Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Lifting

ฉีดแฟตแก้มต้องใช้กี่ CC? อัปเดตราคาปี 2025 และข้อควรรู้ทั้งหมด

Byadmin ตุลาคม 17, 2025ตุลาคม 17, 2025
By แพทย์หญิงนัชชนก หุ่นวิจิตร Updated on ตุลาคม 17, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน
ฉีดแฟตแก้มต้องใช้กี่ CC? อัปเดตราคาปี 2025 และข้อควรรู้ทั้งหมด

การฉีดแฟตแก้มคือการใช้ตัวยาเพื่อสลายเซลล์ไขมันที่สะสมบริเวณแก้มอย่างถาวร โดยทั่วไปแนะนำให้ทำ 2-4 ครั้งเพื่อให้กรดดีออกซีโคลิกเข้าไปทำลายเซลล์ไขมันและทำให้ใบหน้าดูเรียวลง

Table of Contents

Toggle
  • ฉีดแฟตแก้มคืออะไร? ช่วยแก้ปัญหาไขมันสะสมได้อย่างไร
  • ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดแฟตสลายไขมันแก้ม
  • ต้องใช้กี่ CC? ประเมินราคาและจำนวนครั้งในการฉีดแฟตแก้ม
    • ปัจจัยกำหนดปริมาณ CC และราคาต่อครั้ง
    • โปรแกรมการรักษาและแพ็กเกจที่แนะนำ
  • ขั้นตอนการฉีดแฟตแก้ม: เจ็บไหมและใช้เวลานานเท่าไหร่
  • ผลลัพธ์หลังฉีด: กี่วันเห็นผลและอยู่ได้นานแค่ไหน
    • ระยะเวลาเห็นผลและการเปลี่ยนแปลงในแต่ละสัปดาห์
    • การดูแลรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น
  • ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจฉีดแฟตแก้ม
    • การเลือกยี่ห้อเมโสแฟตและคลินิกที่ได้มาตรฐาน
    • การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดสลายไขมัน
    • วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดเพื่อลดอาการบวมและเร่งผลลัพธ์
  • ผลข้างเคียง ข้อห้าม และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
    • อาการข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปและวิธีรับมือ
    • ข้อห้ามและกลุ่มผู้ที่ไม่ควรฉีดแฟตแก้ม
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดแฟตแก้ม (FAQ)
    • ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยจริงหรือไม่?
    • ต้องฉีดแฟตแก้มกี่ครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน?
    • หลังฉีดแฟตแก้ม สามารถแต่งหน้าได้เมื่อไหร่?
    • แฟตแก้มต่างจากโบท็อกลดกรามอย่างไร?
  • References:

ฉีดแฟตแก้มคืออะไร? ช่วยแก้ปัญหาไขมันสะสมได้อย่างไร

การฉีดแฟตแก้มคือการฉีดตัวยาที่มีกรดดีออกซีโคลิก (Deoxycholic acid) เป็นส่วนประกอบหลักเข้าไปในชั้นไขมัน เพื่อสลายเซลล์ไขมันที่สะสมอยู่บริเวณแก้มโดยตรง

ตัวยาจะออกฤทธิ์ทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ไขมัน ทำให้เซลล์ไขมันแตกตัวและตายลง จากนั้นร่างกายจะกำจัดไขมันที่ถูกปล่อยออกมาผ่านกระบวนการเผาผลาญตามธรรมชาติ โดยลำเลียงผ่านระบบน้ำเหลืองไปยังตับและขับออกจากร่างกายในที่สุด กระบวนการนี้ใช้เวลาหลายสัปดาห์ ทำให้แก้มค่อยๆ ยุบลงอย่างเป็นธรรมชาติ และเนื่องจากเซลล์ไขมันถูกทำลายอย่างถาวร ผลลัพธ์จึงคงอยู่ได้นานหากรักษาน้ำหนักให้คงที่

ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดแฟตสลายไขมันแก้ม

ผู้ที่เหมาะกับการฉีดแฟตสลายไขมันแก้มคือ คนที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุดบริเวณแก้มและมีผิวที่ยังคงกระชับเต่งตึงดี เนื่องจากผลลัพธ์จะดูเป็นธรรมชาติและไม่ทำให้เกิดความหย่อนคล้อย

อย่างไรก็ตาม การฉีดแฟตแก้มไม่เหมาะกับบุคคลในกลุ่มต่อไปนี้:

  • ผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยมาก เพราะการลดไขมันอาจทำให้ผิวดูหย่อนลงกว่าเดิม
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อหรือสิวอักเสบบริเวณที่จะฉีด
  • ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือกำลังรับประทานยาละลายลิ่มเลือด
  • ผู้ที่เคยผ่าตัดหรือทำหัตถการบริเวณแก้มมาก่อน ซึ่งอาจมีพังผืดอยู่
  • ผู้ที่แก้มใหญ่จากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่ไขมัน เช่น ต่อมน้ำลายโต หรือกล้ามเนื้อใหญ่

ต้องใช้กี่ CC? ประเมินราคาและจำนวนครั้งในการฉีดแฟตแก้ม

ปัจจัยกำหนดปริมาณ CC และราคาต่อครั้ง

ปัจจัยหลักที่กำหนดปริมาณ CC และราคาต่อครั้งคือปริมาณไขมันบนแก้มและยี่ห้อของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ โดยปริมาณยาที่ฉีดจะแปรผันตรงกับปริมาณไขมัน ซึ่งแพทย์จะประเมินและปรับเปลี่ยนตามการตอบสนองของคนไข้ในแต่ละครั้ง โดยทั่วไปจะไม่เกิน 10 cc ต่อครั้งสำหรับแก้มสองข้าง

สำหรับราคาจะขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก คือ

  • ปริมาณ (CC): ยิ่งใช้ปริมาณยามาก ค่าใช้จ่ายก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
  • ยี่ห้อของยา: ผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จัก นำเข้า หรือมีคุณสมบัติพิเศษมักมีราคาสูงกว่า โดยทั่วไปการรักษาที่ใช้ยาประมาณ 10 cc อาจมีค่าใช้จ่ายราว 3,000–5,000 บาทต่อครั้ง

โปรแกรมการรักษาและแพ็กเกจที่แนะนำ

โปรแกรมการรักษาโดยทั่วไปแนะนำให้ทำ 2-4 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างแต่ละครั้งประมาณ 4-8 สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายมีเวลาลดอาการบวมและกำจัดเซลล์ไขมันที่ถูกทำลายออกไป

ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีหลังการรักษาครั้งที่ 3 และสามารถทำได้สูงสุด 6 ครั้งในกรณีที่มีไขมันสะสมมากเป็นพิเศษ เมื่อสิ้นสุดโปรแกรมการรักษาแล้ว ผลลัพธ์จะคงอยู่ถาวรโดยไม่จำเป็นต้องกลับมาฉีดซ้ำเพื่อคงสภาพ ตราบใดที่ยังควบคุมน้ำหนักให้คงที่ได้ คลินิกมักเสนอการรักษาในรูปแบบแพ็กเกจเพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องจนจบคอร์ส ซึ่งจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจและประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น

ขั้นตอนการฉีดแฟตแก้ม: เจ็บไหมและใช้เวลานานเท่าไหร่

ขั้นตอนการฉีดแฟตแก้มไม่เจ็บมากและใช้เวลาไม่นาน โดยทั่วไปจะใช้เวลาในการฉีดเพียง 5-10 นาทีต่อข้าง และเมื่อรวมเวลาเตรียมตัวทั้งหมดแล้วจะเสร็จสิ้นภายใน 15-30 นาที

ก่อนการฉีดจะมีการทายาชาหรือประคบเย็นเพื่อลดความรู้สึกเจ็บ ขณะฉีดจะรู้สึกเหมือนมดกัดหรือแสบเล็กน้อยจากตัวยา ซึ่งความเจ็บปวดโดยรวมถือว่าอยู่ในระดับที่ทนได้ หลังฉีดอาจมีอาการปวดระบมคล้ายปวดกล้ามเนื้ออยู่ 2-3 วัน ซึ่งสามารถจัดการได้ด้วยการประคบเย็น

ผลลัพธ์หลังฉีด: กี่วันเห็นผลและอยู่ได้นานแค่ไหน

ระยะเวลาเห็นผลและการเปลี่ยนแปลงในแต่ละสัปดาห์

ผลลัพธ์สุดท้ายของการฉีดแฟตแก้มจะเห็นได้ชัดเจนเมื่อครบ 3 เดือน โดยการเปลี่ยนแปลงจะค่อยๆ เกิดขึ้นตามลำดับเวลาดังนี้

  • 1-3 วันแรก: จะมีอาการบวม แดง ช้ำ และอาจรู้สึกชาบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติ
  • ภายใน 2 สัปดาห์: อาการบวมส่วนใหญ่จะลดลง และอาจเริ่มสังเกตเห็นว่าใบหน้าดูเรียวลงเล็กน้อย
  • สัปดาห์ที่ 3-4: หลายคนจะรู้สึกได้ว่าแก้มเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด และก้อนแข็งๆ (ถ้ามี) จะเริ่มนิ่มลง
  • หลังฉีดครั้งที่ 2 (ประมาณ 6-8 สัปดาห์): จะเห็นผลการลดไขมันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
  • ครบ 3 เดือน: เป็นช่วงที่เห็นผลลัพธ์เต็มที่ ไขมันส่วนเกินลดลงอย่างถาวร ทำให้ใบหน้าดูเรียวและมีกรอบหน้าที่ชัดเจนขึ้น

การดูแลรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น

การดูแลรักษาผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือการรักษาน้ำหนักให้คงที่ เนื่องจากการฉีดสลายไขมันจะกำจัดเซลล์ไขมันในบริเวณที่ฉีดอย่างถาวร แต่เซลล์ไขมันที่ยังคงเหลืออยู่สามารถขยายขนาดขึ้นได้หากน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานหลายปีโดยไม่จำเป็นต้องกลับมาฉีดซ้ำเพื่อ “บำรุงรักษา” เหมือนกับการฉีดโบท็อกซ์ หากในอนาคตมีการเพิ่มของน้ำหนักและไขมันกลับมาสะสมที่แก้มอีกครั้ง ก็สามารถพิจารณาฉีดเพิ่มเติมได้

ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจฉีดแฟตแก้ม

การเลือกยี่ห้อเมโสแฟตและคลินิกที่ได้มาตรฐาน

ควรเลือกผลิตภัณฑ์เมโสแฟตที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานด้านสุขภาพและทำหัตถการกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

หลักเกณฑ์ในการเลือกยี่ห้อและคลินิกมีดังนี้

การเลือกยี่ห้อผลิตภัณฑ์

  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรอง: ควรให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) เช่น อย. สหรัฐอเมริกา (FDA-approved) อย่าง Kybella®, อย. ยุโรป (CE-approved) อย่าง Aqualyx® หรือผลิตภัณฑ์จากเกาหลีที่ผ่านการรับรองจาก KFDA
  • ตรวจสอบส่วนผสมหลัก: ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและผ่านการพิสูจน์แล้วจะมีกรดดีออกซีโคลิก (Deoxycholic acid) เป็นส่วนประกอบสำคัญ
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ราคาถูกผิดปกติ: ควรระวังข้อเสนอราคาถูกเกินจริง เพราะอาจเป็นผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบหรือยาที่ไม่ผ่านการรับรองซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงได้

การเลือกคลินิกและผู้ให้บริการ

  • เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: ควรทำหัตถการกับแพทย์ที่มีใบอนุญาตและมีประสบการณ์ในการฉีดสลายไขมันโดยเฉพาะ เนื่องจากเทคนิคการฉีดมีความสำคัญต่อความปลอดภัยและผลลัพธ์
  • สังเกตสัญญาณเตือน: หลีกเลี่ยงคลินิกที่ดูไม่สะอาด ใช้เทคนิคการขายที่กดดัน หรือผู้ให้บริการที่ไม่สามารถตอบคำถามข้อสงสัยได้อย่างชัดเจน
  • รับฟังคำแนะนำ: ผู้ให้บริการที่ดีจะให้ความรู้และคำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่การบังคับให้ทำหัตถการที่ไม่จำเป็น

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดสลายไขมัน

การเตรียมตัวก่อนฉีดสลายไขมันที่สำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ และงดรับประทานยาหรืออาหารเสริมบางชนิดที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ

เพื่อให้การรักษามีความปลอดภัยและได้ผลดี ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:

  • ปรึกษาแพทย์: เข้ารับการประเมินเพื่อยืนยันว่าเป็นผู้ที่เหมาะสมกับการรักษา แจ้งประวัติทางการแพทย์และยาที่ใช้ทั้งหมด และตรวจสอบว่าไม่มีการติดเชื้อบริเวณผิวหนังที่จะฉีด
  • งดยาและอาหารเสริม: หยุดรับประทานยาและอาหารเสริมที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น น้ำมันปลา, กระเทียม, แปะก๊วย, โสม และเซนต์จอห์นเวิร์ต (St. John’s wort) ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนการรักษา
  • งดแอลกอฮอล์: หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันก่อนและในวันที่เข้ารับการฉีด
  • แจ้งประวัติยาที่สำคัญ: หากรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือยาละลายลิ่มเลือดตามใบสั่งแพทย์ (เช่น warfarin) ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดเพื่อลดอาการบวมและเร่งผลลัพธ์

วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดแฟตที่สำคัญที่สุดคือ การประคบเย็นในช่วง 1-2 วันแรก นอนหนุนหมอนสูง และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เพื่อช่วยลดอาการบวมและฟกช้ำ

คุณสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อเร่งการฟื้นตัวและผลลัพธ์ได้ดังนี้:

  • ประคบเย็น: ใช้เจลเย็นหรือน้ำแข็งประคบแก้มในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกเพื่อช่วยให้หลอดเลือดหดตัวและลดอาการบวม
  • นอนหนุนหมอนสูง: ในช่วง 2-3 คืนแรก ควรนอนโดยยกศีรษะให้สูงกว่าปกติเพื่อช่วยลดอาการบวมในตอนเช้า
  • หลีกเลี่ยงความร้อนและกิจกรรมหนัก: งดการออกกำลังกายหนัก ซาวน่า และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลาอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง เพราะจะทำให้เลือดสูบฉีดและบวมมากขึ้น
  • รับประทานยา: สามารถทานยาแก้ปวดพาราเซตามอลได้ และบางคลินิกอาจแนะนำให้ทานยาแก้แพ้ (Antihistamine) เพื่อช่วยลดอาการบวม
  • การนวด: หลังจากผ่านไป 2-3 วัน หรือตามคำแนะนำของแพทย์ สามารถเริ่มนวดคลึงเบาๆ บริเวณที่ฉีดได้ เพื่อช่วยให้ตัวยากระจายตัวและลดการเกิดก้อนแข็ง

ผลข้างเคียง ข้อห้าม และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

อาการข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปและวิธีรับมือ

อาการข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปหลังการฉีดสลายไขมันแก้มคือ อาการบวม แดง ช้ำ รู้สึกอุ่น เจ็บ และชาบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นปฏิกิริยาชั่วคราวที่บ่งบอกว่ายาได้เริ่มทำงานแล้ว

โดยทั่วไปสามารถรับมือกับอาการเหล่านี้ได้ดังนี้:

  • อาการบวม: ประคบเย็นในช่วง 1-2 วันแรก นอนหนุนหมอนสูง และหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม
  • อาการปวด: รับประทานยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ทั่วไป เช่น พาราเซตามอล
  • รอยช้ำ: สามารถใช้เจลอาร์นิกา (arnica gel) ทาเพื่อช่วยให้จางเร็วขึ้น และใช้เครื่องสำอางปกปิดได้หลังผ่านไป 24 ชั่วโมง
  • อาการชา: โดยทั่วไปจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 4-6 สัปดาห์
  • ก้อนแข็งใต้ผิว: หากคลำเจอก้อนแข็ง สามารถเริ่มนวดเบาๆ ได้หลังฉีดไปแล้ว 1-2 สัปดาห์เพื่อช่วยให้ก้อนนิ่มและยุบตัวลง

ข้อห้ามและกลุ่มผู้ที่ไม่ควรฉีดแฟตแก้ม

ข้อห้ามหลักในการฉีดแฟตแก้มคือ ผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร และผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ นอกจากนี้ กลุ่มอื่นๆ ที่ควรหลีกเลี่ยงหรือต้องปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนทำ ได้แก่

  • ผู้ที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยมาก เพราะการลดไขมันอาจทำให้ผิวดูหย่อนยานมากขึ้น
  • ผู้ที่กำลังรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรืออาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ควบคุมไม่ได้ เช่น เบาหวาน หรือโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันที่ส่งผลต่อการหายของแผล
  • ผู้ที่มีประวัติการเกิดแผลเป็นนูน (คีลอยด์) ได้ง่าย
  • ผู้ที่เคยผ่าตัดหรือมีสิ่งแปลกปลอมในบริเวณแก้มมาก่อน
  • ผู้ที่แก้มใหญ่จากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่ไขมัน เช่น ต่อมน้ำลายโต หรือกล้ามเนื้อโต

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดแฟตแก้ม (FAQ)

ฉีดแฟตแล้วแก้มห้อยจริงหรือไม่?

โดยทั่วไปแล้วการฉีดแฟตไม่ได้ทำให้แก้มห้อย และในบางกรณีอาจช่วยให้ผิวกระชับขึ้นเล็กน้อยด้วยซ้ำ เนื่องจากกระบวนการอักเสบจากการฉีดจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

อย่างไรก็ตาม ในผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยหรือไม่ยืดหยุ่นอยู่แล้ว โดยเฉพาะผู้สูงอายุ การลดปริมาณไขมันอาจทำให้ความหย่อนคล้อยเดิมเห็นได้ชัดเจนขึ้นได้ ดังนั้น แพทย์จะประเมินสภาพผิวก่อนทำการรักษาเสมอ

ต้องฉีดแฟตแก้มกี่ครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน?

โดยทั่วไป จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนหลังการฉีดครั้งที่ 2-4

ผลลัพธ์จะเริ่มชัดเจนขึ้นอย่างมากหลังการฉีดครั้งที่ 2 และผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเห็นการลดลงของไขมันที่น่าพอใจหลังการฉีดครั้งที่ 3 จำนวนครั้งที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันเดิมของแต่ละบุคคล โดยผู้ที่มีไขมันน้อยอาจต้องการเพียง 1-2 ครั้ง ในขณะที่ผู้ที่มีไขมันมากอาจต้องฉีด 4-5 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

หลังฉีดแฟตแก้ม สามารถแต่งหน้าได้เมื่อไหร่?

โดยทั่วไปแนะนำให้รออย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนแต่งหน้าบริเวณที่ฉีด เพื่อให้รอยเข็มปิดสนิทและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ หลังจากนั้นสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่ควรใช้แปรงหรือฟองน้ำที่สะอาดเพื่อสุขอนามัย

แฟตแก้มต่างจากโบท็อกลดกรามอย่างไร?

การฉีดแฟตแก้มจะสลายเซลล์ไขมัน ในขณะที่โบท็อกจะออกฤทธิ์กับกล้ามเนื้อเพื่อลดขนาดของกราม

การฉีดแฟตแก้มใช้เพื่อลดความอูมหรือความแน่นที่เกิดจากไขมันใต้ผิวหนัง ส่วนโบท็อกใช้เพื่อลดขนาดของกล้ามเนื้อกราม (masseter) ทำให้ใบหน้าที่กว้างจากกล้ามเนื้อดูเรียวลง นอกจากนี้ ผลลัพธ์ของโบท็อกจะเห็นผลใน 2 สัปดาห์และอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ในขณะที่การฉีดแฟตจะเห็นผลเต็มที่ในเวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน แต่ผลลัพธ์จะถาวรสำหรับไขมันส่วนนั้น

References:

  1. U.S. National Library of Medicine (PubMed). Deoxycholic acid mechanism and fat metabolism studies. pubmed.ncbi.nlm.nih.gov
  2. Elsevier. Meta-analysis of deoxycholic acid efficacy for submental fullness and fat reduction. elsevier.es
  3. U.S. Food and Drug Administration. Safety warnings on unapproved fat-dissolving injections. accessdata.fda.gov
  4. Allergan/AbbVie. Kybella (deoxycholic acid) injection prescribing information and clinical data. hcp.kybella.com
  5. DermNet New Zealand. Deoxycholic acid in the treatment of submental fat. dermnetnz.org
  6. V Square Clinic (Thailand). Cheek fat injection pricing and treatment packages in Thailand. vsquareclinic.com
  7. MedlinePlus. Deoxycholic acid injection information and patient guidance. medlineplus.gov
  8. RealSelf. Expert Q&A on Kybella skin laxity and treatment comparisons. realself.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
แก้มตอบเกิดจากอะไร? รวมสาเหตุและวิธีแก้ให้หน้ากลับมาอิ่มฟูอีกครั้ง
NextContinue
วิธีทำให้หน้าเรียว: เทียบวิธีธรรมชาติกับการทำหัตถการในคลินิก

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube