Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Lifting

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ราคาเท่าไหร่ ใช้กี่ CC กี่วันเข้าที่ อยู่นานแค่ไหน

Byadmin ตุลาคม 9, 2025ตุลาคม 9, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on ตุลาคม 9, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ราคาเท่าไหร่ ใช้กี่ CC กี่วันเข้าที่ อยู่นานแค่ไหน

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือการฉีดสารเติมเต็มกลุ่มไฮยาลูรอนิกแอซิดเพื่อทำให้ร่องแก้มดูตื้นและเรียบเนียนขึ้น โดยผลลัพธ์โดยทั่วไปจะคงอยู่ได้นานประมาณ 9-18 เดือน และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับร่องแก้มชนิดที่เห็นได้ชัดเจนขณะใบหน้าอยู่นิ่ง

Table of Contents

Toggle
  • ฟิลเลอร์ร่องแก้มคืออะไร เหมาะกับใครบ้าง
    • ลักษณะร่องแก้มที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์
    • ใครที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
  • ตอบทุกคำถาม: ราคา ปริมาณที่ใช้ และผลลัพธ์
    • ราคาฟิลเลอร์ร่องแก้ม คิดจากอะไรบ้าง
    • ต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ CC ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่เหมาะสม
    • ฉีดแล้วกี่วันถึงจะเข้าที่และเห็นผลชัดเจน
    • ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน ต้องฉีดซ้ำเมื่อไหร่
  • ฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อไหนดี เลือกอย่างไรให้เป็นธรรมชาติ
    • เปรียบเทียบคุณสมบัติฟิลเลอร์รุ่นที่แพทย์นิยมใช้
    • หลักการเลือกเนื้อฟิลเลอร์ให้เหมาะกับความลึกของร่องแก้ม
  • ข้อควรพิจารณาเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
    • การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์
    • วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดเพื่อลดบวมช้ำและป้องกันก้อน
    • การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่ต้องรู้ก่อนฉีด
    • ผลข้างเคียงทั่วไปที่พบได้และวิธีรับมือ
    • สัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
    • ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเจ็บไหม
    • ฟิลเลอร์ร่องแก้มอันตรายหรือไม่
    • ต้องใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้มกี่ CC
    • ฟิลเลอร์ร่องแก้มอยู่ได้นานแค่ไหน
    • หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ห้ามทำอะไรบ้าง
    • ถ้าไม่พอใจผลลัพธ์ สามารถแก้ไขได้อย่างไร
  • References:

ฟิลเลอร์ร่องแก้มคืออะไร เหมาะกับใครบ้าง

ฟิลเลอร์ร่องแก้มคือการฉีดสารเติมเต็มกลุ่มไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) เพื่อช่วยให้ร่องแก้มดูตื้นและเรียบเนียนขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มที่มองเห็นได้ชัดเจนจากการสูญเสียปริมาตรบนใบหน้าตามวัย

ฟิลเลอร์ร่องแก้มเหมาะสำหรับบุคคลต่อไปนี้

  • ผู้ที่มีร่องแก้มระดับปานกลางถึงลึก ซึ่งเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้นหรือการลดน้ำหนัก และยังมีความยืดหยุ่นของผิวที่ดี
  • ผู้ที่มีอายุ 22 ปีขึ้นไป แต่โดยทั่วไปมักเริ่มทำในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไปเมื่อร่องแก้มเริ่มชัดเจน
  • ผู้ที่ร่องแก้มเกิดจากการยุบตัวของไขมันหรือกระดูกใต้ผิวหนังเป็นหลัก ซึ่งฟิลเลอร์สามารถเข้าไปเติมเต็มได้ดี
  • ผู้ที่มีความคาดหวังที่เป็นจริง คือเข้าใจว่าฟิลเลอร์ช่วยให้ร่องแก้มดูจางลง แต่ไม่ได้ทำให้หายไปอย่างถาวร
  • ลักษณะร่องแก้มที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์

    ลักษณะร่องแก้มที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์มากที่สุดคือร่องแก้มชนิดที่เห็นได้ชัดเจนขณะใบหน้าอยู่นิ่ง (Static Fold) ซึ่งเกิดจากการสูญเสียปริมาตรไขมันและคอลลาเจนตามวัยหรือจากการลดน้ำหนัก

    ฟิลเลอร์จะเข้าไปช่วยเติมเต็มและพยุงโครงสร้างผิวในบริเวณดังกล่าว ทำให้ร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยผู้ที่เหมาะกับการรักษาวิธีนี้มักมีลักษณะดังนี้

    • มีร่องแก้มระดับปานกลางถึงรุนแรง
    • ผิวยังมีความยืดหยุ่นดี ไม่ได้เกิดจากความหย่อนคล้อยของผิวหนังที่รุนแรงเกินไป
    • เมื่อใช้นิ้วยกผิวบริเวณแก้มขึ้นเล็กน้อยแล้วร่องแก้มดูตื้นลงอย่างเห็นได้ชัด

    ใครที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

    ผู้ที่ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มคือผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง, มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของฟิลเลอร์, สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร, และผู้ที่มีความคาดหวังต่อผลลัพธ์ที่ไม่สมจริง

    ข้อห้ามในการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มโดยละเอียดมีดังนี้:

    • ผู้ที่มีการติดเชื้อ: ห้ามฉีดในผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณร่องแก้ม เช่น สิวอักเสบ หรือเริม รวมถึงผู้ที่มีการติดเชื้อในร่างกาย เช่น เป็นไข้หวัด
  • ผู้ที่มีประวัติการแพ้: ผู้ที่เคยแพ้ส่วนประกอบในฟิลเลอร์อย่างรุนแรง เช่น แพ้สารไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA) หรือยาชา (Lidocaine)
  • สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร: เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาด้านความปลอดภัยในกลุ่มนี้ จึงควรงดเว้นการฉีดไปก่อน
  • ผู้ที่มีความคาดหวังไม่สมจริง: ผู้ที่คาดหวังว่าฟิลเลอร์จะทำให้ร่องแก้มหายไปอย่างสมบูรณ์ หรือผู้ที่มีภาวะไม่พึงพอใจในรูปลักษณ์ของตนเองอย่างรุนแรง (Body Dysmorphic Disorder)
  • ตอบทุกคำถาม: ราคา ปริมาณที่ใช้ และผลลัพธ์

    ราคาฟิลเลอร์ร่องแก้ม คิดจากอะไรบ้าง

    ราคาฟิลเลอร์ร่องแก้มขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ ยี่ห้อของฟิลเลอร์, ปริมาณที่ต้องใช้, และความเชี่ยวชาญของแพทย์รวมถึงมาตรฐานของคลินิก

    ปัจจัยหลักๆ ที่ส่งผลต่อราคามีดังนี้:

    • ยี่ห้อและคุณภาพของฟิลเลอร์: ฟิลเลอร์เกรดพรีเมียมจากแบรนด์ชั้นนำมักมีราคาสูงกว่า (ประมาณ 12,000 บาทขึ้นไปต่อ cc) เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าและอาจอยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์พื้นฐาน (ประมาณ 7,000 – 15,000 บาทต่อ cc)
  • ปริมาณที่ใช้ (จำนวน cc): ราคาโดยทั่วไปจะคิดเป็นต่อซีซี (cc) หรือต่อหลอด ร่องแก้มที่ตื้นอาจใช้เพียง 1 cc แต่ร่องแก้มที่ลึกมากอาจต้องใช้ 2 cc ขึ้นไป ทำให้ราคารวมสูงขึ้น
  • ความเชี่ยวชาญของแพทย์และมาตรฐานคลินิก: การรักษากับแพทย์ที่มีชื่อเสียงหรือในคลินิกและโรงพยาบาลระดับสูงอาจมีราคาสูงกว่า เพื่อสะท้อนถึงทักษะและมาตรฐานของสถานพยาบาล
  • โปรโมชั่นและแพ็กเกจ: คลินิกหลายแห่งมักจัดโปรโมชั่น หรือมีส่วนลดสำหรับการซื้อฟิลเลอร์หลายซีซีพร้อมกัน
  • ต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ CC ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่เหมาะสม

    โดยทั่วไป ต้องใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 CC สำหรับร่องแก้มทั้งสองข้างจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่เหมาะสม โดยปริมาณที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับความลึกของร่องแก้มของแต่ละบุคคล

    • ร่องแก้มตื้น: อาจใช้เพียง 1 CC แบ่งฉีดทั้งสองข้าง (ข้างละ 0.5 CC)
    • ร่องแก้มปานกลาง: มักใช้ข้างละ 1 CC (รวมเป็น 2 CC)
    • ร่องแก้มลึกมาก: อาจต้องใช้ข้างละ 2 CC หรือมากกว่านั้น

    ฉีดแล้วกี่วันถึงจะเข้าที่และเห็นผลชัดเจน

    โดยทั่วไปแล้ว ฟิลเลอร์ร่องแก้มจะเข้าที่และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์หลังการฉีด

    ในช่วง 3-5 วันแรกหลังฉีด อาจมีอาการบวมเล็กน้อย ทำให้ผลลัพธ์ยังไม่เข้าที่เต็มที่ หลังจากนั้นฟิลเลอร์จะค่อยๆ ผสานเข้ากับเนื้อเยื่อและอาการบวมจะลดลงจนหายไปสนิทในสัปดาห์ที่สอง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สามารถประเมินผลลัพธ์สุดท้ายที่ดูเป็นธรรมชาติได้

    ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน ต้องฉีดซ้ำเมื่อไหร่

    โดยทั่วไป ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะอยู่ได้นานประมาณ 9-18 เดือน และแนะนำให้กลับมาฉีดซ้ำประมาณปีละหนึ่งครั้งเพื่อคงผลลัพธ์ไว้

    ระยะเวลาที่ฟิลเลอร์จะอยู่ได้นั้นขึ้นอยู่กับชนิดของผลิตภัณฑ์ที่ใช้และปัจจัยส่วนบุคคล โดยฟิลเลอร์ไฮยาลูโรนิกแอซิด (HA) รุ่นมาตรฐานมักจะอยู่ได้นาน 9-12 เดือน ในขณะที่ฟิลเลอร์รุ่นใหม่ๆ ที่มีความคงตัวสูงอาจอยู่ได้นานถึง 15-18 เดือน นอกจากนี้ อัตราการเผาผลาญของร่างกาย การออกกำลังกาย และการเคลื่อนไหวของใบหน้าก็มีผลต่อระยะเวลาเช่นกัน

    ฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อไหนดี เลือกอย่างไรให้เป็นธรรมชาติ

    ฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูงคือกลุ่ม Juvederm, Restylane และ Belotero โดยการเลือกจะขึ้นอยู่กับความลึกของร่องแก้มและผลลัพธ์ที่ต้องการเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด

    การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

    • ความลึกของร่องแก้ม: แพทย์จะเลือกเนื้อฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับปัญหา
    • ร่องแก้มลึก: เหมาะกับฟิลเลอร์เนื้อแน่น มีความคงตัวสูง เพื่อยกพยุงโครงสร้างผิวได้ดี เช่น Restylane Lyft หรือ Juvederm Voluma
    • ร่องแก้มตื้นหรือริ้วรอยเล็กๆ: เหมาะกับฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เพื่อเติมเต็มให้ผิวเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ เช่น Belotero Balance หรือ Restylane Refyne
    • ความสมดุลระหว่างผลลัพธ์และความคงทน: ฟิลเลอร์ที่อยู่ได้นานมักมีเนื้อที่แน่นกว่า ในขณะที่ฟิลเลอร์ที่ยืดหยุ่นสูง (เช่น กลุ่ม RHA) จะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติเมื่อแสดงสีหน้า แต่อาจอยู่ได้ไม่นานเท่า
    • ความปลอดภัย: ฟิลเลอร์กลุ่มกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid – HA) เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด เนื่องจากสามารถสลายได้หากเกิดปัญหาหรือไม่พอใจผลลัพธ์
    • การประเมินของแพทย์: ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือการประเมินของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะพิจารณาจากโครงสร้างใบหน้า ความหนาของผิว และความต้องการของแต่ละบุคคล เพื่อเลือกฟิลเลอร์และเทคนิคการฉีดที่เหมาะสมที่สุด

    เปรียบเทียบคุณสมบัติฟิลเลอร์รุ่นที่แพทย์นิยมใช้

    ฟิลเลอร์ที่แพทย์นิยมใช้มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ทั้งในด้านสารประกอบ ความแข็ง ความยืดหยุ่น และระยะเวลาคงทน เพื่อให้เหมาะกับความลึกของร่องแก้มและผลลัพธ์ที่ต้องการของแต่ละบุคคล

    ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติฟิลเลอร์รุ่นที่นิยมใช้สำหรับร่องแก้ม:

    ยี่ห้อ (Brand) ประเภท (Type) คุณสมบัติเด่น (Key Feature) ระยะเวลา (Longevity) เหมาะสำหรับ (Best For)
    Juvederm Hyaluronic Acid (HA) เนื้อเจลเรียบเนียน อิ่มฟูดี อาจบวมช่วงแรกเล็กน้อย 9-18 เดือน เติมเต็มร่องแก้มทั่วไป ให้ผลลัพธ์ดูอิ่ม
    Restylane Hyaluronic Acid (HA) เนื้อเจลเป็นอนุภาค ยกกระชับได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง (รุ่น Refyne/Defyne) 9-12 เดือน ร่องแก้มลึกที่ต้องการการยกกระชับ หรือบริเวณที่มีการขยับบ่อย
    Belotero Hyaluronic Acid (HA) เนื้อเจลละเอียด กลืนกับผิวได้ดี 6-9 เดือน ร่องแก้มตื้นๆ หรือริ้วรอยเล็กๆ
    Radiesse Calcium Hydroxylapatite (CaHA) เนื้อแน่น คงรูปได้ดี กระตุ้นคอลลาเจน (ไม่สามารถสลายได้) 12-18 เดือน ร่องแก้มลึกมากในคนผิวหนา
    Sculptra Poly-L-lactic acid (PLLA) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิว ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและค่อยเป็นค่อยไป (ไม่สามารถสลายได้) 2 ปีขึ้นไป การฟื้นฟูโครงสร้างผิวในระยะยาว

    หลักการเลือกเนื้อฟิลเลอร์ให้เหมาะกับความลึกของร่องแก้ม

    หลักการสำคัญคือการเลือกความแน่นและความหนืดของฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับความลึกของร่องแก้มและชั้นผิวที่ฉีด เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและแก้ปัญหาได้ตรงจุด

    • ร่องแก้มลึก: เหมาะกับฟิลเลอร์เนื้อแน่นและหนืด (มีค่า G’ สูง) ซึ่งจะฉีดในชั้นลึกเพื่อสร้างโครงสร้างและยกพยุงเนื้อเยื่อที่ยุบตัวลง
    • ร่องแก้มปานกลาง: เหมาะกับฟิลเลอร์ที่มีความหนืดปานกลาง เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการพยุงตัวและความยืดหยุ่น กลืนไปกับผิวได้ดี
    • ร่องแก้มตื้นหรือริ้วรอยเล็กๆ: เหมาะกับฟิลเลอร์เนื้อนิ่มและมีความหนืดต่ำ ซึ่งจะฉีดในชั้นผิวหนังตื้นๆ เพื่อทำให้ผิวเรียบเนียนและเก็บรายละเอียดริ้วรอยเล็กๆ
    • เทคนิคการฉีดแบบซ้อนชั้น (Layering): สำหรับร่องแก้มที่ลึกและซับซ้อน แพทย์อาจใช้ฟิลเลอร์เนื้อแน่นฉีดในชั้นลึกเพื่อเป็นฐาน จากนั้นใช้ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มฉีดในชั้นตื้นเพื่อเก็บรายละเอียดให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น

    ข้อควรพิจารณาเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

    การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์

    การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ที่สำคัญที่สุดคือการงดยา วิตามิน และแอลกอฮอล์ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ เพื่อลดผลข้างเคียงและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้

    • งดยาและอาหารเสริม: ควรหยุดยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน แอสไพริน รวมถึงวิตามินอี น้ำมันปลา แปะก๊วย และกระเทียม เป็นเวลาประมาณ 7 วันก่อนการฉีด
    • งดแอลกอฮอล์: หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการบวมและช้ำ
    • เตรียมสภาพผิว: ควรมาถึงคลินิกด้วยใบหน้าที่สะอาดปราศจากเครื่องสำอาง และหากมีสิวอักเสบ ผื่น หรือการติดเชื้อในบริเวณที่จะฉีด ควรเลื่อนนัดออกไปก่อน
    • หลีกเลี่ยงหัตถการอื่น: ควรงดการทำฟัน การนวดหน้า หรือการทำเลเซอร์บนใบหน้าเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ทั้งก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์
    • แจ้งประวัติสุขภาพ: หากมีประวัติเป็นโรคเริมบริเวณริมฝีปาก ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อพิจารณาให้ยาป้องกันการกำเริบของโรค

    วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดเพื่อลดบวมช้ำและป้องกันก้อน

    วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์คือการประคบเย็นในช่วงแรก หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด งดกิจกรรมหนัก และนอนหนุนหมอนสูง เพื่อช่วยลดอาการบวมช้ำและป้องกันการเกิดก้อน

    ข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติมมีดังนี้:

    • การลดบวมและรอยช้ำ
    • ประคบเย็น: ใช้แผ่นประคบเย็นเป็นพักๆ (เช่น 10 นาที พัก 10 นาที) ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
    • นอนหนุนหมอนสูง: ในคืนแรกเพื่อช่วยลดอาการบวม
    • หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก: งดออกกำลังกายหนัก ซาวน่า หรืออบไอน้ำ อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
    • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และอาหารรสเค็ม: ในช่วง 1-2 วันแรก เพราะจะทำให้อาการบวมเพิ่มขึ้น
    • ยาแก้ปวด: หากมีอาการปวด สามารถรับประทานยาพาราเซตามอลได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (เช่น Ibuprofen) เพราะอาจเพิ่มรอยช้ำ
    • การป้องกันก้อนและการดูแลทั่วไป
    • ห้ามนวดหรือกด: ไม่ควรกด นวด หรือปั้นบริเวณที่ฉีดเองในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่
    • งดแต่งหน้า: อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
    • หลีกเลี่ยงการทำฟัน: ควรเว้นระยะห่างจากการทำฟันประมาณ 2 สัปดาห์
    • ทำความสะอาดผิวหน้า: สามารถล้างหน้าได้เบาๆ แต่ห้ามขัดถูแรงๆ

    การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

    ควรเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เช่น แพทย์ผิวหนังหรือศัลยแพทย์ตกแต่ง ซึ่งมีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับกายวิภาคบนใบหน้าและมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์อย่างกว้างขวาง

    ปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเลือกคลินิกและแพทย์ผู้ให้บริการ ได้แก่:

    • ความรู้ด้านกายวิภาค: แพทย์ต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับตำแหน่งของหลอดเลือดบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้ม เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
    • ประสบการณ์และผลงาน: ควรสอบถามเกี่ยวกับประสบการณ์ของแพทย์และขอดูภาพก่อนและหลังการรักษาเพื่อประเมินผลงานและความสวยงามตามที่คาดหวัง
    • การเตรียมพร้อมสำหรับภาวะฉุกเฉิน: คลินิกต้องมียาสลายฟิลเลอร์ (Hyaluronidase) และอุปกรณ์ฉุกเฉินอื่นๆ เตรียมพร้อมไว้เสมอ เพื่อจัดการกับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ทันที
    • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคลินิกใช้ฟิลเลอร์ของแท้ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.)

    ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่ต้องรู้ก่อนฉีด

    ผลข้างเคียงทั่วไปที่พบได้และวิธีรับมือ

    ผลข้างเคียงทั่วไปที่พบได้บ่อยหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มคือ อาการบวม รอยช้ำ อาการเจ็บเล็กน้อย และการรู้สึกถึงก้อนแข็งใต้ผิวหนัง ซึ่งอาการเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเพียงชั่วคราวและสามารถจัดการได้

    • อาการบวม: เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุด โดยจะค่อยๆ ยุบลงภายใน 2-3 วัน และหายเป็นปกติในประมาณ 1 สัปดาห์ สามารถรับมือได้โดยการประคบเย็นในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก และนอนหนุนหมอนสูงในคืนแรก
    • รอยช้ำ: เป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นบริเวณที่ฉีด และจะค่อยๆ จางหายไปเองใน 7-10 วัน สามารถใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดได้หลังฉีดไปแล้ว 24 ชั่วโมง และใช้ครีมที่มีส่วนผสมของอาร์นิกา (Arnica) หรือวิตามินเคเพื่อช่วยให้รอยช้ำจางเร็วขึ้น
    • อาการเจ็บหรือปวดเล็กน้อย: อาจรู้สึกเจ็บเหมือนมีรอยช้ำเมื่อสัมผัส ซึ่งจะหายไปใน 3-5 วัน หากจำเป็นสามารถรับประทานยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการได้
    • รู้สึกเป็นก้อนแข็ง: เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกถึงเนื้อฟิลเลอร์ใต้ผิวหนังในช่วงแรก ซึ่งจะค่อยๆ นิ่มลงและผสานเข้ากับเนื้อเยื่อโดยรอบภายใน 1-2 สัปดาห์

    สัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที

    สัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์ทันทีคือ อาการปวดรุนแรงผิดปกติ, สีผิวที่เปลี่ยนไป (ซีดขาวหรือเป็นจ้ำสีม่วง), และการมองเห็นที่ผิดปกติ ซึ่งทั้งหมดนี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะหลอดเลือดอุดตัน

    อาการที่ควรสังเกตและต้องรีบแจ้งแพทย์ทันที ได้แก่:

    • อาการปวดรุนแรง: มีอาการปวดมากเกินกว่าปกติบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าเลือดไปเลี้ยงผิวหนังไม่เพียงพอ
  • สีผิวเปลี่ยนแปลง: ผิวหนังบริเวณที่ฉีดหรือใกล้เคียงเปลี่ยนเป็นสีซีดขาว, เป็นจ้ำๆ ลายๆ สีม่วง หรือมีสีคล้ำลง
  • การมองเห็นผิดปกติ: หากมีอาการตามัว, เห็นจุดลอยไปมา หรือสูญเสียการมองเห็นอย่างกะทันหัน
  • อาการแย่ลง: หากอาการต่างๆ เช่น ปวด, บวม หรือรอยแดง แย่ลงเรื่อยๆ แทนที่จะค่อยๆ ดีขึ้นหลังผ่านไป 2-3 วัน
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

    ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเจ็บไหม

    การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มมีความเจ็บเพียงเล็กน้อย เนื่องจากโดยทั่วไปจะมีการทายาชาก่อนฉีด และฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) เพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บระหว่างการฉีด

    หลังการฉีด อาจมีความรู้สึกเจ็บหรือระบมเล็กน้อยคล้ายอาการฟกช้ำ ซึ่งโดยทั่วไปอาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไปเองภายใน 3-5 วัน

    ฟิลเลอร์ร่องแก้มอันตรายหรือไม่

    การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ผลข้างเคียงที่พบบ่อยมักไม่รุนแรงและหายได้เอง เช่น อาการบวม แดง ช้ำ หรือเจ็บบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์

    อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงแต่พบได้น้อยมาก คือการที่ฟิลเลอร์อุดตันในเส้นเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่เนื้อเยื่อตาย (necrosis) หรือในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดอาจทำให้ตาบอดได้ ดังนั้น การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงและคลินิกที่ได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้

    ต้องใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้มกี่ CC

    โดยทั่วไป การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มมักจะใช้ปริมาณ 1-2 ซีซี สำหรับร่องแก้มทั้งสองข้าง แต่ปริมาณที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับความลึกของร่องแก้มแต่ละบุคคล

    • ร่องแก้มตื้น: อาจใช้เพียง 1 ซีซี (ข้างละ 0.5 ซีซี)
    • ร่องแก้มปานกลาง: มักใช้ประมาณ 2 ซีซี (ข้างละ 1 ซีซี)
    • ร่องแก้มลึกมาก: อาจต้องใช้มากกว่า 2 ซีซี (ข้างละ 2 ซีซีขึ้นไป)

    ฟิลเลอร์ร่องแก้มอยู่ได้นานแค่ไหน

    ฟิลเลอร์ร่องแก้มโดยทั่วไปจะอยู่ได้นาน 6 ถึง 18 เดือน แต่ระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้และการเผาผลาญของแต่ละบุคคล

    โดยปกติแล้ว ฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิก (HA) มาตรฐานจะให้ผลลัพธ์นานประมาณ 9-12 เดือน ในขณะที่ฟิลเลอร์รุ่นใหม่อาจอยู่ได้นานถึง 15-18 เดือน ส่วนฟิลเลอร์ชนิดกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulatory fillers) เช่น Radiesse สามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน และ Sculptra อาจอยู่ได้นานกว่า 2 ปี

    เพื่อคงผลลัพธ์ไว้ ผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ส่วนใหญ่มักจะกลับมาเติมซ้ำประมาณปีละครั้ง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่างๆ เช่น การเผาผลาญที่เร็ว การออกกำลังกาย และการเคลื่อนไหวของใบหน้า อาจทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็วขึ้นได้

    หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ห้ามทำอะไรบ้าง

    หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ควรหลีกเลี่ยงการกดนวดบริเวณที่ฉีด การออกกำลังกายหนัก และการสัมผัสความร้อนสูง ในช่วงแรก เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

    ข้อห้ามและข้อควรระวังอื่นๆ มีดังนี้:

    • การสัมผัสและแรงกด: ห้ามนวด กด หรือปั้นบริเวณที่ฉีด และควรหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้าในคืนแรก
    • กิจกรรมและความร้อน: งดออกกำลังกายหนักๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง และหลีกเลี่ยงการเข้าซาวน่าหรือสตรีมเป็นเวลา 2 สัปดาห์
    • อาหารและยา: งดดื่มแอลกอฮอล์และอาหารรสเค็มจัดใน 24 ชั่วโมงแรกเพื่อลดอาการบวม และหลีกเลี่ยงยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (เช่น Ibuprofen) ที่อาจเพิ่มรอยช้ำ
    • การดูแลผิวและหัตถการอื่น: งดแต่งหน้าบริเวณที่ฉีด 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และหลีกเลี่ยงการทำฟัน นวดหน้า หรือทำเลเซอร์บนใบหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์

    ถ้าไม่พอใจผลลัพธ์ สามารถแก้ไขได้อย่างไร

    สามารถแก้ไขได้โดยการเติมฟิลเลอร์เพิ่มในกรณีที่ยังไม่เต็มที่ หรือฉีดสลายฟิลเลอร์ในกรณีที่เติมมากเกินไป โดยทั่วไปแพทย์จะนัดติดตามผลใน 2 สัปดาห์เพื่อประเมินและทำการแก้ไขตามความเหมาะสม

    • เติมฟิลเลอร์น้อยเกินไป: เป็นกรณีที่แก้ไขได้ง่ายที่สุด โดยแพทย์สามารถเติมฟิลเลอร์เพิ่มในปริมาณเล็กน้อยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่พอใจ
    • เติมฟิลเลอร์มากเกินไป: หากเป็นฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA) แพทย์สามารถฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เพื่อสลายฟิลเลอร์ส่วนเกินออก ซึ่งจะช่วยลดความนูนหรือปริมาณที่มากเกินไปได้
    • ผลลัพธ์ไม่สมมาตร: แพทย์สามารถปรับแก้ความสมดุลได้โดยการเติมฟิลเลอร์เพิ่มในด้านที่น้อยกว่า หรือฉีดสลายเล็กน้อยในด้านที่เยอะกว่า

    References:

    1. Hong, G.-W. et al. Why Do Nasolabial Folds Appear? Exploring the Anatomical Perspectives and the Role of Thread-Based Interventions. Diagnostics (MDPI). mdpi.com
    2. Quan, Y. et al. Quantitative Assessment of Nasolabial Fold Characteristics Across Age Groups. Aesthetic Surgery Journal Open Forum. Oxford Academic (OUP). oup.com
    3. Janovskiene, A. et al. Safety and Potential Complications of Facial Wrinkle Correction with Dermal Fillers: A Systematic Literature Review. Medicina. mdpi.com
    4. Guo, J. et al. Injectable fillers: current status, physicochemical properties, function mechanism, and perspectives. RSC Advances. rsc.org
    5. Hu, Y. et al. Efficacy and safety of two hyaluronic acid fillers with different injection depths for NLF correction: 52-week study. J. Cosmet. Dermatol. Wiley. onlinelibrary.wiley.com
    6. V Square Clinic. Filler Promotion Pricing (Nasolabial Fold). vsquareclinic.com
    7. Infiniz Clinic. Nasolabial Fold Filler Price by Brand. infinizclinic.com
    8. RealSelf (Dr. J. Wendel). How many syringes of Juvederm for nasolabial folds? – Q&A Response. realself.com

    แนะแนวเรื่อง

    Previous Previous
    ริ้วรอยใต้ตา เลือกฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือ Ulthera ดี? 2025
    NextContinue
    ฉีดฟิลเลอร์ปาก ราคาเท่าไหร่ ใช้กี่ CC อยู่ได้นานแค่ไหน | คู่มือเริ่มต้น

    สาขาพรีวาโต คลินิก

      สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
      Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
      สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
      Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
      สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
      Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

    ติดต่อเรา

      Facebook: Privato Clinic
      Messenger: Privato Clinic
      Instagram: privatoclinic
      Email: privatoclinic@gmail.com
      Line: @privatoclinic

    Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

    Scroll to top
    • หน้าหลัก
    • เกี่ยวกับพรีวาโต
    • บริการทั้งหมด
      • ชะลอวัย
      • ยกกระชับผิว
        • XERF
        • Potenza
        • Sofwave
        • Ulthera
        • Thermage-FLX
      • รักษาสิว
      • เลเซอร์
      • โปรแกรมฉีด
      • บำรุงผิว
    • บทความ
      • สิว
      • ยกกระชับ
      • ดูแลผิว
      • ทำเลเซอร์
    • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
    • โปรโมชั่น
    • ผลลัพธ์การรักษา
    • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
    • สาขาของเรา
    • ไทย
      • ไทย
      • English
      • 中文 (中国)
    • ปรึกษาแพทย์
    Facebook Instagram YouTube