Aestox กับ Nabota: เปรียบเทียบครบทุกมุม ราคา ผลลัพธ์ ความปลอดภัย

การเปรียบเทียบ Aestox กับ Nabota คือการเลือกโบท็อกซ์เกาหลีที่มีความบริสุทธิ์สูงกว่า 98% ทั้งคู่ โดย Nabota เป็นยี่ห้อเดียวที่ผ่านการรับรองจาก US FDA และเห็นผลไวกว่า ส่วน Aestox มีจุดเด่นที่การกระจายตัวยาแคบให้ความแม่นยำสูงในการฉีดเฉพาะจุด
Aestox และ Nabota คืออะไร: รู้จักโบท็อกซ์สัญชาติเกาหลี
Aestox และ Nabota คือชื่อยี่ห้อของสารโบทูลินัม ท็อกซิน ชนิดเอ (Botulinum Toxin Type A) จากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในวงการเสริมความงามเพื่อลดเลือนริ้วรอย ปรับรูปหน้า และลดขนาดกล้ามเนื้อ ทั้งสองยี่ห้อได้รับความนิยมอย่างสูงในเกาหลีและไทย เนื่องจากมีคุณภาพสูงและราคาที่เข้าถึงง่ายกว่ายี่ห้อจากฝั่งตะวันตก
- ผู้ผลิต: Aestox ผลิตโดยบริษัท Hugel Inc. ส่วน Nabota ผลิตโดยบริษัท Daewoong Pharmaceutical
- สารออกฤทธิ์: ทั้งสองยี่ห้อใช้สารออกฤทธิ์ตัวเดียวกันคือ Clostridium botulinum toxin type A ซึ่งทำงานโดยการคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ทำให้ริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ลดลง
- จุดเด่น: มีความบริสุทธิ์สูง ช่วยลดความเสี่ยงในการดื้อยา เห็นผลเร็ว และมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับโบท็อกซ์ยี่ห้ออื่นที่เป็นที่รู้จัก
- การรับรอง: Nabota เป็นโบท็อกซ์จากเอเชียยี่ห้อแรกที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) ในชื่อ Jeuveau ส่วน Aestox ได้รับการรับรองในเกาหลีใต้ ยุโรป และอีกหลายประเทศในเอเชีย
ตารางเปรียบเทียบ Aestox vs Nabota: จุดเด่นและข้อแตกต่าง
ด้านความบริสุทธิ์และโอกาสการดื้อยา
Aestox และ Nabota เป็นโบท็อกซ์ที่มีความบริสุทธิ์สูงมากทั้งคู่ จึงมีโอกาสเกิดการดื้อยาต่ำ เนื่องจากกระบวนการผลิตที่กำจัดโปรตีนแปลกปลอมซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการกระตุ้นภูมิคุ้มกันออกไปได้เกือบหมด
- Aestox: มีความบริสุทธิ์สูงมากถึง 98–99.8% ทำให้มีโปรตีนที่ไม่จำเป็นน้อยมาก ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการสร้างแอนติบอดีหรือการดื้อยา
- Nabota: ผลิตด้วยเทคโนโลยี “Hi-Pure” ที่ได้รับสิทธิบัตร ทำให้มีความบริสุทธิ์สูงกว่า 98% และจากการศึกษาในระยะยาวไม่พบผู้ที่เกิดภาวะดื้อยาเลย
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองยี่ห้อจึงถูกจัดว่าเป็นโบท็อกซ์ที่มีความเสี่ยงต่อการดื้อยาต่ำ และเหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องการดื้อยาจากการฉีดโบท็อกซ์เป็นประจำ
ด้านการกระจายตัวของยาและความแม่นยำ
Aestox ออกฤทธิ์ได้แม่นยำและมีการกระจายตัวของยาที่น้อยที่สุด ในขณะที่ Nabota มีการกระจายตัวที่คาดการณ์ได้และใกล้เคียงกับโบท็อกซ์มาตรฐาน
- Aestox มีการกระจายตัวในวงแคบ ทำให้เป็นโบท็อกซ์ที่แม่นยำสูง เหมาะสำหรับการฉีดในพื้นที่เล็กๆ หรือบริเวณที่ต้องการความแม่นยำเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อกล้ามเนื้อข้างเคียง
- Nabota มีรูปแบบการกระจายตัวของยาที่ใกล้เคียงกับ Botox (onabotulinumtoxinA) ซึ่งสามารถคาดการณ์และควบคุมได้ ทำให้เหมาะสำหรับงานด้านความงามทั่วไป
ด้านความเร็วในการเห็นผลลัพธ์
โบท็อกซ์ทั้งสองยี่ห้อออกฤทธิ์เร็ว โดย Nabota จะเริ่มเห็นผลใน 2-3 วัน ส่วน Aestox จะเริ่มเห็นผลใน 3-4 วัน
โดยทั่วไปแล้ว Nabota จะออกฤทธิ์เร็วกว่าเล็กน้อย แต่ทั้งสองยี่ห้อจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ภายใน 1-2 สัปดาห์หลังการฉีดเหมือนกัน
ด้านการรับรองและมาตรฐานความปลอดภัย
Nabota ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ในขณะที่ Aestox ยังไม่ได้รับการรับรองจาก US FDA แต่ทั้งสองยี่ห้อก็ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยในหลายประเทศทั่วโลก
- Nabota (Jeuveau/Nuceiva): เป็นโบท็อกซ์จากเอเชียรายแรกที่ได้รับการรับรองจาก US FDA (ปี 2019) และยังได้รับการรับรองในยุโรป (EMA) แคนาดา และอีกกว่า 67 ประเทศทั่วโลก รวมถึง อย.เกาหลี (KMFDS) และจีน (SFDA)
- Aestox (Letybo): ได้รับการรับรองจาก อย.เกาหลี (KFDA) ตั้งแต่ปี 2013 และได้รับการอนุมัติในจีน ยุโรป (อย่างน้อย 11 ประเทศ) และออสเตรเลีย แต่ยังอยู่ในระหว่างการยื่นขออนุมัติจาก US FDA
ทั้งสองผลิตภัณฑ์ผลิตในโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP และผ่านการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 เพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพและความปลอดภัยตามข้อกำหนดของแต่ละภูมิภาคที่ได้รับการอนุมัติ
ใครเหมาะกับ Aestox และใครเหมาะกับ Nabota
กรณีที่แนะนำให้เลือกใช้ Aestox
แนะนำให้เลือกใช้ Aestox ในกรณีที่ต้องการผลลัพธ์ที่แม่นยำสูง ต้องการลดความเสี่ยงการดื้อยา หรือต้องการผลิตภัณฑ์คุณภาพในราคาที่คุ้มค่า เนื่องจาก Aestox มีคุณสมบัติเด่นที่เหมาะกับผู้ใช้ในกลุ่มต่างๆ ดังนี้
- ต้องการความแม่นยำสูง: Aestox มีจุดเด่นเรื่องการกระจายตัวของยาที่แคบและจำกัดวง ทำให้เหมาะกับการฉีดในบริเวณที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การรักษาริ้วรอยเล็กๆ หรือบริเวณที่ใกล้กับกล้ามเนื้อมัดอื่นที่ไม่อยากให้ได้รับผลกระทบ
- กังวลเรื่องการดื้อยา: ด้วยความบริสุทธิ์ของตัวยาสูงถึง 99.8% ทำให้มีโปรตีนที่ไม่จำเป็นเจือปนน้อยมาก จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภูมิต้านทานหรือการดื้อยาในระยะยาว เหมาะสำหรับผู้ที่เคยฉีดโบท็อกซ์มาแล้วหลายครั้ง
- ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ: การที่ตัวยากระจายตัวแคบ ทำให้แพทย์สามารถออกแบบการรักษาเพื่อคลายกล้ามเนื้อเฉพาะจุดได้อย่างละเอียด ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึงจนเกินไป
- ต้องการความคุ้มค่า: Aestox เป็นโบท็อกซ์ที่ให้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับแบรนด์ชั้นนำในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า จึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาอย่างต่อเนื่อง หรือต้องการฉีดในปริมาณมาก เช่น ลดกราม หรือน่อง
กรณีที่แนะนำให้เลือกใช้ Nabota
แนะนำให้เลือกใช้ Nabota ในกรณีที่ผู้ป่วยต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว หรือให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA)
นอกจากนี้ ยังมีสถานการณ์อื่นๆ ที่แนะนำให้เลือกใช้ Nabota ได้แก่:
- ต้องการผลลัพธ์เร่งด่วน: Nabota ขึ้นชื่อเรื่องการออกฤทธิ์ไว โดยจะเริ่มเห็นผลได้ภายใน 2-3 วันหลังฉีด จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยก่อนมีงานสำคัญ
- ต้องการความมั่นใจในมาตรฐาน: เป็นโบท็อกซ์จากเกาหลีเพียงยี่ห้อเดียวที่ได้รับการรับรองจาก U.S. FDA (ในชื่อ Jeuveau) ทำให้ผู้ใช้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย
- มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง: มีประสิทธิภาพสูงในการรักษากล้ามเนื้อที่แข็งแรง เช่น กล้ามเนื้อระหว่างคิ้วของผู้ชาย หรือกล้ามเนื้อกราม
- ความชอบส่วนบุคคล: เหมาะสำหรับผู้ที่เคยมีประสบการณ์ที่ดีกับ Nabota มาก่อน หรือผู้ที่ให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
ผลลัพธ์ที่คาดหวังและระยะเวลาคงผลของแต่ละยี่ห้อ
Aestox และ Nabota ให้ผลลัพธ์ในการลดริ้วรอยที่เทียบเท่ากัน โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 3-4 เดือน สำหรับการฉีดเพื่อความงามบนใบหน้า และอาจนานถึง 5-6 เดือนสำหรับการฉีดในกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น กล้ามเนื้อกราม
ทั้งสองยี่ห้อมีประสิทธิภาพสูงในการลดเลือนริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ เช่น รอยย่นบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว และตีนกา นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อปรับรูปหน้า (ลดกราม), ลดขนาดน่อง และรักษาภาวะเหงื่อออกมากเกินไปได้ โดยผลลัพธ์ที่ได้ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญและเทียบเท่ากับแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกระหว่าง Aestox กับ Nabota
ประสบการณ์ของแพทย์และเทคนิคการฉีด
ประสบการณ์และเทคนิคของแพทย์มีความสำคัญต่อผลลัพธ์มากกว่ายี่ห้อของโบท็อกซ์ที่เลือกใช้ เนื่องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถปรับเทคนิคการฉีดให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดและกายวิภาคของผู้ป่วยแต่ละรายได้
แพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถปรับปัจจัยต่างๆ เช่น การเจือจาง, ปริมาณยา (ยูนิต) และตำแหน่งการฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดกับโบท็อกซ์ทั้งสองยี่ห้อ ตัวอย่างเช่น:
- Aestox: เนื่องจากมีการกระจายตัวของยาน้อย แพทย์อาจต้องเพิ่มจุดฉีดเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น แต่ก็เป็นข้อดีในการฉีดบริเวณที่ต้องการความแม่นยำสูง
- Nabota: เนื่องจากออกฤทธิ์เร็ว แพทย์อาจนัดติดตามผลเร็วขึ้นเพื่อประเมินผลลัพธ์
ท้ายที่สุดแล้ว ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย และสมดุลนั้นขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ผู้ฉีดเป็นหลัก ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้ง Aestox และ Nabota ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้เหมือนกัน
ปัญหาผิวและเป้าหมายการรักษาเฉพาะบุคคล
การเลือกใช้ระหว่าง Aestox และ Nabota ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการรักษาเฉพาะบุคคล เช่น ความต้องการความแม่นยำสูง ความรวดเร็วในการเห็นผล งบประมาณ หรือความกังวลเรื่องการดื้อยา
- Aestox เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความแม่นยำสูงในการฉีดเฉพาะจุด เนื่องจากมีการกระจายตัวของยาน้อย จึงช่วยลดผลกระทบต่อกล้ามเนื้อข้างเคียง นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่กังวลเรื่องการดื้อยาเพราะมีความบริสุทธิ์สูง และผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่มีคุณภาพในราคาที่เข้าถึงง่าย
- Nabota เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นโบที่ออกฤทธิ์ไว (เห็นผลใน 2-3 วัน) และเป็นที่ยอมรับในระดับสากลเพราะเป็นโบเกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านการรับรองจาก US FDA จึงเหมาะกับผู้ที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานและความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์
ประวัติการฉีดโบท็อกซ์และการดื้อยาในอดีต
สำหรับผู้ที่มีประวัติการฉีดโบท็อกซ์มาก่อนหรือกังวลเรื่องการดื้อยา Aestox และ Nabota ถือเป็นทางเลือกที่ดีเนื่องจากมีความบริสุทธิ์สูงและมีโอกาสกระตุ้นให้เกิดการดื้อยาน้อย อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยเกิดการดื้อยาอย่างแท้จริง (มีแอนติบอดีต่อต้านโบทูลินัม ท็อกซิน ชนิด A) การเปลี่ยนไปใช้ Aestox หรือ Nabota ก็มักจะไม่ได้ผลเช่นกัน เนื่องจากเป็นท็อกซินชนิดเดียวกัน ในกรณีนี้จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ท็อกซินชนิดอื่น (เช่น Type B)
สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าผลลัพธ์จากการฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อเดิมลดลง การสลับมาใช้ Aestox หรือ Nabota ถือเป็นกลยุทธ์ที่สมเหตุสมผล โดย Aestox เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความบริสุทธิ์สูงสุดเพื่อลดความเสี่ยง ในขณะที่ Nabota เป็นทางเลือกที่น่าเชื่อถือเพราะผ่านการรับรองจากหลายประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ การสลับยี่ห้อไปมาระหว่าง Aestox และ Nabota สามารถทำได้อย่างปลอดภัย
ความปลอดภัยและผลข้างเคียงที่ต้องพิจารณา
โบท็อกซ์ Aestox และ Nabota มีความปลอดภัยสูงและมีผลข้างเคียงที่คล้ายคลึงกับโบทูลินัมท็อกซินที่ผ่านการรับรองยี่ห้ออื่นๆ โดยผลข้างเคียงส่วนใหญ่มักไม่รุนแรงและเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย:
- อาการปวด บวม แดง หรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีด
- อาการปวดศีรษะ
- หนังตาตกหรือคิ้วตกชั่วคราว (พบได้ประมาณ 2% ในงานวิจัย)
ข้อห้ามใช้:
- ผู้ที่มีการติดเชื้อหรือการอักเสบบริเวณผิวหนังที่จะฉีด
- ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของโบทูลินัมท็อกซินหรืออัลบูมิน
- ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis)
โดยรวมแล้ว ทั้งสองยี่ห้อถือว่าปลอดภัยมากเมื่อใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อความงามและฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยมีรายงานผลข้างเคียงที่รุนแรงน้อยมาก
เปรียบเทียบราคา Aestox และ Nabota ต่อหน่วย
ราคาต่อหน่วยของ Aestox และ Nabota โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 50–100 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นและแพ็กเกจของแต่ละคลินิก
โดยปกติแล้ว ราคามาตรฐานของ Aestox อาจอยู่ที่ 70–120 บาทต่อยูนิต ในขณะที่ Nabota อยู่ที่ 70–150 บาทต่อยูนิต อย่างไรก็ตาม Aestox มักมีราคาโปรโมชั่นที่ถูกกว่า โดยอาจลดเหลือเพียงประมาณ 30 บาทต่อยูนิต ทำให้ทั้งสองยี่ห้อเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าโบท็อกซ์จากฝั่งตะวันตกอย่าง Allergan ซึ่งมีราคาสูงกว่า 200 บาทต่อยูนิต
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเลือก Aestox และ Nabota
Aestox กับ Nabota ตัวไหนเห็นผลเร็วกว่ากัน?
Nabota เห็นผลเร็วกว่า โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ภายใน 2-3 วันหลังฉีด ในขณะที่ Aestox จะเริ่มเห็นผลในเวลาประมาณ 3-4 วัน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองยี่ห้อถือว่าออกฤทธิ์เร็ว และจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ในเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์เหมือนกัน
ฉีด Aestox หรือ Nabota มีโอกาสดื้อยาไหม?
โอกาสดื้อยาจากการฉีด Aestox หรือ Nabota มีน้อยมาก เนื่องจากทั้งสองยี่ห้อเป็นโบท็อกซ์ที่มีความบริสุทธิ์สูงมาก ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันมาต่อต้าน
จากการศึกษาในระยะยาวไม่พบผู้ที่เกิดภาวะดื้อยาจาก Nabota เลย ส่วน Aestox ซึ่งมีความบริสุทธิ์สูงก็ถูกจัดว่าเป็นโบท็อกซ์ที่มีความเสี่ยงในการดื้อยาต่ำมากเช่นกัน ดังนั้นทั้งสองยี่ห้อจึงเหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องการดื้อยา
Aestox กับ Nabota อยู่ได้นานแค่ไหน?
โดยทั่วไปแล้ว Aestox และ Nabota ให้ผลลัพธ์นานประมาณ 3-4 เดือน สำหรับการฉีดเพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้า
อย่างไรก็ตาม ในการฉีดบริเวณกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น กรามเพื่อปรับรูปหน้า หรือเมื่อใช้ในปริมาณที่สูงขึ้น ผลอาจอยู่ได้นานถึง 5-6 เดือน ทั้งนี้ ระยะเวลาของผลลัพธ์ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล เช่น ปริมาณยาที่ใช้ และระบบการเผาผลาญของแต่ละคนด้วย
โบท็อกซ์ทั้งสองยี่ห้อนี้เหมาะกับใคร?
Aestox และ Nabota เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยหรือปรับรูปหน้าได้เหมือนกัน แต่มีข้อดีที่แตกต่างกันเล็กน้อยซึ่งอาจเหมาะกับความต้องการของแต่ละบุคคลที่ต่างกันไป
- Aestox เหมาะสำหรับ:
- ผู้ที่ต้องการความแม่นยำสูง: เนื่องจากตัวยากระจายตัวในวงแคบ จึงเหมาะกับการฉีดในบริเวณที่ต้องการความละเอียดเฉพาะจุด เช่น หางตา หรือหน้าผาก เพื่อลดผลข้างเคียงต่อกล้ามเนื้อส่วนอื่น
- ผู้ที่กังวลเรื่องการดื้อยา: ด้วยความบริสุทธิ์สูง จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะดื้อโบท็อกซ์
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ: สามารถใช้เทคนิคฉีดในปริมาณน้อยๆ เพื่อคลายกล้ามเนื้ออย่างละเอียดอ่อน
- ผู้ที่คำนึงถึงความคุ้มค่า: มักมีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า แต่ให้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพ
- Nabota เหมาะสำหรับ:
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลเร็ว: ตัวยาเริ่มออกฤทธิ์ได้ใน 2-3 วัน จึงเหมาะกับคนที่ต้องการใช้หน้าเร่งด่วน
- ผู้ที่เชื่อมั่นในมาตรฐานสากล: เป็นโบท็อกซ์จากเกาหลีแบรนด์เดียวที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA)
- ผู้ที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงหรือมัดใหญ่: มีประสิทธิภาพดีในการรักษากล้ามเนื้อที่แข็งแรง เช่น กล้ามเนื้อกราม หรือกล้ามเนื้อระหว่างคิ้วของผู้ชาย
ราคาของ Aestox และ Nabota ต่างกันมากหรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว ราคาของ Aestox และ Nabota ไม่แตกต่างกันมากนัก และมักจะอยู่ในช่วงราคาที่ใกล้เคียงกัน
จากข้อมูลในคลินิกเสริมความงาม ราคาต่อยูนิตของทั้งสองยี่ห้อมักจะอยู่ที่ประมาณ 50–150 บาท ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละคลินิก อย่างไรก็ตาม Aestox อาจมีราคาถูกกว่าเล็กน้อยในบางครั้ง โดยเฉพาะเมื่อมีโปรโมชั่นพิเศษ แต่โดยรวมแล้วทั้งสองยี่ห้อถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและมีราคาถูกกว่าโบท็อกซ์จากฝั่งตะวันตกอย่าง Allergan อย่างมีนัยสำคัญ
สามารถฉีดสลับยี่ห้อ Aestox กับ Nabota ได้หรือไม่?
สามารถฉีดสลับยี่ห้อ Aestox กับ Nabota ได้ เนื่องจากทั้งสองยี่ห้อเป็นสาร Botulinum Toxin Type A เหมือนกัน ร่างกายจึงตอบสนองต่อตัวยาในลักษณะเดียวกัน และไม่มีข้อห้ามทางการแพทย์ในการใช้สลับกัน
References:
- Neurotoxins.org. (2019). Botulinum Toxin Product Comparison and Analysis. International Neurotoxin Research. neurotoxins.org
- Nabota Southeast Asia. (n.d.). First Asian Botulinum Toxin with FDA Approval. Official Nabota Resources. nabotasea.com
- U.S. Food and Drug Administration (FDA). (2019). Jeuveau (prabotulinumtoxinA-xvfs) Approval Documents. FDA Drug Database. accessdata.fda.gov
- National Library of Medicine (NLM). (n.d.). Letibotulinumtoxin A Clinical Trial Results in Chinese Patients. PMC Articles. pmc.ncbi.nlm.nih.gov
- Croma Pharma. (n.d.). Letibotulinumtoxin A Diffusion Characteristics Study. Clinical Research Publications. cromapharma.com
- Biospace. (n.d.). Long-term Safety and Efficacy Data of Jeuveau. Medical News and Research. biospace.com
