Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Lifting

ขูดฟิลเลอร์เจ็บไหม? อันตรายหรือเปล่า? รู้ก่อนตัดสินใจ

Byadmin กันยายน 29, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on กันยายน 29, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
ขูดฟิลเลอร์เจ็บไหม? อันตรายหรือเปล่า? รู้ก่อนตัดสินใจ

Table of Contents

Toggle
  • ขูดฟิลเลอร์เจ็บไหม? และอันตรายหรือไม่?
    • ความรู้สึกระหว่างทำและหลังทำ
    • ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
    • ความปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • ขั้นตอนการขูดฟิลเลอร์
    • การประเมินและเตรียมตัวก่อนทำ
    • เทคนิคและวิธีการขูดฟิลเลอร์
    • การดูแลหลังการขูดฟิลเลอร์
  • ขูดฟิลเลอร์บริเวณไหนได้บ้าง? และราคาเท่าไหร่?
    • ราคาสำหรับการสลายหรือขูดฟิลเลอร์แบ่งตามวิธีได้ดังนี้:
    • ขูดฟิลเลอร์คาง
    • ขูดฟิลเลอร์จมูก
    • ขูดฟิลเลอร์ปาก
    • ขูดฟิลเลอร์ใต้ตา
    • ขูดฟิลเลอร์หน้าผาก
    • ค่าใช้จ่ายโดยประมาณของการขูดฟิลเลอร์
  • ก่อนตัดสินใจขูดฟิลเลอร์: สิ่งที่ควรรู้
    • การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้มีประสบการณ์
    • ความคาดหวังที่เป็นจริงและระยะเวลาพักฟื้น
    • ทางเลือกอื่นในการแก้ไขปัญหาฟิลเลอร์ (เช่น การฉีดสลายฟิลเลอร์)
  • ข้อควรระวังและสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
    • การปล่อยปัญหาฟิลเลอร์ทิ้งไว้
    • การเลือกสถานบริการที่ไม่น่าเชื่อถือ
    • การดูแลตัวเองที่ไม่ถูกต้องหลังทำ
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการขูดฟิลเลอร์
    • ขูดฟิลเลอร์แล้วหน้าจะกลับมาเป็นปกติไหม?
    • การฉีดสลายฟิลเลอร์กับการขูดฟิลเลอร์ต่างกันอย่างไร?
    • ขูดฟิลเลอร์ใช้เวลานานเท่าไหร่?
    • สามารถฉีดฟิลเลอร์ใหม่ได้ทันทีหลังขูดไหม?
    • ขูดฟิลเลอร์แล้วเป็นแผลเป็นหรือไม่?
  • References:

ขูดฟิลเลอร์เจ็บไหม? และอันตรายหรือไม่?

โดยทั่วไปแล้ว การขูดหรือสลายฟิลเลอร์ มีความเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลางและถือว่าปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ระดับความเจ็บขึ้นอยู่กับวิธีการนำฟิลเลอร์ออก:

  • การฉีดสลาย (สำหรับฟิลเลอร์ HA): ผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บหรือแสบเล็กน้อยคล้ายกับการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นความเจ็บที่ทนได้และเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว
  • การผ่าตัดขูด (สำหรับฟิลเลอร์ถาวร): จะทำภายใต้การใช้ยาชา ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บระหว่างทำ แต่อาจมีอาการปวดระบมหลังผ่าตัดซึ่งสามารถควบคุมได้ด้วยยาแก้ปวด

ในด้านความปลอดภัย การนำฟิลเลอร์ออกมีความเสี่ยงต่ำเมื่อทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน การฉีดสลายมีความเสี่ยงน้อยมากที่จะเกิดอาการแพ้ ส่วนการผ่าตัดมีความเสี่ยงทั่วไป เช่น การติดเชื้อหรือแผลเป็น แต่พบได้น้อยเมื่อใช้เทคนิคที่เหมาะสม

ความรู้สึกระหว่างทำและหลังทำ

ความรู้สึกระหว่างการเอาฟิลเลอร์ออกจะแตกต่างกันไปตามวิธีที่ใช้ โดยการฉีดสลายจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยคล้ายแสบๆ ชั่วคราว ส่วนการผ่าตัดจะทำภายใต้การใช้ยาชาจึงไม่รู้สึกเจ็บระหว่างทำ

ระหว่างทำ:

  • การฉีดสลาย: ผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยหรือไม่สบายตัว คล้ายอาการแสบเบาๆ บริเวณที่ฉีด แต่ความรู้สึกนี้จะหายไปอย่างรวดเร็ว แพทย์อาจใช้ยาชาเพื่อช่วยลดความเจ็บปวด
  • การผ่าตัด: จะทำภายใต้การใช้ยาชาหรือยาสลบ ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บปวดในระหว่างขั้นตอน
  • หลังทำ:
  • การฉีดสลาย: อาจมีอาการบวมหรือช้ำเล็กน้อย ซึ่งโดยทั่วไปจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน
  • การผ่าตัด: อาจมีอาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลางบริเวณแผล ซึ่งสามารถควบคุมได้ด้วยยาแก้ปวด และจะมีอาการบวมช้ำที่อาจใช้เวลา 2-3 สัปดาห์กว่าจะจางลง

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงของการสลายฟิลเลอร์นั้นมีน้อย โดยมักพบอาการบวม ช้ำ หรือเจ็บเล็กน้อยชั่วคราว ในขณะที่การผ่าตัดนำฟิลเลอร์ออกมีความเสี่ยงเหมือนการผ่าตัดทั่วไป เช่น การติดเชื้อ เลือดออก หรือแผลเป็น

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงจะแตกต่างกันไปตามวิธีการ ดังนี้

  • การฉีดสลายด้วยเอนไซม์ (Hyaluronidase):
  • ผลข้างเคียงทั่วไป: อาการเจ็บหรือแสบเล็กน้อยขณะฉีด, บวม, ช้ำ ซึ่งมักจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน
  • ความเสี่ยงที่พบได้น้อย: อาการแพ้เอนไซม์ ซึ่งพบได้ยาก (โดยเฉพาะในผู้ที่แพ้พิษผึ้ง) และสามารถทดสอบการแพ้ก่อนทำได้
  • การผ่าตัดนำฟิลเลอร์ออก:
  • ผลข้างเคียงทั่วไป: อาการปวด บวม และรอยช้ำหลังผ่าตัด ซึ่งจะค่อยๆ ดีขึ้นในเวลา 2-3 สัปดาห์
  • ความเสี่ยง: มีความเสี่ยงมาตรฐานของการผ่าตัด เช่น เลือดออก, การติดเชื้อ, แผลเป็น (ซึ่งแพทย์จะพยายามซ่อนรอยแผล) และการบาดเจ็บของเส้นประสาทในบางกรณี

ความเสี่ยงเหล่านี้จะลดลงอย่างมากหากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

ความปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การสลายฟิลเลอร์ถือเป็นหัตถการที่ปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น แพทย์ผิวหนังและศัลยแพทย์ตกแต่งที่ได้รับการรับรอง เนื่องจากแพทย์จะปฏิบัติตามระเบียบการที่เข้มงวดเพื่อลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด

  • การฉีดสลายด้วยเอนไซม์ (Hyaluronidase): มีประวัติด้านความปลอดภัยที่ดีมาก ความเสี่ยงส่วนใหญ่คืออาการบวมหรือช้ำชั่วคราว และมีโอกาสเกิดอาการแพ้ได้น้อยมาก ซึ่งแพทย์สามารถป้องกันได้โดยการทดสอบอาการแพ้ก่อนทำ
  • การผ่าตัดนำฟิลเลอร์ออก: มีความเสี่ยงตามมาตรฐานการผ่าตัดทั่วไป เช่น การติดเชื้อ เลือดออก หรือแผลเป็น แต่ความเสี่ยงเหล่านี้จะลดลงอย่างมากเมื่อทำด้วยเทคนิคที่เหมาะสมและปลอดเชื้อโดยศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์

ขั้นตอนการขูดฟิลเลอร์

การประเมินและเตรียมตัวก่อนทำ

การประเมินและเตรียมตัวก่อนการสลายหรือผ่าตัดฟิลเลอร์เกี่ยวข้องกับการตรวจสภาพร่างกายและชนิดของฟิลเลอร์อย่างละเอียด เพื่อวางแผนการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด โดยมีขั้นตอนสำคัญดังนี้

  • การตรวจสอบประวัติ: แพทย์จะซักประวัติและตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับชนิดของฟิลเลอร์ที่เคยฉีด
  • การตรวจด้วยภาพถ่ายทางการแพทย์: อาจมีการใช้อัลตราซาวด์ความละเอียดสูงหรือ MRI เพื่อระบุตำแหน่งและขอบเขตของฟิลเลอร์ โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่ทราบชนิด
  • การประเมินสภาพร่างกายและจิตใจ: แพทย์จะประเมินสุขภาพโดยรวม, ปัญหาการใช้งานของอวัยวะในบริเวณที่ฉีด (เช่น ขยับปากลำบาก) และความพร้อมทางจิตใจของผู้ป่วย
  • การทดสอบการแพ้: ในกรณีที่ต้องสลายฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic Acid (HA) อาจมีการทดสอบการแพ้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ก่อนทำการรักษา
  • การให้ยาเตรียมความพร้อม: หากสงสัยว่ามีการติดเชื้อหรืออักเสบรุนแรง แพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะหรือยาลดการอักเสบก่อนทำหัตถการ
  • การให้ข้อมูลและถ่ายภาพ: ผู้ป่วยจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอน ความเสี่ยง และผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ พร้อมทั้งมีการถ่ายภาพก่อนทำเพื่อใช้เปรียบเทียบผลการรักษา

เทคนิคและวิธีการขูดฟิลเลอร์

เทคนิคการนำฟิลเลอร์ออกมี 2 วิธีหลัก คือ การฉีดสลายด้วยเอนไซม์สำหรับฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) และการผ่าตัดนำออกสำหรับฟิลเลอร์ชนิดถาวร การเลือกใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และลักษณะของปัญหา

  • การฉีดสลายด้วยเอนไซม์ (Enzymatic Dissolution): เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยแพทย์จะฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เข้าไปในบริเวณที่มีฟิลเลอร์ HA เพื่อสลายฟิลเลอร์ให้กลายเป็นสารที่ร่างกายสามารถดูดซึมและกำจัดออกไปได้เอง ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นภายใน 24-48 ชั่วโมง วิธีนี้เหมาะสำหรับฟิลเลอร์ HA เท่านั้น และมีข้อดีคือใช้เวลาไม่นานและพักฟื้นน้อย
  • การผ่าตัดนำฟิลเลอร์ออก (Surgical Removal): เป็นวิธีสำหรับฟิลเลอร์ชนิดถาวร (เช่น ซิลิโคน) ที่ไม่สามารถสลายได้ด้วยเอนไซม์ ศัลยแพทย์จะเปิดแผลเพื่อเข้าไปนำก้อนฟิลเลอร์และพังผืดโดยรอบออกโดยตรง โดยมักจะซ่อนรอยแผลไว้ในตำแหน่งที่สังเกตเห็นได้ยาก เช่น ในช่องปาก หรือตามรอยพับของผิวหนัง วิธีนี้เป็นการผ่าตัดจึงต้องใช้ยาชาและมีระยะเวลาพักฟื้นนานกว่า

การดูแลหลังการขูดฟิลเลอร์

การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดขูดฟิลเลอร์ ประกอบด้วยการรักษาความสะอาดของแผล การประคบเย็นเพื่อลดบวม การหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรง และการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

เพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่น ควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้:

  • การดูแลแผล: รักษาความสะอาดบริเวณที่ผ่าตัดตามคำแนะนำของศัลยแพทย์ เช่น การเช็ดด้วยน้ำเกลือ และทายาปฏิชีวนะหากได้รับ
  • ลดอาการบวม: ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก ควรประคบเย็นและนอนหนุนศีรษะให้สูงเพื่อช่วยลดอาการบวม
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรม: งดการออกกำลังกายหนักๆ หรือการออกแรงอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ และงดสูบบุหรี่เนื่องจากจะขัดขวางกระบวนการหายของแผล
  • สังเกตอาการผิดปกติ: หากมีอาการติดเชื้อ เช่น แผลแดงขึ้น ร้อน มีหนอง หรือมีอาการบวมและปวดอย่างรวดเร็ว ให้รีบแจ้งแพทย์ทันที
  • การดูแลแผลเป็น: เมื่อแผลหายดีแล้ว อาจใช้เจลหรือแผ่นซิลิโคนตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อช่วยให้รอยแผลเป็นจางลง
  • การนัดหมาย: ไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษา

ขูดฟิลเลอร์บริเวณไหนได้บ้าง? และราคาเท่าไหร่?

การขูดหรือสลายฟิลเลอร์สามารถทำได้ในหลายบริเวณบนใบหน้า เช่น คาง จมูก ริมฝีปาก ใต้ตา และหน้าผาก โดยราคาจะขึ้นอยู่กับวิธีการรักษาและตำแหน่งที่ทำ

ราคาสำหรับการสลายหรือขูดฟิลเลอร์แบ่งตามวิธีได้ดังนี้:

  • การฉีดสลายด้วยเอนไซม์ (สำหรับฟิลเลอร์ไฮยาลูรอนิก แอซิด): มีค่าใช้จ่ายประมาณ 2,500–5,000 บาทต่อครั้งต่อบริเวณ
  • การผ่าตัดขูดฟิลเลอร์ (สำหรับฟิลเลอร์ชนิดถาวร): เป็นหัตถการที่มีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก ซึ่งอาจมีราคาตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลายหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเคส

ขูดฟิลเลอร์คาง

การขูดหรือผ่าตัดนำฟิลเลอร์คางออกเป็นการผ่าตัดเพื่อนำฟิลเลอร์ชนิดถาวร (เช่น ซิลิโคน) ออก โดยมักทำผ่านแผลในช่องปากเพื่อซ่อนรอยแผลเป็น ส่วนฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูรอนิก (HA) สามารถฉีดสลายได้โดยไม่ต้องผ่าตัด

การนำฟิลเลอร์คางออกมี 2 วิธีหลัก ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์

  • การผ่าตัด: ใช้สำหรับฟิลเลอร์ชนิดถาวรที่ไม่สามารถสลายได้ ศัลยแพทย์จะเปิดแผลซึ่งส่วนใหญ่มักทำจากด้านในของริมฝีปากล่างเพื่อไม่ให้เกิดแผลเป็นภายนอก จากนั้นจะค่อยๆ เลาะเพื่อนำฟิลเลอร์และพังผืดโดยรอบออกอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนเส้นประสาทที่ให้ความรู้สึกบริเวณคาง วิธีนี้สามารถแก้ไขปัญหาคางที่เป็นก้อนแข็งหรือผิดรูปได้
  • การฉีดสลาย: ใช้สำหรับฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูรอนิก (HA) เท่านั้น โดยแพทย์จะฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เข้าไปเพื่อสลายฟิลเลอร์ให้หมดไป ซึ่งเป็นวิธีที่รวดเร็ว ไม่ต้องผ่าตัด และมีแผลน้อย

ขูดฟิลเลอร์จมูก

การขูดฟิลเลอร์จมูกคือการผ่าตัดเพื่อนำฟิลเลอร์ชนิดถาวรออก ซึ่งเป็นวิธีที่จำเป็นสำหรับฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายได้ เช่น ซิลิโคน ที่อาจทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังหรือผิดรูป

โดยทั่วไป ศัลยแพทย์จะใช้วิธีผ่าตัดแบบเปิด (Open Rhinoplasty) เพื่อให้สามารถมองเห็นและนำฟิลเลอร์ออกได้อย่างระมัดระวัง โดยไม่กระทบต่อโครงสร้างของจมูก ในทางตรงกันข้าม หากเป็นฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) แพทย์จะใช้วิธีฉีดเอนไซม์เพื่อสลายฟิลเลอร์แทนการผ่าตัด

ขูดฟิลเลอร์ปาก

การขูดฟิลเลอร์ปากคือการผ่าตัดเพื่อนำฟิลเลอร์ชนิดถาวร (เช่น ซิลิโคน) ออก โดยศัลยแพทย์จะสร้างแผลขนาดเล็กบริเวณริมฝีปากด้านในเพื่อซ่อนรอยแผลเป็น จากนั้นจึงค่อยๆ เลาะและนำก้อนฟิลเลอร์ออกมา

การผ่าตัดนี้สงวนไว้สำหรับฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายได้เองหรือฉีดสลายได้เท่านั้น เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงที่จะเกิดแผลเป็นหรือความเสียหายต่อเนื้อเยื่อริมฝีปากได้ สำหรับฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ที่ใช้กันโดยทั่วไป สามารถนำออกได้ด้วยการฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เพื่อสลายฟิลเลอร์โดยไม่ต้องผ่าตัด

ขูดฟิลเลอร์ใต้ตา

การนำฟิลเลอร์ใต้ตาออกส่วนใหญ่มักใช้วิธีฉีดสลายด้วยเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เนื่องจากฟิลเลอร์ที่ใช้บริเวณนี้มักเป็นชนิดไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA) ซึ่งสามารถสลายได้

วิธีนี้มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน, บวมผิดปกติ, หรือเกิดเงาสีฟ้าอมเทา (Tyndall effect) โดยหลังฉีดสลายแล้วผิวบริเวณใต้ตาจะกลับคืนสู่สภาพเดิมก่อนฉีด

ส่วนการผ่าตัดขูดฟิลเลอร์ออกนั้นจำเป็นเฉพาะในกรณีที่เป็นฟิลเลอร์ชนิดอื่นที่ไม่สามารถสลายได้ หรือเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ก้อนแกรนูโลมา (Granuloma) ซึ่งเป็นวิธีที่พบได้ไม่บ่อยนักสำหรับบริเวณใต้ตา

ขูดฟิลเลอร์หน้าผาก

การเอาฟิลเลอร์หน้าผากออกสามารถทำได้โดยการฉีดเอนไซม์สลายสำหรับฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA) หรือการผ่าตัดสำหรับฟิลเลอร์ชนิดถาวร ซึ่งการเลือกวิธีจะขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และปัญหาที่เกิดขึ้น

  • การฉีดสลาย (Enzymatic Dissolution): เป็นวิธีที่ใช้สำหรับฟิลเลอร์ชนิด HA ที่ไม่เรียบเนียนหรือเป็นก้อน แพทย์จะฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เพื่อสลายฟิลเลอร์ให้ร่างกายดูดซึมไปตามธรรมชาติ เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดและเห็นผลในไม่กี่วัน
  • การผ่าตัด (Surgical Removal): หากเป็นฟิลเลอร์ชนิดถาวร เช่น ซิลิโคน จำเป็นต้องใช้วิธีผ่าตัดเพื่อนำสารฟิลเลอร์ออก โดยศัลยแพทย์จะเปิดแผลขนาดเล็กในบริเวณที่สามารถซ่อนได้ เช่น ตามไรผมหรือรอยพับหน้าผาก เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อเส้นประสาท

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณของการขูดฟิลเลอร์

ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดนำฟิลเลอร์ออก มีราคาแตกต่างกันอย่างมากตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลายพันดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของเคส

ค่าใช้จ่ายจะครอบคลุมค่าธรรมเนียมศัลยแพทย์ ค่าสถานพยาบาล และค่ายาสลบ โดยการผ่าตัดเล็กน้อยที่ใช้ยาชาเฉพาะที่จะมีราคาถูกกว่า ในขณะที่เคสที่ต้องผ่าตัดในวงกว้างและใช้ยาสลบจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก ซึ่งอาจเทียบเท่ากับการผ่าตัดเสริมสร้างได้

ก่อนตัดสินใจขูดฟิลเลอร์: สิ่งที่ควรรู้

การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้มีประสบการณ์

การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ควรพิจารณาจากแพทย์ที่ได้รับการรับรองและสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือซึ่งให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและมีประสบการณ์ในการแก้ไขภาวะแทรกซ้อน

คุณสมบัติของคลินิกและแพทย์ที่น่าเชื่อถือ มีดังนี้:

  • มีความพร้อมรับมือภาวะแทรกซ้อน: คลินิกที่มีชื่อเสียงจะมีเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เตรียมพร้อมไว้เสมอเมื่อมีการฉีดฟิลเลอร์ HA
  • มีมาตรฐานความปลอดภัย: มีการทดสอบการแพ้เอนไซม์หากจำเป็น และให้คำแนะนำการดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังทำหัตถการอย่างชัดเจน
  • สามารถให้การรักษาที่ครอบคลุม: ควรเลือกแพทย์ที่สามารถให้การรักษาได้หลากหลายวิธี ไม่ใช่แค่การฉีดสลายด้วยเอนไซม์ แต่รวมถึงการผ่าตัดนำฟิลเลอร์ออกในกรณีที่เป็นฟิลเลอร์ชนิดถาวร
  • มีประสบการณ์และโปร่งใส: ผู้ป่วยควรถามแพทย์เกี่ยวกับประสบการณ์ในการแก้ไขเคสที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งแพทย์ที่ดีจะให้ข้อมูลตามจริงเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่คาดหวังได้
  • หลีกเลี่ยงผู้ให้บริการที่ไม่ใช่แพทย์: ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงมักเกิดจากการฉีดโดยบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสม ดังนั้นจึงไม่ควรกลับไปแก้ไขกับผู้ฉีดที่ไม่มีประสบการณ์คนเดิม

ความคาดหวังที่เป็นจริงและระยะเวลาพักฟื้น

ระยะเวลาพักฟื้นหลังการสลายฟิลเลอร์ด้วยเอนไซม์จะใช้เวลาไม่กี่วัน ในขณะที่การผ่าตัดนำฟิลเลอร์ออกอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือนกว่าจะเข้าที่ โดยความคาดหวังที่เป็นจริงคือใบหน้าจะกลับคืนสู่สภาพเดิมก่อนการฉีดฟิลเลอร์

  • การสลายด้วยเอนไซม์ (สำหรับฟิลเลอร์ HA):
  • ระยะเวลาพักฟื้น: ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นภายใน 24-48 ชั่วโมง และจะเห็นผลเต็มที่ในเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ อาจมีอาการบวมเล็กน้อยหลังฉีดซึ่งจะหายไปเอง
  • ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: เนื้อเยื่อจะกลับสู่สภาพเดิมก่อนฉีดฟิลเลอร์โดยไม่มีความเสียหายถาวร ปัญหาเดิม เช่น ริ้วรอยหรือความลึกก็จะกลับมาปรากฏดังเดิม
  • การผ่าตัดนำฟิลเลอร์ออก (สำหรับฟิลเลอร์ถาวร):
  • ระยะเวลาพักฟื้น: จะมีอาการบวมและรอยช้ำอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจใช้เวลา 2-3 สัปดาห์จึงจะจางลง และอาจใช้เวลา 2-3 เดือนกว่าเนื้อเยื่อจะเข้าที่สมบูรณ์
  • ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: ในช่วงแรกผลลัพธ์จะยังไม่ชัดเจนเนื่องจากอาการบวม แต่รูปทรงที่ผิดปกติจะหายไป เมื่อเวลาผ่านไป 1 เดือนจะเริ่มเห็นรูปหน้าที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น ในบางกรณีอาจไม่สามารถนำฟิลเลอร์ออกได้ทั้งหมด 100% เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อเส้นประสาท

ทางเลือกอื่นในการแก้ไขปัญหาฟิลเลอร์ (เช่น การฉีดสลายฟิลเลอร์)

ทางเลือกหลักในการแก้ไขปัญหาฟิลเลอร์ ได้แก่ การฉีดสลายด้วยเอนไซม์ การผ่าตัดนำออก และการรอให้สลายไปเอง ซึ่งจะเลือกใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และความรุนแรงของปัญหา

  • การฉีดสลายด้วยเอนไซม์ (Hyaluronidase): เป็นทางเลือกแรกสำหรับฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA) เนื่องจากไม่ต้องผ่าตัดและมีประสิทธิภาพสูง สามารถใช้เพื่อสลายฟิลเลอร์ออกทั้งหมด หรือสลายเพียงบางส่วนเพื่อปรับแก้เล็กน้อยได้
  • การผ่าตัดนำออก: เหมาะสำหรับฟิลเลอร์ชนิดถาวร (เช่น ซิลิโคน, PMMA) ที่ไม่สามารถสลายด้วยเอนไซม์ได้ หรือในกรณีที่การฉีดสลายไม่ได้ผล
  • การใช้ยา: ในกรณีที่เกิดก้อนจากฟิลเลอร์กลุ่มกระตุ้นคอลลาเจน (เช่น Sculptra, Radiesse) แพทย์อาจพิจารณาฉีดสเตียรอยด์เพื่อลดขนาดก้อนแทนการผ่าตัด
  • การรอให้สลายไปเอง: หากไม่พอใจผลลัพธ์เพียงเล็กน้อยและเป็นฟิลเลอร์ชนิดชั่วคราว สามารถรอให้ฟิลเลอร์สลายไปเองตามธรรมชาติได้ ซึ่งอาจใช้เวลา 6-12 เดือนหรือนานกว่านั้น

ข้อควรระวังและสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

การปล่อยปัญหาฟิลเลอร์ทิ้งไว้

การปล่อยปัญหาฟิลเลอร์ทิ้งไว้อาจนำไปสู่ความเสียหายต่อเนื้อเยื่อ การติดเชื้อ และการเสียโฉมอย่างถาวรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผลที่ตามมาอาจรวมถึง:

  • การตายของเนื้อเยื่อ: หากฟิลเลอร์อุดตันหลอดเลือดและไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน อาจทำให้ผิวหนังขาดเลือดและตายได้
  • การอักเสบเรื้อรังและพังผืด: ฟิลเลอร์ชนิดถาวร เช่น ซิลิโคน สามารถทำให้เกิดก้อนแข็ง การบวมซ้ำๆ และพังผืด ซึ่งจะทำให้ใบหน้าผิดรูปและแข็งกระด้างเมื่อเวลาผ่านไป
  • การติดเชื้อรุนแรง: การติดเชื้อที่ไม่ได้รับการรักษาอาจลุกลามกลายเป็นฝีหนอง หรือทำให้ผิวหนังเป็นแผลเปื่อยได้
  • ผลกระทบทางจิตใจ: ลักษณะใบหน้าที่ผิดเพี้ยนไปจากฟิลเลอร์ที่มีปัญหา สามารถส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและสุขภาพจิตได้อย่างมาก

การเลือกสถานบริการที่ไม่น่าเชื่อถือ

การเลือกสถานบริการที่ไม่น่าเชื่อถืออาจนำไปสู่การรักษาที่ไม่เหมาะสมและเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เนื่องจากผู้ให้บริการที่ขาดคุณสมบัติมักจะก่อให้เกิดปัญหาได้ง่ายกว่า

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่:

  • การใช้สารที่ไม่ถูกต้อง: อาจมีการใช้สารอื่น เช่น น้ำเกลือหรือเอนไซม์ที่ไม่รู้จัก มาฉีดสลายฟิลเลอร์แทน ซึ่งอาจไม่ได้ผลหรือทำให้เกิดอาการแพ้
  • การจัดการเหตุฉุกเฉินที่ไม่ดีพอ: สถานบริการอาจไม่มีความพร้อมในการรับมือกับอาการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis) ที่อาจเกิดจากการฉีดสลายฟิลเลอร์
  • การติดเชื้อ: การรักษาที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานความสะอาดอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
  • การรักษาที่ไม่สมบูรณ์: อาจไม่สามารถนำฟิลเลอร์ออกได้ทั้งหมด ทำให้ปัญหายังคงอยู่และยืดเยื้อต่อไป

การดูแลตัวเองที่ไม่ถูกต้องหลังทำ

การดูแลตัวเองที่ไม่ถูกต้องหลังการกำจัดฟิลเลอร์คือ การออกกำลังกายอย่างหนัก การดื่มแอลกอฮอล์ การสัมผัสหรือกดบริเวณที่ทำ และการใช้ยาบางชนิดที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ ซึ่งการกระทำเหล่านี้อาจทำให้เกิดรอยช้ำ บวม หรือส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวได้

พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงหลังการกำจัดฟิลเลอร์ ได้แก่

  • หลังการฉีดสลายด้วยเอนไซม์:
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนักหรือการกดทับบริเวณที่ทำเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 วัน เพื่อลดอาการบวมช้ำ
  • ห้ามจับ สัมผัส หรือนวดคลึงบริเวณที่ฉีด เพราะอาจทำให้เอนไซม์กระจายตัวไม่สม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เช่น แอสไพริน หรือไอบูโพรเฟน เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
  • หลังการผ่าตัดนำฟิลเลอร์ออก:
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากหรือการยกของหนักเป็นเวลาประมาณ 3 สัปดาห์
  • ห้ามสูบบุหรี่ เพราะจะขัดขวางกระบวนการสมานแผล
  • หลีกเลี่ยงการรบกวนผ้าปิดแผลหรือเทปจนกว่าจะถึงวันนัดติดตามผล

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการขูดฟิลเลอร์

ขูดฟิลเลอร์แล้วหน้าจะกลับมาเป็นปกติไหม?

โดยส่วนใหญ่แล้ว ใบหน้าสามารถกลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนฉีดฟิลเลอร์ได้ แต่ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์และวิธีการนำออก

  • ฟิลเลอร์ไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA): การฉีดสลายด้วยเอนไซม์จะทำให้เนื้อเยื่อกลับคืนสู่สภาพเดิมโดยไม่เกิดความเสียหายถาวร แต่ปัญหาผิวเดิมที่เคยมี เช่น ริ้วรอยหรือร่องลึก ก็จะกลับมาปรากฏดังเดิม
  • ฟิลเลอร์ถาวร (เช่น ซิลิโคน): การผ่าตัดขูดออกมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูให้ใบหน้ากลับมาเป็นปกติ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายอาจขึ้นอยู่กับว่าฟิลเลอร์ได้สร้างความเสียหาย เช่น พังผืดหรือการสูญเสียเนื้อเยื่อไว้ก่อนหน้าหรือไม่

การฉีดสลายฟิลเลอร์กับการขูดฟิลเลอร์ต่างกันอย่างไร?

การฉีดสลายฟิลเลอร์เป็นการใช้เอนไซม์เพื่อสลายฟิลเลอร์ทางเคมี ในขณะที่การขูดฟิลเลอร์เป็นการผ่าตัดเพื่อนำฟิลเลอร์ออกทางกายภาพ ซึ่งแต่ละวิธีเหมาะกับชนิดของฟิลเลอร์และสถานการณ์ที่แตกต่างกัน

ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างสองวิธีนี้ ได้แก่

คุณสมบัติ การฉีดสลายฟิลเลอร์ (Enzymatic Dissolution) การขูดฟิลเลอร์ (Surgical Removal)
วิธีการ ฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เพื่อสลายฟิลเลอร์ ผ่าตัดเปิดแผลเพื่อนำก้อนฟิลเลอร์ออก
ชนิดฟิลเลอร์ ใช้ได้กับฟิลเลอร์ชนิดกรดไฮยาลูรอนิก (HA) เท่านั้น ใช้ได้กับฟิลเลอร์ทุกชนิด โดยเฉพาะฟิลเลอร์ถาวร เช่น ซิลิโคน
แผลเป็น ไม่มีแผลเป็น มีแผลเป็น ซึ่งศัลยแพทย์จะพยายามซ่อนไว้ในตำแหน่งที่เห็นได้ยาก
การพักฟื้น น้อยมาก อาจมีอาการบวมเล็กน้อย 2-3 วัน นานกว่า มีอาการบวมช้ำได้นานหลายสัปดาห์ และต้องดูแลแผลผ่าตัด
ความเสี่ยง ความเสี่ยงต่ำ อาจเกิดอาการแพ้เอนไซม์ได้ (พบได้น้อย) มีความเสี่ยงของการผ่าตัดทั่วไป เช่น การติดเชื้อ เลือดออก หรือกระทบกระเทือนเส้นประสาท

ขูดฟิลเลอร์ใช้เวลานานเท่าไหร่?

ระยะเวลาในการขูดฟิลเลอร์ขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา โดยอาจใช้เวลาตั้งแต่ 5-15 นาทีสำหรับการฉีดสลาย ไปจนถึงหลายชั่วโมงสำหรับการผ่าตัด

  • การฉีดสลายฟิลเลอร์ (Enzymatic Dissolution): เป็นวิธีที่รวดเร็วมาก โดยทั่วไปใช้เวลาฉีดเพียง 5-15 นาที
  • การผ่าตัดนำฟิลเลอร์ออก (Surgical Removal): ระยะเวลาจะแตกต่างกันไป ตั้งแต่ 20-30 นาทีสำหรับเคสที่ไม่ซับซ้อน ไปจนถึงหลายชั่วโมงสำหรับเคสที่มีความซับซ้อนสูงหรือต้องนำฟิลเลอร์ออกในหลายบริเวณ

สามารถฉีดฟิลเลอร์ใหม่ได้ทันทีหลังขูดไหม?

ไม่สามารถฉีดฟิลเลอร์ใหม่ได้ทันทีหลังการขูดฟิลเลอร์ โดยทั่วไปแนะนำให้รออย่างน้อย 3-6 เดือน เพื่อให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นได้ฟื้นตัวเต็มที่ แผลเป็นนิ่มลง และโครงสร้างมีความคงที่ก่อนที่จะทำการฉีดสารเติมเต็มชนิดใหม่เข้าไป

ขูดฟิลเลอร์แล้วเป็นแผลเป็นหรือไม่?

การขูดฟิลเลอร์ทำให้เกิดแผลเป็นได้ เนื่องจากการผ่าตัดเพื่อนำฟิลเลอร์ออกจำเป็นต้องมีการกรีดผิวหนัง อย่างไรก็ตาม ศัลยแพทย์จะพยายามซ่อนรอยแผลไว้ในบริเวณที่สังเกตเห็นได้ยาก เช่น ในช่องปาก หรือตามรอยพับของผิวหนัง ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปและได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม แผลเป็นส่วนใหญ่จะจางลงจนแทบมองไม่เห็น

References:

  1. National Institutes of Health. nih.gov
  2. U.S. Food and Drug Administration. fda.gov
  3. Journal of Clinical and Aesthetic Dermatology. jcadonline.com
  4. MDPI. mdpi.com
  5. American Society of Plastic Surgeons. plasticsurgery.org
  6. London Facial Surgery. londonfacialsurgery.org

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
ทำ HIFU อยู่ได้นานไหม? ต้องทำบ่อยแค่ไหนถึงจะเห็นผล?
NextContinue
ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม? ข้อควรรู้และวิธีเลือกคลินิกให้ปลอดภัย

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube