โบท็อกปีกจมูก ลดจมูกบานได้จริงไหม? ใช้กี่ยูนิต ราคาเท่าไหร่?

การฉีดโบท็อกปีกจมูกคือการใช้สารโบทูลินั่ม ท็อกซินประมาณ 10-25 ยูนิตฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อปีกจมูก (Alar Nasalis) เพื่อลดการขยับของปีกจมูกที่บานออกเวลายิ้มหรือแสดงสีหน้า โดยจะให้ผลลัพธ์นาน 3-6 เดือน และเหมาะสำหรับผู้ที่ปีกจมูกบานเวลาแสดงอารมณ์เท่านั้น
โบท็อกปีกจมูกคืออะไร? ช่วยลดขนาดปีกจมูกได้อย่างไร?
โบท็อกปีกจมูกคือ การฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซินเข้าไปที่กล้ามเนื้อปีกจมูก (Alar Nasalis) เพื่อทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง ซึ่งช่วยลดการขยับของปีกจมูกที่บานออกเวลายิ้มหรือแสดงสีหน้า
เมื่อกล้ามเนื้อนี้ทำงานน้อยลง ปีกจมูกจึงไม่ขยายหรือบานออกมาก ทำให้จมูกดูเรียวเล็กลงขณะแสดงสีหน้า อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกระดูกหรือกระดูกอ่อนได้ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาปีกจมูกบานเวลาแสดงอารมณ์เท่านั้น ไม่ได้ช่วยลดขนาดปีกจมูกที่กว้างอยู่แล้วในภาวะปกติ
หลักการทำงานของโบท็อกต่อกล้ามเนื้อปีกจมูก
โบท็อกทำงานโดยทำให้กล้ามเนื้อปีกจมูก (alar nasalis) ที่ทำหน้าที่ดึงปีกจมูกให้บานออก อ่อนแรงลงอย่างเฉพาะเจาะจง การฉีดโบท็อกจะช่วยจำกัดการขยับของปีกจมูกเวลายิ้มหรือพูด ส่งผลให้จมูกดูเรียวเล็กลงเฉพาะเวลาแสดงสีหน้า แต่จะไม่เปลี่ยนแปลงรูปทรงของจมูกขณะอยู่นิ่งๆ เนื่องจากไม่ได้ส่งผลต่อกระดูกหรือกระดูกอ่อน
ผลลัพธ์ที่คาดหวังได้จากการฉีดเพื่อลดจมูกบาน
ผลลัพธ์ที่คาดหวังได้คือปีกจมูกจะบานน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเวลายิ้มหรือแสดงสีหน้า ทำให้จมูกดูเรียวขึ้นในขณะที่กล้ามเนื้อทำงาน การเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะเวลาแสดงสีหน้าเท่านั้น และไม่ได้เปลี่ยนรูปทรงของจมูกตอนอยู่นิ่งๆ เนื่องจากโบท็อกซ์จะออกฤทธิ์ที่กล้ามเนื้อ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างกระดูกหรือกระดูกอ่อน
ใครเหมาะกับการฉีดโบท็อกลดปีกจมูก?
ผู้ที่เหมาะกับการฉีดโบท็อกลดปีกจมูกคือคนที่มีปีกจมูกบานออกเฉพาะเวลาแสดงอารมณ์ เช่น เวลายิ้มหรือพูด การรักษานี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและไม่ต้องการผ่าตัด
ในทางกลับกัน วิธีนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปีกจมูกกว้างอยู่แล้วในภาวะปกติ หรือมีกระดูกอ่อนปีกจมูกที่หนา เนื่องจากโบท็อกไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกระดูกหรือกระดูกอ่อนได้ ซึ่งกรณีดังกล่าวการผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
ลักษณะปีกจมูกที่ตอบสนองต่อการรักษาได้ดี
โบท็อกซ์ปีกจมูกจะให้ผลดีที่สุดกับ ผู้ที่ปีกจมูกบานออกเฉพาะเวลาแสดงอารมณ์ เช่น เวลายิ้มหรือพูด ซึ่งเป็นการทำงานของกล้ามเนื้อโดยตรง การรักษานี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ปีกจมูกไม่ได้ดูกว้างเมื่อใบหน้าอยู่นิ่ง
ในทางกลับกัน ผู้ที่มีปีกจมูกกว้างจากโครงสร้างกระดูกอ่อนหรือเนื้อจมูกที่หนาอยู่แล้ว จะไม่ค่อยเห็นผลจากการรักษาด้วยวิธีนี้ เนื่องจากโบท็อกซ์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกระดูกหรือกระดูกอ่อนได้
ข้อจำกัดและผู้ที่ไม่ควรฉีดโบท็อกปีกจมูก
ข้อจำกัดหลักของโบท็อกปีกจมูกคือไม่สามารถแก้ไขปัญหารูจมูกที่กว้างจากโครงสร้างกระดูกหรือกระดูกอ่อนได้ และไม่เหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์หรือผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด
ผู้ที่ไม่เหมาะกับการฉีดโบท็อกปีกจมูก ได้แก่:
- ผู้ที่มีปีกจมูกกว้างจากโครงสร้าง: ผู้ที่มีรูจมูกกว้างอยู่แล้วในภาวะปกติ (ไม่ได้ยิ้ม) เนื่องจากกระดูกอ่อนหนาหรือใหญ่ จะไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน เพราะโบท็อกจะออกฤทธิ์กับกล้ามเนื้อเท่านั้น
- สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร: เป็นข้อห้ามสำหรับการฉีดโบท็อก
- ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนัง: ไม่ควรฉีดในบริเวณที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบ
- ผู้ที่มีความคาดหวังที่ไม่สมจริง: ผู้ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวรหรือการปรับเปลี่ยนโครงสร้างจมูกครั้งใหญ่ ควรพิจารณาการผ่าตัด
- ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ: หรือผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดรอยช้ำได้ง่ายกว่าปกติ
ผลลัพธ์และระยะเวลา: ฉีดโบท็อกปีกจมูกกี่วันเห็นผล?
โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลเล็กน้อยภายในสัปดาห์แรก และเห็นผลลัพธ์เต็มที่ในสัปดาห์ที่ 2 หลังการฉีด
ในช่วงสัปดาห์แรกจะสังเกตได้ว่าปีกจมูกขยับน้อยลงเวลายิ้มหรือหัวเราะ และเมื่อครบ 2 สัปดาห์ กล้ามเนื้อจะคลายตัวเต็มที่ ทำให้การบานของปีกจมูกลดลงได้ดีที่สุด ซึ่งเป็นช่วงที่มักจะมีการนัดติดตามผลเพื่อประเมินผลลัพธ์
ระยะเวลาเริ่มเห็นผลและผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด
จะเริ่มเห็นผลเล็กน้อยภายในสัปดาห์แรก และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดในสัปดาห์ที่ 2 หลังการฉีด
โดยในช่วงสัปดาห์แรกจะสังเกตได้ว่าปีกจมูกขยายน้อยลงเวลายิ้มหรือหัวเราะ และเมื่อครบ 2 สัปดาห์ กล้ามเนื้อจะคลายตัวเต็มที่ ทำให้การขยายของปีกจมูกลดลงมากที่สุด ซึ่งเป็นช่วงที่เห็นผลชัดเจนที่สุด
โบท็อกปีกจมูกอยู่ได้นานแค่ไหนและต้องฉีดซ้ำเมื่อไหร่
โดยทั่วไปแล้ว โบท็อกปีกจมูกจะให้ผลลัพธ์นานประมาณ 3-6 เดือน
ระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โดยผู้ที่แสดงสีหน้าบ่อยหรือออกกำลังกายหนักอาจมีผลอยู่ได้สั้นลงเหลือประมาณ 3 เดือน ในขณะที่คนส่วนใหญ่กล้ามเนื้อจะกลับมาทำงานตามปกติที่ประมาณ 6 เดือน หากต้องการรักษาผลลัพธ์ให้ต่อเนื่อง แนะนำให้กลับมาฉีดซ้ำทุก 3-4 เดือน
โบท็อกปีกจมูกใช้กี่ยูนิตและราคาเท่าไหร่?
โดยทั่วไปแล้ว โบท็อกปีกจมูกใช้ประมาณ 10-25 ยูนิต โดยมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 700-2,000 บาท ซึ่งราคาและปริมาณยูนิตอาจแตกต่างกันไป
ปริมาณยูนิตที่ใช้จะขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแต่ละบุคคล ในบางกรณีที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงมากอาจต้องใช้ถึง 20-40 ยูนิต ส่วนราคาจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกที่เลือกใช้และโปรโมชั่นของแต่ละคลินิก โดยทั่วไปโบท็อกแบรนด์เกาหลีจะมีราคาประมาณยูนิตละ 70 บาท ในขณะที่แบรนด์จากฝั่งตะวันตกอาจมีราคาสูงถึงยูนิตละ 150 บาท
การประเมินปริมาณยูนิตที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล
การประเมินปริมาณยูนิตที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับขนาดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ รวมถึงยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ใช้ แพทย์จะพิจารณาปัจจัยเหล่านี้เพื่อกำหนดปริมาณยาที่แม่นยำ
ปัจจัยหลักในการพิจารณาปริมาณยูนิต ได้แก่:
- ขนาดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ: ผู้ที่มีกล้ามเนื้อปีกจมูกที่แข็งแรงและบานออกมาก อาจต้องใช้ปริมาณยูนิตที่สูงกว่า (เช่น 20-40 ยูนิต) เทียบกับผู้ที่มีกล้ามเนื้อเล็กและทำงานไม่รุนแรง
- การประเมินโดยแพทย์: แพทย์จะประเมินความรุนแรงของการบานของปีกจมูก (เช่น แบ่งเป็นระดับน้อย ปานกลาง หรือรุนแรง) และตรวจสอบความไม่สมมาตรของปีกจมูกเพื่อวางแผนการฉีด
- ยี่ห้อของโบท็อกซ์: เนื่องจากโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อมีความแรงของตัวยาต่อยูนิตแตกต่างกัน ปริมาณที่ใช้จึงอาจไม่เท่ากัน
- การเริ่มต้นด้วยปริมาณน้อย: แพทย์หลายคนนิยมเริ่มต้นด้วยปริมาณยาแบบอนุรักษ์นิยมก่อน แล้วจึงนัดติดตามผลเพื่อประเมินและอาจเติมยาเพิ่มได้หากจำเป็น
ปัจจัยที่กำหนดราคาค่าบริการในการฉีดโบท็อกปีกจมูก
ปัจจัยหลักที่กำหนดราคาค่าบริการในการฉีดโบท็อกปีกจมูกคือยี่ห้อของโบท็อก ปริมาณยูนิตที่ใช้ และนโยบายการตั้งราคาของแต่ละคลินิก
ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อราคาโดยรวม ดังนี้:
- ยี่ห้อของโบท็อก: โบท็อกยี่ห้อจากเกาหลี (เช่น Nabota, Neuronox, Aestox) มักมีราคาต่อยูนิตที่ถูกกว่ายี่ห้อจากฝั่งตะวันตก
- ปริมาณยูนิตที่ใช้: ปริมาณยาที่ต้องใช้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับขนาดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อปีกจมูก
- นโยบายและโปรโมชั่นของคลินิก: คลินิกแต่ละแห่งอาจมีโปรโมชั่น ราคาแบบแพ็กเกจ หรือกำหนดราคาขั้นต่ำที่แตกต่างกันไป ซึ่งบางแพ็กเกจอาจรวมค่าบริการติดตามผลและการเติมยาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
เปรียบเทียบโบท็อกปีกจมูกกับโบท็อกรัดแกนจมูก
ความแตกต่างในตำแหน่งที่ฉีดและกลไกการออกฤทธิ์
โบท็อกซ์ปีกจมูก (Alar Botox) ฉีดที่กล้ามเนื้อข้างปีกจมูกเพื่อลดการบานออก ส่วนโบท็อกซ์สันจมูก (Bridge Botox) ฉีดที่กล้ามเนื้อบริเวณสันจมูกเพื่อลดริ้วรอยและป้องกันจมูกยุบตัวเวลาแสดงสีหน้า โดยทั้งสองอย่างมีตำแหน่งที่ฉีดและกลไกการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
| ลักษณะ | โบท็อกซ์ปีกจมูก (Alar Botox) | โบท็อกซ์สันจมูก (Bridge/Radix Botox) |
|---|---|---|
| ตำแหน่งที่ฉีด | กล้ามเนื้อข้างปีกจมูก (Alar Nasalis) | กล้ามเนื้อบริเวณสันจมูกส่วนบน (Transverse Nasalis) |
| กลไกการออกฤทธิ์ | ทำให้กล้ามเนื้อที่ดึงปีกจมูกอ่อนแรงลง ป้องกันไม่ให้ปีกจมูกบานออก | ทำให้กล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดรอยย่นคลายตัว ป้องกันสันจมูกยุบตัวหรือแบนลง |
| ผลลัพธ์ | ปีกจมูกดูแคบลงเวลายิ้มหรือพูด | ริ้วรอย “bunny lines” เรียบเนียนขึ้น และสันจมูกดูคมชัดขึ้นเวลายิ้ม |
เลือกฉีดแบบไหนให้เหมาะกับปัญหารูปทรงจมูกของคุณ
การเลือกประเภทโบท็อกซ์จมูกขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไข โดยจะแบ่งเป็นการฉีดเพื่อลดปีกจมูกบาน และการฉีดเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยหรือปลายจมูกตก
- โบท็อกซ์ปีกจมูก (Alar Botox): เหมาะสำหรับผู้ที่ปีกจมูกบานออกด้านข้างเวลายิ้มหรือแสดงสีหน้า ทำให้จมูกดูแคบลงในขณะแสดงอารมณ์
- โบท็อกซ์สันจมูก (Bridge Botox): เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยย่นบริเวณสันจมูก (bunny lines) หรือผู้ที่สันจมูกดูแบนลงและปลายจมูกตกเวลายิ้ม
ก่อนตัดสินใจฉีด: ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา
การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ควรเลือกคลินิกโดยพิจารณาจากชื่อเสียงทางการแพทย์มากกว่าราคาเพียงอย่างเดียว เนื่องจากราคาที่ต่ำมากอาจเป็นสัญญาณเตือนของยาที่ไม่ได้มาตรฐาน
ปัจจัยอื่นๆ ในการเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่:
- ความน่าเชื่อถือ: เลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่เป็นที่ยอมรับ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับโบท็อกซ์ของแท้และการฉีดในปริมาณที่เหมาะสม
- ความเชี่ยวชาญของแพทย์: แพทย์ผู้มีประสบการณ์จะมีความเข้าใจในกายวิภาคของจมูกอย่างลึกซึ้ง และอาจใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น อัลตราซาวนด์ เพื่อระบุตำแหน่งกล้ามเนื้อได้อย่างแม่นยำ
- การให้ข้อมูลที่โปร่งใส: ผู้ให้บริการที่มีชื่อเสียงจะอธิบายผลลัพธ์ที่คาดหวัง ข้อจำกัด และความจำเป็นในการกลับมารักษาซ้ำอย่างชัดเจน
- บริการหลังการขาย: คลินิกหลายแห่งมีการนัดติดตามผลหลังฉีดประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อประเมินผลและอาจมีการเติมยาให้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากจำเป็น
การประเมินโครงสร้างจมูกและวางแผนการรักษา
การประเมินโครงสร้างจมูกและการวางแผนการรักษาจะเริ่มจากการประเมินการทำงานของกล้ามเนื้อและความรุนแรงของการบานของปีกจมูก เพื่อกำหนดจุดฉีดและปริมาณยาที่เหมาะสม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการประเมินและวางแผนการรักษาดังนี้:
- การประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ: แพทย์จะคลำหรืออาจใช้อัลตราซาวนด์เพื่อหาตำแหน่งของกล้ามเนื้อปีกจมูก (dilator naris) ที่ต้องการฉีดอย่างแม่นยำ และตรวจสอบความสมมาตรของปีกจมูก
- การจำแนกความรุนแรง: อาจมีการประเมินระดับการบานของปีกจมูก เช่น แบ่งเป็นระดับน้อย (Class I), ปานกลาง (Class II), และรุนแรง (Class III) โดยทั่วไปโบท็อกซ์จะเหมาะกับผู้ที่มีปีกจมูกบานในระดับปานกลาง ส่วนระดับรุนแรงอาจได้รับคำแนะนำให้ผ่าตัด
- การวางแผนการฉีด: แพทย์จะกำหนดจุดฉีดที่แม่นยำ ซึ่งมักอยู่บริเวณเหนือร่องปีกจมูก โดยใช้ยาในปริมาณน้อย (ประมาณ 1-3 ยูนิตต่อจุด) และมักจะเริ่มจากปริมาณที่น้อยก่อน แล้วจึงสามารถเพิ่มเติมได้ในภายหลังหากจำเป็น
ยี่ห้อโบท็อกมีผลต่อผลลัพธ์และความปลอดภัยหรือไม่
ยี่ห้อของโบท็อกมีผลต่อผลลัพธ์และความปลอดภัย โดยเฉพาะในด้านความแรงของยาและความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ แต่ผลลัพธ์อาจไม่แตกต่างกันมากนักหากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน
โบท็อกแต่ละยี่ห้อมีความแรงของตัวยา (unit potency) ที่แตกต่างกัน ทำให้แพทย์ต้องปรับปริมาณยาที่ใช้ให้เหมาะสมกับยี่ห้อนั้นๆ ส่วนในด้านความปลอดภัย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย เช่น ยี่ห้อจากเกาหลี (Nabota, Neuronox, Aestox) หรือยี่ห้อจากฝั่งตะวันตก เพื่อหลีกเลี่ยงโบท็อกปลอมหรือเจือจางซึ่งเป็นอันตราย สำหรับการฉีดในบริเวณเล็กๆ อย่างปีกจมูก การใช้ยี่ห้อพรีเมียมอาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่แตกต่างจากยี่ห้ออื่นที่ได้มาตรฐานอย่างมีนัยสำคัญ
ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีด
ผลข้างเคียงทั่วไปและวิธีดูแลเบื้องต้น
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดคือ รอยช้ำเล็กน้อย อาการบวม หรือความรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอาการเหล่านี้ไม่รุนแรงและหายได้เอง
สำหรับการดูแลเบื้องต้น สามารถใช้การประคบเย็นทันทีหลังฉีดเพื่อช่วยลดอาการบวมและรอยช้ำ หากเกิดรอยช้ำขึ้นจะสามารถจางหายไปได้เองภายใน 7-10 วัน และสามารถใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดได้ในระหว่างนั้น
สัญญาณผิดปกติที่ควรกลับมาพบแพทย์ทันที
สัญญาณผิดปกติที่ควรกลับไปพบแพทย์ทันทีคือมีปัญหาในการหายใจอย่างรุนแรง, มีอาการแพ้, มีปัญหาการมองเห็น หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงในบริเวณที่ห่างจากจุดที่ฉีด แม้จะพบได้ยากมาก แต่หากมีอาการเหล่านี้หลังฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
อาการที่ต้องสังเกต ได้แก่:
- หายใจลำบากอย่างรุนแรง (นอกเหนือจากความรู้สึกคัดจมูก)
- อาการแพ้ เช่น ลมพิษ, อาการบวมรุนแรง (angioedema) หรือหายใจถี่
- ปัญหาการมองเห็น เช่น มองเห็นภาพเบลอหรือภาพซ้อน
- กล้ามเนื้ออ่อนแรงในบริเวณที่ห่างไกลจากจุดที่ฉีด เช่น แขนหรือขา
การดูแลตัวเองและข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกปีกจมูก
ข้อห้ามหลักหลังฉีดโบท็อกปีกจมูกคือ การงดนวด กด หรือออกแรงกดบริเวณจมูก งดออกกำลังกายหนัก และหลีกเลี่ยงความร้อนสูงในวันแรก เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยากระจายไปยังกล้ามเนื้อส่วนอื่น
คำแนะนำในการดูแลตัวเองเพิ่มเติมมีดังนี้:
- คงศีรษะให้ตั้งตรง: ไม่นอนราบเป็นเวลาอย่างน้อย 4 ชั่วโมงหลังฉีด
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส: งดการทำทรีตเมนต์ใบหน้าหรือใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยน และควรล้างหน้าอย่างเบามือในช่วง 2-3 วันแรก
- งดกิจกรรมที่เพิ่มการไหลเวียนเลือด: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก การเข้าซาวน่า และการดื่มแอลกอฮอล์ใน 24 ชั่วโมงแรก
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกปีกจมูก (FAQ)
ฉีดโบท็อกปีกจมูกเจ็บไหม?
การฉีดโบท็อกปีกจมูกมีความเจ็บน้อยมาก โดยทั่วไปจะรู้สึกเหมือนมดกัดเบาๆ เท่านั้น เนื่องจากคลินิกส่วนใหญ่จะใช้ยาชาเฉพาะที่แบบทาหรือการประคบเย็นก่อนฉีดเพื่อลดความรู้สึกเจ็บ
ผู้ป่วยหลายคนให้คะแนนความเจ็บปวดเพียง 1-2 จาก 10 ซึ่งน้อยกว่าการฉีดฟิลเลอร์หรือการฉีดยาชาที่ใช้ในทางทันตกรรมอย่างมาก และความรู้สึกเจ็บจะหายไปอย่างรวดเร็วหลังฉีดเสร็จ
การฉีดโบท็อกปีกจมูกอันตรายหรือไม่?
การฉีดโบท็อกปีกจมูก มีความปลอดภัยสูง หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้เทคนิคที่ถูกต้อง
ผลข้างเคียงที่พบได้ส่วนใหญ่มักไม่รุนแรง เช่น รอยช้ำเล็กน้อย อาการบวม หรือความรู้สึกตึงๆ ซึ่งจะหายไปเอง ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงนั้นเกิดขึ้นได้ยากมาก เนื่องจากใช้ปริมาณโบท็อกน้อยและฉีดในบริเวณที่จำกัด
โบท็อกปีกจมูกช่วยให้สันจมูกโด่งขึ้นได้ไหม?
โบท็อกปีกจมูกไม่สามารถทำให้สันจมูกโด่งขึ้นได้ เนื่องจากการฉีดโบท็อกบริเวณนี้จะออกฤทธิ์ที่กล้ามเนื้อปีกจมูกเท่านั้น เพื่อลดการบานออกของจมูกเวลายิ้มหรือแสดงสีหน้า แต่ไม่มีผลต่อกระดูกหรือโครงสร้างของสันจมูก
ถ้าหยุดฉีดแล้วปีกจมูกจะบานกว่าเดิมหรือไม่?
การหยุดฉีดโบท็อกซ์จะไม่ทำให้ปีกจมูกบานกว่าเดิม เนื่องจากไม่มีผลกระทบที่ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น (rebound effect) เมื่อโบท็อกซ์หมดฤทธิ์ กล้ามเนื้อจะกลับไปทำงานตามปกติเหมือนก่อนฉีด
บางครั้งผู้ที่หยุดฉีดอาจรู้สึกว่าปีกจมูกบานขึ้นกว่าเดิม แต่เป็นเพียงความรู้สึกส่วนตัวที่เกิดจากการคุ้นชินกับผลลัพธ์ในช่วงที่ฉีดโบท็อกซ์เท่านั้น
หลังฉีดโบท็อกปีกจมูก สามารถทำเลเซอร์หน้าได้เมื่อไหร่?
โดยทั่วไป แนะนำให้เว้นระยะห่างประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนทำเลเซอร์บนใบหน้าหลังฉีดโบท็อกปีกจมูก
การเว้นระยะห่างเป็นแนวทางที่ปลอดภัยที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงความร้อนหรือการนวดจากการทำเลเซอร์ ซึ่งอาจทำให้โบท็อกซ์กระจายตัวไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการได้ อย่างไรก็ตาม ควรแจ้งให้แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเลเซอร์ทราบทุกครั้งว่าคุณเพิ่งฉีดโบท็อกซ์มา เพื่อให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
โบท็อกปีกจมูกเหมาะกับทุกคนใช่ไหม?
โบท็อกปีกจมูกไม่เหมาะกับทุกคน โดยจะเหมาะกับผู้ที่มีปัญหารูจมูกบานออกเฉพาะเวลายิ้มหรือแสดงสีหน้าเท่านั้น
หัตถการนี้อาจไม่เหมาะกับกลุ่มต่อไปนี้:
- ผู้ที่มีปีกจมูกกว้างหรือเนื้อจมูกหนาอยู่แล้วตั้งแต่แรก เนื่องจากโบท็อกไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกระดูกหรือกระดูกอ่อนได้
- สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
- ผู้ที่มีการติดเชื้อหรือผิวหนังอักเสบบริเวณที่จะฉีด
- ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์ที่ไม่สมจริง เนื่องจากผลลัพธ์ที่ได้จะมีความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยและไม่ถาวร
References:
- Kamrani et al. (n.d.). A review of neuromodulators and energy-based devices for optimizing nasal appearance. Facial Plastic Surgery & Aesthetic Medicine. liebertpub.com
- Zhong et al. (n.d.). A single-blinded prospective study on using botulinum toxin type A for reducing alar mobility. Aesthetic Surgery Journal. oxfordacademic.com
- Wang et al. (n.d.). Botulinum toxin type A for nostril overexposure: A prospective clinical study using 3D scanning. Aesthetic Plastic Surgery. springer.com
- Hong, S.O. (n.d.). Cosmetic treatment using botulinum toxin in the oral and maxillofacial area: A narrative review of esthetic techniques. Toxins (Basel). mdpi.com
- Kappel, S. (n.d.). The truth about using Botox for a Tinkerbell nose & nasal slimming. MDAiRE Blog. mdaire.com
- RealSelf. (n.d.). Q&A: Treatment for nasal flair when smiling – Can Botox be used for this? RealSelf. realself.com
- The Skin Center. (n.d.). Botox Danger Zones – Where not to inject Botox (Nose section). theskincentermd.com
- Mega Clinic. (n.d.). Nasal flare Botox guide: Non-surgical nostril slimming vs. nose wing surgery. megaclinicthailand.com
