วิธีทำให้หน้าเรียว: เทียบวิธีธรรมชาติกับการทำหัตถการในคลินิก

วิธีทำให้หน้าเรียวมีหลากหลายตั้งแต่การปรับอาหารและไลฟ์สไตล์ไปจนถึงหัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุด เช่น การฉีดโบท็อกซ์ที่ให้ผลลัพธ์นานถึง 6 เดือนสำหรับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อกรามใหญ่หรือไขมันสะสมบริเวณแก้ม
หน้าใหญ่เกิดจากอะไร? สำรวจ 3 สาเหตุหลักที่ทำให้หน้าไม่เรียว
ไขมันสะสมบริเวณแก้มและเหนียง
ไขมันแก้มส่วนเกิน (Buccal fat) เป็นสาเหตุของแก้มที่ดูอูม ในขณะที่ไขมันใต้คาง (Submental fat) ทำให้เกิดเหนียงหรือคางสองชั้น ไขมันเหล่านี้เป็นไขมันชั้นลึกที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และอาจทำให้ใบหน้าดูอูมได้แม้ว่าจะมีน้ำหนักตัวปกติก็ตาม
กล้ามเนื้อกรามมีขนาดใหญ่กว่าปกติ
ภาวะกล้ามเนื้อแมสเซ็ทเทอร์โตเกินปกติ (Masseter Muscle Hypertrophy) คือการที่กล้ามเนื้อกรามมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งทำให้ใบหน้าส่วนล่างดูกว้างและเป็นเหลี่ยม
การวินิจฉัยภาวะนี้สามารถทำได้โดยการตรวจ CT Scan ซึ่งจะแสดงให้เห็นขนาดของกล้ามเนื้อที่ใหญ่ขึ้น และบางครั้งอาจพบการเปลี่ยนแปลงของกระดูกขากรรไกรจากแรงกดทับเป็นเวลานาน เช่น มุมกรามที่หนาขึ้น การตรวจด้วยภาพถ่ายรังสีนี้ช่วยแยกภาวะกล้ามเนื้อโตออกจากกรณีที่ใบหน้ากว้างจากโครงสร้างกระดูกได้
โครงสร้างกระดูกใบหน้าและกรรมพันธุ์
โครงสร้างกระดูกและกรรมพันธุ์เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ใบหน้าดูกว้างหรือใหญ่ ซึ่งแพทย์จะทำการประเมินเพื่อแยกว่าสาเหตุมาจากโครงสร้างกระดูกหรือเนื้อเยื่ออ่อน (ไขมันและกล้ามเนื้อ) โดยการคลำและใช้ภาพถ่ายทางการแพทย์ เช่น เอกซเรย์ หรือ CT scan เพื่อวัดมุมและความกว้างของกระดูกขากรรไกร หากพบว่าใบหน้าใหญ่จากกระดูก การรักษาอาจต้องใช้วิธีการผ่าตัดเพื่อปรับโครงสร้างกระดูก
วิธีทำให้หน้าเรียว: เทียบวิธีธรรมชาติกับการทำหัตถการในคลินิก
วิธีทำให้หน้าเรียวมีทั้งวิธีธรรมชาติและการทำหัตถการในคลินิก ซึ่งแตกต่างกันที่ผลลัพธ์และความเร็ว โดยวิธีธรรมชาติจะช่วยลดอาการบวมและไขมันโดยรวมอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่หัตถการจะแก้ไขปัญหาไขมันหรือกล้ามเนื้อได้อย่างตรงจุดและเห็นผลชัดเจนกว่า
ตารางเปรียบเทียบวิธีทำให้หน้าเรียว:
| วิธี | ผลลัพธ์ | ระยะเวลาเห็นผล |
|---|---|---|
| วิธีธรรมชาติ | ||
| ออกกำลังกายใบหน้า | ช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่สามารถลดไขมันเฉพาะจุดได้ | หลายสัปดาห์ และเห็นผลไม่ชัดเจน |
| ปรับอาหารและไลฟ์สไตล์ | ลดอาการบวมน้ำและไขมันทั่วร่างกาย ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าดูเล็กลงทางอ้อม | ค่อยเป็นค่อยไป ขึ้นอยู่กับการลดไขมันของร่างกายโดยรวม |
| หัตถการในคลินิก | ||
| โบท็อกซ์ลดกราม | ลดขนาดกล้ามเนื้อกราม ทำให้กรอบหน้าเรียวลง เหมาะสำหรับคนกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ | 1-4 เดือน |
| ผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม | นำก้อนไขมันออกเพื่อลดความอูมของแก้มอย่างถาวร | เห็นผลหลังยุบบวม (1-2 สัปดาห์) และเข้าที่ใน 3-6 เดือน |
| ฉีดสลายไขมัน | สลายเซลล์ไขมันส่วนเกินบริเวณแก้มหรือเหนียง | หลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน |
วิธีธรรมชาติและการดูแลตัวเองที่บ้าน
วิธีธรรมชาติและการดูแลตัวเองที่บ้านเพื่อทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลงนั้นเกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนอาหาร การใช้ชีวิต และการออกกำลังกายโดยรวม ซึ่งจะช่วยลดไขมันและอาการบวมของร่างกายทั้งหมด
- การปรับอาหาร: ลดการบริโภคโซเดียมและแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันอาการบวมน้ำ ลดแป้งขัดขาวและน้ำตาลเพื่อลดการสะสมไขมัน และดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยลดอาการบวม
- การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต: นอนหลับให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมงและจัดการความเครียดเพื่อควบคุมฮอร์โมน รวมถึงหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ซึ่งทำให้ผิวหย่อนคล้อย
- การออกกำลังกายโดยรวม: การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอและการฝึกความแข็งแรงจะช่วยลดไขมันในร่างกายโดยรวม ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าเรียวเล็กลงไปด้วย
- การบริหารใบหน้า: สามารถช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้นได้ แต่มีหลักฐานจำกัดและไม่สามารถลดไขมันเฉพาะจุดบนใบหน้าได้
หัตถการทางการแพทย์เพื่อปรับรูปหน้าโดยเฉพาะ
หัตถการทางการแพทย์เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหา ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อ ไขมัน หรือโครงสร้างกระดูก
วิธีการที่นิยมใช้มีดังนี้:
- โบท็อกซ์ (Botox): ฉีดเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อกราม (Masseter) ทำให้กรอบหน้าส่วนล่างดูเรียวลง เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้ากว้างจากกล้ามเนื้อ
- การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม (Buccal Fat Removal): เป็นการผ่าตัดนำก้อนไขมันบริเวณแก้มออกเพื่อลดความอูมของใบหน้าอย่างถาวร
- การฉีดสลายไขมัน (Fat-dissolving injections): ใช้เพื่อสลายเซลล์ไขมันเฉพาะจุด เช่น บริเวณแก้มหรือใต้คาง (เหนียง)
- การดูดไขมัน (Liposuction): มักใช้กับบริเวณใต้คางเพื่อกำจัดเหนียงและทำให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น
- หัตถการที่ใช้พลังงาน (HIFU/RF): ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าดูกว้างขึ้น
- การศัลยกรรมปรับโครงกระดูก (Bone Contouring): เป็นการผ่าตัดเพื่อปรับเปลี่ยนรูปร่างของกระดูกกรามโดยตรง เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้ากว้างจากโครงสร้างกระดูก
หลักเกณฑ์การเลือกวิธีที่เหมาะสมกับปัญหาของคุณ
การเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดคือการจับคู่การรักษากับสาเหตุของปัญหาใบหน้าใหญ่ ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการประเมินเพื่อเลือกแนวทางที่ถูกต้อง โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
- เกิดจากไขมัน: หากใบหน้าอูมเพราะไขมันสะสม เช่น แก้มยุ้ย หรือมีเหนียง การรักษาที่ได้ผลคือการผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม การฉีดสลายไขมัน หรือการดูดไขมัน
- เกิดจากกล้ามเนื้อ: หากกรามใหญ่เพราะกล้ามเนื้อแมสเซตเตอร์ (Masseter) มีขนาดใหญ่ การฉีดโบท็อกซ์จะให้ผลดีที่สุด
- เกิดจากผิวหย่อนคล้อย: หากใบหน้าดูกว้างเพราะผิวหนังหย่อนคล้อยหรือมีแก้มห้อย การรักษาที่เหมาะสมคือการใช้เครื่องมือยกกระชับ (เช่น HIFU/RF) หรือการผ่าตัดดึงหน้า
- เกิดจากโครงกระดูก: หากใบหน้ากว้างเพราะโครงสร้างกระดูกกราม การผ่าตัดเหลากระดูกจะเป็นวิธีที่แก้ไขได้ตรงจุด
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: ระยะเวลาเห็นผลและความคงทนของแต่ละวิธี
แต่ละวิธีใช้เวลานานเท่าไหร่จึงจะเห็นผล
ระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปในแต่ละวิธี ตั้งแต่เห็นผลทันทีไปจนถึงหลายเดือน
- โบท็อกซ์ลดกราม: เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 2-4 สัปดาห์ และเห็นผลลัพธ์เต็มที่ใน 3-4 เดือน
- การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม: เห็นการเปลี่ยนแปลงรูปร่างใบหน้าใน 1-2 สัปดาห์หลังอาการบวมลดลง แต่จะเห็นผลลัพธ์สุดท้ายที่ดูเป็นธรรมชาติใน 3-6 เดือน
- การฉีดสลายไขมัน: ใช้เวลานานที่สุด โดยจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในเวลาประมาณ 3 เดือนขึ้นไป
- การนวดเดรนน้ำเหลือง: สามารถลดอาการบวมและทำให้ใบหน้าดูเรียวลงได้ทันทีภายในหนึ่งวัน แต่เป็นผลลัพธ์เพียงชั่วคราว
ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหนและการดูแลเพื่อรักษาผล
ผลลัพธ์ของการปรับรูปหน้ามีทั้งแบบถาวรและแบบที่ต้องทำซ้ำเพื่อคงสภาพ ขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา
ผลลัพธ์ถาวร:
- การกำจัดไขมัน: การผ่าตัด (เช่น ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม) หรือการฉีดสลายไขมัน (Kybella) เป็นการกำจัดเซลล์ไขมันออกไปอย่างถาวร อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักในอนาคตอาจทำให้เซลล์ไขมันที่เหลืออยู่ขยายใหญ่ขึ้นได้
- การปรับโครงสร้างกระดูก: การผ่าตัดปรับรูปทรงกระดูก เช่น การเหลากราม ให้ผลลัพธ์ที่ถาวร
- ผลลัพธ์ชั่วคราว (ต้องทำซ้ำ):
- การลดขนาดกล้ามเนื้อ: โบท็อกซ์ให้ผลลัพธ์ชั่วคราว โดยจะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน หากไม่ฉีดซ้ำ กล้ามเนื้อจะค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพเดิม
- การยกกระชับผิว: การทำ HIFU หรือ RF ให้ผลลัพธ์ประมาณ 1 ปี และจำเป็นต้องทำซ้ำเป็นระยะเพื่อต่อสู้กับกระบวนการแก่ชราตามธรรมชาติ
ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจทำหน้าเรียว
การประเมินรูปหน้าและสาเหตุที่แท้จริงโดยแพทย์
การประเมินรูปหน้าโดยแพทย์จะเริ่มจากการวินิจฉัยแยกสาเหตุว่ามาจากโครงสร้างกระดูกหรือเนื้อเยื่ออ่อน (ไขมันและกล้ามเนื้อ) ผ่านการตรวจร่างกายและการใช้ภาพถ่ายทางการแพทย์ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
แพทย์จะใช้วิธีการต่างๆ ในการประเมินดังนี้:
- การตรวจร่างกาย: แพทย์จะใช้การคลำเพื่อสัมผัสขอบกระดูกกราม และการหยิกผิวหนังบริเวณแก้มเพื่อประเมินความหนาของชั้นไขมัน
- การใช้ภาพถ่ายทางการแพทย์:
- เอกซเรย์เซฟาโลเมตริก (Cephalometric X-rays) หรือ CT สแกน 3 มิติ: ใช้เพื่อวัดมุมและความกว้างของกระดูกกรามอย่างแม่นยำ
- MRI หรือ CT สแกน: อาจใช้ในกรณีที่ไม่แน่ใจ เพื่อดูขนาดของไขมันกระพุ้งแก้ม (Buccal fat pads)
- การประเมินอื่นๆ: ในกรณีที่สงสัยว่ากล้ามเนื้อกรามโต อาจมีการวัดแรงกัด (Bite force) เพื่อประเมินการทำงานของกล้ามเนื้อก่อนการรักษาด้วยโบท็อกซ์
การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและความเชี่ยวชาญของแพทย์
การเลือกคลินิกและแพทย์ควรพิจารณาจากคุณวุฒิ ประสบการณ์ และการให้คำปรึกษาที่ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
ปัจจัยสำคัญในการพิจารณา ได้แก่
- คุณวุฒิของแพทย์: ควรเป็นแพทย์ผิวหนัง ศัลยแพทย์ตกแต่ง หรือแพทย์ด้านความงามที่ได้รับการรับรองและมีความเชี่ยวชาญด้านกายวิภาคบนใบหน้า
- ประสบการณ์: สอบถามจำนวนเคสที่แพทย์เคยทำในหัตถการที่คุณสนใจ และขอดูภาพรีวิวก่อนและหลังการรักษา เพื่อประเมินผลงานและสไตล์ที่ตรงกับความต้องการ
- การให้คำปรึกษา: แพทย์ที่ดีจะประเมินใบหน้าอย่างละเอียด อธิบายข้อดี-ข้อเสียของแต่ละทางเลือก และไม่กดดันให้ตัดสินใจ
- มาตรฐานของคลินิก: สถานที่ต้องสะอาด เป็นมืออาชีพ และใช้ผลิตภัณฑ์หรือเครื่องมือที่ผ่านการรับรองและสามารถตรวจสอบได้
- ข้อควรระวัง: ควรหลีกเลี่ยงคลินิกที่เสนอราคาต่ำกว่ามาตรฐานมากเกินไป หรือใช้เทคนิคการขายที่กดดันให้รีบตัดสินใจ
งบประมาณและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ค่าใช้จ่ายในการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลงจะแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับประเภทของหัตถการ คลินิก และความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ
ปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายโดยรวม ได้แก่:
- ประเภทของหัตถการ: การฉีดโบท็อกซ์ การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม หรือการทำ HIFU มีราคาที่แตกต่างกัน
- จำนวนครั้ง: หัตถการบางอย่าง เช่น โบท็อกซ์ จำเป็นต้องทำซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ไว้ ทำให้มีค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง
- การทำหัตถการร่วมกัน: การเลือกทำหลายหัตถการพร้อมกันอาจมีราคาแบบแพ็กเกจ ซึ่งอาจช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้
ความเสี่ยงและข้อควรระวังในการปรับรูปหน้า
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำหัตถการ
ผลข้างเคียงจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของหัตถการ โดยแต่ละวิธีมีอาการและความรุนแรงไม่เท่ากัน
- โบท็อกซ์กราม (Masseter Botox): อาจมีอาการเมื่อยเวลาเคี้ยวอาหารแข็งๆ หรือยิ้มไม่สมมาตรเล็กน้อยหากตัวยากระจายไปโดนกล้ามเนื้อมัดอื่น แต่พบได้ไม่บ่อยและจะหายไปเอง
- ฉีดสลายไขมัน (Fat-dissolving injections): มีอาการแสบร้อนระหว่างฉีด และหลังฉีดจะรู้สึกเจ็บ ปวดบวม และตึงบริเวณที่ทำเป็นเวลาหลายวัน
- ผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม (Buccal fat removal): หลังผ่าตัดจะรู้สึกเจ็บปานกลางในช่องปากและมีอาการบวมที่แก้มประมาณหนึ่งสัปดาห์
- ไฮฟู (HIFU): ความเจ็บปวดแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ตั้งแต่รู้สึกอุ่นๆ ไปจนถึงเจ็บลึกๆ ในบางบริเวณ หลังทำอาจมีรอยแดงหรือบวมเล็กน้อยเป็นเวลาหนึ่งวัน
ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการทำหน้าเรียวด้วยหัตถการ
ผู้ที่ไม่เหมาะกับการทำหน้าเรียวด้วยหัตถการ คือบุคคลที่มีภาวะสุขภาพบางอย่าง, สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร, ผู้ที่มีความคาดหวังไม่สมจริง และผู้ที่โครงสร้างใบหน้าใหญ่จากกระดูกเป็นหลัก
กลุ่มคนที่ไม่เหมาะกับการทำหน้าเรียวด้วยหัตถการต่างๆ ได้แก่:
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด: เช่น ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้ออาจไม่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์ หรือผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติอาจไม่เหมาะกับการผ่าตัด
- สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร: โดยทั่วไปแล้วควรหลีกเลี่ยงหัตถการที่ไม่จำเป็นเพื่อความปลอดภัย
- ผู้ที่มีการติดเชื้อ: หากมีการติดเชื้อบริเวณที่จะทำหัตถการ ควรรักษาให้หายดีก่อน
- ผู้ที่ใบหน้าใหญ่จากโครงสร้างกระดูก: หัตถการส่วนใหญ่ เช่น โบท็อกซ์ลดกราม หรือการสลายไขมัน จะเน้นที่กล้ามเนื้อและไขมัน จึงไม่สามารถแก้ไขโครงสร้างกระดูกที่กว้างได้
- ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก: การลดไขมันเพียงอย่างเดียวอาจทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยอยู่แล้วดูแย่ลง และอาจต้องทำหัตถการยกกระชับร่วมด้วย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำให้หน้าเรียว
ตัวผอมแต่หน้าอ้วนเกิดจากอะไรได้บ้าง?
สาเหตุหลักที่ทำให้คนตัวผอมแต่หน้าอ้วนคือพันธุกรรม การกระจายตัวของไขมัน และโครงสร้างกระดูก ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล
ปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
- โครงสร้างกระดูก: ผู้ที่มีโครงกระดูกใบหน้าสั้นและกว้าง หรือคางเล็ก อาจทำให้ใบหน้าดูอ้วนกลมได้โดยไม่เกี่ยวกับไขมัน
- ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจทำให้เกิดการบวมน้ำบนใบหน้าชั่วคราว เช่น ในช่วงมีประจำเดือน
- ภาวะทางการแพทย์: ในบางกรณีที่พบได้น้อย อาจเกิดจากภาวะสุขภาพบางอย่าง เช่น ภาวะคุชชิง (Cushing’s syndrome) ที่ทำให้มีไขมันสะสมบนใบหน้ามากผิดปกติ
การบริหารใบหน้าช่วยให้หน้าเรียวได้จริงไหม?
การบริหารใบหน้าไม่สามารถเผาผลาญไขมันบนใบหน้าโดยเฉพาะได้ เนื่องจากการลดไขมันเฉพาะจุดเป็นความเชื่อที่ผิด การบริหารใบหน้าทำได้เพียงช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจทำให้ใบหน้าดูกระชับขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยลดไขมัน และหากทำมากเกินไปอาจทำให้เกิดริ้วรอยได้
ทำหน้าเรียววิธีไหนเห็นผลเร็วและดีที่สุด?
วิธีทำหน้าเรียวที่เห็นผลเร็วและดีที่สุด ขึ้นอยู่กับสาเหตุของความกว้างบนใบหน้าของแต่ละบุคคล เนื่องจากแต่ละวิธีจะแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกันไป
วิธีที่เห็นผลเร็วที่สุด:
- ลดบวม: การนวดระบายน้ำเหลืองสามารถลดอาการบวมและทำให้หน้าดูเรียวลงได้ทันที
- ลดกล้ามเนื้อ: โบท็อกซ์ลดกรามจะเริ่มเห็นผลใน 2-4 สัปดาห์
- ลดไขมัน: การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้มจะเห็นผลลัพธ์ค่อนข้างเร็ว โดยใบหน้าจะเริ่มเข้าทรงหลังอาการบวมลดลงใน 1-2 สัปดาห์
- วิธีที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สุด (ตรงตามสาเหตุ):
- กล้ามเนื้อกรามใหญ่: โบท็อกซ์คือวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด
- ไขมันสะสมที่แก้ม: การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม หรือการฉีดสลายไขมัน จะได้ผลดีที่สุด
- ผิวหย่อนคล้อย: การใช้เครื่องมือยกกระชับ เช่น HIFU/RF จะเหมาะสมที่สุด
ปรับรูปหน้าให้เรียวแล้วผลลัพธ์อยู่ได้ถาวรหรือไม่?
ผลลัพธ์ของการปรับรูปหน้าจะถาวรหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการที่ใช้ โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้:
ผลลัพธ์ถาวร
- การกำจัดเซลล์ไขมัน: การผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้มหรือการฉีดสลายไขมัน (Kybella) เป็นการกำจัดเซลล์ไขมันอย่างถาวร อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักในอนาคตอาจทำให้ไขมันส่วนที่เหลือขยายขนาดขึ้นได้
- การผ่าตัดปรับโครงสร้างกระดูก: เช่น การเหลากราม เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ถาวร
- ผลลัพธ์ชั่วคราว (ต้องทำต่อเนื่อง)
- การลดขนาดกล้ามเนื้อด้วยโบท็อกซ์: ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6 เดือน และต้องฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ไว้
- การยกกระชับผิว (HIFU/RF): ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 1 ปี และต้องทำซ้ำเพื่อต่อสู้กับกระบวนการแก่ชราตามธรรมชาติ
ทำหน้าเรียวเจ็บไหม และต้องพักฟื้นนานเท่าไหร่?
ความเจ็บและระยะเวลาพักฟื้นในการทำหน้าเรียวจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหัตถการที่เลือกทำ โดยแต่ละวิธีมีระดับความเจ็บและระยะเวลาพักฟื้นไม่เท่ากัน ดังนี้
- โบท็อกซ์ (Botox): เจ็บน้อยที่สุดคล้ายมดกัด ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที
- เมโสแฟต (Kybella): มีอาการแสบร้อนระหว่างฉีด และอาจปวดระบมกับมีอาการบวมอยู่หลายวัน แต่สามารถทำงานได้หากไม่กังวลเรื่องรอยบวม
- ผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม (Buccal Fat Removal): ไม่เจ็บระหว่างทำเพราะใช้ยาชา หลังทำจะปวดระบมปานกลาง 2-3 วัน มีอาการบวมประมาณ 1 สัปดาห์ และกลับไปทำงานได้ใน 3-5 วัน
- ไฮฟู (HIFU): ความเจ็บขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ตั้งแต่รู้สึกอุ่นๆ ไปจนถึงเจ็บแปลบๆ แต่จะหายเจ็บทันทีหลังทำเสร็จ และไม่มีระยะเวลาพักฟื้น
สามารถทำหลายหัตถการเพื่อปรับรูปหน้าพร้อมกันได้หรือไม่?
ได้ การทำหัตถการหลายอย่างพร้อมกันเป็นเรื่องปกติในการปรับรูปหน้า และยังสามารถให้ผลลัพธ์ที่ส่งเสริมกันได้อีกด้วย
การทำหัตถการร่วมกันมักถูกแนะนำเนื่องจากความเต็มของใบหน้าอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตัวอย่างที่พบบ่อยคือ:
- การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามพร้อมกับการผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้มในครั้งเดียวกัน เพื่อจัดการทั้งปัญหากล้ามเนื้อและไขมัน
- การดูดไขมันบริเวณคางร่วมกับการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อปรับรูปหน้าส่วนล่างให้เรียวคมชัด
- การทำหัตถการลดไขมันร่วมกับเครื่องยกกระชับ (HIFU/RF) เพื่อกำจัดไขมันและกระชับผิวที่หย่อนคล้อยไปพร้อมกัน
References:
- Ferrillo M. et al. The role of botulinum toxin for masseter muscle hypertrophy: A comprehensive review. Toxins (MDPI). mdpi.com
- Khemani P. & Tadi P. Buccal Fat Pad Reduction. StatPearls (NIH Bookshelf). nih.gov
- de Almeida V. et al. Deoxycholic acid for submental fat reduction: A systematic review and meta-analysis. Clinics (PMC). ncbi.nlm.nih.gov
- Ajmera R. How to lose face fat: 8 effective tips. Healthline. healthline.com
- Chanprapaph K. et al. Success rate of buccal fat pad removal in cases of previous lipolysis. Plastic & Reconstructive Surgery – Global Open. journals.lww.com
- Real Clinic Thailand. HIFU facelift explained: Benefits & cost. Real Clinic. realclinicthailand.com
- American Board of Cosmetic Surgery. (n.d.). How to find the right cosmetic surgeon. American Board of Cosmetic Surgery. americanboardcosmeticsurgery.org
- Allergan. (n.d.). Kybella (deoxycholic acid) injection – Safety profile. Allergan (Kybella HCP). mykybella.com
