Skip to content

TEL : 081-841-5075, 02-258-4050

Facebook Instagram YouTube
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมดExpand
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิวExpand
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความExpand
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทยExpand
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Privato Clinic – Innovation Of Beauty  |  Bangkok
Consult a Doctor
Lifting

ฉีดโบท็อก เห็นผลกี่วัน 5 ปัจจัยหลักช้าเร็วขึ้นอยู่กับอะไร?

Byadmin กันยายน 23, 2025กันยายน 23, 2025
By นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน Updated on กันยายน 23, 2025
✦ Medically reviewed by  นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน

ฉีดโบกี่วันเห็นผล
ฉีดโบกี่วันเห็นผล คือช่วงเวลาที่โบท็อกเริ่มออกฤทธิ์จนเห็นผลเต็มที่ หมอแนะนำว่าความเร็วขึ้นกับตำแหน่งที่ฉีด ปริมาณยา และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เห็นผลเต็มที่ใน 2 สัปดาห์

Table of Contents

Toggle
  • สรุปไทม์ไลน์หลังฉีดโบท็อก: เริ่มเห็นผลและเห็นผลเต็มที่เมื่อไหร่
    • ช่วง 3-7 วันแรก: กล้ามเนื้อเริ่มรู้สึกตึง
    • ช่วง 2-4 สัปดาห์: เห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่
  • ระยะเวลาเห็นผลของการฉีดโบท็อกในแต่ละตำแหน่ง
    • โบท็อกลดริ้วรอย: หน้าผาก หว่างคิ้ว และหางตา
    • โบท็อกลดกรามและลิฟต์กรอบหน้า
    • โบท็อกลดเหงื่อและลดขนาดกล้ามเนื้อน่อง
  • 5 ปัจจัยหลักที่ทำให้โบท็อกเห็นผลช้าหรือเร็วต่างกัน
    • 1. ขนาดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
    • 2. ปริมาณยูนิตของโบท็อกที่ใช้
    • 3. เทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ผู้ฉีด
    • 4. ยี่ห้อและความบริสุทธิ์ของโบท็อก
    • 5. การดูแลตัวเองหลังการฉีด
  • สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อก
    • การประเมินความเหมาะสมและเป้าหมายการรักษา
    • การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
    • การตรวจสอบว่าเป็นโบท็อกของแท้
  • ทำไมฉีดโบท็อกแล้วไม่เห็นผลและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
    • สาเหตุหลักที่ทำให้โบท็อกไม่ได้ผล
    • ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปและวิธีรับมือ
    • สัญญาณอันตรายที่ควรกลับไปพบแพทย์ทันที
  • ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหนและควรฉีดซ้ำเมื่อไหร่
  • คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อก
    • ทำไมฉีดโบท็อกแล้วไม่เห็นผล?
    • โบท็อกควรฉีดซ้ำทุกกี่เดือน?
    • หลังฉีดโบท็อกห้ามทำอะไรบ้าง?
    • ฉีดโบท็อกแล้วออกกำลังกายได้หรือไม่?
    • ฉีดโบท็อกแล้วดื่มแอลกอฮอล์ได้ไหม?
    • โบท็อกของแท้กับของปลอมสังเกตได้อย่างไร?
  • References:

สรุปไทม์ไลน์หลังฉีดโบท็อก: เริ่มเห็นผลและเห็นผลเต็มที่เมื่อไหร่

ช่วง 3-7 วันแรก: กล้ามเนื้อเริ่มรู้สึกตึง

ในช่วง 3-7 วันแรกหลังฉีดโบท็อกซ์ เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกตึงหรือหนักที่กล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มต้นก่อนที่ยาจะออกฤทธิ์อย่างสมบูรณ์

ความรู้สึกนี้จะค่อยๆ หายไปเมื่อกล้ามเนื้อเริ่มคลายตัวเต็มที่ โดยคนส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นริ้วรอยลดลงอย่างชัดเจนภายใน 1 สัปดาห์ แต่ระยะเวลาในการเริ่มออกฤทธิ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจเห็นผลใน 2-3 วัน ในขณะที่บางคนอาจใช้เวลาถึงหนึ่งสัปดาห์

ช่วง 2-4 สัปดาห์: เห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่

โดยทั่วไป ผลลัพธ์สูงสุดของการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้าจะเกิดขึ้นที่ประมาณ 2 สัปดาห์ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเล็กน้อยต่อเนื่องไปจนถึง 4 สัปดาห์ในผู้ป่วยบางราย

ด้วยเหตุนี้ คลินิกจึงมักนัดติดตามผลที่ 2 สัปดาห์เพื่อประเมินผลลัพธ์สูงสุด อย่างไรก็ตาม สำหรับการฉีดในกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น กรามหรือน่อง อาจใช้เวลานานกว่านั้น โดยจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในช่วง 4-6 สัปดาห์ขึ้นไป

ระยะเวลาเห็นผลของการฉีดโบท็อกในแต่ละตำแหน่ง

โบท็อกลดริ้วรอย: หน้าผาก หว่างคิ้ว และหางตา

โบท็อกซ์ใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์จึงจะเห็นผลเต็มที่ในการลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว และหางตา โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 3-4 เดือน โบท็อกซ์ทำงานโดยการคลายกล้ามเนื้อชั่วคราว ทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้เต็มที่ ซึ่งช่วยให้ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์เรียบเนียนขึ้น

  • การออกฤทธิ์: ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 2-3 วัน และเห็นผลชัดเจนขึ้นใน 1 สัปดาห์ ก่อนจะเห็นผลลัพธ์สูงสุดในสัปดาห์ที่ 2
  • ระยะเวลา: โดยทั่วไป ริ้วรอยบริเวณหน้าผากและหางตาจะคงผลลัพธ์ไว้ได้ประมาณ 3 เดือน ส่วนริ้วรอยหว่างคิ้วอาจอยู่ได้นานถึง 4 เดือน
  • ปริมาณยา: ปริมาณยูนิตที่ใช้จะแตกต่างกันไปตามความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแต่ละบุคคล โดยทั่วไปมักใช้ประมาณ 20 ยูนิตสำหรับหว่างคิ้ว และ 24 ยูนิตสำหรับหางตาสองข้าง

โบท็อกลดกรามและลิฟต์กรอบหน้า

การฉีดโบท็อกเพื่อลดขนาดกรามจะเริ่มเห็นผลทำให้กรอบหน้าเรียวลงอย่างชัดเจนในเวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ หลังจากที่กล้ามเนื้อกราม (masseter) ที่มีขนาดใหญ่เกินไปเริ่มฝ่อตัวลง โดยในช่วง 2 สัปดาห์แรกอาจเริ่มรู้สึกว่าแรงในการบดเคี้ยวลดลงก่อน

โบท็อกลดเหงื่อและลดขนาดกล้ามเนื้อน่อง

การฉีดโบท็อกเพื่อลดเหงื่อและลดขนาดกล้ามเนื้อน่อง มีระยะเวลาการออกฤทธิ์และเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

  • การลดเหงื่อ (Hyperhidrosis): เหงื่อจะเริ่มลดลงภายใน 2-4 วัน และจะรู้สึกแห้งสนิทเต็มที่ภายใน 2 สัปดาห์ โดยผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นาน 4-12 เดือน
  • การลดขนาดน่อง (Calf Muscle Reduction): เป็นการเห็นผลแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะเริ่มสังเกตเห็นว่าน่องดูเล็กลงเล็กน้อยใน 2-4 สัปดาห์ และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของรูปทรงน่องที่ชัดเจนที่สุดในสัปดาห์ที่ 8-12

5 ปัจจัยหลักที่ทำให้โบท็อกเห็นผลช้าหรือเร็วต่างกัน

1. ขนาดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

ขนาดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่งผลโดยตรงต่อปริมาณโบท็อกซ์ที่ต้องใช้และระยะเวลาของผลลัพธ์ โดยกล้ามเนื้อที่ใหญ่และแข็งแรงกว่าจะต้องการโบท็อกซ์ในปริมาณที่สูงขึ้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ และผลอาจอยู่ได้ไม่นานเท่ากับกล้ามเนื้อมัดเล็ก

  • ปริมาณยา: ผู้ที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรง เช่น ผู้ชาย หรือผู้ที่ใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นบ่อยๆ อาจต้องใช้ปริมาณยา (ยูนิต) มากกว่าปกติเพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้อย่างเต็มที่
  • ระยะเวลา: หากใช้ยาในปริมาณที่ไม่เพียงพอสำหรับกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ชัดเจนหรือมีระยะเวลาสั้นลง
  • ระยะเวลาเห็นผล: กล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น กล้ามเนื้อกรามหรือน่อง จะใช้เวลาในการเห็นผลนานกว่ากล้ามเนื้อมัดเล็กบนใบหน้า โดยอาจใช้เวลา 4-6 สัปดาห์กว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน

2. ปริมาณยูนิตของโบท็อกที่ใช้

ปริมาณยูนิตของโบท็อกที่ใช้จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการรักษา ขนาด และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและกำหนดปริมาณที่เหมาะสม

ปริมาณมาตรฐานที่ใช้โดยทั่วไปในแต่ละบริเวณมีดังนี้:

  • รอยขมวดคิ้ว: ประมาณ 20 ยูนิต
  • รอยตีนกา: ประมาณ 24 ยูนิต (ข้างละ 12 ยูนิต)

ทั้งนี้ ผู้ที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงหรือมีขนาดใหญ่กว่าปกติ เช่น ผู้ชาย อาจต้องการปริมาณยูนิตที่สูงขึ้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ในทางกลับกัน การใช้ปริมาณที่น้อยเกินไปอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ชัดเจนหรือมีระยะเวลาสั้นลง

3. เทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ผู้ฉีด

เทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ผู้ฉีด มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการรักษา เนื่องจากแพทย์ที่มีความชำนาญจะสามารถประเมินกายวิภาคและปรับเทคนิคการฉีดให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้

ปัจจัยที่แพทย์ผู้มีประสบการณ์จะพิจารณา ได้แก่

  • การวางแผนการฉีดที่แม่นยำ: การกำหนดตำแหน่ง ความลึก และมุมในการฉีดที่ถูกต้อง จะช่วยให้ยาออกฤทธิ์ได้เต็มที่และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
  • การกำหนดปริมาณยา: แพทย์จะปรับปริมาณยาตามขนาดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและหลีกเลี่ยงการฉีดมากเกินไป
  • การป้องกันภาวะแทรกซ้อน: ความรู้ด้านกายวิภาคช่วยให้แพทย์หลีกเลี่ยงการฉีดในบริเวณที่เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง เช่น หนังตาตก หรือปากเบี้ยว

โดยสรุป การรักษาที่ไม่ได้ผลหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนหลายครั้งมักเกิดจากเทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้องมากกว่าตัวยา ดังนั้นการเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากการรักษา

4. ยี่ห้อและความบริสุทธิ์ของโบท็อก

ยี่ห้อและความบริสุทธิ์ของโบท็อกมีความแตกต่างกันในด้านสูตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีอยู่ของโปรตีนเสริม (accessory proteins) ซึ่งอาจส่งผลต่อการตอบสนองของร่างกายในระยะยาว

ความแตกต่างที่สำคัญคือ:

  • Botox® และ Dysport®: มีส่วนประกอบของโปรตีนเสริม
  • Xeomin®: เป็นท็อกซินบริสุทธิ์ที่ไม่มีโปรตีนเสริม ทำให้ถูกเรียกว่า “naked toxin” ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงในการสร้างแอนติบอดีหรือการดื้อยาในระยะยาวได้

แม้จะมีความแตกต่างในด้านสูตรและความแรงของยูนิต (เช่น ยูนิตของ Dysport มีความแรงประมาณ 1 ใน 3 ของ Botox) แต่ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าโบท็อกทุกยี่ห้อที่ได้รับการรับรองมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากันเมื่อใช้ในปริมาณที่ปรับให้เหมาะสม

5. การดูแลตัวเองหลังการฉีด

ข้อควรปฏิบัติหลังการฉีดคือหลีกเลี่ยงการนวดหรือถูบริเวณที่ฉีด, งดการออกกำลังกายหนัก, งดกิจกรรมที่เกี่ยวกับความร้อน และงดดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อให้ตัวยาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

คำแนะนำในการดูแลตัวเองเพิ่มเติมมีดังนี้:

  • อยู่ในท่าตั้งตรง: ควรอยู่ในท่าศีรษะสูงเป็นเวลา 3-4 ชั่วโมงหลังฉีด หลีกเลี่ยงการนอนราบหรือก้มหน้า
  • งดการออกกำลังกายและความร้อน: งดการออกกำลังกายอย่างหนัก รวมถึงกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายสัมผัสความร้อนสูง เช่น ซาวน่า หรือโยคะร้อน เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการกระจายตัวของยาและลดรอยช้ำ
  • งดแอลกอฮอล์: หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันที่ฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
  • ขยับกล้ามเนื้อ: อาจมีการแนะนำให้ขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเบาๆ ในช่วงชั่วโมงแรกหลังฉีด เพื่อช่วยให้ยากระจายตัวเข้าสู่กล้ามเนื้อได้ดีขึ้น
  • การดูแลผิว: สามารถล้างหน้าและแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่ควรทำอย่างเบามือและหลีกเลี่ยงการขัดถูใบหน้าแรงๆ ในวันแรก

สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อก

การประเมินความเหมาะสมและเป้าหมายการรักษา

การประเมินความเหมาะสมและเป้าหมายการรักษาคือกระบวนการที่แพทย์จะพิจารณาประวัติสุขภาพ โครงสร้างใบหน้า และความต้องการของผู้รับบริการ เพื่อสร้างแผนการรักษาที่ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

โดยกระบวนการนี้ประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญดังนี้

  • การซักประวัติทางการแพทย์: แพทย์จะคัดกรองโรคประจำตัวที่อาจเป็นข้อห้าม เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (myasthenia gravis) ประวัติการแพ้ส่วนประกอบของโบท็อกซ์ รวมถึงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • การประเมินโครงสร้างใบหน้าและกล้ามเนื้อ: มีการประเมินความแข็งแรง ความสมมาตร และตำแหน่งของกล้ามเนื้อ เพื่อออกแบบการฉีดให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ช่วยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง
  • การพูดคุยถึงเป้าหมายและความคาดหวัง: แพทย์จะสอบถามถึงผลลัพธ์ที่ผู้รับบริการต้องการ เช่น ต้องการให้ริ้วรอยหายไปทั้งหมดหรือแค่ดูจางลง พร้อมทั้งอธิบายผลลัพธ์ที่เป็นไปได้จริงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน
  • การวางแผนการรักษา: จากข้อมูลทั้งหมด แพทย์จะกำหนดปริมาณยา (ยูนิต) และตำแหน่งที่จะฉีด รวมถึงให้คำแนะนำเรื่องการกลับมารักษาซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ไว้

การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญควรพิจารณาจากแพทย์ที่ได้รับการรับรอง (board-certified) เช่น ศัลยแพทย์ตกแต่งหรือแพทย์ผิวหนัง ซึ่งปฏิบัติงานในสถานพยาบาลที่มีชื่อเสียงและใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ผ่านการรับรอง

ปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่ควรพิจารณา ได้แก่

  • คุณวุฒิและประสบการณ์: ตรวจสอบว่าแพทย์เป็นผู้ที่ได้รับการรับรอง เช่น สมาชิกของสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งนานาชาติ (ISAPS) และสอบถามเกี่ยวกับประสบการณ์การฉีดและประวัติการฝึกอบรม
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้: คลินิกที่น่าเชื่อถือจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการอนุมัติตามกฎหมาย และสามารถแสดงบรรจุภัณฑ์ที่มีโฮโลแกรมและหมายเลขล็อตการผลิตเพื่อยืนยันได้
  • มาตรฐานความปลอดภัย: สถานพยาบาลควรมีอุปกรณ์และบุคลากรที่พร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉินและจัดการกับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
  • การกำกับดูแลโดยแพทย์: ในสถานบริการบางประเภท เช่น เมดิคัลสปา ควรมีแพทย์คอยกำกับดูแลการทำหัตถการอยู่เสมอ

การตรวจสอบว่าเป็นโบท็อกของแท้

การตรวจสอบว่าเป็นโบท็อกของแท้สามารถทำได้โดยการสังเกตลักษณะบนขวดและกล่อง ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถขอดูบรรจุภัณฑ์จากคลินิกเพื่อตรวจสอบได้

ลักษณะสำคัญของโบท็อกแท้ ได้แก่

  • เลขล็อตและวันหมดอายุ: เลขล็อตที่ระบุบนกล่องและขวดจะต้องตรงกัน
  • โฮโลแกรม: บนฉลากขวดจะมีภาพโฮโลแกรมคำว่า “Allergan” ที่มีความละเอียด หากไม่มีหรือเป็นเพียงสติกเกอร์เงาธรรมดา อาจเป็นของปลอม
  • ชื่อยา: บนฉลากจะระบุชื่อยาที่ถูกต้องคือ “onabotulinumtoxinA” ในขณะที่ของปลอมมักใช้เพียงคำว่า “Botulinum Toxin Type A”

นอกจากนี้ การเลือกใช้บริการจากคลินิกที่น่าเชื่อถือและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรอง จะช่วยลดความเสี่ยงในการเจอผลิตภัณฑ์ปลอมได้

ทำไมฉีดโบท็อกแล้วไม่เห็นผลและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

สาเหตุหลักที่ทำให้โบท็อกไม่ได้ผล

สาเหตุหลักที่ทำให้โบท็อกไม่ได้ผลคือการฉีดในปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อขนาดกล้ามเนื้อ, เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง และการใช้ผลิตภัณฑ์ของปลอมหรือเสื่อมคุณภาพ ปัจจัยเหล่านี้เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง มากกว่าการดื้อยาซึ่งพบได้น้อยมาก

สาเหตุที่เป็นไปได้ ได้แก่:

  • ปริมาณยาไม่เพียงพอ (Underdosing): การใช้ยูนิตของโบท็อกน้อยเกินไปสำหรับกล้ามเนื้อที่แข็งแรงหรือมีขนาดใหญ่ จะทำให้การลดเลือนริ้วรอยไม่มีประสิทธิภาพ
  • เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง: การฉีดผิดตำแหน่ง ตื้นหรือลึกเกินไป อาจทำให้ตัวยาไม่สามารถออกฤทธิ์ที่กล้ามเนื้อมัดเป้าหมายได้อย่างเต็มที่
  • ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ: การใช้โบท็อกของปลอม, เจือจางมากเกินไป หรือจัดเก็บไม่ถูกวิธีจนยาเสื่อมสภาพ จะทำให้การรักษาไม่ได้ผล
  • การดื้อยา (Resistance): เป็นสาเหตุที่พบได้น้อยมาก (ประมาณ 1-2%) โดยร่างกายอาจสร้างแอนติบอดีขึ้นมาต่อต้านโบท็อก ทำให้การรักษาในครั้งต่อๆ ไปได้ผลน้อยลง

ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปและวิธีรับมือ

ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปของโบท็อกซ์คือ รอยช้ำ บวม แดง ปวดศีรษะ และอาการปวดเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งส่วนใหญ่มักหายได้เองภายในไม่กี่วัน

วิธีรับมือกับผลข้างเคียงเหล่านี้ ได้แก่:

  • อาการบวมหรือฟกช้ำ: สามารถบรรเทาได้ด้วยการประคบเย็นเป็นระยะๆ ครั้งละ 10 นาทีในวันแรกหลังฉีด การนอนหนุนศีรษะให้สูง และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
  • อาการปวดศีรษะ: มักหายได้เองภายในหนึ่งวันและสามารถรับประทานยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการได้
  • ความไม่สมมาตรเล็กน้อย: หากผลลัพธ์ไม่สมดุลกัน แพทย์สามารถแก้ไขได้โดยการฉีดโบท็อกซ์เพิ่มเล็กน้อยในจุดที่เหมาะสมในการนัดติดตามผล
  • อาการปวด: ความเจ็บปวดระหว่างฉีดมักมีเพียงเล็กน้อย และสามารถลดลงได้ด้วยการประคบเย็นหรือใช้ยาชาก่อนทำหัตถการ

สัญญาณอันตรายที่ควรกลับไปพบแพทย์ทันที

สัญญาณอันตรายที่ต้องไปพบแพทย์ทันทีคือ อาการหายใจ พูด หรือกลืนลำบาก

อาการเหล่านี้ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ นอกจากนี้ หากมีอาการแพ้อย่างรุนแรง เช่น ผื่นลมพิษขึ้นทั่วตัว คอหรือลิ้นบวม เวียนศีรษะ และหายใจติดขัด ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนเช่นกัน

ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหนและควรฉีดซ้ำเมื่อไหร่

โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์ของโบท็อกซ์จะอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน และแนะนำให้ฉีดซ้ำทุกๆ 3-4 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์ไว้

ระยะเวลาที่แน่นอนอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น บริเวณที่ฉีด ปริมาณยาที่ใช้ การเผาผลาญของร่างกาย และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

  • บริเวณที่ฉีด: ริ้วรอยบริเวณหน้าผากและรอบดวงตาอาจอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน ในขณะที่การรักษาภาวะเหงื่อออกมากเกินไปที่รักแร้อาจให้ผลนาน 6 เดือนขึ้นไป
  • ความถี่ในการฉีด: การฉีดซ้ำตามกำหนดทุก 3-4 เดือนจะช่วยรักษาระดับผลลัพธ์ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่แนะนำให้ฉีดบ่อยเกินไป (เช่น ทุก 2 เดือน) เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะดื้อยาได้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อก

ทำไมฉีดโบท็อกแล้วไม่เห็นผล?

การฉีดโบท็อกแล้วไม่เห็นผล มักเกิดจากการใช้ปริมาณยาไม่เพียงพอต่อขนาดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ หรือเทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด

สาเหตุอื่นๆ ที่อาจเป็นไปได้ ได้แก่:

  • คุณภาพของผลิตภัณฑ์: อาจเป็นยาปลอม ยาที่เก็บรักษาไม่ถูกวิธีจนเสื่อมสภาพ หรือเจือจางมากเกินไป ทำให้ประสิทธิภาพลดลง
  • การดื้อยา: เป็นกรณีที่พบได้น้อยมาก (ประมาณ 1%) ที่ร่างกายสร้างแอนติบอดีขึ้นมาต่อต้านโบท็อก ทำให้ยาไม่ได้ผลเท่าที่ควร
  • ความคาดหวังที่ไม่สมจริง: ในกรณีริ้วรอยลึกมากๆ โบท็อกจะช่วยให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้น แต่ไม่สามารถทำให้หายไปได้อย่างสมบูรณ์

โบท็อกควรฉีดซ้ำทุกกี่เดือน?

โดยทั่วไป แนะนำให้ฉีดโบท็อกซ้ำทุกๆ 3-4 เดือน เพื่อรักษาสภาพผลลัพธ์ให้อยู่ได้อย่างต่อเนื่องและป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้เต็มที่

การฉีดบ่อยเกินไป (น้อยกว่า 2-3 เดือน) ไม่เป็นที่แนะนำ เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะดื้อยาหรือการสร้างแอนติบอดีได้ ในขณะที่ผู้ใช้บางรายที่ฉีดมาเป็นเวลานานอาจสามารถยืดระยะเวลาออกไปได้ถึง 5-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคล

หลังฉีดโบท็อกห้ามทำอะไรบ้าง?

หลังฉีดโบท็อก ควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือถูบริเวณที่ฉีด การออกกำลังกายอย่างหนัก การนอนราบ และการสัมผัสความร้อนสูงในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยากระจายไปยังกล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ต้องการ

ข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติม มีดังนี้:

  • ห้ามนวดหรือถู บริเวณที่ฉีดเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • งดการออกกำลังกายอย่างหนัก ซาวน่า หรือโยคะร้อน เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  • ควรอยู่ในท่ายืนหรือนั่งตรง เป็นเวลา 3-4 ชั่วโมงหลังฉีด หลีกเลี่ยงการนอนราบหรือก้มศีรษะ
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ในวันที่ฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของรอยช้ำ
  • เลื่อนการทำทรีตเมนต์ใบหน้า เช่น การนวดหน้าหรือขัดผิว ออกไปก่อน 2-3 วัน

ฉีดโบท็อกแล้วออกกำลังกายได้หรือไม่?

ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนักเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังฉีดโบท็อก เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยากระจายไปยังกล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ต้องการ และเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ

อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดิน สามารถทำได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก, มีการกระแทก, ก้มศีรษะต่ำ หรืออยู่ในที่ร้อน เช่น ซาวน่า หลังจาก 24 ชั่วโมง โดยทั่วไปสามารถกลับไปออกกำลังกายได้ตามปกติ

ฉีดโบท็อกแล้วดื่มแอลกอฮอล์ได้ไหม?

โดยทั่วไปแล้ว ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ในวันที่ฉีดโบท็อก เนื่องจากแอลกอฮอล์อาจทำให้เลือดบางลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำและเลือดออกบริเวณที่ฉีดได้ง่ายขึ้น

แนะนำให้งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการฉีด หลังจากนั้นการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณปกติจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ของโบท็อก

โบท็อกของแท้กับของปลอมสังเกตได้อย่างไร?

โบท็อกของแท้สามารถสังเกตได้จากลักษณะบนกล่องและขวด โดยต้องมีเลข Lot และวันหมดอายุตรงกัน, มีสติกเกอร์โฮโลแกรมสะท้อนแสงคำว่า “Allergan” บนฉลากขวด, และระบุชื่อยาที่ถูกต้องคือ “onabotulinumtoxinA”

จุดสังเกตที่สำคัญมีดังนี้:

  • โฮโลแกรม: ของแท้จะมีโฮโลแกรม “Allergan” ที่มีความละเอียดและสะท้อนแสงบนฉลากขวด หากไม่มีหรือเป็นเพียงสติกเกอร์เงาๆ ทั่วไป อาจเป็นของปลอม
  • ชื่อยา: บรรจุภัณฑ์ของแท้จะระบุชื่อยาชัดเจนว่า “onabotulinumtoxinA” ในขณะที่ของปลอมมักใช้เพียงชื่อทั่วไปว่า “Botulinum Toxin Type A”
  • ความโปร่งใสของคลินิก: ผู้ป่วยสามารถขอดูบรรจุภัณฑ์และขวดยาจากคลินิกได้เสมอ ซึ่งคลินิกที่น่าเชื่อถือจะไม่ปฏิเสธ การเลือกใช้บริการจากแพทย์ที่ผ่านการรับรองและคลินิกที่มีชื่อเสียงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรับประกันว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ของแท้

References:

  1. Cleveland Clinic. (n.d.). Botox Aftercare: The Do’s and Don’ts. Cleveland Clinic – Health Essentials. health.clevelandclinic.org
  2. Verywell Health. (n.d.). How Long Does Botox Take to See Results? Verywell Health. verywellhealth.com
  3. Ledda, C., et al. (2022). Time to onset and duration of botulinum toxin efficacy in movement disorders. Journal of Neurology, 269, 3706–3712. Springer. link.springer.com
  4. International Hyperhidrosis Society. (n.d.). OnabotulinumtoxinA Injections (Botox®). sweathelp.org
  5. StatPearls. (2024). Botulinum Toxin. StatPearls Publishing – NCBI Bookshelf. ncbi.nlm.nih.gov
  6. International Society of Aesthetic Plastic Surgery. (n.d.). Beware of Counterfeit BOTOX. ISAPS Blog. isaps.org
  7. U.S. Food and Drug Administration. (n.d.). FDA-Approved Botulinum Toxin Products. fda.gov
  8. Medical News Today. (n.d.). Do’s and Don’ts of Exercising After Botox. Medical News Today. medicalnewstoday.com

แนะแนวเรื่อง

Previous Previous
Pico Laser มีกี่แบบ เปรียบเทียบ 5 เครื่องยอดนิยม ต่างกันยังไง
NextContinue
ข้อปฏิบัติหลังฉีดโบท็อก อะไรควรทำ–ห้ามทำ เพื่อให้อยู่ได้นานขึ้น

สาขาพรีวาโต คลินิก

    สาขาอโศก ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 อาคารมิดทาวน์
    Phone: 02-258-4050 , 081-841-5075
    สาขาสีลม ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารซี.พี.ทาวเวอร์
    Phone: 02-780-2011 , 098-272-5244
    สาขาราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ศูนย์การค้า เดอะคริสตัล เอสบี (ด้านบนร้านสตาร์บัคส์)
    Phone: 02-102-2778 , 098-272-5244

ติดต่อเรา

    Facebook: Privato Clinic
    Messenger: Privato Clinic
    Instagram: privatoclinic
    Email: privatoclinic@gmail.com
    Line: @privatoclinic

Copyright© 2022-2024. All Rights Reserved

Scroll to top
  • หน้าหลัก
  • เกี่ยวกับพรีวาโต
  • บริการทั้งหมด
    • ชะลอวัย
    • ยกกระชับผิว
      • XERF
      • Potenza
      • Sofwave
      • Ulthera
      • Thermage-FLX
    • รักษาสิว
    • เลเซอร์
    • โปรแกรมฉีด
    • บำรุงผิว
  • บทความ
    • สิว
    • ยกกระชับ
    • ดูแลผิว
    • ทำเลเซอร์
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • โปรโมชั่น
  • ผลลัพธ์การรักษา
  • วิดีโอรีวิวจากเคสจริง
  • สาขาของเรา
  • ไทย
    • ไทย
    • English
    • 中文 (中国)
  • ปรึกษาแพทย์
Facebook Instagram YouTube