ฉีดโบท็อกยกมุมปาก ราคาเท่าไหร่? ต้องใช้กี่ยูนิต? อัปเดต 2568

การฉีดโบท็อกยกมุมปากคือการใช้โบทูลินัม ท็อกซินประมาณ 5-10 ยูนิตต่อข้างฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อที่ดึงมุมปากลง (DAO) เพื่อคลายกล้ามเนื้อให้มุมปากที่ตกยกขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ใบหน้าดูเป็นมิตรและเศร้าน้อยลง โดยผลลัพธ์จะคงอยู่นาน 3-4 เดือน
โบท็อกยกมุมปากคืออะไร ทำงานอย่างไรเพื่อแก้ปัญหาปากคว่ำ
การฉีดโบท็อกยกมุมปากคือการใช้โบทูลินัม ท็อกซินฉีดเข้าไปยังกล้ามเนื้อที่ดึงมุมปากลง (Depressor Anguli Oris หรือ DAO) เพื่อทำให้กล้ามเนื้อนั้นอ่อนแรงลงชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อที่ดึงมุมปากลงคลายตัว กล้ามเนื้อฝั่งตรงข้ามที่ทำหน้าที่ยกมุมปากขึ้นจะทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้มุมปากที่เคยคว่ำหรือตกกลับมาอยู่ในระดับปกติหรือยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าดูเป็นมิตรและเศร้าน้อยลงขณะทำหน้าเฉยๆ
ใครเหมาะกับการฉีดโบท็อกยกมุมปาก?
ผู้ที่เหมาะกับการฉีดโบท็อกยกมุมปากคือคนที่มีปัญหามุมปากตกจากการทำงานของกล้ามเนื้อ (DAO) ที่ดึงมุมปากลงมากเกินไป ไม่ใช่ผู้ที่มีปัญหามุมปากตกจากความหย่อนคล้อยของผิวหนังหรือการสูญเสียไขมัน
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่เหมาะสมคือ:
- ผู้ที่มีมุมปากคว่ำลงตามธรรมชาติหรือจากนิสัย ทำให้ใบหน้าดูบึ้งหรือเศร้าตลอดเวลา
- ผู้ที่มีอายุน้อยถึงวัยกลางคน ซึ่งกล้ามเนื้อดึงมุมปากยังทำงานได้ดีและสภาพผิวหนังยังไม่หย่อนคล้อยมาก
- ผู้ที่มีสุขภาพโดยรวมดี ไม่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ไม่ได้กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และไม่มีประวัติแพ้โบท็อก
ลักษณะปัญหามุมปากตกที่โบท็อกสามารถแก้ไขได้
โบท็อกสามารถแก้ไขปัญหามุมปากตกที่เกิดจากการทำงานที่มากเกินไปของกล้ามเนื้อดึงมุมปากลง (DAO) ได้ดีที่สุด ซึ่งเรียกว่า “dynamic droop” หรือมุมปากตกที่เกิดจากแรงดึงของกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือจากอายุที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม โบท็อกเพียงอย่างเดียวมักไม่เพียงพอสำหรับมุมปากตกที่เกิดจากผิวหนังหย่อนคล้อยอย่างรุนแรง การสูญเสียไขมัน หรือร่องน้ำหมากลึก ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างและอาจต้องรักษาด้วยฟิลเลอร์หรือการผ่าตัดร่วมด้วย
ข้อห้ามและผู้ที่ไม่ควรฉีดโบท็อกยกมุมปาก
ผู้ที่ไม่ควรฉีดโบท็อกยกมุมปากคือผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร และผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของโบท็อก นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอื่นๆ ที่ควรหลีกเลี่ยงหรือต้องปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนทำหัตถการ ดังนี้
- ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ: เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis), Lambert-Eaton Syndrome หรือ ALS
- สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร: เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยที่เพียงพอ
- ผู้ที่แพ้โบท็อก: รวมถึงส่วนประกอบในตัวยา เช่น อัลบูมิน (albumin)
- ผู้ที่มุมปากตกจากปัญหาผิวหนัง: หากมุมปากตกเกิดจากผิวหย่อนคล้อยหรือการสูญเสียไขมัน ไม่ใช่จากกล้ามเนื้อ การฉีดโบท็อกอย่างเดียวอาจไม่เห็นผล
- ผู้ที่มีความคาดหวังไม่สมจริง: รวมถึงผู้ที่มีภาวะ Body Dysmorphic Disorder (BDD)
- ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด: เช่น ยาปฏิชีวนะกลุ่ม aminoglycoside หรือยาคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจเสริมฤทธิ์ของโบท็อกมากเกินไป ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
ราคาฉีดโบท็อกยกมุมปาก และต้องใช้กี่ยูนิต?
โดยทั่วไปการฉีดโบท็อกซ์ยกมุมปากจะใช้ประมาณ 5-10 ยูนิตต่อข้าง และมีราคาอยู่ที่ประมาณ 4,999 ถึง 10,000 บาท
จำนวนยูนิตที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแต่ละบุคคล โดยแพทย์อาจเริ่มต้นที่ 4-6 ยูนิตต่อข้างสำหรับเคสที่ไม่รุนแรง ส่วนราคาจะแตกต่างกันไปตามคลินิก โปรโมชั่น และความเชี่ยวชาญของแพทย์ ซึ่งคลินิกส่วนใหญ่มักคิดเป็นราคาเหมาสำหรับหัตถการนี้ เนื่องจากใช้จำนวนยูนิตไม่มาก
ปัจจัยที่กำหนดราคาและจำนวนยูนิตที่ต้องใช้
ราคาและจำนวนยูนิตของการฉีดโบท็อกซ์ยกมุมปากจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกซ์ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และโครงสร้างราคาของแต่ละคลินิก โดยทั่วไปจะใช้โบท็อกซ์ประมาณ 5-10 ยูนิตต่อข้าง ซึ่งแพทย์จะประเมินตามความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแต่ละบุคคล
สำหรับราคาจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ ได้แก่
- ยี่ห้อของโบท็อกซ์: ยี่ห้อจากฝั่งตะวันตก (เช่น Allergan, Xeomin) จะมีราคาสูงกว่ายี่ห้อจากเกาหลี (เช่น Nabota, Aestox)
- โปรโมชั่นและราคาของคลินิก: แต่ละคลินิกมีโครงสร้างราคาและโปรโมชั่นที่แตกต่างกัน โดยหลายแห่งมักคิดเป็นราคาเหมาแทนการคิดเป็นรายยูนิต ซึ่งอาจมีราคาตั้งแต่ประมาณ 4,999 ถึง 10,000 บาท
กรอบราคาประเมินเบื้องต้นต่อการรักษา 1 ครั้ง
กรอบราคาประเมินสำหรับการฉีดโบท็อกซ์ยกมุมปาก 1 ครั้ง อยู่ที่ประมาณ 4,999–10,000 บาท
ราคานี้มักจะครอบคลุมการฉีดทั้งสองข้างของปาก โดยคลินิกเสริมความงามทั่วไปอาจมีราคาเริ่มต้นที่ 4,999–8,000 บาท ในขณะที่โรงพยาบาลหรือคลินิกระดับพรีเมียมอาจมีราคาสูงถึง 10,000 บาท คลินิกส่วนใหญ่มักคิดเป็นราคาเหมาต่อครั้ง เนื่องจากใช้ปริมาณโบท็อกซ์ไม่มากนัก
ขั้นตอนการฉีดโบท็อกยกมุมปากในคลินิก
ขั้นตอนการฉีดโบท็อกยกมุมปากจะเริ่มจากการที่แพทย์ประเมินใบหน้าและกำหนดจุดฉีด จากนั้นจึงฉีดโบท็อกปริมาณเล็กน้อยเข้าไปในกล้ามเนื้อที่ดึงมุมปากลง (DAO) ซึ่งเป็นกระบวนการที่รวดเร็วและเจ็บน้อยมาก
โดยทั่วไปมีขั้นตอนดังนี้:
- การเตรียมตัว: แพทย์จะประเมินการทำงานของกล้ามเนื้อและกำหนดจุดฉีดที่แม่นยำ โดยปกติจะฉีดข้างละ 1-2 จุด บริเวณใต้และเยื้องไปด้านนอกของมุมปากเล็กน้อย อาจมีการทาครีมยาชาหรือประคบเย็นเพื่อลดความรู้สึกเจ็บ
- การฉีด: แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กมากฉีดโบท็อกปริมาณน้อย (ประมาณ 1-3 ยูนิตต่อจุด) เข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อตื้นๆ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที
- หลังการฉีด: ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ทันที แต่อาจได้รับคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก การนวดหน้า หรือการเข้าซาวน่าเป็นเวลา 1 วัน
- การติดตามผล: แพทย์มักจะนัดเพื่อประเมินผลลัพธ์และความสมมาตรในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา
ผลลัพธ์ การพักฟื้น และระยะเวลาที่เห็นผล
ฉีดแล้วกี่วันถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
โดยทั่วไปจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ หลังการฉีด
คุณอาจเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยได้ในช่วง 3-5 วันแรก แต่ผลลัพธ์จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นและเห็นผลสูงสุดเมื่อครบ 14 วัน ซึ่งเป็นช่วงที่โบท็อกซ์ออกฤทธิ์เต็มที่ แพทย์จึงมักนัดติดตามผลในช่วงเวลานี้เพื่อประเมินผลลัพธ์สุดท้าย
ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานแค่ไหน และควรฉีดซ้ำเมื่อไหร่
ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์ยกมุมปากคงอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน
หลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะค่อยๆ กลับมาทำงานและมุมปากจะเริ่มตกลงมาเหมือนเดิม เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้คงที่จึงแนะนำให้ฉีดซ้ำทุกๆ 3 เดือน หรือประมาณ 3-4 ครั้งต่อปี หากหยุดฉีด มุมปากจะกลับสู่สภาพเดิมก่อนการรักษาโดยไม่มีผลเสียใดๆ
การดูแลตัวเองหลังฉีดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
หลังฉีดโบท็อกซ์ยกมุมปาก ควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือถูบริเวณที่ฉีด งดออกกำลังกายหนัก และงดกิจกรรมที่ทำให้หน้าสัมผัสความร้อนเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยากระจายไปยังกล้ามเนื้อมัดอื่นที่ไม่ต้องการ
คำแนะนำเพิ่มเติมในการดูแลตัวเองมีดังนี้:
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก การทำซาวน่า หรือการทำทรีตเมนต์ใบหน้าเป็นเวลา 1 วัน
- พยายามรักษาศีรษะให้ตั้งตรง ในช่วง 2-3 ชั่วโมงแรกหลังฉีด
- สามารถกลับไปทำกิจกรรมปกติได้ทันที เช่น การรับประทานอาหาร การพูดคุย หรือการทำงาน โดยทั่วไปไม่มีข้อจำกัดที่สำคัญ
ก่อนตัดสินใจ: เปรียบเทียบกับวิธีอื่นและเกณฑ์เลือกคลินิก
โบท็อก ฟิลเลอร์ ร้อยไหม หรือผ่าตัด: เลือกวิธีไหนดี
การเลือกวิธีที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหามุมปากตก โดยแต่ละวิธีเหมาะกับปัญหาที่แตกต่างกัน ดังนี้
- โบท็อก (Botox): เหมาะสำหรับผู้ที่มุมปากตกจากการทำงานของกล้ามเนื้อที่ดึงลงมากเกินไป
- ฟิลเลอร์ (Filler): เหมาะสำหรับผู้ที่มุมปากตกจากการสูญเสียปริมาตรหรือมีร่องน้ำหมากลึก และมักใช้ร่วมกับโบท็อกเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ร้อยไหม (Thread Lift): ข้อมูลระบุว่ามักไม่ช่วยเปลี่ยนตำแหน่งมุมปากได้อย่างมีนัยสำคัญ และอาจทำให้ผลลัพธ์ดูไม่เป็นธรรมชาติ
- ผ่าตัด (Surgery): เป็นทางเลือกสำหรับกรณีที่มุมปากตกอย่างรุนแรง ให้ผลลัพธ์ที่ถาวร แต่มีข้อเสียคือจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้
เกณฑ์การเลือกคลินิกและแพทย์เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
เกณฑ์การเลือกคลินิกและแพทย์ที่ปลอดภัยที่สุดคือการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ซึ่งจะวิเคราะห์ใบหน้าอย่างละเอียด ใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ของแท้ และมีบริการติดตามผลหลังการรักษา
เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี ควรพิจารณาเกณฑ์ต่อไปนี้:
- ความเชี่ยวชาญของแพทย์: เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และความเข้าใจในกายวิภาคของใบหน้าเป็นอย่างดี สามารถใช้เทคนิคการฉีดที่แม่นยำและใช้ปริมาณยาที่เหมาะสม (less is more) เพื่อป้องกันผลข้างเคียง
- คุณภาพของผลิตภัณฑ์: คลินิกต้องใช้โบท็อกซ์ของแท้ที่ผ่านการรับรองจากอย. และควรแสดงขวดผลิตภัณฑ์ให้ตรวจสอบได้ก่อนฉีด
- การให้คำปรึกษา: แพทย์ที่ดีจะประเมินโครงสร้างใบหน้าอย่างละเอียด อธิบายทางเลือกการรักษาอื่นๆ ที่เหมาะสม และแจ้งผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ตามความเป็นจริง
- มาตรฐานของคลินิก: สถานที่ต้องสะอาด ปลอดเชื้อ และมีอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน
- การดูแลและติดตามผล: คลินิกควรมีการนัดติดตามผลหลังฉีดประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อประเมินผลลัพธ์และแก้ไขหากจำเป็น ซึ่งคลินิกที่มีคุณภาพมักจะให้บริการเติมยาฟรีหากผลยังไม่เป็นที่พอใจ
ผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีด
อาการทั่วไปที่พบได้และวิธีดูแลเบื้องต้น
อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุดคือ รอยช้ำ บวมแดง หรืออาการเจ็บบริเวณที่ฉีด ซึ่งโดยทั่วไปจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน บางรายอาจรู้สึกตึงหรือปวดเล็กน้อยได้ 1-2 วันหลังฉีด
สำหรับการดูแลเบื้องต้นเพื่อป้องกันการกระจายตัวของยา ควรปฏิบัติดังนี้:
- หลีกเลี่ยงการนวดหรือถูบริเวณใบหน้าส่วนล่างอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- งดการออกกำลังกายหนักๆ การทำทรีตเมนต์ใบหน้า ซาวน่า หรืออบไอน้ำเป็นเวลา 1 วัน
- พยายามตั้งศีรษะให้ตรงในช่วง 2-3 ชั่วโมงแรกหลังฉีด
ความเสี่ยงเรื่องปากเบี้ยวและแนวทางการป้องกัน
ความเสี่ยงเรื่องปากเบี้ยวเกิดจากการที่โบท็อกซ์กระจายไปโดนกล้ามเนื้อที่ใช้ควบคุมริมฝีปากล่าง (Depressor Labii Inferioris หรือ DLI) โดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งอาจเกิดจากการฉีดผิดตำแหน่ง ฉีดลึกเกินไป หรือใช้ปริมาณยาที่มากเกินไป ทำให้เวลายิ้ม ริมฝีปากจะดูไม่สมมาตรหรือเบี้ยวไปข้างหนึ่ง
แนวทางการป้องกันที่สำคัญที่สุดคือการเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และความเข้าใจในกายวิภาคบนใบหน้าเป็นอย่างดี โดยมีหลักการป้องกันดังนี้:
- เทคนิคการฉีดที่แม่นยำ: แพทย์จะฉีดในตำแหน่งที่ถูกต้อง คือบริเวณด้านข้างของร่องน้ำหมาก และใช้ความลึกที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้ยากระจายไปโดนกล้ามเนื้อมัดอื่น
- การใช้ปริมาณยาที่เหมาะสม: แพทย์จะเริ่มต้นด้วยการใช้ยาในปริมาณน้อยๆ ก่อน แล้วจึงอาจพิจารณาเพิ่มยาในภายหลังหากจำเป็น เพื่อหลีกเลี่ยงการฉีดยาเกินขนาด
- การปฏิบัติตัวหลังฉีด: ผู้รับบริการควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เช่น งดการนวดหรือถูบริเวณที่ฉีด และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของตัวยา
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกยกมุมปาก
ฉีดโบท็อกยกมุมปากเจ็บไหม?
การฉีดโบท็อกยกมุมปากมีความเจ็บน้อยมาก โดยผู้เข้ารับการรักษาส่วนใหญ่จะรู้สึกเหมือนโดนหยิกเบาๆ หรือคล้ายมดกัดเพียงเล็กน้อย เนื่องจากแพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กมาก และมักมีการทายาชาหรือประคบน้ำแข็งก่อนฉีดเพื่อลดความรู้สึกเจ็บ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
การฉีดโบท็อกยกมุมปากอันตรายหรือไม่?
การฉีดโบท็อกยกมุมปากถือว่าปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ เนื่องจากการฉีดโบท็อกเพื่อความงามได้รับการยอมรับและใช้งานมานานหลายสิบปี และปริมาณยาที่ใช้ในบริเวณนี้มีน้อยมาก
ผลข้างเคียงที่ร้ายแรงนั้นพบได้น้อยมาก โดยความเสี่ยงที่พบบ่อยที่สุดคือรอยยิ้มที่ไม่สมมาตร ซึ่งเป็นเพียงชั่วคราวและจะหายไปเองเมื่อโบท็อกหมดฤทธิ์ ส่วนผลข้างเคียงเล็กน้อยอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้คือรอยช้ำหรืออาการบวมเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองในไม่กี่วัน
ต้องใช้โบท็อกกี่ยูนิตเพื่อยกมุมปาก?
โดยทั่วไปแล้ว การฉีดโบท็อกเพื่อยกมุมปากจะใช้ประมาณ 5-10 ยูนิตต่อข้าง
ปริมาณที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับการประเมินความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (DAO) ของแต่ละบุคคล โดยแพทย์อาจเริ่มต้นที่ 4-6 ยูนิตต่อข้างสำหรับผู้ที่มีกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงมาก และอาจเพิ่มเป็น 10 ยูนิตต่อข้างหากกล้ามเนื้อดึงมุมปากลงเยอะ
ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกยกมุมปากอยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกยกมุมปาก อยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน หลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะค่อยๆ กลับมาทำงานตามปกติ ทำให้มุมปากกลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม หากต้องการรักษามุมปากที่ยกกระชับไว้ ควรกลับมาฉีดซ้ำทุกๆ 3-4 เดือน
ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการฉีดโบท็อกยกมุมปาก?
ผู้ที่ไม่เหมาะกับการฉีดโบท็อกยกมุมปาก คือผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของโบท็อก และผู้ที่มุมปากตกจากปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยอย่างรุนแรงมากกว่าการทำงานของกล้ามเนื้อ
กลุ่มที่ไม่เหมาะกับการฉีดโบท็อกยกมุมปาก ได้แก่:
- ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia gravis)
- สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลยืนยันความปลอดภัย
- ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของโบท็อก เช่น แพ้โปรตีนอัลบูมิน (Albumin)
- ผู้ที่มุมปากตกจากผิวหย่อนคล้อยหรือสูญเสียไขมัน หากสาเหตุหลักมาจากโครงสร้างผิว ไม่ใช่กล้ามเนื้อดึงลง การฉีดโบท็อกอย่างเดียวอาจไม่เห็นผล
- ผู้ที่มีความคาดหวังไม่สมจริง หรือมีภาวะไม่พึงพอใจในรูปลักษณ์ของตนเอง (Body Dysmorphic Disorder)
- ผู้ที่กำลังใช้ยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะกลุ่ม aminoglycoside หรือยาคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจเสริมฤทธิ์ของโบท็อกมากเกินไป
หากไม่พอใจผลลัพธ์ สามารถแก้ไขได้อย่างไร?
สามารถแก้ไขได้โดยการฉีดโบท็อกซ์เพิ่มเพื่อปรับแก้ หรือในกรณีที่ผลลัพธ์ไม่สมดุลจะต้องรอให้โบท็อกซ์หมดฤทธิ์ไปเอง ซึ่งการแก้ไขจะขึ้นอยู่กับลักษณะของปัญหา ดังนี้
- หากมุมปากยังยกไม่พอ: สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อฉีดเพิ่ม (touch-up) ได้ในการนัดติดตามผล 2 สัปดาห์หลังฉีด
- หากยิ้มไม่เท่ากันหรือมุมปากยกมากเกินไป: โดยทั่วไปต้องรอให้ผลของโบท็อกซ์สลายไปเองในเวลา 3-4 เดือน เนื่องจากไม่มียาแก้โดยตรง อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจพิจารณาฉีดโบท็อกซ์เล็กน้อยที่อีกข้างเพื่อสร้างความสมดุลได้
References:
- Zhang, M., et al. (n.d.). Deciphering Depressor Anguli Oris for Lower Face Rejuvenation: A Prospective Ultrasound-Based Investigation. Aesthetic Surgery Journal. pubmed.ncbi.nlm.nih.gov
- Kim, J., et al. (n.d.). Novel anatomical proposal for botulinum neurotoxin injection targeting depressor anguli oris for treating drooping mouth corner. Anatomy & Cell Biology. ncbi.nlm.nih.gov
- Greenberg, L. (n.d.). Lifting the mouth corner – Journal time! Lauren Greenberg MD Blog. laurengreenbergmd.com
- Cleveland Clinic. (n.d.). Neuromodulators (Botox/Dysport/Xeomin) Injection – Elevation of the corners of your mouth. Cleveland Clinic Cosmetic & Plastic Surgery. clevelandclinic.org
- Padda, I.S., & Tadi, P. (n.d.). Botulinum Toxin. StatPearls Publishing – NCBI Bookshelf. ncbi.nlm.nih.gov
