม่สามารถเติมเต็มร่องลึกหรือยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยได้

ประเด็นสำคัญในการตั้งความคาดหวังที่สมจริง ได้แก่

  • ระยะเวลาเห็นผล: สำหรับริ้วรอยจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 3-5 วัน และเห็นผลเต็มที่ใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนการลดขนาดกล้ามเนื้อ (เช่น กรามหรือน่อง) จะเห็นผลชัดเจนใน 2-3 เดือน
  • ระยะเวลาของผลลัพธ์: โดยทั่วไปผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 3-6 เดือน หลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะกลับมาทำงานได้ตามปกติ จึงจำเป็นต้องกลับมาฉีดซ้ำ
  • ข้อจำกัด: โบท็อกซ์ไม่สามารถทดแทนการรักษาประเภทอื่น เช่น ฟิลเลอร์ (สำหรับเติมเต็ม) หรือ HIFU (สำหรับยกกระชับผิว) และไม่สามารถให้ผลลัพธ์เทียบเท่าการผ่าตัดในผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยที่รุนแรง
  • การติดตามผล: โดยทั่วไปจะมีการนัดหมายเพื่อติดตามผลใน 2 สัปดาห์ เพื่อประเมินผลลัพธ์และอาจมีการเติมยาเล็กน้อยหากจำเป็นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมดุล

ผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดโบท็อกรักแร้

ผลข้างเคียงหลักจากการฉีดโบท็อกรักแร้คือ อาการเจ็บเล็กน้อยชั่วคราวบริเวณที่ฉีด และอาจมีเหงื่อออกชดเชยในบริเวณอื่นของร่างกาย โดยทั่วไปแล้ว การรักษานี้ถือว่าปลอดภัยและร่างกายทนต่อยาได้ดี

การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกรักแร้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกรักแร้คือการหลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด งดออกกำลังกายหนัก และหลีกเลี่ยงความร้อน เพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่และลดผลข้างเคียง

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:

  • ห้ามนวดหรือกด: ไม่ควรถู นวด หรือกดบริเวณที่ฉีดเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยากระจายไปยังกล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ต้องการ
  • งดกิจกรรมหนัก: ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ หรือการยกของหนักเป็นเวลา 6-24 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของรอยช้ำ
  • หลีกเลี่ยงความร้อน: ควรงดเข้าซาวน่า ห้องสตรีม หรือสัมผัสความร้อนจัดเป็นเวลา 1-2 วัน เนื่องจากความร้อนอาจเพิ่มอาการบวมและรอยช้ำได้
  • ประคบเย็น (ถ้าจำเป็น): หากมีอาการบวมหรือเจ็บ สามารถประคบเย็นเบาๆ ได้ แต่ต้องระวังไม่กดแรงเกินไป
  • ติดตามผล: ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นชัดเจนใน 1-2 สัปดาห์ ซึ่งแพทย์อาจนัดติดตามผลเพื่อประเมินและปรับแก้หากจำเป็น

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกรักแร้

โบท็อกรักแร้ช่วยลดเหงื่อและกลิ่นตัวได้จริงไหม

โบท็อกสามารถช่วยลดเหงื่อใต้วงแขนได้จริง โดยผลการศึกษาทางคลินิกแสดงให้เห็นว่าสามารถลดการผลิตเหงื่อได้ประมาณ 75–80% และผลลัพธ์คงอยู่นานอย่างน้อย 6 เดือนในผู้ป่วยส่วนใหญ่ การรักษานี้ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและทำงานในชีวิตประจำวันได้สะดวกขึ้น

ฉีดโบท็อกรักแร้เจ็บไหม

การฉีดโบท็อกรักแร้อาจทำให้เกิดความเจ็บปวดเล็กน้อยและเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวบริเวณที่ฉีด

ความเจ็บปวดดังกล่าวถือเป็นผลข้างเคียงหลักของการรักษาภาวะเหงื่อออกมากเกินไปด้วยโบท็อก แต่โดยทั่วไปแล้วผู้ป่วยสามารถทนต่อความเจ็บปวดได้ดี

โบท็อกรักแร้ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน

โดยทั่วไปแล้วผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกเพื่อลดเหงื่อใต้วงแขนจะคงอยู่อย่างน้อย 6 เดือนในผู้ป่วยส่วนใหญ่

ข้อมูลจากการทดลองทางคลินิกแสดงให้เห็นว่าการฉีดโบท็อกสามารถลดการผลิตเหงื่อใต้วงแขนได้ประมาณ 75–80% และจำเป็นต้องกลับมาฉีดซ้ำเพื่อรักษาระดับประสิทธิภาพดังกล่าวไว้

ต้องใช้โบท็อกรักแร้กี่ยูนิตถึงจะเห็นผล

จากข้อมูลที่ให้มา ไม่ได้ระบุจำนวนยูนิตของโบท็อกที่ใช้สำหรับรักษาเหงื่อออกใต้วงแขน

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยระบุว่าการรักษาสามารถลดการผลิตเหงื่อใต้วงแขนได้ประมาณ 75–80% และผลลัพธ์คงอยู่นานอย่างน้อย 6 เดือนในผู้ป่วยส่วนใหญ่

หลังฉีดโบท็อกรักแร้ห้ามทำอะไรบ้าง

หลังฉีดโบท็อกรักแร้ ควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด การออกกำลังกายอย่างหนัก และการสัมผัสความร้อนสูง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยากระจายไปยังส่วนที่ไม่ต้องการและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

ข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกรักแร้ ได้แก่

  • ห้ามนวดหรือถู: ไม่ควรถู นวด หรือกดบริเวณที่ฉีดเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • งดออกกำลังกายหนัก: ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนักหรือการยกของหนักเป็นเวลาประมาณ 6–24 ชั่วโมงหลังฉีด เพราะอาจเพิ่มการไหลเวียนเลือดและทำให้เกิดรอยช้ำได้
  • หลีกเลี่ยงความร้อน: งดเข้าซาวน่า ห้องสตรีม หรือสัมผัสกับความร้อนจัดเป็นเวลา 1–2 วัน เพื่อลดอาการบวมหรือรอยช้ำ
  • งดทำทรีตเมนต์อื่น: ไม่ควรทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์อื่นๆ บริเวณรักแร้เป็นเวลาประมาณ 7–14 วัน เพื่อให้ผิวและกล้ามเนื้อได้พักฟื้น

โบท็อกรักแร้ต่างจากการรักษาเหงื่อออกมากวิธีอื่นอย่างไร

โบท็อกรักแร้ทำงานโดยการ สกัดกั้นสัญญาณประสาทที่สั่งให้ต่อมเหงื่อผลิตเหงื่อ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่สาเหตุโดยตรง การรักษานี้สามารถลดการผลิตเหงื่อใต้วงแขนได้ประมาณ 75–80% และผลลัพธ์คงอยู่นานอย่างน้อย 6 เดือนในผู้ป่วยส่วนใหญ่ โดยทั่วไปแล้วเป็นวิธีที่ปลอดภัยและทนต่อผลข้างเคียงได้ดี โดยผลข้างเคียงหลักคืออาการเจ็บบริเวณที่ฉีดเล็กน้อยและเกิดขึ้นชั่วคราว

References:

  1. Bach K. & Simman R. The Multispecialty Toxin: A Literature Review of Botulinum Toxin. Plastic and Reconstructive Surgery – Global Open. journals.lww.com
  2. Lowe N. & Naumann M. Treatment of hyperhidrosis with Botox (onabotulinumtoxinA): Development, insights, and impact. Medicine (Baltimore). pmc.ncbi.nlm.nih.gov
  3. Cleveland Clinic. Botox (Botulinum Toxin) Injections: Treatment, Recovery & Side Effects. Cleveland Clinic Health Library. clevelandclinic.org
  4. Hu J. et al. Mild Allergic Reactions after Botulinum Toxin Injection: A Case Series and Literature Review. (Published in a Wolters Kluwer journal on behalf of ASPS). pmc.ncbi.nlm.nih.gov
  5. Lin J. et al. Clinical observations on hypersensitive reactions to botulinum toxin type A and proposed precautions. Chinese Academy of Medical Sciences – Plastic Surgery Hosp. (Case report). pmc.ncbi.nlm.nih.gov
  6. Body Catalyst Clinic. HIFU vs Botox – Non-Surgical Facelift or Muscle Relaxer? Body Catalyst Blog. bodycatalyst.com.au

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
ฉีด sculptra ราคาเท่าไหร่ คุ้มไหม เสี่ยงหรือไม่
NextContinue
ฉีดโบลดกราม กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานไหม ราคา‑ปัจจัยที่มีผล

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube