Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Lifting

ฉีดฟิลเลอร์ขมับ กี่ CC ถึงจะเหมาะ? อยู่ได้นานแค่ไหน | ข้อที่ควรรู้

Byadmin ตุลาคม 9, 2025ตุลาคม 9, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on ตุลาคม 9, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
ฉีดฟิลเลอร์ขมับ กี่ CC ถึงจะเหมาะ? อยู่ได้นานแค่ไหน | ข้อที่ควรรู้

ฟิลเลอร์ขมับ คือการฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิกแอซิดเพื่อแก้ไขปัญหาร่องลึกบริเวณขมับที่ตอบลงตามวัย ช่วยฟื้นฟูความอิ่มฟูทำให้ใบหน้าดูสมดุลและอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น พร้อมช่วยพยุงโครงสร้างผิวบริเวณหางตาและหางคิ้ว โดยผลลัพธ์หลังฉีดจะเข้าที่ใน 2 สัปดาห์

Table of Contents

Toggle
  • ฟิลเลอร์ขมับคืออะไร และเหมาะกับใครบ้าง
    • ลักษณะปัญหาขมับตอบที่ฟิลเลอร์ช่วยแก้ไขได้
    • ใครคือผู้ที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ขมับ
    • ข้อดีของการปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์ขมับ
  • ปริมาณฟิลเลอร์ขมับที่เหมาะสม: ต้องใช้กี่ CC
    • ปัจจัยในการประเมินปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้
    • โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ 1-2 CC เพียงพอหรือไม่
  • ฟิลเลอร์ขมับอยู่ได้นานแค่ไหน
    • ระยะเวลาเห็นผลและการเข้าที่ของฟิลเลอร์
    • ปัจจัยที่มีผลต่อความคงทนของฟิลเลอร์แต่ละบุคคล
  • เปรียบเทียบฟิลเลอร์ขมับแต่ละยี่ห้อ ควรเลือกแบบไหน
    • ฟิลเลอร์เนื้อแน่นเพื่อการพยุงโครงสร้าง
    • ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มเพื่อความเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ
    • หลักเกณฑ์การเลือกยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย
  • ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ขมับ
    • เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย: ฟิลเลอร์ขมับกับการเติมไขมัน
    • การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย
    • การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์
  • ความเสี่ยง ผลข้างเคียง และข้อห้ามในการฉีดฟิลเลอร์ขมับ
    • ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปและวิธีรับมือ
    • สัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที
  • การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
    • ข้อปฏิบัติในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
    • ข้อห้ามและกิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงใน 2 สัปดาห์แรก
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ขมับ
    • ฟิลเลอร์ขมับอันตรายไหม?
    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับแล้วนอนตะแคงได้ไหม?
    • ฉีดฟิลเลอร์ขมับกี่วันถึงจะเข้าที่?
    • ฟิลเลอร์ขมับ 1 CC เพียงพอหรือไม่?
    • ฟิลเลอร์ขมับช่วยยกหน้าได้จริงหรือ?
    • หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับมีอาการปวดหัวปกติไหม?
  • References:

ฟิลเลอร์ขมับคืออะไร และเหมาะกับใครบ้าง

ฟิลเลอร์ขมับคือ การฉีดสารเติมเต็มเพื่อแก้ไขปัญหาร่องลึกหรือความเว้าบริเวณขมับ ซึ่งเกิดจากการสูญเสียไขมัน คอลลาเจน และมวลกระดูกตามวัย การรักษานี้ช่วยฟื้นฟูความอิ่มฟู ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูสมดุลและอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น

ฟิลเลอร์ขมับเหมาะสำหรับบุคคลต่อไปนี้:

  • ผู้ที่ขมับตอบหรือยุบตัวลงตามวัย ซึ่งมักเริ่มเห็นชัดในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีลักษณะขมับแบนหรือเว้าโดยกำเนิดจากพันธุกรรม
  • ผู้ที่มีรูปร่างผอมหรือนักกีฬาที่มีไขมันบนใบหน้าน้อย
  • ผู้ที่น้ำหนักลดลงอย่างมาก
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูใบหน้าโดยรวมให้ดูสดชื่นและเหนื่อยล้าน้อยลง

ลักษณะปัญหาขมับตอบที่ฟิลเลอร์ช่วยแก้ไขได้

ฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ไขลักษณะขมับที่ยุบตัวหรือตอบลงไปจนเห็นเป็นรอยบุ๋มหรือเงาได้ ซึ่งมักทำให้ใบหน้าดูโทรมคล้ายโครงกระดูกและขาดความสมดุล ปัญหานี้เกิดจากการสูญเสียไขมัน คอลลาเจน และมวลกระดูกตามวัย กรรมพันธุ์ หรือในผู้ที่มีไขมันน้อย นอกจากนี้ ขมับที่ตอบยังอาจส่งผลให้หางคิ้วดูตกและริ้วรอยตีนกาชัดเจนขึ้น เนื่องจากผิวหนังขาดโครงสร้างพยุงจากด้านใต้

ใครคือผู้ที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ขมับ

ผู้ที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ขมับคือ ผู้ที่มีปัญหาขมับตอบ ขมับบุ๋ม หรือขมับแบน ซึ่งอาจเกิดจากการสูญเสียไขมันและคอลลาเจนตามวัย กรรมพันธุ์ หรือในผู้ที่มีไขมันน้อย เช่น คนผอมหรือนักกีฬา นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูสมดุลและอ่อนเยาว์ขึ้น เนื่องจากขมับที่เต็มจะช่วยทำให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใสและเหนื่อยล้าน้อยลง

ข้อดีของการปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์ขมับ

ข้อดีหลักของการฉีดฟิลเลอร์ขมับคือช่วยเติมเต็มขมับที่ตอบหรือยุบตัวให้ดูอิ่มฟูขึ้น ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์และได้สัดส่วนที่สมดุลมากขึ้น

ประโยชน์อื่นๆ ของการฉีดฟิลเลอร์ขมับ ได้แก่:

  • ปรับสมดุลใบหน้า: ช่วยให้กรอบหน้าด้านบนโค้งมนสวยงาม ทำให้ใบหน้าดูเป็นรูปไข่หรือรูปหัวใจมากขึ้น และลดความเด่นของโหนกแก้ม
  • ยกกระชับใบหน้าส่วนบน: การเติมเต็มขมับช่วยพยุงโครงสร้างผิวหนังบริเวณหางตาและหางคิ้ว ทำให้หางคิ้วดูยกขึ้นเล็กน้อย และช่วยลดเลือนริ้วรอยตีนกา
  • ทำให้ดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น: การแก้ไขขมับที่ตอบลึกช่วยลดความโทรมหรือดูเหนื่อยล้า ทำให้ใบหน้าดูสดชื่นขึ้น
  • ให้ผลลัพธ์คล้ายการทำมินิลิฟต์: การเพิ่มวอลลุ่มให้ขมับช่วยฟื้นฟูใบหน้าส่วนบนให้ดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด

ปริมาณฟิลเลอร์ขมับที่เหมาะสม: ต้องใช้กี่ CC

ปัจจัยในการประเมินปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้

ปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้จะขึ้นอยู่กับระดับความลึกของขมับที่ตอบ เพศ และผลลัพธ์ที่ต้องการเป็นหลัก โดยแพทย์จะประเมินจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  • ระดับความลึกของขมับ: ผู้ที่มีขมับตอบเพียงเล็กน้อยอาจต้องการฟิลเลอร์ข้างละประมาณ 1 cc ในขณะที่ผู้ที่มีขมับตอบลึกมากอาจต้องการปริมาณที่มากขึ้น โดยอาจใช้ข้างละ 2 cc หรือมากกว่าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
  • เพศ: โดยทั่วไปผู้ชายมักต้องการฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากกว่าผู้หญิง เนื่องจากมีโครงสร้างใบหน้าและพื้นที่บริเวณขมับที่ใหญ่กว่า โดยผู้ชายอาจต้องการฟิลเลอร์ถึงข้างละ 2.5–3 cc ในขณะที่ผู้หญิงมักต้องการประมาณ 1.5–2 cc ต่อข้าง
  • อายุ: ผู้ที่อายุน้อยมักมีปัญหาขมับตอบไม่รุนแรงและต้องการฟิลเลอร์ในปริมาณที่น้อยกว่า ในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากขึ้นมักมีการยุบตัวของไขมันและกระดูกมากกว่า จึงอาจต้องการฟิลเลอร์ในปริมาณที่สูงขึ้น

โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ 1-2 CC เพียงพอหรือไม่

โดยทั่วไปแล้ว การเริ่มต้นด้วยฟิลเลอร์ 1-2 CC ต่อข้างถือเป็นปริมาณที่เหมาะสมและสมดุล สำหรับผู้ที่มีขมับตอบเพียงเล็กน้อย ปริมาณ 1 CC ต่อข้างอาจเพียงพอที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีขมับตอบปานกลางถึงมาก ปริมาณ 1 CC อาจให้ผลลัพธ์เพียงเล็กน้อย และมักจะต้องใช้ประมาณ 1.5-2 CC ต่อข้างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ดังนั้น แพทย์จึงมักจะเริ่มต้นด้วยปริมาณน้อยๆ ก่อน แล้วจึงประเมินผลเพื่อพิจารณาว่าจะต้องเพิ่มปริมาณอีกหรือไม่ในภายหลัง

ฟิลเลอร์ขมับอยู่ได้นานแค่ไหน

ระยะเวลาเห็นผลและการเข้าที่ของฟิลเลอร์

โดยทั่วไปจะเห็นผลลัพธ์สุดท้ายและฟิลเลอร์จะเข้าที่ในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์หลังการฉีด แม้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที แต่ช่วงเวลาดังกล่าวจำเป็นเพื่อให้ฟิลเลอร์ได้เซตตัวเข้ากับเนื้อเยื่อโดยรอบ และให้อาการบวมหรือรอยช้ำเล็กน้อยหายไปจนหมด

ในบางกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์ปริมาณมากหรือชนิดที่มีความหนาแน่นสูง อาจใช้เวลาถึง 3-4 สัปดาห์กว่าอาการบวมจะยุบลงทั้งหมด

ปัจจัยที่มีผลต่อความคงทนของฟิลเลอร์แต่ละบุคคล

ปัจจัยที่มีผลต่อความคงทนของฟิลเลอร์ขมับ ได้แก่ ชนิดของฟิลเลอร์ เทคนิคการฉีด และไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล

ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อระยะเวลาที่ฟิลเลอร์จะคงอยู่ได้ ดังนี้

  • ชนิดของฟิลเลอร์: ฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นสูงและมีการเชื่อมขวางของโมเลกุลมาก (High G-prime) เช่น Juvéderm Voluma หรือ Restylane Lyft จะสลายตัวช้าและคงทนกว่าฟิลเลอร์ชนิดนิ่ม ส่วนฟิลเลอร์กลุ่มกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) เช่น Sculptra สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า 2 ปี
  • เทคนิคและตำแหน่งที่ฉีด: การฉีดฟิลเลอร์ในชั้นลึกติดกระดูกจะทำให้ฟิลเลอร์คงอยู่ได้นานขึ้น เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวน้อย
  • ไลฟ์สไตล์: การสูบบุหรี่และการสัมผัสกับรังสียูวี (แสงแดด) สามารถสร้างอนุมูลอิสระที่เร่งการสลายตัวของฟิลเลอร์ประเภทกรดไฮยาลูรอนิก (HA) ทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น
  • การฉีดซ้ำ: การเติมฟิลเลอร์ซ้ำก่อนที่ฟิลเลอร์เดิมจะสลายไปจนหมด สามารถช่วยยืดอายุผลลัพธ์โดยรวมให้ยาวนานขึ้นได้

เปรียบเทียบฟิลเลอร์ขมับแต่ละยี่ห้อ ควรเลือกแบบไหน

ฟิลเลอร์เนื้อแน่นเพื่อการพยุงโครงสร้าง

ฟิลเลอร์เนื้อแน่นเพื่อการพยุงโครงสร้างคือฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นและความยืดหยุ่นสูง (High G-prime) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อสร้างโครงสร้างและให้การยกกระชับ เนื่องจากมีความสามารถในการคงรูปได้ดีและทนทานต่อแรงกดทับ

ฟิลเลอร์ประเภทนี้มักถูกใช้ในบริเวณที่ต้องการการฟื้นฟูโครงสร้างในชั้นลึก เช่น ขมับ โดยมีคุณสมบัติดังนี้

  • การทำงาน: เมื่อฉีดในชั้นลึกใกล้กระดูก ฟิลเลอร์จะทำหน้าที่คล้าย “โครงสร้าง” ที่ช่วยพยุงและดันเนื้อเยื่อด้านบนขึ้นมา ทำให้สามารถฟื้นฟูความนูนของขมับและช่วยพยุงหางคิ้วได้
  • คุณสมบัติ: มีความคงตัวสูง ไม่สลายตัวเร็ว และสามารถเลียนแบบความรู้สึกของไขมันหรือกระดูกตามธรรมชาติได้ดี
  • ตัวอย่าง: ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ Juvederm Voluma, Restylane Lyft, Restylane Contour และ Radiesse

ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มเพื่อความเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ

ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มโดยทั่วไปไม่ใช่ตัวเลือกหลักสำหรับการเติมขมับ เนื่องจากขาดคุณสมบัติในการพยุงโครงสร้างเพื่อแก้ไขแอ่งลึก

บริเวณขมับมักต้องการฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นสูงและเนื้อแน่น (High G-prime) เช่น Juvéderm Voluma หรือ Restylane Lyft เพื่อสร้างโครงสร้างและยกพยุงผิว อย่างไรก็ตาม ในเทคนิคขั้นสูง แพทย์อาจใช้ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มในปริมาณเล็กน้อยฉีดในชั้นตื้นๆ หลังจากฉีดฟิลเลอร์เนื้อแน่นลงไปในชั้นลึกแล้ว เพื่อเก็บรายละเอียดให้ผิวชั้นบนเรียบเนียนยิ่งขึ้น หรือเกลี่ยขอบบริเวณที่เติมให้ดูเป็นธรรมชาติ

หลักเกณฑ์การเลือกยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย

หลักเกณฑ์การเลือกยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับขมับคือ ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประวัติการใช้งานที่น่าเชื่อถือ มีความบริสุทธิ์สูง และมีคุณสมบัติทางกายภาพที่เหมาะสม

โดยมีรายละเอียดที่สำคัญดังนี้:

  • คุณสมบัติของฟิลเลอร์: ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นสูง (High-Density) และมีความคงตัวสูง (High G-prime) เช่น Juvéderm Voluma, Restylane Lyft หรือ Radiesse เพื่อให้สามารถพยุงโครงสร้างและยกกระชับผิวบริเวณขมับได้ดี
  • แบรนด์ที่น่าเชื่อถือ: ควรเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมที่ผ่านการยอมรับในวงการแพทย์ เช่น Juvéderm (Allergan), Restylane (Galderma), Radiesse (Merz) หรือ Sculptra ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีข้อมูลรองรับด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
  • การรับรอง: แม้การใช้ฟิลเลอร์ในขมับส่วนใหญ่จะเป็นการใช้แบบ off-label แต่ผลิตภัณฑ์ที่เลือกควรได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) หรือ FDA ในข้อบ่งใช้อื่นๆ บนใบหน้า ซึ่งแสดงถึงมาตรฐานการผลิตและความปลอดภัย
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน: ควรหลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ราคาถูกหรือไม่มีแหล่งที่มาที่ชัดเจนอย่างเด็ดขาด เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน

ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ขมับ

เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย: ฟิลเลอร์ขมับกับการเติมไขมัน

ฟิลเลอร์ขมับเป็นหัตถการที่รวดเร็วและเห็นผลทันที ในขณะที่การเติมไขมันเป็นหัตถการที่ซับซ้อนกว่าแต่ให้ผลลัพธ์ที่อาจจะถาวร การเลือกขึ้นอยู่กับความต้องการด้านผลลัพธ์ ระยะเวลาพักฟื้น และปริมาณที่ต้องการเติม

ตารางเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียระหว่างฟิลเลอร์และการเติมไขมันที่ขมับ:

คุณสมบัติ ฟิลเลอร์ (Filler) การเติมไขมัน (Fat Grafting)
ลักษณะหัตถการ หัตถการในคลินิก ไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาไม่นาน การผ่าตัดเล็ก (ดูดไขมันและนำมาฉีด)
ผลลัพธ์ เห็นผลทันที ปริมาณที่เติมมีความแม่นยำ ผลลัพธ์ไม่แน่นอน (ไขมันอาจสลายบางส่วน) เห็นผลเต็มที่หลัง 3 เดือน
ระยะเวลา ชั่วคราว (ประมาณ 12-18 เดือน) ต้องเติมซ้ำ อาจจะถาวร (หากเซลล์ไขมันรอดชีวิตและสร้างเส้นเลือดใหม่ได้)
การพักฟื้น น้อยมาก อาจมีรอยช้ำหรือบวมเล็กน้อย นานกว่า มีอาการบวมหลายสัปดาห์ทั้งบริเวณที่ดูดไขมันและขมับ
การแก้ไข แก้ไขได้ง่าย (โดยเฉพาะฟิลเลอร์ชนิด HA ที่สามารถสลายได้) แก้ไขได้ยาก
ความเหมาะสม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ทันที ต้องการเติมปริมาณไม่มาก และไม่ต้องการพักฟื้นนาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมปริมาณมาก หรือต้องการผลลัพธ์ที่ถาวร และยอมรับการพักฟื้นที่นานกว่าได้

การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย

การเลือกคลินิกและแพทย์ที่ปลอดภัยควรพิจารณาจากแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงในการฉีดฟิลเลอร์ขมับโดยเฉพาะ และมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ของบริเวณดังกล่าว เพื่อลดความเสี่ยงและให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ปัจจัยสำคัญในการพิจารณา ได้แก่:

  • ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ: สอบถามแพทย์ว่าทำการฉีดฟิลเลอร์ขมับบ่อยเพียงใด และขอดูภาพก่อนและหลังการรักษา
  • ความรู้ด้านกายวิภาค: แพทย์ต้องมีความเข้าใจในโครงสร้างบริเวณขมับเป็นอย่างดี เช่น ตำแหน่งของหลอดเลือด เส้นประสาท และชั้นไขมัน เพื่อฉีดได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย
  • มาตรฐานความปลอดภัยของคลินิก: คลินิกที่น่าเชื่อถือควรมีมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม เช่น มียาสลายฟิลเลอร์ (Hyaluronidase) เตรียมพร้อมไว้เสมอในกรณีฉุกเฉิน ใช้เทคนิคปลอดเชื้อ และมีแผนรับมือกับภาวะแทรกซ้อน
  • การให้คำปรึกษาอย่างละเอียด: แพทย์ควรซักประวัติสุขภาพอย่างถี่ถ้วน อธิบายถึงความเสี่ยง ประโยชน์ และทางเลือกอื่นๆ เพื่อให้ผู้รับบริการตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่ครบถ้วน
  • ข้อควรระวัง: ควรหลีกเลี่ยงคลินิกที่ให้บริการในสถานที่ไม่ใช่สถานพยาบาล ราคาที่ต่ำกว่าปกติอย่างน่าสงสัย หรือขาดความโปร่งใสเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์คือการงดยา วิตามิน และแอลกอฮอล์ที่อาจทำให้เลือดออกง่าย เพื่อลดความเสี่ยงของอาการบวมและรอยช้ำ

ข้อควรปฏิบัติอื่นๆ ก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ มีดังนี้:

  • งดยา: หยุดใช้ยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน และยาในกลุ่ม NSAIDs อื่นๆ ประมาณ 5-7 วันก่อนการฉีด
  • งดอาหารเสริม: หลีกเลี่ยงอาหารเสริมที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี แปะก๊วย และโสม เป็นเวลา 1 สัปดาห์
  • งดแอลกอฮอล์: หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • เลื่อนนัดทำฟัน: ไม่ควรทำฟัน 2 สัปดาห์ก่อนและหลังการฉีด
  • เตรียมผิว: งดใช้สกินแคร์ที่รุนแรง เช่น เรตินอยด์ หรือการสครับผิวบริเวณที่จะฉีด 2-3 วัน รวมถึงงดการแว็กซ์หรือเลเซอร์ในบริเวณดังกล่าว
  • วันนัด: ควรมาด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอาง และรับประทานอาหารมาก่อนเพื่อป้องกันอาการหน้ามืด

ความเสี่ยง ผลข้างเคียง และข้อห้ามในการฉีดฟิลเลอร์ขมับ

ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปและวิธีรับมือ

ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปหลังการฉีดฟิลเลอร์ขมับคือ รอยช้ำ อาการบวม ความรู้สึกแน่นตึง และอาการปวดศีรษะเล็กน้อย ซึ่งอาการเหล่านี้มักไม่รุนแรงและจะค่อยๆ ดีขึ้นเองภายใน 1-2 สัปดาห์

วิธีรับมือกับอาการดังกล่าว ได้แก่:

  • ประคบเย็น: ในช่วง 1-2 วันแรก ให้ใช้ผ้าห่อน้ำแข็งประคบบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 15 นาที สลับกับการพัก เพื่อช่วยลดอาการบวมและรอยช้ำ
  • รับประทานยา: สามารถใช้ยาพาราเซตามอล (Tylenol) เพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะหรือความไม่สบายตัวได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงยาในกลุ่ม NSAIDs (เช่น Ibuprofen) ในช่วงแรก เพราะอาจทำให้รอยช้ำแย่ลง
  • ใช้สมุนไพร: บางรายอาจใช้ผลิตภัณฑ์อาร์นิกา (Arnica montana) เพื่อช่วยลดรอยช้ำและอาการบวม

สัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที

สัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์ทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับคือ อาการปวดรุนแรงผิดปกติ การเปลี่ยนแปลงของสีผิวในบริเวณกว้าง (เช่น ซีดขาวหรือคล้ำ) และการมองเห็นที่ผิดปกติ เช่น ตาพร่ามัวหรือสูญเสียการมองเห็น

อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณของการอุดตันในหลอดเลือด (Vascular Occlusion) ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาทันทีเพื่อป้องกันเนื้อเยื่อตายหรือผลกระทบต่อดวงตา

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ข้อปฏิบัติในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก

ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก การสัมผัสความร้อน การดื่มแอลกอฮอล์ และการนอนทับบริเวณที่ฉีด เพื่อลดอาการบวมช้ำและป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่

ข้อปฏิบัติเพิ่มเติมในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก ได้แก่:

  • การนอน: นอนหงายโดยหนุนหมอนให้ศีรษะสูงขึ้น เพื่อลดอาการบวมและป้องกันการกดทับฟิลเลอร์
  • การประคบ: ประคบเย็นบริเวณขมับเป็นระยะๆ (เช่น 10-15 นาทีต่อชั่วโมง) ในวันแรกเพื่อช่วยลดอาการบวมและช้ำ
  • การออกกำลังกาย: งดการออกกำลังกายอย่างหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วและความดันโลหิตสูงขึ้น
  • การสัมผัส: ห้ามถู นวด หรือกดบริเวณขมับแรงๆ
  • สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง: งดดื่มแอลกอฮอล์และหลีกเลี่ยงยาในกลุ่ม NSAIDs (เช่น ibuprofen) หรืออาหารเสริมที่ทำให้เลือดออกง่าย เพื่อลดความเสี่ยงของรอยช้ำ

ข้อห้ามและกิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงใน 2 สัปดาห์แรก

ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ ควรหลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์บนใบหน้า การนวดกดจุดบริเวณขมับ และการสัมผัสกับความร้อนจัดหรือแสงแดดจัด เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่และลดความเสี่ยงของการอักเสบ

ข้อปฏิบัติและกิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงมีดังนี้:

  • ทรีตเมนต์ใบหน้า: งดการทำทรีตเมนต์ต่างๆ เช่น นวดหน้า, แว็กซ์, ผลัดผิวด้วยสารเคมี, หรือทำเลเซอร์บริเวณใบหน้า
  • หัตถการอื่นๆ: ไม่ควรทำฟันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ทั้งก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • การนวด: หลีกเลี่ยงการนวดกดจุดหรือนวดเนื้อเยื่อชั้นลึกบริเวณขมับโดยตรง
  • ความร้อนและแสงแดด: งดเข้าซาวน่า, ห้องอบไอน้ำ, โยคะร้อน และป้องกันผิวจากแสงแดดจัด เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดอาการบวมมากขึ้น
  • การออกกำลังกาย: แม้ว่าการออกกำลังกายหนักจะแนะนำให้งดเพียง 2-3 วันแรก แต่ในช่วง 2 สัปดาห์แรกควรระมัดระวังกิจกรรมที่อาจมีการกระทบกระเทือนใบหน้า

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ขมับ

ฟิลเลอร์ขมับอันตรายไหม?

การฉีดฟิลเลอร์ขมับ ถือเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงสูง แต่จะปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากบริเวณขมับมีเส้นเลือดที่ซับซ้อนและเชื่อมต่อไปยังดวงตา ความเสี่ยงที่ร้ายแรงที่สุดคือการฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อขาดเลือดหรือส่งผลต่อการมองเห็นได้

อย่างไรก็ตาม แพทย์ที่มีประสบการณ์จะใช้เทคนิคเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ เช่น:

  • การใช้เข็มปลายทู่ (Cannula) เพื่อลดโอกาสการเจาะทะลุเส้นเลือด
  • การฉีดอย่างช้าๆ ในปริมาณน้อย และฉีดในชั้นความลึกที่ถูกต้อง
  • การเตรียมยาไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ไว้ให้พร้อมเพื่อสลายฟิลเลอร์ในกรณีฉุกเฉิน

ฉีดฟิลเลอร์ขมับแล้วนอนตะแคงได้ไหม?

แนะนำให้หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงในช่วง 2-3 คืนแรกหลังการฉีดฟิลเลอร์ขมับ เพื่อป้องกันแรงกดทับที่อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่หรือทำให้อาการบวมเพิ่มขึ้น

ท่าที่เหมาะสมที่สุดคือการนอนหงายและหนุนหมอนให้ศีรษะสูงขึ้นเล็กน้อยเป็นเวลา 48 ชั่วโมง หลังจากนั้นฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่และสามารถกลับไปนอนตะแคงได้ตามปกติ

ฉีดฟิลเลอร์ขมับกี่วันถึงจะเข้าที่?

โดยทั่วไปแล้ว ฟิลเลอร์ขมับจะเข้าที่และเห็นผลลัพธ์สุดท้ายในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์

ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ฟิลเลอร์จะค่อยๆ ผสานเข้ากับเนื้อเยื่อรอบๆ และอุ้มน้ำ ทำให้อาการบวมหรือรอยช้ำค่อยๆ หายไป เมื่อครบ 2 สัปดาห์ ขมับจะดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติและได้รูปทรงที่สวยงาม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แพทย์มักจะนัดเพื่อติดตามผล ในบางกรณีที่ใช้ฟิลเลอร์ปริมาณมาก อาจใช้เวลาถึง 3-4 สัปดาห์กว่าอาการบวมจะยุบลงทั้งหมด

ฟิลเลอร์ขมับ 1 CC เพียงพอหรือไม่?

ฟิลเลอร์ขมับ 1 CC อาจเพียงพอสำหรับผู้ที่มีขมับตอบเพียงเล็กน้อย แต่สำหรับผู้ที่มีขมับตอบปานกลางถึงมาก ปริมาณนี้มักให้ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

โดยทั่วไปแล้ว ฟิลเลอร์ 1 CC ต่อข้างมักใช้เป็นปริมาณเริ่มต้นในการรักษา แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ต้องการฟิลเลอร์ประมาณ 1.5–2 CC ต่อข้างเพื่อให้ขมับดูเต็มและโค้งมนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ผู้ชายอาจต้องการปริมาณที่มากกว่านั้น

ฟิลเลอร์ขมับช่วยยกหน้าได้จริงหรือ?

ใช่ ฟิลเลอร์ขมับสามารถช่วยยกกระชับใบหน้าและหางคิ้วได้เล็กน้อย โดยทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพยุงจากภายใน เมื่อขมับที่ยุบตัวลงได้รับการเติมเต็ม จะช่วยเสริมปริมาตรที่หายไปและไปดันเนื้อเยื่อบริเวณหางคิ้วและผิวหนังด้านข้างให้ยกสูงขึ้นเล็กน้อย (ประมาณ 1-3 มิลลิเมตร) ผลลัพธ์ที่ได้คือใบหน้าส่วนบนจะดูเปิดกว้างและยกกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับมีอาการปวดหัวปกติไหม?

ใช่, อาการปวดศีรษะเล็กน้อยถึงปานกลางเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ หลังการฉีดฟิลเลอร์ขมับ อาการนี้มักเกิดจากการระคายเคืองของกล้ามเนื้อขมับ (Temporalis muscle) หรือการที่เนื้อเยื่อถูกยืดออก และโดยทั่วไปจะหายไปเองภายใน 2-3 วันจนถึงหนึ่งสัปดาห์

อย่างไรก็ตาม หากมีอาการปวดรุนแรงผิดปกติหรือมีปัญหาด้านการมองเห็นร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

References:

  1. Montes JR et al. (2024). Improvement in Temple Hollowing with VYC-20L Hyaluronic Acid Filler: A Multicenter Randomized Controlled Trial. Plastic and Reconstructive Surgery. pubmed.ncbi.nlm.nih.gov
  2. UK HealthCare Aesthetics Center. Dermal Fillers – Pre- and Post-Treatment Care Instructions. UKHealthcare (University of Kentucky). ukhealthcare.uky.edu
  3. Nasim S. et al. Autologous fat grafting for cosmetic temporal augmentation: a systematic review. Frontiers in Surgery. frontiersin.org
  4. Tim Pearce. Temporal Hollowing Treatment Guide. drtimpearce.com
  5. Smooth Clinic. Temple Filler – Is It Safe? Best Brands and Techniques. smoothclinic.net
  6. Michele Green M.D. (n.d.). Sculptra Temples: A Safe Non-Surgical Temple Filler Treatment. michelegreenmd.com
  7. The Cosmetic Skin Clinic. Lifting Your Face with Temple Fillers. Cosmetic Skin Clinic Blog. cosmeticskinclinic.com
  8. Erickson, Q. Q&A: “Is it normal to have headache after temple filler?” RealSelf. realself.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
ฉีดโบท็อกหน้าผาก ใช้กี่ยูนิต ราคาเท่าไหร่ อยู่ได้นานแค่ไหน? 2568
NextContinue
ริ้วรอยใต้ตา เลือกฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือ Ulthera ดี? 2025

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube