ฉีดโบท็อกซ์ยกหางตา ลดริ้วรอยตีนกา เห็นผลจริงไหม? อัปเดต 2568

การฉีดโบท็อกหางตาคือการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในกล้ามเนื้อรอบดวงตา (Orbicularis Oculi) เพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ดึงหางตาลง ทำให้รอยตีนกาดูจางลงและหางตาดูยกขึ้น ซึ่งจะเห็นผลเต็มที่ใน 2 สัปดาห์ และผลลัพธ์คงอยู่นานประมาณ 3-4 เดือน
โบท็อกซ์ยกหางตาคืออะไร? หลักการทำงานเพื่อลดริ้วรอย
โบท็อกซ์ยกหางตาคือ เทคนิคการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปที่กล้ามเนื้อรอบดวงตา (Orbicularis Oculi) ส่วนที่ดึงหางคิ้วลง หลักการทำงานคือการทำให้กล้ามเนื้อส่วนดังกล่าวอ่อนแรงลง เมื่อแรงดึงลงลดน้อยลง กล้ามเนื้อหน้าผาก (Frontalis) ที่ทำหน้าที่ยกคิ้วขึ้นจึงสามารถดึงหางคิ้วให้ยกสูงขึ้นได้โดยไม่มีแรงต้าน ส่งผลให้หางตาดูยกขึ้นประมาณ 1-2 มิลลิเมตร และริ้วรอยบริเวณดังกล่าวลดลง
ใครเหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์ยกหางตาและลดรอยตีนกา
ลักษณะปัญหาที่ตอบโจทย์ด้วยโบท็อกซ์
โบท็อกซ์เหมาะสำหรับแก้ปัญหา ริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ (Dynamic Lines) เช่น รอยตีนกาที่ปรากฏชัดขึ้นเวลายิ้มหรือหยีตา
การฉีดโบท็อกซ์จะได้ผลดีที่สุดในผู้ที่มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวอย่างชัดเจน เพราะโบท็อกซ์จะเข้าไปคลายกล้ามเนื้อ ทำให้ริ้วรอยจางลง นอกจากนี้ การเริ่มฉีดในช่วงอายุ 30-40 ปี ยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้ริ้วรอยตื้นๆ กลายเป็นร่องลึกถาวรได้
สำหรับริ้วรอยที่เป็นร่องลึกและมองเห็นได้ชัดแม้ไม่ได้แสดงสีหน้า (Static Lines) โบท็อกซ์อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่สมบูรณ์ และมักจะต้องใช้การรักษาอื่นร่วมด้วย เช่น ฟิลเลอร์ หรือเลเซอร์
ข้อจำกัดและผู้ที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์หางตา
ผู้ที่มีประวัติแพ้โบท็อกซ์หรือ Dysport ในอดีต คือผู้ที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์บริเวณหางตา
นอกจากนี้ ผู้ที่มีริ้วรอยลึกแบบถาวรอาจไม่เห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการฉีดโบท็อกซ์เพียงอย่างเดียว และอาจต้องใช้การรักษาอื่น ๆ เช่น ฟิลเลอร์หรือเลเซอร์ร่วมด้วย เพื่อจัดการกับปัญหาผิวและร่องลึกที่โบท็อกซ์ไม่สามารถแก้ไขได้
การฉีดโบท็อกซ์หางตา: ต้องใช้กี่ยูนิตและตำแหน่งใดบ้าง
โดยทั่วไปแล้วการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยหางตาจะใช้ประมาณ 24–32 ยูนิต สำหรับเทคนิคการยกหางคิ้ว (chemical brow lift) จะฉีด 3 จุดเล็กๆ ต่อข้าง บริเวณใต้หางคิ้วเล็กน้อย โดยฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อ Orbicularis Oculi ส่วนบนด้านข้าง เพื่อทำให้กล้ามเนื้อที่ดึงคิ้วลงอ่อนแรงลง
ผลลัพธ์และระยะเวลา: กี่วันเห็นผลและอยู่ได้นานแค่ไหน
ผลลัพธ์จะเห็นผลเต็มที่ใน 2 สัปดาห์ และคงอยู่ได้นานประมาณ 3-4 เดือน โดยทั่วไป ริ้วรอยจะเรียบเนียนที่สุดเมื่อครบสองสัปดาห์ และเมื่อเข้าสู่เดือนที่ 3 กล้ามเนื้ออาจเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง
ในบางรายผลลัพธ์อาจอยู่ได้นานถึง 5-6 เดือน โดยเฉพาะผู้ที่ฉีดอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสภาพผิวให้เรียบเนียน แนะนำให้ฉีดประมาณ 3-4 ครั้งต่อปี
ราคาฉีดโบท็อกซ์หางตา: ปัจจัยกำหนดค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
ปัจจัยหลักที่กำหนดราคาฉีดโบท็อกซ์หางตาคือยี่ห้อของโบท็อกซ์และจำนวนยูนิตที่ใช้ โดยทั่วไปแล้ว โบท็อกซ์จากอเมริกา (เช่น Allergan) จะมีราคาสูงกว่าโบท็อกซ์จากเกาหลี (เช่น Nabota, Botulax) ประมาณ 60%
จากข้อมูลตัวอย่างในคลินิกกรุงเทพฯ ค่าใช้จ่ายโดยประมาณสำหรับการฉีดลดริ้วรอยหางตาอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาท ขึ้นไป
- โบท็อกซ์เกาหลี: ประมาณ 6,000 – 6,500 บาท
- โบท็อกซ์อเมริกา (Allergan): ประมาณ 9,000 – 10,200 บาท
สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์
การเลือกคลินิกและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย
ความปลอดภัยในการฉีดโบท็อกซ์ขึ้นอยู่กับเทคนิคและความเชี่ยวชาญของแพทย์เป็นสำคัญ ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงและทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง: แพทย์จะฉีดในความลึกที่เหมาะสม (ใต้ผิวหนัง) และเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เซนติเมตรจากขอบกระดูกเบ้าตา เพื่อจำกัดการกระจายของตัวยาและป้องกันผลกระทบต่อกล้ามเนื้อที่ไม่ต้องการ
- ตำแหน่งที่แม่นยำ: การฉีดในตำแหน่งที่ถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง เช่น การฉีดต่ำเกินไปอาจทำให้ยิ้มไม่สมมาตร หรือการฉีดสูงเกินไปในผู้ชายอาจทำให้คิ้วโก่งดูไม่เป็นธรรมชาติ
- ปริมาณยาที่เหมาะสม: การใช้ปริมาณยาที่พอเหมาะ (conservative doses) จะช่วยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและลดความเสี่ยง
- การประเมินผู้รับบริการ: แพทย์จะประเมินความเหมาะสมและข้อห้ามต่างๆ เช่น ผู้ที่มีประวัติแพ้โบท็อกซ์ไม่ควรรับการรักษาซ้ำ
การเตรียมตัวก่อนฉีดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ข้อมูลที่ให้มาไม่ได้ระบุถึงการเตรียมตัวที่เฉพาะเจาะจงก่อนการฉีดโบท็อกซ์ แต่เน้นไปที่การพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่เหมาะสมกับการฉีด เช่น ผู้ที่มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อรอบดวงตาอย่างเห็นได้ชัดซึ่งทำให้เกิดริ้วรอย และข้อห้ามสำหรับผู้ที่เคยมีประวัติแพ้โบท็อกซ์มาก่อน
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้นานขึ้น
วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาผลลัพธ์ให้ยาวนานคือ การวางแผนฉีดซ้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยทั่วไปแนะนำให้ฉีด 3-4 ครั้งต่อปีเพื่อคงผลลัพธ์ที่ดีที่สุดไว้ นอกจากนี้ การฉีดซ้ำอย่างต่อเนื่องอาจช่วยให้ผลลัพธ์ในแต่ละครั้งอยู่ได้นานขึ้น
ความเสี่ยงและผลข้างเคียง: อาการตาแข็ง ยิ้มไม่สุด และวิธีแก้ไข
อาการยิ้มไม่สุดหรือยิ้มแข็งเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อย ซึ่งเกิดจากการฉีดโบท็อกซ์ในตำแหน่งที่ต่ำเกินไปจนส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อบริเวณกลางแก้มแทนที่จะเป็นแค่บริเวณหางตา
โดยทั่วไปแล้ว อาการนี้จะหายไปเองเมื่อโบท็อกซ์หมดฤทธิ์ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ และวิธีที่ดีที่สุดคือการปล่อยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวตามธรรมชาติ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์หางตา
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์หางตาคือเรื่องระยะเวลาเห็นผล ความคงทนของผลลัพธ์ และความถี่ในการฉีด โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ระยะเวลาเห็นผล: จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในไม่กี่วัน และเห็นผลลัพธ์เต็มที่ในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์
- ผลลัพธ์คงอยู่นานแค่ไหน: โดยทั่วไปผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 3-4 เดือน แต่ในบางรายอาจนานถึง 5-6 เดือน โดยเฉพาะผู้ที่ฉีดอย่างต่อเนื่อง
- ความถี่ในการฉีด: เพื่อรักษาริ้วรอยให้เรียบเนียนอย่างต่อเนื่อง แนะนำให้ฉีดประมาณ 3-4 ครั้งต่อปี
References:
- Biello, A., & Zhu, B. (n.d.). Botulinum Toxin Treatment of the Upper Face. StatPearls – NCBI Bookshelf. ncbi.nlm.nih.gov
- Yanhee Hospital. (n.d.). Skin Treatments Prices – Botox for crow’s feet. Yanhee International Hospital (Thailand). yanhee.net
- Lyfe Medical Wellness. (n.d.). How Much is Botox Injections in Thailand. Lyfe Medical Wellness Blog. lyfemedical.com
- Metro Beauty Centers. (n.d.). Fillers & Botox Price List (Bangkok). The Metro Clinic Bangkok. metrobeautycenters.com
